หน้าแรก >[09] การสื่อสาร > การเผยแพร่ธรรมะ >สารอโศก

ใครฆ่าวารี
ภูเขาถูกถล่ม แผ่นดินจมธรณี
เมืองไทยทุกวันนี้ ทั่วทุกที่ถูกทำลาย
อากาศล้วนเป็นพิษ ทุกชีวิตรอวันตาย
ชีวิตแสนเสียดาย ถูกทำร้ายไม่รู้ดี

คนหนอช่างโหดร้าย ได้ทำลายปฐพี
ล้างผลาญแสบสิ้นดี มิได้มีใจจุนเจือ
ป่าไม้ถูกตัดเตียน ซ้ำไถเลี่ยนไม่ให้เหลือ
เขมือบจนเหลือเฟือ เพียงทำเพื่อตนมั่งมี

สัตว์ป่าไร้ที่อยู่ จะต่อสู้อย่างไรดี
ป่าหมดเข้าทุกที สัตว์ไม่มีที่อาศัย
สัตว์ป่าเจ้าลำบาก แสนยุ่งยากไม่ปลอดภัย
ขืนอยู่เจ้าต้องตาย ฆ่ากันได้โหดร้ายไป

หฤโหดกันเหลือล้น สัตว์ทุกข์ทนน้ำตาไหล
เลวร้ายแล้งน้ำใจ จะมีใครหนอเมตตา
ช่วยเหลือป้องรักษา ทุ่มกายาพิทักษ์ป่า
เช่นก่อนเคยมีมา ช่วยเถิดหนาอย่ามัวเพลิน

วารีเคยไหลลึก กลับรู้สึกดูตื้นเขิน
มองดูเคยเพลิดเพลิน กลับต้องเดินหดหู่ใจ
วารีบ่มีน้ำ พื้นดินซ้ำมีแต่ทราย
สัตว์น้ำจำต้องตาย ฆ่าวอดวายไร้กฎเกณฑ์

วารีเคยใสเย็น กลับเป็นดำแสนเน่าเหม็น
สัตว์น้ำตายทั้งเป็น มิว่างเว้นเห็นทั่วไป
โรงงานปล่อยน้ำเสีย น้อยระเหี่ยสังเวชใจ
วารีล้มตายไป ใครหนอใครฆ่าวารี

นักบุญ


 

พบสมณะ
การได้พบ สมณะ เป็นมงคล
ที่จะดล จิตใจ ให้เข้มแข็ง
ได้กำลัง ทุกครั้ง ยามหมดแรง
เหมือนดั่งแสง สว่าง ส่องกลางใจ

สนทนา กับผู้ มีปัญญา
ปัญหามา ท่านคอย ช่วยแก้ไข
ได้อยู่ใกล้ บังเกิด กำลังใจ
เอาไว้ใช้ สู้ไป คลายบ่วงกรรม

คำติติง ตักเตือน อาจเฉือนเจ็บ
ขอจงเก็บ เอาไว้ ใช้สร้างสรร
กอบเก็บเกี่ยว ประโยชน์ จากปัจจุบัน
เป็นหลักมั่น ต่อสู้ อยู่ต่อไป

อย่าหงุดหงิด เสียอารมณ์ คราคนติ
เขาตำหนิ หากเราผิด คิดแก้ไข
อย่าแชเชือน เกลื่อนกลบ หลบหลีกไกล
เขาชี้ให้ เราแก้ไข ได้ดีเอย

ฝุ่นเย็น บ้านราช


 

ตั้งจิตให้
ถ้าหากเรา ตั้งจิต คิดจะให้
จิตจะใส กว่าจิต คิดโลภหลง
คนมีค่า เพราะไม่ฆ่า ให้ปลดปลง
คนยืนยง หุ้มเกราะ เพราะอภัย

ปรีดี อู่ทรัพย์



ศีล
อันศีลนั้น ทำกายวาจา ว่าปกติ
ให้ตรองตริ รักษาใจ ไม่ผิดผัน
ควบคุมไว้ ไม่ละเมิด เกิดโทษทัณฑ์
ทำใจนั้น ละเอียดอ่อน ผ่อนอารมณ์

ศีลเป็นขั้น บันได ไปสู่สวรรค์
ไม่หุนหัน ใจชื่น ไร้ขื่นขม
กายวาจา เรียบร้อย ไม่ตรอมตรม
มีสุขสม แลเห็น เป็นบุญตา

คนมีศีล มีทรัพย์พอ ต่อชีวิต
รู้จักคิด ใช้จ่าย สบายนักหนา
เมื่อมีน้อย ใช้น้อย คอยพิจารณา
เกิดปัญญา เห็นธรรม ตามเป็นจริง

บันเทิงธรรม


 

อบอุ่นในความเดียวดาย
แม้อ้างว้าง เดียวดาย ไม่ไร้เพื่อน
มีดวงเดือน ดารา พาอบอุ่น
มีต้นไม้ โอบอ้อม ละม่อมละมุน
มีไออุ่น จากแสง ตะวันเยือน

มีนกกา มากมาย ไว้เป็นมิตร
ทั้งจิ้งหรีด เรไร ไว้เป็นเพื่อน
นกกาเหว่า ขุนทอง ร้องเพลงเตือน
เปรียบเสมือน เดือนดาว เฝ้าปลอบใจ

ใบไม้หล่น เปาะแปะ นั่นแหละเพื่อน
สายลมเยือน ไถ่ถาม ตามวิสัย
เรามีเพื่อน เยี่ยมเยือน ทุกวันไป
ไม่หวั่นไหว เปล่าเปลี่ยว ไม่เดียวดาย

จะก้าวหน้า ต่อไป ไม่หยุดยั้ง
มีบุญอยู่ เคียงข้าง ไม่หนีหาย
มีพลัง ก้าวต่อ ไม่ท้อใจ
มีเป้าหมาย นั้นหรือ คือนิพพาน

ส.ปองสูญ

(สารอโศก อันดับที่ ๒๔๖ มีนาคม ๒๕๔๕)