หน้าแรก>สารอโศก

ค่ายอบรมยุวพุทธทายาท '๔๕

เรามักจะได้ยินคำกล่าวนี้อยู่เสมอๆว่า
"...เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า
...เด็กคืออนาคตของชาติ
...เด็กคือคนสร้างชาติ
...เด็กคือผู้ที่จะมาสืบทอดงานแทนเราในอนาคต"

ฯลฯ


ฟังแล้วก็เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ เพราะพวกเราอายุมากขึ้น ก็ต้องแก่ชราและตายในที่สุด เหลือแต่เยาวชน เหล่านี้แหละ ที่จะมาสืบทอดงานต่อจากเรา ในอนาคต แต่.... หากเด็กในวันนี้ไม่มีจริยธรรมในหัวใจ โตขึ้น เขานั่นแหละ จะเป็นคนทำลายชาติด้วยเหตุนี้ พวกเราชาวอโศก จึงเห็นความสำคัญ ของเยาวชน จัดให้มี "ค่ายอบรมยุวพุทธทายาท" ขึ้น เพื่อฝึกให้เด็กๆ รู้จักช่วยเหลือตนเอง ฝึกกินอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ให้รู้จักศีล ๕ ฝึกปฏิบัติและรักษาศีล ๕ ให้ได้ ฯลฯ สมัยแรกๆจัดงานนี้ที่ปฐมอโศกจัดมาได้ ๑๖ ครั้ง เด็กๆ มาร่วมงาน หนาแน่น มากขึ้นทุกๆปี

ในปีนี้คณะทำงานเห็นว่า หากกระจายกันจัดในที่ต่างๆน่าจะดีกว่า เพราะแต่ละท้องถิ่นของตน จะมีความเข้าใจเด็ก ในท้องถิ่นได้ดีกว่า เด็กจะมีโอกาสกลับมาสัมพันธ์กับชุมชนที่จัดอบรมสะดวกขึ้น เพราะใกล้บ้าน และเป็นการ กระจาย ความเจริญ สู่ท้องถิ่นต่างๆด้วย

ภาคใต้
จัดที่ทักษิณอโศก จ.ตรัง ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ เม.ย. ๔๕ มีเด็กๆมาเข้าค่าย ๑๒๐ คน โดยมีน.ร.สัมมาสิกขา และคณะครู จากปฐมอโศกกว่า ๓๐ คน มาช่วยเป็นครูพี่เลี้ยง

ภาคเหนือ
- ที่ภูผาฟ้าน้ำ จ.เชียงใหม่ จัดงานที่ลานนาอโศก ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๔ เม.ย. มีเด็กๆมาเข้าค่าย ๕๐ คน โดยมีรุ่นพี่ กลุ่มศูนย์ ที่อยู่ในท้องถิ่นมาช่วยงาน ที่นี่จัดงานเป็นปีแรก แต่ได้ผลดีเกินคาด โดยเฉพาะ ความร่วมมือ ของผู้ใหญ่ ที่มาช่วยงานกันมาก

- ที่ศาลีอโศก จ.นครสวรรค์ จัดงานระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ เม.ย. มีเด็กๆ มาเข้าค่ายประมาณ ๕๐ คน งานนี้รุ่นพี่ ได้แสดงฝีมือเต็มที่

ภาคอีสาน
- ที่ราชธานีอโศก จ.อุบลราชธานี จัดระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ เม.ย. มีเด็กๆมาเข้าค่าย ๒๕๐ คน มีพิธีรดน้ำ ดำหัว ผู้ใหญ่ด้วย เพื่อรื้อฟื้นวัฒนธรรมอันดีแต่โบราณกลับคืนมา

-ที่ร้อยเอ็ดอโศก จ.ร้อยเอ็ด จัดระหว่างวันที่ ๒๕-๒๙ เม.ย. มีเด็กๆมาเข้าค่าย ๑๔๐ คน บรรยากาศอบอุ่น ผู้ใหญ่ ให้ความเป็นกันเอง

-ที่สีมาอโศก จ.นครราชสีมา จัดระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ เม.ย. มีเด็กๆมาเข้าค่าย ๑๔๐ คน มีรายการให้เด็กๆ ถามปัญหา เด็กสนใจถามปัญหากันมาก

ภาคกลาง
-ที่ปฐมอโศก จ.นครปฐม จัดงานระหว่างวันที่ ๑๑-๑๗ เม.ย. มีเด็กมาเข้าค่าย ๑๘๙ คน โดยมีน.ร. สัมมาสิกขา ม.๔-๖ เป็นแม่งานนำพาน้องๆทำกิจกรรม รวมถึงเป็นพี่เลี้ยงด้วย งานนี้สนุกสนานมาก ต่างก็ประทับใจ พี่ๆสัมมาสิกขา ที่เอาใจใส่ ดูแลน้องดีมาก

-สำหรับที่สันติอโศก กรุงเทพฯ จัดงานยุวพุทธฯเป็นปีแรก ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ เม.ย. มีเด็กๆและรุ่นพี่ กลุ่มศูนย์ มาเข้าค่าย ประมาณ ๒๐๐ คน ซึ่งถือว่าจำนวนไม่น้อยเลย สำหรับสถานที่คับแคบ เช่น สันติอโศก แค่ที่พัก ก็ได้ฝึกกัน พอสมควรแล้ว เพราะให้พักบนพื้นดินพื้นทราย ฝ่ายหญิงให้พักที่ข้างๆ กุฏิสิกขมาตุ และที่ลานทราย ข้างตึกแดง ฝ่ายชายให้พัก ที่เขตสมณะ โดยกางกลด, มุ้งหรือเต็นท์เป็นกลุ่มๆ

สำหรับกิจกรรมงานยุวพุทธที่สันติอโศก เด็กๆตื่นตี ๔.๓๐ น. รีบทำกิจส่วนตัว แล้วไปทำวัตรเช้า ที่ศาลาฟังธรรม (ก่อนทำวัตรก็จะออกกำลังกายกันก่อน) แต่จะแบ่งเด็กไว้กลุ่มละ ๓ คน เพื่อทำอาหาร ไว้ใส่บาตร และ ทำอาหาร มื้อเช้า สำหรับกลุ่มของเขาเองด้วย

เวลา ๐๖.๒๐ น. สมณะ สิกขมาตุ จะมาบิณฑบาตตามกลุ่มต่างๆ ซึ่งเด็กๆ จะทำอาหารกัน ข้างๆที่พัก ของตนเอง โดยมีข้อตกลงกันว่า พื้นทรายที่ขาวสะอาด จะต้องขาวสะอาด เหมือนเดิม ไม่สกปรกรกเลอะ พอใส่บาตรเสร็จ เด็กๆจะทานอาหารมื้อเช้า ที่กลุ่มของตนเอง

๐๗.๓๐-๐๙.๐๐ น. ไปเข้าฐานงาน ช่วยงานชุมชน เช่น ไปช่วยที่บจ.พลังบุญ บจ.แด่ชีวิต บจ.ขอบคุณ ร้านกู้ดินฟ้า ชมร. เป็นต้น

๐๙.๑๕-๑๐.๐๐ น. ฟังธรรมก่อนฉัน ซึ่งพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ได้มาเทศน์ให้เด็กๆฟัง ๑ วัน จากนั้น ก็รับประทาน อาหารร่วมกัน เริ่มอีกทีประมาณเที่ยง ฝึกมารยาทไทย โดยรุ่นพี่กลุ่มศูนย์ เป็นผู้ฝึกสอน

๑๓.๐๐-๑๕.๐๐ น. เข้าฐานฝึกงาน ซึ่งฐานงานช่วงบ่ายนี้ ให้เด็กๆเลือกได้ตามชอบใจ เช่น ฐานทำผ้า เช็ดเท้า เย็บถุงผ้า ทำเห็ดหยอง บัวลอย ขนมต้ม หมูหวานเจ ข้าวห่อสาหร่าย เป็นต้น เด็กๆให้ ความสนใจ ฐานงาน ช่วงบ่ายนี้มาก เพราะนอกจากจะได้ความรู้ นำกลับไปทำที่บ้านแล้ว ยังได้ของกิน ที่มาฝึกทำ ไปแจกเพื่อนๆ ในกลุ่มอีก

เวลา ๑๕.๐๐-๑๖.๐๐ น. ช่วงนี้ให้เด็กอาบน้ำ ใครชอบน้ำตกก็ไปเล่นน้ำตก ซึ่งเด็กๆจะชอบเล่นน้ำ กันมาก เป็นสิ่งที่ช่วย ให้เด็กๆ ผ่อนคลายได้ดีทีเดียว

-๑๖.๐๐-๑๘.๐๐ น. ช่วยกันหุงต้มทำอาหารมื้อเย็นกินกันเอง

-๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. รายการพิเศษตอนเย็น คืนแรกเป็นรายการให้เด็กๆแต่ละคน แต่ละกลุ่มไปปฏิญาณตน เข้าค่ายกับสมณะ ประจำกลุ่มว่า ที่มาเข้าค่ายครั้งนี้ เขามีความตั้งใจอย่างไร โดยให้ไปปฏิญาณทีละคน

คืนที่ ๒ รายการ "ด้อมๆมองๆ" โดยเอาเด็กที่มาเข้าค่าย เอาคนที่เขามีความสามารถ-มีความดี-เด่น ขึ้นไป สัมภาษณ์ โดยที่ไม่บอกให้เจ้าตัวรู้ รายการนี้ ได้รับความสนใจมาก เพราะจัดทำรายการ คล้ายๆรายการวิทยุ แล้วมีคนโทรศัพท์ เข้าไปร่วมรายการ ให้พิธีกรเชิญคนนั้นคนนี้ มาสัมภาษณ์สด ก็ได้ลุ้นว่า ต่อไปจะเป็นใคร จะเป็นเราหรือเปล่า

คืนที่ ๓ เป็นรายการแสดง ให้แต่ละกลุ่มแสดงละคร หรืออะไรก็ได้ให้เวลา ๗ นาที เด็กๆแต่ละกลุ่ม แสดงได้ดี มีสาระ และสนุกสนาน

คืนที่ ๔ รายการ"รอบกองไฟ" ก่อนเริ่มรายการมีการยืดเส้นยืดสายแข่งกีฬากันก่อน มีกีฬาวิ่งเปรี้ยว ขี่ม้าส่งเมือง จากนั้น รองประธานชุมชน คุณอาภรณ์ วิชัยดิษฐ์ มากล่าวเปิดงานรอบกองไฟ จุดเด่นของงาน คืนนี้ก็คือ "การทิ้งกิเลส" โดยให้เด็กๆแต่ละคน เขียนกิเลสที่ตนเองจะทิ้ง แล้วนำไปผูกกับกิ่งไม้ ทำเป็นพุ่มๆ กลุ่มใครกลุ่มมัน คุณเคียงฟ้า (อ๋อย) นำทำกิจกรรมนี้ โดยพากล่าว นะโมฯ ๓ จบ จากนั้นกล่าวว่า

"ข้าพเจ้าจะตั้งใจลด-ละ-เลิกความไม่ดี ความชั่วทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าได้เขียนลงในกระดาษแผ่นนี้ ขอให้สิ่ง ไม่ดี ทั้งหลาย จงมอดไหม้ไปพร้อมกับกองไฟนี้ และข้าพเจ้าจะตั้งใจทำแต่ความดี เพื่อบูชาแด่ องค์สมเด็จ พระสัมมา สัมพุทธเจ้า แด่คุณพ่อคุณแม่ คุณครูและผู้มีพระคุณทุกๆท่าน ขอให้ข้าพเจ้ามีพลังใจ ทำในสิ่ง ที่ตั้งใจนี้ ให้สำเร็จ ด้วยเทอญ สาธุ..."

พอกล่าวจบก็ให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่ม นำพุ่มกิเลสไปทิ้งที่กองไฟ จากนั้นก็ร่วมกันร้องเพลง ร่วมใจร่วมกัน รายการ รอบกองไฟยังไม่จบ ยังมีเกมที่สนุกสนานให้เล่น และมีละครเวทีของพี่ๆ กลุ่มศูนย์ให้ดูอีก ซึ่งเป็นอะไร ที่ตื่นตาตื่นใจ มากทีเดียว

วันที่ ๒๑ เม.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงาน เด็กๆใส่บาตรร่วมกันทุกกลุ่ม จากนั้นก็เก็บข้าวของ และเขียน สรุปผล ที่มาเข้าค่าย ในครั้งนี้

เวลา ๐๗.๓๐ น. รับฟังสมณะกล่าวปิดงาน และทำพิธีอำลากันที่ใต้โบสถ์ ซึ่งชาวชุมชนมาร่วมพิธีกันมาก เป็นพิเศษ เด็กๆ กราบขอบคุณ และกราบลาคุณครู และชาวชุมชน แล้วไปรับของที่ระลึกจากสมณะ เสร็จจากนั้น ไปร่วมฉลองกันที่ ด้านหลังพระวิหารพันปี มีเวทีให้ร้องรำทำเพลง หน่วยงานต่างๆ มาออก ร้านอาหาร บริการเด็กๆ ให้อิ่มหนำสำราญ และจากลากัน ในเวลา ๑๒.๐๐ น.

ในที่สุด งานอบรมยุวพุทธทายาท ก็ได้จบลงแล้ว ด้วยความซาบซึ้งประทับใจ มีเยาวชนกว่าพันคน ที่มาเข้ารับ การอบรม แม้จะกระจายกันจัดเป็นปีแรก แต่ทุกๆแห่งที่จัดงานก็ได้ผลดีเกินคาด ทั้งนี้ก็เพราะ ความร่วมมือ จากทุกๆฝ่าย ที่ต่างก็มาเสียสละร่วมกัน มาทำดีให้เด็กๆเขาได้เห็น สิ่งนี้แหละ คือการสอน ที่มีค่า ยิ่งกว่าคำสอน อยากให้เยาวชน อนาคตของชาติเป็นเช่นไร ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ ร่วมแรงร่วมใจกันทำดี เสียสละนั่นเอง

- ผาแก้ว -

(สารอโศก อันดับที่ ๒๔๗ เมษายน ๒๕๔๕)