หน้าแรก>สารอโศก

จดหมายจากญาติธรรม


เรื่องจิต-ศาสนาพุทธ
ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ตนเองเป็นสมาชิกที่แย่พอสมควร ไม่ค่อยได้ตอบรับหนังสือ และการปฏิบัติธรรมของข้าพเจ้าก็แย่ลงพอๆกัน โดยเฉพาะด้านอาหาร ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มังสวิรัติเต็มที่ ก็จะพยายามต่อไป

ด้านการทำงาน และครอบครัว ในปัจจุบันข้าพเจ้าได้ย้ายการทำงานจากกลุ่มงานเวชกรรมสังคม มาปฏิบัติงาน ในกลุ่มงานจิตเวช (ได้ประมาณ ๔ ปี) รับบริการปรึกษาทุกเรื่อง นับตั้งแต่ปัญหาครอบครัว ปัญหาการฆ่าตัวตาย ปัญหาเอดส์ ความเครียด ปัญหาโรคจิต และบำบัดรักษาผู้ติดยาและสารเสพติด ตัวข้าพเจ้าเอง เจอแต่งานนโยบาย และรู้สึก เป็นงานที่ไม่ค่อย มีคนอยากทำ เพราะมีคนบอกว่า เป็นงานที่ทำแล้วรู้สึกไม่ประสบผลสำเร็จ ยิ่งทำยิ่งแย่ลง แต่ข้าพเจ้า กับทีมงาน (น้องพยาบาลอีก ๓ คน) ได้ทำงานแบบนี้แล้วรู้สึกมีความสุข มีบ้างบางครั้ง ท้อ เหนื่อย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้เรียนรู้คนอื่น และตนเอง รู้จักวางและปลงมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ได้ความรู้ และการปฏิบัติ จากหนังสือ และประสบการณ์ จากหมู่กลุ่ม ที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือ ดอกบัวน้อย-ดอกหญ้า-สารอโศก

ปัจจุบันข้าพเจ้าได้รับทุนการศึกษา จากกรมสุขภาพจิต ศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ภาคพิเศษ (เรียนเสาร์-อาทิตย์) สาขาสุขภาพจิต และการพยาบาลจิตเวช ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักมาก สำหรับข้าพเจ้า แต่ก็พยายาม มาถึงเทอมนี้ ก็เป็นเทอมสุดท้าย คิดว่าคงจะจบตามกำหนด (ถ้าไม่จบตามกำหนด ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง) ยิ่งเรียนยิ่งรู้สึกว่า เรื่องของจิต คือเรื่องของศาสนาพุทธ ต้องศึกษาศาสนาพุทธ อย่างลึกซึ้ง ถึงจะช่วยในการทำงานให้ มีคุณภาพ และคนทำงาน มีความสุข ตอนนี้สิ่งที่ช่วยให้ข้าพเจ้า ไม่เกิดภาวะหมดไฟ (Burnout) ไปเสียก่อน ที่จะเรียนจบ และทำงาน อย่างมีความสุขคือ หนังสือทุกเล่ม ที่ทางคณะท่าน กรุณาส่งไปให้อ่าน ต้องขอขอบพระคุณอีกครั้ง
นางวันเพ็ญ ยืนยงแสน จ.พะเยา

"จิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้" จะให้สุขทั้งแก่ตนเองและคนรอบข้างด้วย เพราะจิตเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง เป็นผู้บันดาล ความคิด - คำพูด - การกระทำทุกอย่างของมนุษย์ และสัตว์ทั้งหลายในโลก......- บ.ก.


ตกงานใจไม่ตก
ดิฉันขอกราบขอบพระคุณทางสมาคมเป็นอย่างยิ่ง ที่เมตตาดิฉันด้วยการเขียนจดหมายส่งมาให้ เพื่อเป็นกำลังใจ ให้สู้กับโรคภัย ที่คอยเบียดเบียน ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง และจะขอประพฤติตัวเป็นคนดี รักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป ต่อไปนี้ดิฉันจะไม่อ่อนแอ จะไม่ท้อ และจะพยายามไม่คิดมาก ถึงแม้ว่าอีกไม่นาน ดิฉันก็จะตกงาน คือโรงงาน ที่ดิฉันทำอยู่ขณะนี้ เขาจะเลิกจ้างแล้ว สำหรับดิฉันแล้วจะให้ไปทำงานที่อื่น คงทำไม่ได้ เพราะสุขภาพแย่มากๆ ทำอะไรไม่ว่องไว เหมือนคนอื่น ตอนแรกที่ทราบข่าวก็เครียดอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำใจได้ เลยไม่คิดอะไรอีกแล้ว ถ้าตกงานดิฉัน ก็คงอยู่บ้าน ขายของชำเล็กๆน้อยๆ และปลูกผักกินเอง ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มปลูกบ้างแล้ว โดยไม่พ่นยาฆ่าแมลง ก็เริ่มเก็บกินได้บ้าง ใจจริงก็อยากปลูกเยอะ แต่คงทำไม่ไหว เวลาออกไปสวน ไปเห็นผลงานของตัวเอง มีความสุข อย่างบอกไม่ถูก ภูมิใจ มากนะคะ คิดว่าประมาณ ๔-๕ เดือนก็คงจะตกงาน ดิฉันก็จะมีโอกาสได้ช่วยงาน ที่ช.ม.ร.
เชียงใหม่ และได้มีโอกาสขึ้นภูผาฯ บ่อยขึ้น เห็นไหมคะ ได้บุญสั่งสมไว้อีกเยอะ ดิฉันขายของชำ ไม่ขายสิ่งเสพติด เลิกขายตั้งแต่ ฟังธรรมะจากท่านจันทร์ ในงานปีใหม่ที่อุบลฯ ปี๔๒ ยอดขายตกมาก แต่ก็ไม่ทำให้หวั่นไหว ก็ยังอยู่ได้สบายดี
นงนุช กันฮะ จ.เชียงใหม่

นักปฏิบัติธรรมหากฝึกฝนตนมากพอ ย่อมไม่ใจตก ไม่ตกใจ แม้มีอุปสรรคหรือเผชิญปัญหา ก็จะกล้าแก้ไขด้วยธรรมะ เมื่อจิตไม่ตก จะยกก็สบาย......- บ.ก.

ทางระบายชั้นเยี่ยม
กระผมได้รับหนังสือดอกหญ้าและสารอโศก แล้วก็เลยรีบอ่าน แต่อ่านยังไม่ทันจบ ก็เลยรีบเขียนมาชมว่า จัดได้ดีมากๆเลย ทุกคอลัมน์ โดยเฉพาะถ้อยแถลงของคณะผู้จัดทำ เขียนได้ตรงเป้าดีมากเลย ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ควรสังวรณ์ไว้บ้าง และถาม-ตอบ โดยพ่อท่านได้ตอบและอธิบายได้แจ่มแจ้งมากเลย ทุกๆตัวอักษรอ่านไม่เว้น โดยไม่เบื่อ และเป็นธรรมะ ที่ใช้ได้กับ ชีวิตประจำวัน ครอบครัวกระผม แต่เดิมก็อยู่กันแบบมีความสุข ตามประสาพ่อ-แม่-ลูก โดยเฉพาะลูกสาว หลังจากเรียนจบ มัธยมปลายแล้ว เขาก็สอบได้ทุนของประเทศออสเตรเลีย เขาเดินทางไปเรียนที่เมืองนอก เป็นเวลา ๕ ปีเต็มๆ เดี๋ยวนี้เขากลับมา และทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพ โดยไปๆมาๆระหว่างไทยกับสิงคโปร์ ไม่มีปัญหาอะไร แต่ที่บ้าน หลังจากรู้ว่า ลูกสาวได้ไปเรียนต่างประเทศ ก็มีแม่ยายมาอยู่ด้วย ต่อก็มีลูกชาย-ลูกสาว น้องของภริยามาอยู่ด้วย โดยเพิ่มภาระมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น ต่อมาก็มีน้องชายหนีเมียมาอยู่เพิ่มอีกคน โดยพวกนี้จะมีปัญหา เรื่องการกิน เป็นอย่างมาก โดยน้องชายทั้ง ๒ คน กินทุกอย่าง เช่น เหล้า บุหรี่ โดยติดงอมแงม บอกให้เลิกไม่ยอมเลิก โดยมาก จะผลาญเงิน ลูกสาวผมที่ส่งมาให้พ่อ-แม่ ทุกวันนี้ กระผมก็ได้อาศัยธรรมะ ของหนังสือสารอโศก และดอกหญ้า นี่แหละช่วย
โดยในต้นเดือน เมษายนนี้ กระผมกับภรรยา จะไปทำสวน ปลูกผักสวนครัว แบบปลอดสารเคมี จะปลูกทุกอย่าง เช่น ฟักทอง คะน้า ผักกาดหัว-ขาวปลี กวางตุ้ง ผักชี ฯลฯ โดยจะหนีความวุ่นวาย เผื่อจะมีเวลาถือศีล ลดละอบายมุขทุกอย่าง และจะหัด กินเจไปในตัวด้วย
บรรเทิง ปัญญาคำ

ครอบครัววุ่นวายมาก หากไม่มีทางระบายออกที่ดี มีสิทธิ์เครียดจัดได้ ธรรมะนี่แหละ เป็นทางสุดวิเศษ ที่ช่วยคนเรา ให้พ้นทุกข์ ได้อย่างดีเยี่ยม.......- บ.ก.


เลิกเนื้อสัตว์จนวันตาย
กระผมได้ปฏิบัติธรรมโดยรับประทานอาหารมังสวิรัติได้ ๒ ปีแล้ว ที่ได้รู้จักกับชาวอโศก ก็เพราะได้ไปรับประทานอาหาร ที่ร้านศาลามังสวิรัติ ของอาจารย์อานุภาพธรรม ระกำทอง ซึ่งบัดนี้ ท่านได้เสียชีวิตแล้ว ท่านได้บอกว่า จะมีสมณะ มาแสดงธรรม ที่โรงเจเทียงเช็งตึ้ง

เมื่อถึงวันนั้น กระผมก็ได้ไปร่วมฟังธรรม กับญาติธรรมคนอื่นๆ นับว่าเป็นเรื่องแปลกมาก นึกไม่ถึงว่า จะมีสมณะชาวอโศก เช่นนี้ ที่นุ่งห่ม ไม่เหมือนพระทั่วไป ตอนแรกกระผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่เข้าใจธรรมะและวัตรปฏิบัติของชาวอโศกสักเท่าไหร่ นึกว่าคงจะเหมือนพระทั่วๆ ไป แต่เมื่อคบคุ้น และศึกษาจากหนังสือของชาวอโศก นานๆเข้า ก็เข้าใจมากขึ้น เพราะท่าน ไม่ฉันเนื้อ ไม่รับเงินทองเคร่งครัดในธรรมวินัย ก็มีจิตใจเลื่อมใส อยากจะเข้าไปคบคุ้นศึกษาดู ตอนแรกๆก็ยังระแวงอยู่ ยังไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ กลัวจะถูกหลอกลวง แต่เมื่อศึกษาไม่นานๆก็เข้าใจมากขึ้น วางใจได้ ท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ไม่เสียหายแน่ ตอนนี้ไม่สงสัยแล้ว

สำหรับการรับประทานอาหาร มังสวิรัติของกระผม ตอนแรกก็ล้มลุก คลุกคลานพอสมควร เท่าที่จำได้ปีแรก มังสวิรัติล้ม ๓ ครั้ง สองครั้งรับประทานแกงปลาที่ร้านข้าวแกง ครั้งที่สามรับประทานแกงหมู ที่งานแต่งงาน อ้ออีกครั้ง รับประทาน เครื่องในควาย ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว หลังจากนั้นไม่ล้มอีกเลย แต่บางครั้ง ก็มีเจเขี่ยบ้าง ตามปกติแล้ว ผมหุงหากินเอง อยู่คนเดียว เลยรับประทาน อาหาร มังสวิรัติสะดวก ไม่ต้องยุ่งกับใคร ส่วนข้าวสาร อาหารแห้ง ส่วนมาก หาซื้อจากโรงเจ เมื่อย่างเข้าปีสอง รู้สึกว่ามั่นใจ ในมังสวิรัติมากขึ้น คิดว่าจะไม่กลับไปรับประทานเนื้อสัตว์อีกแล้วจนตาย
ประดับ อินทร์แป้น จ.จันทบุรี

จะล้มสักกี่ครั้งนั้นไม่ว่า แต่ทุกคราต้องลุกขึ้นมาใหม่ สู้ต่อไปอย่างอาจหาญชาญชัย ไม่นานไปจะสำเร็จสมใจเรา......- บ.ก.

ยิ่งขัดยิ่งเหลือมาก
ทุกครั้งที่หยิบดอกหญ้าและสารอโศกขึ้นมาอ่าน รู้สึกมีกำลังที่จะต่อสู้กับปัญหาต่างๆนานา ที่ประดังเข้ามามากขึ้น มีกำลังใจ ที่ต่อสู้ กับกระแสโลกีย์ ที่เชี่ยวกรากมากขึ้น บางครั้ง หนูก็มองข้ามข้อเสียบางข้อ ของตัวเองไป แต่พอได้มาเริ่มอ่าน หนังสือ ดอกหญ้า และ สารอโศก ก็พบว่าตัวเอง มีข้อเสีย -ข้อบกพร่อง อยู่มากมายมหาศาล

เมื่อก่อนหนูไม่เคยสังเกตตามรู้อารมณ์ที่เกิดขึ้นเลย พอได้มาตามรู้ สังเกตดูอารมณ์ของตัวเอง พบว่าตัวเอง มีแต่ความ น่ารังเกียจ น่าเบื่อสุดสุด เพิ่งจะรู้ตัวเองน่ารังเกียจอะไรขนาดนี้ มีแต่ความน่าเกลียดน่ากลัว น่าขยะแขยง อยู่เต็มไปหมด ทั้งอารมณ์ร้าย ทั้งโมโหง่าย ไร้เหตุผล ขี้หงุดหงิด เอาแต่ใจตัวเอง พูดไม่เพราะ พูดจาหยาบคาย กิริยาไม่สุภาพ มีแต่ หยาบกระด้าง ขี้เหนียว เห็นแก่ตัว อ่อนแอ หากไม่ได้อ่านหนังสือดอกหญ้า และสารอโศก หนูคงไม่มีทาง ได้ขัดเกลา กิเลสตัณหา-อุปาทาน ที่ตัวเองมีอยู่มากมายแน่ๆค่ะ

บางครั้งก็รู้สึกท้อไม่น้อยที่ยิ่งขัดเกลากิเลสมากเท่าใด ก็ดูเหมือนกิเลส ยังไม่ยอมหมดสักที ยิ่งขัดยิ่งเหลืออยู่อีกมาก ล้มแล้วลุก ลุกได้แล้วก็ล้มอีก ไม่รู้กี่หนต่อกี่หน เพราะตัวกิเลส-ตัณหา-อุปาทาน ยิ่งต่อสู้ฟันฝ่า อุปสรรคขวากหนาม ยิ่งทุ่มเท แรงกาย แรงใจ ในการขัดเกลามากเท่าใด ยิ่งพบเจออุปสรรคขวากหนามใหม่ๆ ที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์กว่าเดิมอีกมาก ยังดีที่ได้อ่าน หนังสือดอกหญ้า และสารอโศก จิตใจจึงไม่บอบช้ำมากนัก

ดีใจมากค่ะที่ได้รู้จักกับหนังสือดีๆเช่นนี้ คิดว่าตนเองโชคดีมาก หากจะตายตอนนี้ หนูก็คงจะไม่เสียดายชีวิตอีก เพราะหนูถือว่า ได้ทำหน้าที่ของมนุษย์คนหนึ่ง ได้ดีพอสมควรแล้ว ถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์ เท่าที่ควรจะเป็นก็ตามที แต่หากชีวิตนี้ ยังอยู่ได้อีก สักเพียง ๑ นาที หนูก็จะพยายาม สร้างสรรความดี ให้แก่ตนเอง และสังคมให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ เท่าที่เวลา จะเอื้ออำนวยค่ะ หนูขอให้หนังสือดอกหญ้า และสารอโศก อยู่คู่สังคมไปนานๆ สร้างสรรสิ่งดีๆ ออกสู่สังคม ให้มากยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ สุดท้ายนี้หนูก็ขอประกาศว่า "เงินทองทรัพย์สมบัติภายนอกนั้นข้าไม่มี แต่ข้ามีธรรม"
น.ส.นงนุช พรมมูล จ.เชียงราย

กิเลสคนเรานั้น หากหาเจอ แล้วจัดการขัดทิ้ง ย่อมต้องค่อยๆหมดลงไป เหลือน้อยลงแน่ๆ แต่ที่เรารู้สึกยิ่งขัดยิ่งเหลือมากนั้น ก็เพราะกิเลส ที่เราสะสมไว้ มีอยู่มากเหลือเกิน เกินกว่าที่เราคิดไว้มากนั่นเอง พอเวลาต้องมา กำจัดจุดอ่อนทิ้ง จริงจัง ขัดไปๆๆ ก็ชักเมื่อย เริ่มรู้สึกว่า ทำไมมันถึงเหลือเยอะเหลือเกิน......- บ.ก.


ถ้ารู้ก็ซื้อก่อนแล้ว
เสียงจากป่าช้าน้ำกระจาย อาตมามีโอกาสได้ไปธุดงค์ภาคเหนือ ได้พบกับญาติธรรมชาวอโศก ตอนแรก อาตมาเข้าไป ทักทายกับญาติธรรม ปรากฏว่าญาติธรรม มีความอ่อนน้อม ต่อพระมาก จนอาตมาประทับใจ และดูการแต่งตัว ก็สมถะดีมาก สมกับเป็นญาติธรรม นี้ความประทับใจครั้งที่ ๑ มาครั้งที่ ๒ พบเด็กหนุ่มญาติธรรม ที่ชุมชนอโศกที่จ.ตรัง ก็มีความ ประทับใจอีก เพราะการพูดจา และการมีสัมมาคารวะดี ต่อพระภิกษุ ซึ่งต่างกับคนทั่วไป ที่ไม่ค่อยจะมีความเคารพต่อพระ สักเท่าไหร่ ทั้งที่เป็นคนที่นับถือพุทธศาสนาแท้ๆ อาจจะนับถือโดยสำเนาทะเบียนบ้านกระมัง แต่ก็ยังดี ที่มีหมู่กลุ่ม ที่ปฏิบัติตามหลัก ของศาสนาจริง เพราะสมัยนี้ มีแต่เข้าวัดเพื่อกิเลส เข้าไปขอหวย พูดถึงหวย อาตมาเจอกับตัวเอง ยิ่งมาอยู่ป่าช้าก็ยิ่งแล้ว มีโยมมาขอมาก แต่โทษทีเจอไม้ตายของอาตมาคือ "ถ้าอาตมารู้ อาตมาก็ซื้อก่อนคนอื่นไปแล้ว" โยมจึงได้(แห้ว)กลับไป อาตมาไม่สนใจเลย ถ้าจะทำบุญต้องทำด้วยศรัทธา ไม่ใช่ทำเพื่อขอหวย ตั้งแต่บัดนั้น ไม่มีใครกล้า มาขอหวยอีกเลย จึงบอกเขาไป "มือทำรวย หวยทำจน"
พระไกรสร ขุนพิทักษ์ จ.พัทลุง

หวยเป็นการพนันอย่างหนึ่ง ที่เป็นทางไปสู่นรก(อบายมุข) ยิ่งช่วงนี้มีการแข่งฟุตบอลโลก ก็ยิ่งเหมือนกับนรกแตก คือทั่วโลก จะมีคนจนลงอีก หลายล้านๆๆๆคน ที่ต้องเสียพนันบอล อาจต้องถึงขั้นขายตัวหรือฆ่าตัวตายเชียว......- บ.ก.


ขาดเก่า-ได้ใหม่
ขออนุโมทนาบุญกุศล ในการประพฤติปฏิบัติของชาวอโศกทุกๆท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วยใจจริง ในความคิดเห็นของผม จะเป็นการสั่งสอนหรือการประพฤติปฏิบัติ และข้อคิดต่างๆ เป็นที่ถูกใจและถูกต้องด้วย เพราะไม่มีบอกใบ้หวย หรือรดน้ำมนต์ หรือออกเหรียญ หรืออภินิหารต่างๆ ให้ประชาชนต้องงมงาย ถึงสังคมส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับชาวอโศก แต่ชาวอโศก ก็ไม่เคยทำ ให้สังคมต้องเดือดร้อน

คนทุกวันนี้ อยากรวยทางลัด ด้วยการเล่นการพนัน ทุกชนิดที่ขวางหน้า เฉพาะหวยอย่างเดียว เดือนละ ๔ ครั้ง หวยรัฐวันที่ ๑ วันที่ ๑๖ หวยธ.ก.ส.วันที่ ๑๐ หวยออมสินวันที่ ๒๐ ของเดือน ยังไม่รวมการพนันอื่น อีกมากมาย ยังมีอบายมุขอื่นๆอีก
ส่วนการประพฤติ ปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน สังคมจะรังเกียจ เพราะเราไม่ชั่วตามพวกเขา จึงต้องอยู่อย่างคนเดียว เพื่อนฝูงไม่มี แม้แต่พี่น้องยังรังเกียจเลยครับ ถ้าเราไม่สนใจพวกเขา เราก็อยู่ได้อย่างสบาย ตอนนี้ผมกำลังเริ่มปฏิบัติ ตามแนวของชาวอโศก โดยการเลิกลดละอะไรหลายๆอย่าง ในชีวิตประจำวัน เช่น
-ขาดเพื่อนเพราะไม่กินเหล้า
-ขาดเพื่อนเพราะไม่เล่นการพนันทุกชนิด
-ขาดเพื่อนเพราะไม่มั่วกาม และไม่เที่ยวตามร้านอาหารกลางคืน
-ขาดเพื่อนเพราะไม่เลี้ยงสัตว์ขาย และไม่สะสมทรัพย์สมบัติ
-ขาดพี่น้องเพราะไม่ทำร่ำรวย
สิทธิพล พุทธรักษา จ.พิจิตร

เป็นธรรมดาหรือเป็นธรรมชาติของการปฏิบัติธรรม คือเมื่อปฏิบัติธรรมลดละเลิกอบายมุขต่างๆ ก็มักจะต้องสูญเสีย เพื่อนอบายมุข เก่าๆไป แต่จะได้เพื่อนไร้อบายมุขใหม่ๆ เข้ามาแทนเสมอ......- บ.ก.

 

ตัวประหลาด
ได้รับดอกหญ้าฉบับที่เก้าสิบเก้าและสารอโศก สี่ห้าวันมานี้เองครับ เลยได้ตอบให้ทราบวันนี้ รู้สึกว่ากระผม เป็นสมาชิก หนังสือ มานานพอสมควร คือไม่น้อยกว่าสิบปีแล้ว แต่ไม่เคยได้เข้าร่วม กิจกรรมอะไร กับทางสมาคมเลย นับว่าเป็นสมาชิก ที่แย่เอาการ อยู่พอสมควร แต่สิ่งที่ได้จาก การอ่านมานาน ก็ทำให้วิถีชีวิตของตนเอง และครอบครัว ได้เริ่มเดินทางถูกมาเรื่อยๆ ทำให้มีจิตใจมั่นคงไม่ท้อแท้ นับได้ว่าคงเป็นผลจากการปฏิบัติตามศีลธรรม ซึ่งศีลมีเพียง ๕ ข้อ ก็จะพยายาม สำรวจ ตรวจตราตัวเองให้บ่อยครั้งเพิ่มขึ้น รู้สึกตัวเองว่ามีจิตสำนึกที่ดี และมีความเสียสละ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อยู่ในชนบทบ้านนอกนี่ ชุมชนในหุบเขา ก็ยังมีการต้มเหล้าเถื่อน หรือดาวลอย งานไหนงานนั้นมีเหล้ายืนพื้น แต่ผมก็ทำได้สำเร็จ ที่เลิกเสพมันได้ อย่างเด็ดขาด จนบางครั้ง คล้ายผมเป็นตัวประหลาดของชุมชน ที่ไม่ดื่มเหล้า-สูบบุหรี่ จนร่างกายเริ่มอ้วนขึ้น ทุกวันนี้รู้สึกว่า จะทำอะไร ผมต้องนึกถึงศีล ๕ อยู่เสมอ จะพยายามยึดถือศีล ๕ ให้ดีที่สุดครับ
สุรศักดิ์ สุตะปัญญา จ.เชียงใหม่

"ตัวประหลาด" ที่ดีงาม ช่วยสร้างสังคมให้เจริญพัฒนาและอยู่กันเป็นสุข สงบ ร่มเย็น ความประหลาดแบบนี้ พระพุทธเจ้า ทรงพาทำ นำชาวพุทธละเลิก จากอบายมุขทั้งปวง......- บ.ก.

รักษาศีลกลางทุ่งนา
๔ ทุ่มเศษๆ ลมแรง ฝนตก ไม่รู้ว่าที่กทม.เป็นยังไงบ้างนะครับ นอนเขียนจดหมายไป ต้องมีไม้ขีดไฟอยู่ข้างๆ เพราะตะเกียง ดวงน้อย ก็จะดับแหล่มิดับแหล่....ออกจากหมู่บ้านมาอยู่ทุ่งนาได้ ๖ ปีเศษๆแล้วครับ ทนไม่ได้กับ การอยู่ในสังคม ของผู้ทุศีล แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะไปอยู่ในสังคมของผู้มีศีล จึงจำต้องรักษาศีลอยู่ที่ทุ่งนา ตามลำพังกับพ่อ-แม่ ท่ามกลาง การตามรังควาน ของผู้คนในหมู่บ้าน ก็รับไปครับ วิบากกรรมด้านอกุศล ใช้ไปเรื่อยๆ สักวันคงปิดบัญชีได้ ถึงผมจะพึ่งสมัคร เป็นสมาชิก ดอกหญ้าก็ตาม แต่ก็อ่านหนังสือของสมาคมฯ มานาน ๒-๓ ปีแล้ว เห็นสารอโศก หรือ ดอกหญ้า หรือดอกบัวน้อยเล่มไหนๆ เป็นต้องเปิดอ่าน นิทานชาดกก่อนทู้ก..... ทีครับ ชอบมาก ตามด้วยบทความ หรือเรื่องราว ที่อ่านแล้ว ทำให้ผ่อนคลาย ความรุ่มร้อน ในจิตใจลงได้ จิตวิญญาณ มีการพัฒนา ในทางที่เจริญ ส่วนที่เหลือ ก็อ่านตามทีหลัง จนหมดครับ

ในอดีต ผมก็คนหนึ่งล่ะ ที่เป็นแหล่งอาศัยของความโกรธ แต่พลานุภาพแห่งบารมี ของพ่อท่าน ก็ได้แผ่ไพศาล ให้ผมได้เห็นภัย ของความโกรธ จนสามารถสลายมันลง ไปได้อย่างมาก เริ่มจากวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอาสาฬหะปี ๒๕๔๔ ที่ผ่านมานี้เอง จนวันนี้ผมได้พบความสุขแล้ว ในระดับหนึ่ง จะว่าไปคงไม่ใช่สุข หากแต่เพียงทุกข์ลดลงเท่านั้น (นั่นแน่ นำสำนวน จากดอกหญ้า มาใช้ซะด้วย) ยิ่งได้อ่านวารสาร ของชาวอโศก ยิ่งลดละความโลภ ความโกรธลง ไปได้มากเลยครับ ผมจะพยายามต่อไปครับ.....สู้
ตุ๊หล่าง...แก่นคำกล้า จ.ยโสธร

จะอยู่ที่ไหนๆ...ในหมู่บ้านหรือกลางทุ่งนา หากรักษาศีลได้ จนกระทั่งถึงพร้อมด้วยกาย-วาจา-ใจแล้ว ศีลย่อมคุ้มครอง ให้พบความสุข ให้มีทรัพย์ และ ให้ได้นิพพานแน่แท้......- บ.ก.

(สารอโศก อันดับที่ ๒๔๗ เมษายน ๒๕๔๕)