วิบากกรรมต่างกัน
ไปงานอโศกรำลึกปีนี้
ได้เห็นอะไรแปลกหูแปลกตา
ทั้งพระวิหารก็เกือบจะเสร็จ ตึกฟ้าอภัย ก็ดูใหม่หรูหรา เรื่องวัตถุ
เรื่องอาหาร ก็มีการประกวดหลายราย พืชผักผลไม้ก็เยอะดี โรงบุญ ก็หลากหลาย
มีดนตรี กับนักร้อง อย่างของพวกเรา ขับกล่อมตลอดวัน ที่ ๙-๑๐ มิ.ย.
เช้าวันที่ ๑๐ มิ.ย.
อาตมาไปรับบาตรสายสุวรรณฯ ได้แวะไปเยี่ยมโยมที่คุ้นเคยกัน ซึ่งป่วยเป็นโรค
เส้นเลือด ในสมองแตก นอนป่วยพูดจาไม่ได้ หลายปีแล้ว
เลยได้คิดว่า บางคนก็ไม่ทรมานมากตายไว
หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย หรือบางคนหัวใจวาย ก็ตายได้ง่ายๆ ไปส่งไม่ถึงโรงพยาบาลก็ตาย
เหมือนกับปีก่อน ช่วงงานอโศกรำลึก แฟนของญาติธรรม (โยมชู) ที่อ.ท่าตะโก
จ.นครสวรรค์
พอเที่ยงวันนั้น
มีรถสำหรับผู้ใหญ่ชาวชุมชนจะกลับก่อน (เพราะพวกเด็กนักเรียน จะไปทัศนศึกษาต่อ)
เป็นรถปุ๊ๆ หกล้อ ๑ คัน รถตู้ญาติธรรม ๑ คัน เหลือที่นั่งอยู่ ๒ ที่นั่ง
อาตมาก็ไปเรียก ญาติโยม ที่นั่งอยู่ รถหกล้อว่า ใครจะไปก่อน ก็ไปรถตู้
แต่ไม่มีใครมา ตกลงรถตู้ จึงมีอาตมา นั่งหน้าคู่กับคนขับ ส่วนลูกของ
คนขับ กับหลานของเขา ไปนั่งที่เบาะหลัง
แล้วรถก็ออกจากสันติอโศกมุ่งหน้าไปทางด่วน
ออกมาวงแหวนรอบนอกตะวันออก ลัดไปสายเอเชีย ช่วงนั้น ก็เปิดเท็ปธรรมะ
ฟังพ่อท่านไปปาฐกถาที่ ร.ร.นายร้อย นครนายก ฟังไปฟังมา ก็หลับเป็นช่วงๆ
เพราะอากาศ ร้อนอบอ้าว แม้จะเปิดแอร์ตลอด
พอมาถึงเลยปั๊มเจ็ท
อ.บางปะหัน ก็คิดว่าเพิ่งมายังไม่ไกล คงยังไม่ปวดถ่ายหนักเบาอะไร เลยสะพาน
มาหน่อย เราก็เคลิ้มหลับ ตื่นมายังได้ยินเสียง เท็ปพ่อท่านพูดคุยอยู่
แต่อนิจจา รถมันแล่นมาด้วย ความเร็ว สูง รถได้วิ่งข้ามเส้นเหลือง ของเลนขวา
ลงข้างทาง ระหว่างต้นสะเดาพอดี หวุดหวิด ห่างแค่ประมาณ แขนเดียวเอง
นี่ถ้าคนขับ ตื่นตกใจ หักพวงมาลัย อีกนิดเดียว ไม่พลิกคว่ำ ก็ชนต้นสะเดาแน่
รถพุ่งชนกองดิน ๒ เนิน เลยหยุดเอง
โครม-โครม-โครม
ฝุ่นตลบ กระจกหน้าหลุดออก มองมาที่หน้าคนขับเลือดอาบ เหนือคิ้วขวา
โดนอะไร ไม่ทราบ ได้สติกลัวว่า ไฟอาจลุก ทำให้รถระเบิดได้ จึงบอกผู้โดยสาร
ให้รีบออกมา แต่ประตู ด้านซ้าย ข้างหน้า เปิดไม่ออก ต้องไปออกทางคนขับ
ซึ่งเปิดออกได้
ตั้งสติบอกโยมว่า
ใจดีๆ รีบออกๆ พอเดินไปดูมีโยมละมูล แก้วจริง ถูกตัวถังรถบีบ ติดกับเบาะ
นอนแน่นิ่งอยู่ โยมฟอง ก็ดูงัวเงีย พึ่งจะตื่น ซึ่งตอนโครมสุดท้าย
เสียงเด็กกับผู้หญิง ร้องเจี๊ยวจ๊าวเลย
พอย้ายกันออกมานอกรถ
ก็รอรถช่วยเหลืออยู่แถวนั้น มีแล่นมาสองคัน ปิกอัพกู้ภัย นำไปส่งที่ร.พ.บางปะหัน
ผู้ช่วยพยาบาล ก็นำคนไข้ไปดูแล ส่วนโยมละมูล ควรถูกนำขึ้นรถไปก่อน
โดยพ่อค้า ขายของตลาดนัด เขาจอดรถปิคอัฟ มาช่วยโบกรถ สักครู่ตำรวจมาสองนาย
โยมละมุลพยุงเดินไม่ไหว จนเขาต้องแบก อุ้มไปขึ้นรถ ส่งถึงโรงพยาบาล
จึงรู้เรื่อง ได้สติที่นั่น
พยาบาลรีบช่วยเย็บแผลให้
ที่ใต้เบ้าตาทั้งสองข้าง โยมบอกว่าเจ็บหน้าท้อง และเข่าด้วย
ส่วนภรรยาของคนขับ
ริมปากข้างล่างแตก เจ็บสะโพกกับต้นขา ทั้งสองข้าง
พวกอาการหนักก็พักรักษาตัวอยู่
๒ คน หมอรอดูอาการ ผู้เฝ้าดูแลอีก ๒ คน มีลูกสาวโยมละมูล และ คนขับเอง
สักครู่โยมไปล่ ก็มากับลูกชายคนขับซึ่งเป็นตำรวจ กับหลานที่เป็นตำรวจเช่นกัน
ครู่ใหญ่อาตมาว่าจะไปกับรถลูกเขาแล้ว
พอดีรถปิคอัพของสันติอโศก ที่ทราบข่าว โดยท่านดาวดินพามา แล้วรถตู้คุณพอตัว
ก็มากับคุณแพรฝัน และคนวัดชายอีกคน จึงเปลี่ยนเป็นรถตู้ กลับมาถึงศาลีอโศก
ทุ่มหนึ่งพอดี มาถึงก็ช่วยกัน ประคบรักษา อาการก็ดีขึ้น เจ็บปวดนิดหน่อยเท่านั้น
สรุปคือ วิบากกรรมก็ต่างกัน
แม้มารถคันเดียวกันก็ตาม คนขับเองก็หลับในฝันว่า ได้ขับรถแซงเขา จึงหักพวงมาลัย
แซงไปลงข้างทาง ขณะรถชนเสียงตึ้มๆ จึงรู้ตัวขึ้นมา
ผู้เขียนเองวันนี้ก็มีปวดหลังแถบไหล่ขวาอยู่บ้าง
ขอฝากทุกคนว่า อย่าเผลอประมาท อย่าสู้จนหลับ ง่วงก็แวะพัก ดีกว่า และที่ประทับใจ
ลืมไม่ได้คือ ขอบคุณทุกๆคน ที่ได้ช่วยเหลือกัน ในครั้งนี้
ส.สุพโล
(สารอโศก
อันดับที่ ๒๔๙ มิถุนายน ๒๕๔๕)
|