>สารอโศก

บันทึกคนวัด
ชีวิตก็เป็นอย่างนี้

อ. ๑๖ ก.ค. มีโอกาสได้พบญาติธรรม ซึ่งจัดว่าอยู่ในวัยบั้นปลายของชีวิต จึงได้สนทนากัน พอสมควร เนื่องจาก ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนัก เธอทำงานด้านสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้ป่วยมาร่วม ๓๐ ปี จนสุขภาพ ทรุดโทรม ต้องปลีกตัว ออกไปพักดูแลตัวเอง แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังติดต่อสัมพันธ์กับหมู่กลุ่ม

ตอนหนึ่ง ของช่วงคุยกัน เธอได้แนะนำ ให้ฉันเอาพิษออกจากร่างกาย ไม่ได้หมายถึงพิษ ที่เกิดจาก แมลงกัดต่อย มิได้หมายถึงพิษ จากฝุ่นละออง จากควันหรืออื่นๆ ที่สะสมในร่างกาย หากแต่เป็นพิษ ที่เกิดจากอารมณ์จิต ที่ไม่ปกติ เนื่องจากกิเลส มันแสดงฤทธิ์นั่นเอง ไม่ว่าจะเรื่องใด ก็แล้วแต่ เธอตั้งข้อ สังเกตว่า บางทีมาอยู่วัด ตั้งใจถือศีล ๘ แต่เนื้อแท้ ที่ทำได้เพียงศีล ๕ เพราะยังไม่ลงตัว ยังไม่สมบูรณ์ ฉันมาทบทวนได้ว่า อย่าเห็นศีล เป็นเรื่องเพียงผิวเผิน แค่รักษาศีลไม่ให้ผิด ตามที่บอกไว้เป็นข้อๆ ก็ยังเป็นเพียง สีลัพพตปรามาส ต้องทบทวนตัวเอง และรู้ตัวเอง ให้มากขึ้นว่า ขณะนี้ จิตเป็นกุศล หรือ เป็นอกุศล ตอนนี้จะพูดออกไป ดีหรือชั่ว จะพูดออกไปว่าเขา เพราะอะไร ถ้าจะพูด ก็มีเรื่องต้องพูด ต้องบอก แม้ต้องเถียง แต่เราจะมาหัดแก้ใจเราก่อน ช้าๆไว้ เพราะทำอะไร ก็ยังใจร้อน ทำอยู่ตรงนี้ แต่ใจไปทางโน้น ก็ต้องหัด เท่าที่มือจะไปถึง ทำตรงนี้ไม่เรียบร้อย ถูกว่าบ้าง โดนว่าบ้างได้ไหม ได้สิ ไม่เป็นไร เอากลับมา ดูตัวเอง รู้อยู่ แต่ไม่ค่อยทำ ต้องทำ ทำ ทำบ่อยๆ หัดคิด หัดรู้ตัว หัดอ่านใจ โอ้โห! มีแต่เรื่องดีๆ ที่จะต้อง
ทำ ดีใจจัง สมณะท่านจะสอนว่า ศีลนี้แหละ พาให้พ้นทุกข์ ศีลนี้แหละ พาให้ไปถึงนิพพาน

"ผู้มีศีลแท้ๆ คือผู้มีธรรมะจริงๆ"

ส. ๒๐ ก.ค. วันนี้เป็นวันที่ ชุมชนสันติอโศกได้จัดงานคอนเสิร์ตธารน้ำใจ สู่....คุณวัชราภรณ์ สุขสวัสดิ์ ซึ่งเธอป่วย เป็นโรคไตมาหลายปี งานนี้นับเป็นงานที่วัดค่าสังคม ได้อย่างหนึ่ง ว่าเราจะสัมพันธ์ กับทางสังคมภายนอก เขาจะเปิดรับชาวอโศก ได้ขนาดไหน พ่อท่านบอกว่า หากจะจัดคอนเสิร์ต ให้กับพวกเรากันเอง สังคมข้างนอก เขาไม่รู้จัก คงไม่ได้รับความร่วมมือเป็นแน่ หมู่ชาวอโศก จะอยู่แต่กลุ่ม ของตนเอง พ่อท่านเคยบอกว่า พวกเรานี่แหละ จะไปรอดได้ ด้วยการพึ่งตนเอง แต่ขณะนี้ เมื่อเราเริ่ม พึ่งตนเองได้ เราก็ต้องเป็นฝ่ายให้ด้วย เราต้องสัมพันธ์กับสังคมข้างนอก เพื่องานศาสนา จะได้ไปกว้างขึ้น ด้วยการแสดงน้ำใจ ช่วยเหลือกับผู้ที่ได้เคย ช่วยเหลือกันมาด้วย

งานนี้ศิลปิน นักร้อง มาร่วมงานมากเกินคาดหมาย และโดยเฉพาะ คนสำคัญ ที่เป็นเป้าหมาย ของการจัดงาน ครั้งนี้ คือ คุณวัชราภรณ์ มาร่วมตอนสายๆ ทั้งที่สุขภาพทรุดโทรม ดูเธออิดโรย ผิวพรรณ หมองคล้ำ แต่ก็มาร่วมงาน ด้วยท่าทาง ของผู้มีกำลังใจ สนุกสนาน เธอออกมากล่าวขอบคุณ ในน้ำใจ ขอบพระคุณพ่อท่าน ถ้าหายก็ขอรับใช้พ่อท่านต่อไป ขอบคุณทุกท่าน ที่ให้ความช่วยเหลือ เธอออกมา ร้องเพลงขวัญ ให้ความบันเทิงกับผู้ชม เห็นความอดทน ของเธอ...น้ำตาเอ่อ (น้ำตาเราหนะ ไม่ใช่น้ำตาเธอ) ฉันรู้สึกสงสารมากๆ แทบจะกลั้นไม่อยู่ ชีวิตก็เป็น อย่างนี้.... มีเกิด มีเจ็บป่วย มีตาย บางคนต่อสู้ กับขันธมาร บางคนต่อสู้กับภัยอื่นๆ สุข-ทุกข์ คละเคล้ากันไป

การจะแก้ทุกข์ให้ล่วงพ้น ก็ต้องมาพัฒนาจิตวิญญาณ ชีวิตคนเรา ไม่ว่าจะทำอะไร ร่างกาย และจิตใจ ย่อมสัมพันธ์กัน ถ้าทำให้ถูกระบบ ชีวิตก็จะสมดุลพอเหมาะ ต้องปรับกลไกวิถีชีวิต ให้สอดคล้องกัน จะโกรธเกลียด กันไปทำไม ตอนนี้ก็เตือนตนเองได้ แต่พอเผลอ ก็โกรธแหละ นอนๆอยู่ อาจหยุดหายใจ เลยก็ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็คืนไปกับโลก ตามเหตุตามกาละ อะไรที่เราจะสามารถยึดเหนี่ยว เป็นของเราได้ ก็การกระทำ คำพูด ความคิดของเรา อันชอบนี้แหละ ที่จะตามรักษา และคุ้มครอง เป็นที่พึ่งให้แก่ตน

ฉันรู้สึกภูมิใจที่ได้อยู่วัดมาใช้ชีวิตอย่างนี้ เป็นบุญของเราแล้วหนอ ชีวิตที่พยายามลดละ ในสิ่งติดยึด ผูกพัน มาทำชีวิต ให้มีความยินดี คำนี้ก็ได้ยินมานาน แต่ไม่เข้าใจ เดี๋ยวนี้มารู้สึก สัมผัสกับสภาวะ ตัวยินดีนี้ได้ ยิ่งเกิดความยินดี ที่จะทำต่อไป ยินดีกับตนเอง ยินดีกับคนรอบข้าง ยินดีในสิ่งที่ แต่ละคนได้ทำ ทำอะไร ก็ดีทั้งนั้น เพราะไม่ได้ทำผิดศีล ผิดธรรม มีแต่คนดีๆ ในที่นี้ แต่ละคน ก็มาฝึกฝนตนเอง หนักนิดเบาหน่อย ก็ให้อภัย และมองตน ให้มากขึ้นกว่าที่จะไปโทษ เหตุภายนอก อีกอย่างหนึ่ง ที่ภูมิใจมาก คือได้มาเป็นลูก ของพระโพธิสัตว์ ภูมิใจที่ได้มาปฏิบัติธรรม กระทบผัสสะ ได้รู้จักว่านี่คือกิเลส หน้าตาอย่างนี้ เรียกอย่างนี้ มีชื่อว่าอย่างนี้ ถ้าทำให้เบาบางลง นับว่าเป็นชีวิตที่มีคุณค่า ไม่เสียทีที่เกิดมา ขอให้กำลังใจกับตัวเอง

จ. ๒๒ ก.ค. วันๆเพลิดเพลินหมดเวลาไปกับเรื่องราวต่างๆ จะไม่ให้เครียดก็ต้องทำตัวเองให้สนุก หมออารี บอก ให้ทำติงต๊องบ้าง อายุจะได้ยืนยาว ผัสสะแต่ละครั้งคุมจิตไม่ทัน ก็พูดออกไป เพราะไม่สบอารมณ์ เกิดพิษในร่างกาย ตอนนี้วิธีดูแลสุขภาพที่กำลังนิยมในหมู่ชาวอโศก ก็คือ การทำดีท็อกซ์ (สวนพิษ ออกจากลำไส้ ด้วยกาแฟ) คือเอาของเสียที่คั่งค้างในลำไส้ออก สมณะท่านได้โอกาส มีมุมมองใหม่ ท่านบอกว่า หากพวกเรามาหัดดีท็อล์ค (Talk) อารมณ์ คงจะทำให้หมู่ เกิดความสงบ มากขึ้น คือแต่ละคน จะสังวรในคำพูด ที่จะปล่อยออกไป คำพูดไม่ดีเยอะๆ ก็เหมือนอสรพิษ พ่นใส่คนอื่นให้เจ็บปวด ในตัวเรา เผลอๆก็พ่น ใส่เหมือนกัน ลืมตัวจ้ะ

ทำความยินดีอยู่ได้ไม่นาน ก็ได้ยินข่าวน่าเศร้าใจ คือการจากไปของคุณภูฟ้า แพงค่าอโศก จะทำพิธีเผา ในวันพรุ่งนี้ ทีแรกก็ตัดสินใจไม่ได้ว่า จะไปดีหรือไม่ไป เพราะเดินทางไปเผาเสร็จก็กลับ หนทางไม่ใช่แค่ กรุงเทพฯ - นครสวรรค์ซะเมื่อไหร่ ตกค่ำเมื่อวาน พอได้ยินข่าว มีรถบัสติดแอร์ เหลือที่นั่ง ๕ ที่ เท่านั้นแหละ ตัดสินใจไปเลย ไม่มีลังเล แม้ขาจะเจ็บ เพราะคุณภูฟ้า ก็ได้เคยคบคุ้นกันบ้าง ในฐานะ เคยอยู่ปฐมอโศก ด้วยกัน ยังจำได้ แม้เวลาล่วงเลยมาเกือบ ๒๐ ปี เขาเคยให้ข้อคิดกับฉัน เมื่อ ๓ ปีก่อนว่า ถ้ามีโอกาส ให้สังเกต การทำงาน ของพ่อท่าน การพูดคุยกับคนภายนอก การตัดสินงาน ของพ่อท่านว่า พระโพธิสัตว์ ทำงานอย่างไร

คุณภูฟ้าเป็นผู้บุกเบิก และยืนหยัดอยู่ที่ภูผาฟ้าน้ำ แม้ใจจะชอบทะเล แต่เมื่อต้องมารับผิดชอบ ให้มาดูแล ป่าเขาแห่งนี้ ก็อยู่ด้วยความเต็มใจ เสียสละเต็มที่ เพื่องานศาสนา เป็นผู้มากด้วยศรัทธา ดูแลรับใช้นักบวช ด้วยสัมมาคารวะ ด้วยความอ่อนน้อมเต็มใจ พัฒนาภูผาฟ้าน้ำ จากสังฆสถาน จนก่อตั้งเป็น พุทธสถาน และ ชุมชนภูผาฟ้าน้ำ ได้สำเร็จ และความเป็นผู้มี มนุษยสัมพันธ์ดี คบคุ้นช่วยเหลือ และเป็นที่พึ่ง ของชาวบ้าน แม่เลา ชาวปะปากญอ จนได้รับความไว้วางใจ แม้จะต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา แต่ศาสนา ไม่ได้ปิดกั้น กลับเปิดกว้าง ต้อนรับมนุษยชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกชนชั้น

อ. ๒๓ ก.ค. ก่อนฉัน ที่ภูผาฟ้าน้ำ สมณะเวียนธรรมกล่าวถึงคุณงามความดีของคุณภูฟ้า หลายคน แสดงความเสียใจ แม้แต่ชาวปะปากญอเอง ซึ่งคุณภูฟ้าได้ให้ความช่วยเหลือไว้มากเหมือนกัน แม้เขาจะอดทน ต่อสู้กับโรค โดยอาจคิดไปว่า ไม่เป็นอะไรมากนัก ยังต้องเร่งงานอีกหลายอย่าง แต่ความตายก็ไม่เว้นเขา สุดความสามารถของหมอ ที่จะช่วยทัน หากเขายังมีชีวิตอยู่ คงจะพัฒนา ภูผาฟ้าน้ำ ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ถึงเขาจะไม่กลัวตาย แต่ฉันก็คิดว่า เขาคงยังไม่อยากตาย ในวัยขนาดนี้

พ่อท่านเทศน์ก่อนทำพิธีเผาศพ....อย่าช้า ความตายมีอยู่ทุกเวลา... งานศพเป็นงานที่เตือนสติ ได้เป็นอย่างมาก...

ฉันได้ยินว่า คุณภูฟ้าตั้งใจว่า หากหมดสิ้นภาระแล้ว ในวันข้างหน้า จะกลับมาบวช กับชาวอโศก อีกครั้ง ขออนุโมทนา ... ดอยแพงค่า ยังรอผู้เข้ามาสู่อ้อมโอบของหุบเขาแห่งนี้ เพื่อสืบสาน อุดมการณ์ ของหมู่ต่อไป

อา. ๒๘ ก.ค. วันนี้พ่อท่าน สัตตาหะมาจากบ้านราชฯ เพื่อมาประชุม หน่วยงานองค์กรต่างๆ ก่อนฉันวันนี้ พ่อท่านเทศน์ ให้ความเห็น แสดงความรู้สึกว่า พวกเราชาวอโศกนี่แหละ จะเป็นมนุษย์เผ่าพันธุ์ ที่มีอายุยืน และต้องหัด เบิกบานแจ่มใสเป็นเบื้องต้น พ่อท่านเทศน์เน้น หลักที่จะทำให้สุขภาพดี มีชีวิตยืนยาว

ฉันเองไม่รู้ จะยืนต่อไปได้อีกกี่ปี ช่วง ๒-๓ เดือนนี้ ข่าวการตายของญาติธรรม ทยอยเข้ามา ให้ได้ปลง อนิจจังบ่อยๆ ปลงๆ เดี๋ยวก็ลืมอีกแล้ว แต่ฉันคอย จับจ้องมันอยู่ เจ้าตัวอึดอัด ขัดเคือง ขี้รำคาญ มันชอบดึงเรา ให้แสดง อาการชอบใจ ไม่ชอบใจ ไม่ว่าจะเป็น จิตที่ดึงเข้ามาเพราะชอบ หรือผลักออกไป เพราะไม่ชอบ เราจะต้องรู้ ให้เท่าทัน กุศลหรืออกุศล

พรรษานี้ต้องหัดช้าๆไว้ก่อน ต้องหัดทน ก็คือมันต้องฝืน ถ้าไม่ฝืนก็ไม่ต้องทน ไม่ต้องบังคับใจ แต่จะรู้เท่าทัน ถ้าอดรนทนไม่ได้ จนต้องพูดออกไป จะให้เขาทำอย่างโน้นอย่างนี้ ก็ต้องรีบหยุดดูใจ เขาไม่ทำ เราก็ต้อง หุบปาก ไม่งั้นใจมันร้อน จะไปเปลี่ยนแปลงเขา เราต้องรักษาใจของเราก่อน เราเชื่อว่าเขาต้องพัฒนา เราเชื่อว่า ใจเราก็ต้องพัฒนา ทุกคนต่าง จากบ้านเกิดเมืองนอน ของตนเอง มาฝึกดี อดทนอีกนิด รอคอยอีกหน่อย หวังสุขทุกคนมี รอทั้งใจเรา รอทั้งใจเขา ที่จะรู้ตัว ที่จะพัฒนา เพราะเรามักไม่ค่อย จะรู้ตัวเอง

เมื่อวันจัดงาน ธารน้ำใจฯ ฉันเพิ่งจะประทับใจ กับเนื้อร้อง ของเพลงลุ่มเจ้าพระยานี่เอง ชอบใจนะ เพราะกำลัง ตรงกับความรู้สึกเลย... เราเกิดมาผูกใจรักกันดีกว่า เพราะว่าชีวาแสนสั้น...

ความเข้าใจและความอ่อนน้อม จะเป็นพลังที่จะนำไปลดตัวลดตนเองได้ กงล้อธรรมจักร จะค่อยๆ เคลื่อนไป ด้วยความนุ่มนวล อ่อนโยน สงบเย็น จึงจะไม่แตกหัก ความเข้าใจ ความเห็นใจ จะสามารถ ทลาย ความแข็งกระด้าง ของการเอาแต่ใจตัว การเพ่งโทษ การถือสา ขี้รำคาญ ฉันมั่นใจว่า ความเข้าใจ และ ความอ่อนน้อม เป็นทางที่ถูกแล้ว

- ร้อยดอกศีล -

(สารอโศก อันดับที่ ๒๕๐ กรกฎาคม ๒๕๔๕)