ใต้ร่มอโศก
สารอโศก ฉบับที่ ๙ ปีที่ ๒๒(๒๕) ประจำเดือนเมษายน ๒๕๔๕
(อันดับที่ ๒๔๗)

- วันนี้ที่ยืนหยัด บนเส้นทางสติปัฏฐาน...บนเส้นทางสายเอก มีศีลเป็นเบื้องต้น มีการลดละเป็นบาทฐาน
พากเพียรให้สำเร็จจากกายกรรมสู่วจีกรรม...สู่มโนกรรม มีศีลข้อเดิม แต่ลึกซึ้งขึ้นเป็นบาทสอง มีปัญญา ชัดเจน ในสิ่งที่ตัวเองฝึกฝน เป็นบทสุดท้าย
- วันนี้จึงเบาว่างสบาย กินน้อยใช้น้อย ชีวิตเรียบง่าย สันโดษ ลดปรนเปรอตัวเอง หันมาบริการผู้อื่น... มากขึ้นๆ
- วันนี้หมู่กลุ่มจึงยังประโยชน์ท่าน เป็นรูปธรรมเด่นชัด สมดั่งพุทธองค์ทรงตรัส ธรรมแห่งตถาคต เป็นพหุชนหิตายะ ... พหุชนสุขายะฯ
- วันนี้พ่อท่านสร้างพุทธบริษัทอันแข็งแกร่ง พุทธบริษัท เริ่มสร้างงาน รับใช้สังคม สร้างชุมชน สร้างการศึกษา สร้างพาณิชย์ สร้างกสิกรรม...สร้างอาชีพ สร้างทุกอย่างที่เป็นไป เพื่อรับใช้สังคม นี้แหละอานิสงส์ ของอนุศาสนี ปาฏิหาริย์!

- - - เป็นกำลังใจ เป็นแนวทาง เป็นธรรมทาน - - -
จากญาติธรรม พระศักดิ์ชัย กิตติชโย (อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ)
"ได้อ่านเรื่องประวัติพระอรหันต์แล้วเกิดกำลังใจในการปฏิบัติ เพราะหลายๆท่านมีความทุกข์ ความลำบาก มาก่อน แต่ก็สามารถขจัดมันได้สำเร็จ พุทธบริษัทรุ่นหลังน่าจะทำได้เหมือนๆกันได้อ่านประวัติ การปฏิบัติธรรม ของชาวอโศกแล้วได้แง่คิด แง่มุม จากประสบการณ์ การปฏิบัติ นำมาใช้กับตนเองได้........"

ฮะ ขอให้เป็นประวัติชีวิต สิ่งที่ดีทำให้เราเกิดพลัง สิ่งที่ไม่ดี ทำให้ได้ระวังสังวรคอลัมน์จดหมาย จากญาติธรรม จึงยังคงมีต่อไปและต่อไปเมล็ดพืชมีแล้ว น้ำมีแล้ว ดินมีแล้ว รอญาติธรรมลงมือปลูก "ต้นบุญ" สะสมใส่ตน หาก "หมดบุญ" อย่าเรียก "วิบาก" นะฮะ แท้จริงเพราะเราไม่ "สร้างกรรมใหม่" ที่เป็นบุญต่างหาก จุ๊ย์ๆๆ


- - - วันนี้ฉันทำอะไรให้พุทธองค์ ? - - -
"...ตอนนี้ลดมื้ออาหารจาก ๓ มื้อเป็น ๒ มื้อ ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ เรื่องศีลตอนนี้ระวังเรื่องการพูด คือมักจะ พูดโกหกไปแล้ว ก็คิดได้ว่า ไม่น่าโกหกเลย และรักษาคำพูดไม่ได้ เช่นพูดว่าจะไม่ไป...แต่ก็ไป จะอยู่นานๆ แต่อยู่ไม่นาน มาไม่ได้แต่ก็...มาได้ อย่างนี้แหละค่ะ...
เพลินพิศ ขาวสะอาด (บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี)........."

ญาติธรรมอื่นๆล่ะฮะ วันนี้ฝึกปฏิบัติอะไรกันอยู่หรือจะเป็นอย่างนางวิสาขา ที่บอกว่า "พ่อผัวของดิฉัน ขณะนี้ กินบุญเก่าอยู่!" วันนี้ใครทำตัวเป็นคน "กินบุญเก่า?" จุ๊ย์ๆๆ


- - - สายธารที่เปลี่ยนทาง - - -
จากญาติธรรม ธีรยุทธ ชาวันดี (อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ)
"ผมพบอโศกเมื่อปี ๒๕๒๖ ที่พุทธสถานศีรษะอโศก นับแต่สมภารท่านถิรจิตโต ท่านมนาโป ท่านอนุตตโร ท่านวินยธโร ตลอดมา ๑๙ ปี แล้วที่ผมครองความเป็นหม้ายมาได้ ถ้าหากผมไม่พบชาวอโศก คงจะครองตน ไม่ถึงทุกวันนี้ ผมพยายามอยู่เสมอ เติมพลังศีล ปฏิบัติธรรม เพื่อไม่ให้ขาด ช่วงอายุ ๒๖-๓๕ ปี ผมยังรับราชการ เพื่อนทุกคนมองผม เห็นว่าผมใกล้จะบ้าเข้าไปทุกที พวกปลัดอำเภอ (ฝ่ายป้องกัน) เห็นผมเป็นพวก คอมมิวนิสต์ เสียอีก เดี๋ยวนี้เป็นไร ทุกอาทิตย์ จะเห็นพวกข้าราชการ แห่เข้าปรึกษา ที่ศีรษะอโศก ไม่เว้นแต่ละวัน.........."

กิ่งก้านอโศก กำลังเติบใหญ่ เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทรให้กับเหล่าศาสนิกชน พวกเราญาติธรรม ก็ต้องขวนขวาย เพื่อ "พละกำลัง" ให้กับตัวเอง เพื่อรองรับงานหนักในอนาคต อย่าลืมว่า การปฏิบัติธรรมนั้น ต้องมีทั้ง "ประโยชน์ตน-ประโยชน์ท่าน" ไปในตัว ธรรมะชาวอโศก ไม่เคยสอนให้ทำแยกกัน เหมือนอย่างสำนักอื่นๆ ที่เขาสอนกัน นี้คือ "จุดเด่นของชาวอโศก" จุ๊ย์ๆๆ


- - - แนวทางการจัดการกับชีวิต - - -
"ชีวิตของผมเจอปัญหาทุกอย่าง แต่ก็ยังอยู่รอดได้ เพราะมีธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นเกราะแก้วคุ้มครองใจ ไม่ให้เดินทางผิด.........."
ญาติธรรมกิติกัน (อ.เมือง จ.เชียงราย) เปิดใจมา

"ปัญหาชีวิต" มีวิธีการจัดการไม่กี่แนวทาง
๑. ทุกข์ทั่วไป เชื่อเสียว่าเป็น "กฎแห่งกรรม" จะได้สบายใจ
๒. ทุกข์เฉพาะกิจ ต้องหักห้ามใจ มิฉะนั้นจะไหลลงต่ำ
๓. ทุกข์ในอารมณ์ ต้องรู้จักอ่านเวทนาให้เป็น มัวแต่โทษคนอื่น มัวแต่คร่ำครวญ ก็เสร็จพญามาร! จุ๊ย์ๆๆ


- - - อยู่อย่างมีความสุข อยู่อย่างไร ? - - -
ญาติธรรม อุทุมพร ทูลจินดา (พระโขนง กทม.)
"ตอนนี้ดิฉันทำงานเป็นข้าราชการอยู่ กรมสรรพากร ยอมรับว่าจิตใจคนอย่าคิดจะเข้าใจ เพราะยากมาก อยู่แบบลิง หลอกเจ้ากันทั้งนั้น แต่ดิฉันไม่สนใจหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่อง พลอยจะทำให้จิตตกเสียเปล่า..."

โลกมนุษย์นั้น เราคาดหวังใครไม่ได้ "ยึด" เมื่อไหร่ก็มีโอกาสทุกข์เมื่อนั้น ปุถุชนเขาย่อมคบหากันด้วย "ผลประโยชน์" หมดประโยชน์ก็เลิกกันไป ปุถุชนย่อมถือ "โลกธรรม" เป็นสาระสำคัญของชีวิต "พวกเรา" ที่กำลังจะฝึกฝน ก้าวเข้าสู่ภูมิ "อาริยะ"ถึงต้องหัดเข้าใจ "ความเป็นสัตวโลก" อย่าหวังใคร จะจริงใจกับเรา แต่ขอให้เรา จริงใจกับทุกคน และข้อสำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ "เราเคร่งครัดตัวเอง แต่มองคนอื่น อย่างผ่อนปรน!" จุ๊ย์ๆๆ


- - - ฝากข้อความถึงพนักงานพาณิชย์บุญนิยม - - -
จากญาติธรรมวิศาล เดชเดี่ยว (อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร)
"ได้ไปพบกับชาวอโศก ๕ ครั้ง คือ สันติอโศก ๒ ครั้ง ประทับใจสิกขมาตุมาลินีที่สุด ไปภูผาฟ้าน้ำ ๒ ครั้ง ประทับใจ สมณะเก้าก้าว ความลึกความจริง ธรรมะที่ท่านแสดงแล้ว ได้ทบทวนคำสอนของท่าน แล้วมันเป็น ความจริงทั้งหมด และไปที่ศาลีอโศก พบคุณแม่ประจำโรงครัว ประทับใจการต้อนรับ น้ำใจ ปฏิปทา ของท่านมาก....."

จุดสำคัญที่เล่ามาก็คือ "ความประทับใจ" หลายๆครั้งที่คนใหม่มา แต่ต้องเจอเหตุการณ์ ที่ทำใจไม่ได้ กับเหล่าญาติธรรม บางคน ที่ไม่แคร์ความรู้สึก ของคนอื่น ก็มีโอกาสกระเด็นกระเด็น นับเป็นวิบากก้อนโต!
ยิ่งทำงานพบปะ กับคนภายนอก แม้เราจะยังมีกิเลสแต่ต้องระมัดระวัง ทั้งกายกรรม-วจีกรรมให้จงหนัก
เราได้คนมา ปฏิบัติธรรม ๑ คน ก็ได้บุญมหาศาล แต่การที่เราทำให้ใครเกลียดอโศก "นี่เหรอพวกอโศก" เพียงเพราะ จิตโลภะ-โทสะของเรา ก็นับว่าได้สร้างบาปกรรม มโหฬารทีเดียว! จุ๊ย์ๆๆ


- - - ต้นเหตุของธรรมะไม่เจริญ - - -
จากญาติธรรม ธนา กิ่งชุม (อ.เมือง จ.กระบี่)
"ศีลข้อที่ ๑ แม้นยังไม่บริสุทธิ์แต่ก็มีการพัฒนาไปเรื่อยๆ การระวังต่อการผิดศีลมีการระวังมากขึ้น แต่ศีลข้อที่ ๑ ทำให้เรามี เมตตาเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ ตราบใดที่เราระงับความโกรธ อาฆาต พยาบาทไม่ได้ สุดท้าย ความโหดร้าย ก็มีอยู่มากในใจเรา เราอาจฆ่าคนได้..."

จิ้งจกตั้งข้อสังเกตว่าทำไมปฏิบัติธรรมแล้วล้มเหลว ศรัทธาหด ปัญญาลด! แท้จริงก็ปัญหา หญ้าปากคอก นั่นก็คือ"ศีล ๕" ยังบกพร่อง
- ศีลข้อ ๑ แม้เป็นนักมังสวิรัติ แต่ก็ยังถือสาคนง่าย เกลียดคนง่าย ชิงชังพฤติกรรมของมนุษย์ค่อนข้างรุนแรง
- ศีลข้อ ๒ แม้ไม่ขโมย แต่บางคนก็ชอบถือวิสาสะอยู่เรื่อย บ้างก็ตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ค่อยมีน้ำใจ บ้างก็มุ่ง แต่ประโยชน์ ตัวเอง โดยไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น
- ศีลข้อ ๓ แม้ถือศีลพรหมจรรย์ แต่ก็ยังชอบพูด ชอบคุยกับเพศตรงข้าม บ้างก็ยังวุ่นวายกับสุขภาพร่างกาย
ตัวเอง บ้างก็อยู่ที่ไหนนานๆไม่ได้ ต้องเสด็จประพาสไปเรื่อย
- ศีลข้อ ๔ แม้ไม่โกหก แต่มักจะพูดจาให้ร้ายผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเสียหาย บ้างก็พูดจาส่อเสียดประชดประชัน บ้างก็พูดจา ไร้สาระเพ้อเจ้อ บ้างก็ยังพูดจาหยาบคาย
- ศีลข้อ ๕ แม้ไม่ดื่มสุราแต่ก็ไปหลงติดอะไรบางอย่างไม่ว่าของกินของใช้จนวุ่นวาย บ้างก็ชอบคิดอะไร ให้ตัวเอง เจ็บช้ำอยู่เรื่อย
นี่แหละฮะ ศีล ๕ ที่ยังมีส่วนเลอะเทอะ ทำให้ไม่สงสัยว่า ทำไมยิ่งอยู่ก็ยิ่งตกต่ำ แล้วมีหน้าโทษพ่อท่าน สอนไม่ดี! จุ๊ย์ๆๆ


- - - ลักษณะของญาติธรรมเป็นโรคจิต-โรคประสาท - - -
"ขอโทษนะคะ ที่ดิฉันหายต๋อมไปเลย สาเหตุที่หายไปเพราะดิฉันเกิดอาการทางโรคประสาทขึ้นอีก อาการหนัก มากค่ะ ทั้งที่ก็ยังติดต่อกันอยู่กับหนังสือดอกบัวน้อยและดอกหญ้า สารอโศก คงเป็นเพราะ วิบากกรรม ของดิฉัน อะไรสักอย่าง ดิฉันก็เดาเอาค่ะ คนที่รู้จักกันยังออกปากว่า ดิฉันมีลักษณะของคนที่ดุ แล้วน่าสงสาร ทั้งผอม ทั้งโทรม ดิฉันฟังสภาพตัวเอง แล้วยังตกใจมาก....."

พวกเราบางคนมีวิบากติดตัว พอเริ่มเคร่งครัดก็มีอันเป็นไปทุกที ทางแก้ไขก็คือ ให้ห่างวัด อาการก็จะ ทุเลาขึ้นเอง ก็น่าสงสารนะฮะ อาการที่ทำให้คิดอ่านเพี้ยนไปจากมนุษย์มนาทั่วๆไป จิ้งจกตั้งเองว่า พวก "โรคจิต" ส่วนอาการ "โรคประสาท" จิ้งจกสรุปอาการเอาไว้ โดยไม่เอาวิชาการมาวัด ก็จะได้คนดังนี้ คือ
-ทุกข์ใจเสมอ
-หมกมุ่นเรื่องของตัวเองอย่างรุนแรง ในกิจกรรมต่างๆ
-มองคนอื่นไม่หวังดีกับตัวเอง คิดว่าตัวเองหวังดีกับคนอื่น เสมอ
-มองความผิดพลาด ความไม่ถูกต้องของคนอื่นเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินจริง น้ำหนักของเรื่องหนักเกินจริง
-รับกระทบทางใจง่าย และกระทบแต่ละครั้ง บาดแผลมักจะลึกเกินเหตุ
๖-๗ คุณสมบัติตรวจตนให้ชัด แล้วจะได้เจียมตน เลิกโวยวายเตือนตน เราเป็นคนป่วยแล้วนะ มองอะไร บิดเบี้ยวเกินเลย จึงควรเลิกเสียทีกับการจับผิดพฤติกรรมคนอื่น มารักษาจิตใจ ที่เป็นเรื่องด่วน เรื่องสำคัญ กว่า! ตัวเองเป็น โรคประสาทแล้วนะ! จุ๊ย์ๆๆ


- - - มอบสิ่งดีๆให้กับชีวิต - - -
วันนี้ญาติธรรม เทียนฟ้า บูรพ์ภาพ (จ.สมุทรปราการ)
จะขอเริ่มบทโหด "ฝืนใจ" ตัวเอง "เรื่องการลดการดูโทรทัศน์รายการไร้สาระ หรือละครหลังข่าว ตอนนี้ทำ ได้บ้าง ๒ สัปดาห์ ที่ผ่านมา ยังไม่ได้เปิดโทรทัศน์เลย พอดียุ่งกับมะม่วง และไปงานปลุกเสกฯด้วยค่ะ ดิฉันจะพยายาม ลดสิ่งที่ติด
นี้ให้ได้ ถ้าทำท่าจะติด จะตั้งใจตั้งตบะกับสิกขมาตุ....."

ใครมีอะไรที่ "ร้ายๆ" กับตัวเอง ช่วยบอกมานะฮะ จะได้เอามาเล่าสู่กันฟัง ธรรมะไม่ใช่ "สวรรค์"นะฮะ แต่เป็น "นิพพาน" หมายถึง ทุกข์ไม่เอา สุขก็ต้องทิ้ง! จุ๊ย์ๆๆ

คติประจำฉบับนี้ ความดีทำไม่ยากแต่ทำดีตลอดไปนั้นยาก

จิ้งจกส์

(สารอโศก อันดับที่ ๒๔๗ เมษายน ๒๕๔๕)