หน้าแรก >สารอโศก

อโศกรำลึก

"วันอโศกรำลึก" ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ มิ.ย. ๔๕ นับเป็นครั้งที่ ๒๐ แล้ว จากเดิมที่เริ่มจัดกันครั้งแรก ที่พุทธสถาน ปฐมอโศก เมื่อ ๕ มิ.ย.๒๕๒๕ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของพ่อท่าน โดยคณะกรรมการ มูลนิธิธรรมสันติ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที ต่อพ่อท่าน ที่ออกบวช อบรมสั่งสอน พาชาวอโศก ทวนกระแสโลกีย์ ครบ ๑๒ ปี

ต่อมาปี ๒๕๓๔ พ่อท่านดำริให้ย้ายมาจัดในวันที่ ๑๐ มิ.ย.แทน เพื่อรำลึกถึง เหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ ที่นักบวชชาวอโศก จำต้องเปลี่ยนรูปแบบการแต่งกาย มาเป็นเสื้อแขนกระบอก สีน้ำตาล ครองผ้าสีขาว และใช้ชื่อเรียกว่า สมณพราหมณ์ แทนคำว่า พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งต่อมาเรียกว่า สมณะ

และในปี ๒๕๓๙ เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง "พระกาญจนาภิเษก" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ครองราชย์ ครบปีที่ ๕๐ และในมหามงคลนี้ ชาวอโศกร่วมใจกันสร้าง พระวิหารพันปี เจดีย์บรมสารีริกธาตุ ขึ้น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงถือเป็นประเพณี วันที่ ๙ มิ.ย.เป็นวันบูชา พระบรมสารีริกธาตุ และวันที่ ๑๐ มิ.ย. เป็นวันอโศกรำลึก เป็นงานภายใน ที่ชาวอโศกทุกคน จะมาร่วมรวมกันที่นี่ โดยไม่ต้องนัดหมาย


๘ มิ.ย. สมณะ-สิกขมาตุ-ญาติธรรมและน.ร. จากพุทธสถานต่างๆ ทยอยเดินทางถึง สันติอโศก ภาคค่ำ ฉายภาพยนตร์ไทย จอใหญ่ให้ชมเรื่อง "คนเอ๋ย...ไม่เคยเข็ด" หรือชื่อเดิมคือ "ข้างหลังภาพ" ภายใต้ หลักการดู ๔ ข้อคือ
๑. เพื่อให้เกิดอริยญาณ ๒. ทำการปฏิบัติ ๓. อัดพลังกุศล ๔. สั่งสมโลกวิทู และเพิ่มพหูสูต หลายคน ได้ข้อคิด แตกต่างกันไป โดยส่วนตัว ได้ข้อคิดว่า ความใกล้ชิด ระหว่างหญิง-ชาย ที่ไม่ระวัง จะกลายเป็น ความผูกพัน พระพุทธองค์ จึงตรัสห้ามภิกษุ พูดจากับสตรี โดยไม่จำเป็น เป็นการตัดไฟ แต่ต้นลม ตราบใด ที่ยังไม่รู้เท่าทันในกาม ก็มีสิทธิ์พ่ายแพ้ได้ และเมื่อความผูกพัน กลายเป็นความรักมิติที่ ๒ ก็ไม่ง่าย ที่จะเห็นทุกข์ จากความผูกพันตรงนี้ ดังนั้น ถ้าตั้งใจที่จะใช้ชีวิตพรหมจรรย์ บนเส้นทางโลกุตระ ก็ไม่ควรประมาท

ปีนี้มีคนมามากกว่าปีที่ผ่านๆมา สันติอโศกสถานที่ไม่กว้างขวาง ที่พักมีเท่าเดิม แต่ปริมาณคน มาร่วมงาน เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่พักฝ่ายหญิง ทั้งที่ตึกขาว-ตึกนวล ต้องเรียกว่า แน่นเอี๊ยดทีเดียว หลายคน จึงได้ฝากโจทย์ เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่นอน ห้องน้ำ ที่ตากผ้า แม้จะไม่สะดวกสบาย ในเรื่องดังกล่าว ก็ไม่หงุดหงิด รำคาญใจ เพราะคับที่อยู่ได้ มีแต่ความเบิกบานใจ ที่ได้มาพบหน้ากัน ถามสารทุกข์ สุกดิบกัน

 

๙ มิ.ย.
ทำวัตรเช้า เปิดโอกาสให้สมณะ-สิกขมาตุร่วมรำลึก เกี่ยวกับชาวอโศก ทั้งอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต รูปละ ๓ นาที โดยไม่กำหนดภันเต-อาวุโส มีสมณะมาร่วมรำลึก ทั้งหมด ๒๐ รูป สมณะบินบน ถิรจิตโต เป็นผู้ดำเนินรายการ สมณะเดินดิน ติกขวีโร รำลึกเป็นรูปแรกว่า พ่อท่าน เคยปรารภว่า หากพ่อท่าน มรณภาพลง เรื่องสรีระ-กระดูกของท่าน ยกให้พวกเราพิจารณากันเอง เป็นตัวอย่าง ของความไม่มีอัตตา ของพ่อท่าน แต่เป็นเรื่องที่พ่อท่าน ยกให้หมู่ตัดสินใจ จึงอยากให้พวกเรา กำหนดหมาย เป็นทิศทาง ในการดำเนิน งานศาสนา พวกเราควรจะมีทิศทาง ที่ลดความสำคัญของตัวเรา เพื่อให้ความสำคัญ กับหมู่คณะ เป็นใหญ่ เราจะทำงานอย่างไร ที่เป็นไปเพื่อสลายตัวตนของเรา และฝากคำถามว่า ญาติธรรม ที่ยังอยู่ข้างนอก ทำอย่างไร จะเข้ามาทำงานส่วนกลางได้ ไม่เป็นทาสของโลกธรรม ขอให้พวกเรา มีทิศทาง อย่างที่พ่อท่านเป็นตัวอย่าง นำพาพวกเรา

หลังจากนั้นประชุมพรรคเพื่อฟ้าดิน พ่อท่านเป็นประธาน ในช่วงท้าย มีการปรึกษาหารือ เพื่อระดมทุน ซื้อที่ดินที่แดนอโศก เพื่อเก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ ของชาวอโศก พ่อท่านให้ข้อคิดตอนท้ายว่า ชีวิตของมนุษย์ผู้ประเสริฐจะเกิดมาเพื่อรับใช้มนุษย์ ชีวิตที่เกิดมารับใช้โลกธรรมเป็นชีวิตที่ไร้ค่า

เวลาเดียวกันบริเวณใต้คลังเสียง มีการประกวดอาหารถั่ว โดยแบ่งรางวัลออกเป็น ๓ ประเภท คือ ๑. ประเภทคุณค่าอาหาร ๒. ประเภทรสชาติดี ๓. ประเภทสวยงาม ประเภทละ ๓ รางวัล รางวัลที่ ๑-๒-๓ มีผู้สนใจส่งประกวดถึง ๔๔ รายการ มีคณะกรรมการ ๑๕ ท่านร่วมให้คะแนนตัดสิน

ก่อนฉันวันนี้พ่อท่านเทศน์เรื่อง "นวัตกรรมของสังคม" สิ่งที่ชาวอโศกพาทำ และกำลังทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง กิน-อยู่ -หลับ-นอน ไม่หลงใหล ในค่านิยมของสังคม ไม่หลงใหลแฟชั่น ตั้งแต่หัวจรดเท้า พาณิชย์บุญนิยม การศึกษาบุญนิยม การเมืองบุญนิยม กสิกรรมไร้สารพิษ ทำงานฟรี ใช้จ่าย อยู่ในระบบสาธารณโภคี เหล่านี้คือ นวัตกรรมใหม่ ของสังคม

คณะกรรมการพรรคฯบางส่วน แยกไปประชุมกับเจ้าหน้าที่การเงินของธ.ก.ส. พูดถึงเรื่องปัญหา การเงิน ที่ล่าช้า และไม่ได้รับความสะดวก ซึ่งทาง ธ.ก.ส.รับไปดำเนินการแก้ไข และชื่นชม การอบรมฯ ที่เครือข่ายฯ ทำอยู่ในขณะนี้ว่า ประสบความสำเร็จ แต่เจ้าหน้าที่ของเขาเองเสียอีก ที่ไม่เข้าใจ บทบาท หน้าที่ของตนเอง และไม่ให้ความร่วมมือ ในการอบรมเท่าที่ควร

หลังจากนั้น รับประทานอาหารร่วมกัน มีญาติธรรมมาร่วมแจกอาหารในวันที่ ๙ มิ.ย. มีถึง ๕๗ รายการ และวันที่ ๑๐ มิ.ย. เหลือ ๒๘ รายการ เต็นท์แจกอาหาร อยู่ในซอยเทียมพร เริ่มจากหน้าห้องเผยแพร่เท็ป ถึงตึกตะวันงาย ๑ และบริเวณตึกแดง มีวงดนตรีของน.ร.สัมมาสิกขาต่างๆ และวงฆราวาส บรรเลงให้ฟัง ทั้ง ๒ วัน อาหารแจกกันตั้งแต่เช้าถึงเย็น วันนี้จึงเป็นวันอิ่ม ของทุกคน อิ่มทั้งอาหารกาย อาหารใจ

ประมาณบ่ายโมงครึ่ง ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ คอลัมนิสต์ชื่อดังจาก น.ส.พ.ไทยรัฐ บรรยายเรื่อง "ยุทธศาสตร์กู้ชาติ ให้พ้นสภาพอาร์เจนตินา" ญาติธรรมสนใจฟังกันคับคั่ง และเวลาเดียวกัน ผู้นำศาสนาฮินดู ได้แวะมากราบนมัสการพ่อท่าน ซึ่งท่านเอง ก็รับประทานอาหารมังสวิรัติ เช่นเดียว กับพวกเรา แต่ไม่ทานหอม กระเทียม ท่านได้แวะไปดูกุฏิ ที่พักของพ่อท่าน ซึ่งท่านสนใจมาก ที่พ่อท่านมีชีวิต ที่มักน้อยสันโดษ พักในกุฏิเล็กๆ

ก่อนการแจกรางวัลชนะเลิศ รมว.กระทรวงสาธารณสุข นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้แวะมาร่วมงาน และ กล่าวสนับสนุน การรับประทานถั่วว่า ทำให้สุขภาพ แข็งแรง ทำให้ไม่ต้องใช้บริการ ๓๐ บาท หลังจากนั้น เป็นการแสดง ของนักเรียน สัมมาสิกขาสันติอโศก และ ประกาศรางวัล ผู้ชนะการประกวดอาหารถั่ว โดยได้รับเกียรติ จาก พ.ต.หญิงศิริลักษณ์ ศรีเมือง, คุณจุฬา สุดบรรทัด และคุณแซมดิน เลิศบุศย์ ให้เกียรติมอบรางวัล แก่ผู้เข้าประกวด

ประมาณบ่าย ๓ โมง ประชุมเครือข่ายชาวอโศก พูดคุยในเรื่องสินค้าที่ชาวอโศก บริโภคทุกวัน คือ ข้าวกล้อง ถั่ว งา ที่ยังต้องพึ่งพาถั่ว และงา จากภายนอกอยู่ ทำอย่างไร เราจะพึ่งตัวเองได้ และต้องยอมรับว่า เราตกเป็นทาส เมล็ดพันธุ์ GMO ไปแล้ว แต่ถ้าหากพวกเรายอมรับกันได้ ในเรื่องของผลผลิตต่ำ แคระแกร็น และไม่สวยได้ ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา เมล็ดพันธุ์ GMO

๑๘.๐๐ น. พ่อท่านนำหมู่สมณะ-สิกขมาตุ-ญาติธรรมทำยัญพิธี บูชาพระบรมสารีริกธาตุ บนพระ
วิหารพันปี มีการลุ้นเล็กน้อย เพราะเมฆได้ตั้งเค้า ครึ้มมาทีเดียว แต่แล้วเหมือนปาฏิหาริย์ ขณะเริ่มยัญพิธี ท้องฟ้าก็สว่างไสว จวบจนเสร็จพิธีแล้ว ฝนจึงโปรยปรายลงมา

ประมาณทุ่มครึ่ง ฉายภาพยนตร์เรื่อง ข่าวเด่นของชาวอโศกในรอบประหว่างเดือนมิ.ย.๔๔-มิ.ย.๔๕ ซึ่งเพิ่งเสร็จสดๆ ร้อนๆ โดยก่อนฉายข่าวเด่น คณะกลั่นกรองสินค้า ของชาวอโศก ได้ฉายเรื่อง แชมพูยอดนิยม ของชาวอโศก ที่วางขายอยู่ที่ บริษัทพลังบุญ ว่าแชมพูจากที่ไหน เป์นที่นิยมอันดับ ๑ ถึง ๑๐ ของผู้บริโภค ปรากฏว่า แชมพูจากบ้านราชฯ มาเป็นอันดับหนึ่ง หลังจากนั้น จึงฉายข่าวเด่นในรอบปี ซึ่งเป็นเรื่องการทำงาน ในแวดวงของชาวอโศก ที่เป็นประโยชน็ต่อสังคม ยุติลงเมื่อเวลา ๒๑.๐๐ น.

 

๑๐ มิ.ย.
ทำวัตรเช้าวันนี้ พ่อท่านอธิบายวิธีพิจารณาจิตในจิต ภาคพิสดาร ให้เราไปตรวจสอบตัวเองว่า กิเลสของเรา เพียงแค่ไม่เที่ยง หรือจางคลายลง และเน้น มีนิวาโต คารโว กตัญญูรู้คุณ และการเพิ่มพลังรวม

ในส่วนของนิวาโต คารโว กตัญญูรู้คุณ พ่อท่าน ได้เทศน์ว่า
"...ในเรื่องของนิวาโต คารโว อาตมาอยากจะให้พวกเราได้สำนึก และพยายามพัฒนาจุดนี้ให้ดีขึ้น ให้มากขึ้น แม้แต่สมณะพวกเรา จะเคารพคารวะนักบวช ในศาสนาอื่น ผู้ที่ควรคารวะเคารพ ในระดับนักบวช ก็ควรจะได้ปรับ ท่าทีกันแล้วล่ะ...
...นอกจากวัฒนธรรมนิวาโตคารโวแล้ว อาตมาอยากจะซ้ำอีก ในเรื่องของการรู้จักคุณคน ถ้าเราสามารถ รู้จักคุณค่า ของคนได้ ทำให้เราลดตัวลดตนได้ และทำให้เราญาติดี ถ้าเราระลึกถึง แต่เรื่องโทษ เรื่องสิ่งไม่ดี สิ่งไม่ชอบ มันไม่ประสาน ไม่เกิดความสามัคคี ไม่เกิดความสัมพันธ์

แต่ถ้าเรานึกถึงคุณความดี แม้มีเล็กน้อย เอาล่ะข้อเสียเราไม่ว่ากัน มันจะเกิดภาวะที่สัมพันธ์ได้ ไม่ผลัก ไม่แตกไม่แยก เราต้องการความสัมพันธ์ พอสมควร

ตอนนี้เราเป็ดกว่างออกไปจากเดิมขึ้น ขอให้พวกเราสำนึกสำเหนียกในท้าทีที่เราจะมีทั้งนิวาโต คารโว และ แสดงความรู้จักคุณ รู้จักค่า รู้จัก สิ่งที่เป็นส่วนดีแม้น่อย เราจะพยายามให้ละเอียด ขึ้น รู้จักคุณค่า ของความดี ของแต้ละบุคคลของเรากันเอง ของเพื่อนฝูงกันเอง หรือแม้?แต้ของคนข้างนอก เราพยายาม ระลึกและตรวจสอบ......"

ในส่วนของการ เพิ่มพลังรวม พ่อท่าน ได้เทศน์ว่า "...ใครที่ สามารถจะมาได้ก็มา ไปตรวจสอบตัวเองดูว่า เรานี่ไปนั่งทำงาน เอาเงินเดือน รายได้อยู่ข้างนอก ทิ้งมันเถิดน่าเงินเดือน มาทำงานฟรีเถอะ..... พวกเราที่สามารถ กล้าทิ้งมาได้ แล้วก็พากันมา หรือ แม้แต่ไม่มีเงินเดือนหรอก ทำงานอยู่ในบ้าน ในช่องของตน กิจการส่วนตัวอย่างนั้นเถิดนะ ก็เป็นรายได้เข้าบ้าน ขอตัวมาหน่อยได้มั้ย มาช่วยข้างใน

ตอนนี้เรามีหมู่บ้าน มีชุมชน มีคณะ มีองค์กรเพิ่มขึ้น ที่ต้องการแรงงาน ต้องการผู้ที่มี ความรู้ความสามารถ ผู้ไม่มีความรู้ ความสามารถก็มาฝึกฝนเอาได้ มาที่นี่เราก็ศึกษา ฝึกฝนกันไป มันก็ทำได้ ก็ช่วยๆกันไป เราต้องการจริงๆ เราต้องการพิสูจน์...

...วันนี้ นิวาโต คารโวก็ดี หรือแม้แต้การรู้จักคุณ และสุดท้ายเพิ่มพลังรวม ถ้าใคร สามารถมา รวมพลังได้อีก เพราะองค์กร ของเราเกิดขึ้น งานการของเราเพิ่มขึ้น และเราจะได้ มารวมพลังกัน"

ก่อนฉันเป็นรายการ "อโศกพันธุ์แท้" ดำเนินรายการโดย สมณะกล้าจริง ตถภาโว ผู้ร่วมรายการมี สมณะ เดินดิน ติกขวีโร, สมณะบินบน ถิรจิตโต, สิกขมาตุรินฟ้า นาวาบุญนิยม และสิกขมาตุกล้าข้ามฝัน อโศกตระกูล โดยสมณะกล้าจริง ถามคำถาม เกี่ยวกับ ชาวอโศก ทั้งอดีต -ปัจจุบัน -อนาคต สมณะ - สิกขมาตุ และญาติธรรม ที่นั่งฟังอยู่ สามารถร่วม ตอบคำถามได้ บรรยากาศสนุกสนาน และได้รับความรู้ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ของชาวอโศกเพิ่มขึ้น

รายการยุติลง เมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น. แล้วรับประทาน อาหารร่วมกัน หลังจากนั้น ทุกอย่างก็กลับคืน สู่สภาพปกติ เหมือนไม่มี การจัดงานใดๆมาก่อนเลย เพราะด้วยความร่วมไม้ ร่วมมือของทุกๆคน ช่วยกันเก็บข้าวของ ทำความสะอาด กันอย่างดียิ่ง เรียบร้อย ภายในชั่วพริบตา แล้วจึงแยกย้าย กันกลับ ภูมิลำเนา กลับไปทำงานที่มีทิศทาง เพื่อสลาย ตัวตนของเรา เอามติหมู่เป็นใหญ่ จึงจะได้ชื่อว่า เป็นอโศกพันธุ์แท้

และญาติธรรมท่านใด สามารถที่จะ มาช่วยทำงาน ส่วนกลางได้ก็ตัดสินใจได้แล้ว เพราะทุกหน่วยงาน ต้องการพลังรวม จากทุกท่าน

- ลูกอโศก -


คนพันธุ์ใหม่
เจริญธรรมสำนึกดีพี่น้องใหม่
เร่มาจากถิ่นไทยในทุกที่
หากหัวใจไม่ซึ้งถึงความดี
อาจไม่มีวันนี้ที่เจอกัน
เราคือคนพันธุ์ใหม่โลกไร้แล้ง
ค่าตัวแพงแสนแพงคุณมหันต์
คนที่หาซื้อไม่ได้ในปัจจุบัน
เสียสละอัศจรรย์ทุกวันคืน
ดูเหมือนเฉยชินชาลีลาโลกย์
กลับไม่โศกไม่สลดกลับสดใส
ดูเหมือนโง่งี่เง่าเกินเข้าใจ
คนอะไรชอบให้ไม่ชอบเอา
นี่แหละคนสังคมคนพรรค์นี้
เริ่มจะมีเริ่มจะเห็นรวมเป็นเผ่า
เริ่มจะกอบเริ่มจะก่อพอเห็นเงา
เขาบ้าไปหรือเปล่าเอาไปคิด
ด้วยสองมือลงทำลุยนำหน้า
ด้วยความกล้าเสรีชี้ถูกผิด
ด้วยความเชื่อในธรรมนำชีวิต
ความมืดมิดจะเรืองแสงด้วยแรงเรา
- ลูกหินฟ้า -

(สารอโศก อันดับที่ ๒๔๘ พฤษภาคม ๒๕๔๕)