บทความใน สารอโศก ตอน...
ชาติหน้ามีจริงหรือ?
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 231
หน้า 1/1

ชาติหน้ามีจริง หรือ ?

ใครๆ ที่เคยฟังเทศน์ ของ พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์อยู่เสมอ คงจะเคย ได้ยินท่านสอนอยู่เสมอๆ ว่า ทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว บาปมีจริง บุญมีจริง นรกมีจริง สวรรค์มีจริง กรรมดีกรรมชั่วมีจริง คนเรานี้มีกรรมเป็น ของ ๆ ตน มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นมรดก ใครทำกรรมดี หรือ กรรมชั่ว จะต้อง ได้รับผล ของ กรรมนั้นแน่นอน ต่างกันแต่ว่าจะช้า หรือ เร็วเท่านั้น และ ท่าน ก็สอนอีกว่า ชาติหน้ามีจริง

ณ บัดนี้กระผมจะขอนำท่านสู่บทพิสูจน์ที่ว่าชาติหน้ามีจริง หากท่านอ่านเรื่องนี้จบลง

ก็อย่าเพิ่งเชื่อกระผมเลย แต่ขอให้พิจารณาติดตามตริตรองดูให้ดี ว่าชาติหน้ามีจริง หรือ ? เชิญท่านเข้าสู่เรื่องราว ได้แล้วครับ

พ่อใหญ่สุ่ม หาญสุริ ขณะนี้อายุ ๗๓ ปี อยู่ที่บ้านโคกพันโปง หมู่ที่ ๔ ต.บ้านเป็ด อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น มีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก คือ คุณยายเหรียญ ซึ่งขณะนี้ ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว เมื่อปลายปี ๒๕๔๑ นี้เอง มีบุตร ๖ คน คนที่ ๕ ชื่อ สุริยน หาญสุริ เมื่อปี ๒๕๐๙ อายุ ๑๑ ปีพอดี กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.๓

ในปี ๒๕๐๙ นั้น ที่บ้านเป็ดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านโคกพันโปง ได้มีงานบุญต้องรับผ้าป่าจากกรุงเทพฯ มาทอดที่วัดบ้านเป็ดมีมหรสพการละเล่นหลายอย่าง จัดงานขึ้นบริเวณลานบึงกี่

ที่หน้าวัดนั้นเอง

ในตอนเย็นวันนั้น มีการชกมวยการกุศลขึ้นมาด้วย ผู้คนพากันหลั่งไหลมาเพื่อจะเข้าดูมวย ในขณะที่ผู้คนกำลังพากันซื้อตั๋ว เข้าดูมวยอยู่นั้น อันธพาลประจำหมู่บ้านจำนวนหนึ่ง ได้พากันมาเบ่งหวังเข้าชมมวยฟรี แต่ ก็ ได้รับการทัดทานจากผู้เ ก็บตั๋วว่า ให้กลับไปซื้อตั๋วก่อนค่อยเข้า ได้

แม้เจ้าหน้าที่รักษาประตูจะพูดจาอย่างไร พวกอันธพาลเหล่านั้น ก็ไม่ยอมเชื่อฟัง เขาจึงบอกว่า “รอผมอยู่ตรงนี้ ให้ผมไปพูด กับหัวหน้าผู้จัดการมวยก่อนนะ” แล้วเจ้าหน้าที่คนนั้น ก็เดินหายเข้าไป ในบริเวณเวทีมวยที่ล้อมผ้าเอาไว้ ไม่นาน ก็ ได้พาเอาผู้จัดรายการมวยออกมาพร้อมกัน

ผู้จัดรายการมวยคนนี้พ่อใหญ่สุ่มเล่าว่า เขา คือ หัวหน้าผู้คุมคิวรถ บขส.ขอนแก่น ในสมัยนั้นนักเลงน้อยใหญ่เรียกเขาว่าพี่เลยทีเดียว

เมื่อมาพบ กับพวกอันธพาล ผู้จัดรายการมวย ก็ ได้พูดจาหว่านล้อมต่างๆ นานาว่า “พวกผมซึ่งเป็นคนในเมืองขอนแก่น ไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้ มาจัดรายการมวยในครั้งนี้นั้น เงินทุกบาททุกสตางค์ ก็ไม่ขอเอาเลย นอกจากจ่ายค่าตัวนักมวย แล้วที่เหลือ ก็ยกให้ทางวัดหมด ซึ่งวัดนี้ ก็เป็นวัดบ้าน ของ พวกคุณเอง พวกคุณน่าจะช่วยกันนะ อย่าทำตัวเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีงาม ให้คนอื่นเขารู้เห็นเลย”

ผู้จัดรายการมวยพูดกัน กับอันธพาลเป็นเวลานานพอสมควร แต่ด้วย ฤทธิ์สุราที่พวกอันธพาลพากันกินมา ต่าง ก็มึนเมามาทุกคน แม้จะพูดจาหว่านล้อมด้วย เหตุผลอย่างไร ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ พวกอันธพาลมีแต่จะดึงดันเข้าดูมวยฟรีเสียให้ ได้ ผู้จัดรายการมวยเห็นว่า พูดกันไม่รู้เรื่อง ชักเดือดดาลเลยเอามือไปกอดคอหัวหน้าอันธพาล แล้วพูดว่า “ไปกับผมก่อนนะ” แล้วพาออกห่างจากบริเวณที่มีผู้คนพลุกพล่านนั้นไป เมื่อเห็นว่าปลอดจากผู้คนพอสมควรแล้ว เขา ก็ ได้สอดมืออีกข้างหนึ่งลงไปที่เอว ชักปืนสั้นที่เหน็บเอาไว้ออกมา จ่อที่หัว ของ หัวหน้าอันธพาลทันที กะจะยิงหัวให้ตายไปเลย

แต่หัวหน้าอันธพาลมองเห็นปืนเสียก่อน เลยก้มหัวลง ขณะนั้นเองผู้จัดการมวย ได้เหนี่ยวไกปืนพอดี เสียงดังเปรี้ยง!ลูกปืนเลยเฉียดไป ลูกปืนพลาดเป้าหมาย มัน ก็วิ่งไปตามวิถีกระสุน ของ มัน ขณะนั้นลูกชาย ของ ผม ด.ช.สุริยน หรือ ชื่อเล่นว่า เจ๋ง กำลังจะเดินไปซื้อตั๋วเพื่อดูมวย ในมือ ก็กำลังถือถุงน้ำแข็ง ซึ่งเขาซื้อติดมือมาด้วย เดินผ่านเข้าทางลูกปืนวิ่งมาพอดี

พ่อใหญ่สุ่มเล่าต่อไปว่า ผู้คน ก็พอสมควรตรงที่ลูกชาย ของ ผมเดินไปนั่น แต่ลูกปืนไม่ถูกใครเลยสักคน แต่ดันมาถูกตรงรูจมูกลูกชาย ของ ผมพอดี ถึง กับล้มทั้งยืน กระสุนเข้าไปตุงอยู่ที่บริเวณท้ายทอย และ เขา ก็เสียชีวิตในทันที งานบุญวันนั้น ได้กลายเป็นงานบาปไป ผู้คนต่างหายสนุกสนาน งานนั้นกร่อยไปเลยทีเดียว ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่ที่บ้าน มีคนวิ่งมาบอกว่า “ไอ้เจ๋งถูกยิงตายแล้ว” พอ ได้ยินแค่นั้นผมรีบวิ่งไปดู เห็นลูกชายนอนตายแล้ว ก็รู้สึกเศร้าสลดใจมาก ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ ก็มาพิสูจน์ศพ แล้ว ก็มอบศพให้มาจัดการตามประเพณี ส่วนผู้ที่ยิง ก็ไม่หนีไปไหน เขามอบตัว กับเจ้าหน้าที่ ได้ถูกจับไปขังเอาไว้ที่โรงพักเมืองขอนแก่น เขามอบตัวเพราะไม่มีเจตนาฆ่าเด็ก เขาสงสารเด็ก เขาพูด กับตำรวจว่า ผมยอมรับผิดครับ

เมื่อพ่อใหญ่สุ่มจัดการงานศพ ของ ลูกชายเสร็จแล้ว ก็ไปที่โรงพัก พอพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ่อใหญ่สุ่มผู้มีใจอารีย์ ก็บอก กับเจ้าหน้าที่เขาว่า “คนยิงลูกชายผมอยู่ไหน ช่วยนำมาพบผมหน่อย” เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไปตามมาจากที่คุมขัง พอพ่อใหญ่สุ่ม ได้พบ กับคนยิงลูกชาย เขา ก็ยกมือไหว้ แล้ว ก็พูดว่า “พ่อครับ ผมขอโทษคุณพ่อด้วย ผมไม่เจตนาจะยิงเด็กเลย ผมขอโทษครับ” เขาพูดด้วย สีหน้าที่เศร้าหมอง

พ่อใหญ่สุ่มยกมือไหว้ตอบเขา แล้วพูดว่า “เอาเถอะสบายใจ ได้ ผมขออโหสิกรรมให้

เพราะหากผมจะเอาเรื่องคุณ บาปกรรมมัน ก็จะไม่สิ้นสุด พระท่านว่า เวรย่อมระงับด้วย การไม่จองเวร ถึงผมจะเอาคุณติดคุกติดตะรางไป ๑๐ ปี ๒๐ ปี ลูกชาย ของ ผม ก็ไม่สามารถจะกลับฟื้นคืนชีพมา ได้หรอก เสียเวลาทำมาหากินคุณเปล่าๆ เอาอย่างนี้...ผมขอค่าทำศพลูกผมสัก ๕,๐๐๐ บาท แล้วผมจะให้ตำรวจปล่อยตัวคุณไป”

เรื่องที่คิดว่ามันจะยาก ในความรู้สึก ของ ผู้ที่ยิงเด็กตาย ก็กลับง่ายขึ้น เพราะพ่อใหญ่สุ่มผู้มีใจเป็นพระพรหมคนนี้ คนที่ยิงเด็กตาย ก็พูดตกลงกันทันที และ ก็ ได้มอบเงินจำนวน ๕,๐๐๐ บาทถ้วนให้พ่อใหญ่สุ่มไป เจ้าหน้าที่เห็นว่าเมื่อเจ้าทุกข์ไม่เอาเรื่อง ก็ปล่อยตัวผู้ต้องหาไป แล้วเรื่อง ก็เงียบหายไป

จะกล่าวถึงอีกครอบครัวหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่บ้านเป็ดนั่นเอง มีหัวหน้าครอบครัวชื่อว่า นายอาวุธ กันหา และ นางพิศมัย กันหา เป็นภรรยา มีบุตรที่เกิดด้วย กัน ๒ คน ผู้พี่เป็นหญิงชื่อน้ำฝน เป็นสาวสวยงามมาก ส่วนคนน้องเป็นชายชื่อ เทวฤทธิ์ มีชื่อเล่นว่า ชาย คล้ายคนปัญญาอ่อน พูดจาไม่ค่อยชัดเจน ตอนที่เกิดมา ได้ประมาณ ๔-๕ ปีพอเดิน ได้ พ่อแม่ ได้พาไปนาด้วย จะต้องเดินผ่านบริเวณลานบึงกี่นี้ แต่ทุกครั้งที่ ด.ช.เทวฤทธิ์เดินผ่านที่ตรงนี้ เขาจะพูด กับแม่ กับพ่อ กับพี่สาวอยู่เสมอว่า “ชายกลัวตรงนี้ ชายกลัว ชายไม่อยากมา อย่าให้ชายมาเลย” ฉะนั้นพอพ่อแม่พี่สาวจะชวนไปนา ชาย ก็จะพูดเช่นนี้อยู่เสมอว่า “ชายกลัว ชายกลัวตรงนี้” (ลานบึงกี่ ที่บ้านเป็ดนี้ จะมีบึงใหญ่ เหนือบึงขึ้นไปจะมีลานใหญ่กว้างมาก เนื้อที่ตรงนี้ประมาณ ๔-๕ ไร่ ชาวบ้านชอบจัดงานบุญ งานประเพณีต่างๆ ที่ตรงนี้)

พ่อ กับแม่ ก็จะพูดปลอบใจชายอยู่เสมอว่า “ไม่ต้องกลัว กลัวอะไร ไม่เห็นน่ากลัวอะไรเลย” ผู้เป็นพ่อแม่พูดจาปลอบโยนลูกอยู่เสมอ ชาย ก็มักจะตอบว่า “ชายกลัว เพราะชายถูกเขายิงตายอยู่ตรงนี้” ผู้เป็นพ่อแม่ ก็คิดว่า ลูกคนนี้พูดเพ้อเจ้อไร้สาระ ก็ไม่เอาใจใส่ เพราะเห็นว่าลูกเกิดมาไม่สมประกอบ พูดไปอย่างนั้นๆ เอง

เมื่อเวลาอยู่ว่างๆ ชายมักจะเล่าเรื่องในอดีตชาติให้ กับญาติๆ ฟัง ว่าชาติก่อนเขาเกิด กับคนบ้านโคกพันโปง เกิด กับพ่อชื่อสุ่ม แม่ชื่อเหรียญ มีพี่น้องร่วมกัน ๖ คน เขาเป็นคนที่ ๕ ตัวเขาตายตอนอายุ ๑๑ ปี ตายเพราะถูกยิงตายที่ลานบึงกี่ ตรงที่บอกว่ากลัวนั้น ด.ช.เทวฤทธิ์มักจะเล่าเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่อย่างนี้เรื่อยๆ

ในปี ๒๕๔๑ อายุ ของ เขา ก็ ๑๓ ปีแล้ว เขายังพูดเรื่องนี้อยู่อีก ผู้เป็นป้า ก็เลยพูดกัน กับน้องสาวซึ่งเป็นแม่เด็กคนนี้ว่า “เอ! ที่เจ้าชายมันพูดมาน่ะ หรือ ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง หือ! พวกเราไปสืบดูก่อนนะว่า คนที่ชายมันอ้างว่า พ่อแม่ในอดีตชาติ ของ มันชื่อสุ่ม กับเหรียญอะไรนี่ มีจริง หรือ เปล่า “

เมื่อพี่น้องชวนกันแล้ว ก็พากันแต่งตัว ขี่มอเตอร์ไซด์ซ้อนกันไปที่บ้านโคกพันโปง ซึ่ง ก็อยู่ไม่ห่างกันเลย แค่ ๑ กม.เท่านั้น ไม่นาน ก็มาถึง แล้ว ก็เที่ยวถามหาว่า “รู้จักคนชื่อพ่อสุ่มแม่เหรียญไหม” ผู้ที่ถูกถาม ก็ตอบว่า”รู้จักบ้านอยู่ตรงหอกระจายข่าวนั้นล่ะ” เมื่อรู้แน่ชัด ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตามที่คนบอกทันที แล้วมาจอดที่ตรงหน้าบ้าน ของ พ่อใหญ่สุ่ม

“บ้านนี้บ้าน ของ พ่อสุ่มใช่ไหมครับ”

พ่อสุ่มตอนนั้นอยู่บ้านพอดี เพราะภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากกำลังนอนป่วยอยู่ “ใช่ มีอะไร หรือ”

“ฉันนะมานี้เพราะหลาน ของ ฉัน มันบ่นบอกว่า ในอดีตชาติ ของ มันมีพ่อชื่อว่าสุ่ม มีแม่ชื่อว่าเหรียญ มันบอกมาหลายปีแล้ว แต่ไม่เชื่อมัน เดี๋ยวนี้มันอายุ ๑๓ ปีแล้ว มันยังบอกยังบ่นอยากมาหาพ่อแม่เก่า ของ มัน เลยมาสืบดูให้มัน”

แล้วเรื่องราวต่างๆ ของ ด.ช.เทวฤทธิ์ และ เรื่อง ของ ด.ช.เจ๋ง ก็ ได้ถูกเปิดเผยออกมาจากทั้งสองฝ่าย เมื่อพูดกันจนกระทั่งรู้เรื่องดีแล้ว ก็ลากลับกัน ก่อนจากพ่อสุ่ม และ แม่เหรียญ ได้สั่งกำชับว่า

ให้พาเขามาพบด้วย เพราะอยากเห็นตัวจริง ของ เขา

ในวันต่อมา รถมอเตอร์ไซค์ ก็ ได้บรรทุกคน ๓ คน คือ ป้าผม แม่พิศมัย และ ด.ช.เทวฤทธิ์ ผู้อ้างตัวว่า เป็นลูก ของ พ่อใหญ่สุ่ม กับแม่เหรียญในอดีต ก็ซ้อนท้ายรถมอร์เตอร์ไซค์กันมา มุ่งหน้าสู่บ้านโคกพันโปง ไม่นานรถ ก็พาทั้ง ๓ คนมาถึงที่บ้านพ่อใหญ่สุ่ม รถยังไม่ทันจอด ด.ช.เทวฤทธิ์ ก็บอกว่า “จอด...จอด ถึงบ้านแล้ว” ทั้งๆ ที่ไม่มีคนบอกเขา

พอรถจอดทั้งสามคน ก็ลงจากรถ ป้าผม ก็เลยเรียกหาพ่อใหญ่สุ่มว่า “พ่อ...พ่อ...ฉันพาลูก ของ พ่อมาแล้ว” พอพ่อสุ่ม ได้ยิน ก็เดินออกจากบ้านมา พอพ่อลูกพบกัน ชาย ก็โผเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อในอดีตชาติ ปาก ก็พร่ำว่า “พ่อ...พ่อ...ชายมาหาพ่อแล้ว ชายคิดถึงพ่อมาก” ผู้ใหญ่สุ่มเมื่อโดนผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นลูกมาสวมกอด ก็ถึง กับงงเป็นไก่ตาแตกเลยทีเดียว

พอ ได้สติพ่อใหญ่สุ่ม ก็พูดว่า “เป็นลูกพ่อจริงๆ หรือ ?”

“จริงครับพ่อ” พ่อใหญ่สุ่มขณะนี้อยู่ในวัยชราแล้ว พอ ได้ฟังแค่นั้นถึง กับน้ำตาคลอไปเลย แล้วพูด กับลูกว่า

“นั้นล่ะ ใคร” พลางชี้มือไปที่ชายคนหนึ่ง ซึ่งกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ ชาย ก็ตอบว่า “นั้น คือ

พี่ชาย ของ ผม”

และ พอดีนายเพ็ง ซึ่งเป็นลูกชายคนที่ ๖ ของ พ่อใหญ่สุ่มเดินเข้ามาในบ้านพอดี จึงถามชายว่า “นั้นละ ใคร?” “คนนี้น้องชาย ของ ผมเอง”

แล้ว ก็พาชายไปหายายเหรียญ ซึ่งขณะนั้นกำลังนอนป่วยอยู่ พลางถามว่า “นี้ ใคร” ชายพอพบแม่ ก็พูดว่า “แม่...แม่...แม่เป็นอะไรนะ ชายคิดถึงแม่ ชายอยากมาหาแม่หาพ่อนานแล้ว แต่พ่อแม่ทางนั้นไม่พาชายมาหาสักที ชาย ได้แต่บ่นคิดถึงพ่อแม่อยู่เสมอ แต่ทุกคน ก็บอกว่า ชายพูดเล่น”

ยายเหรียญ ได้ฟัง ก็ยื่นมือมาหา ด.ช.

เทวฤทธิ์ พลางพูดด้วย เสียงสั่นเครือว่า “ลูกเอ๋ย...แม่ ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน ลูกทำไมไม่มาเกิด กับแม่ละลูก ถ้าลูกเป็นลูก ของ แม่จริง”

“ผมจำทางมาไม่ ได้ครับแม่ พอผมโดนยิง ผม ก็เจ็บปวดมาก จำทางมาบ้านไม่ ได้ ผมเลยไปเกิด กับคนบ้านเป็ดครับแม่”

เมื่อทุกคนหายสงสัยกันหมดแล้ว พ่อใหญ่สุ่ม ก็เลยบอกลูกๆ ทุกๆ คน ให้พากันเอาฝ้ายมาผูกรับขวัญ พี่ทุกคนต่างพากันทึ่งในคำพูด ของ ชาย ผู้เป็นคนคล้ายๆ คนพิการ หรือ คนปัญญาอ่อนคนนี้ แต่จำเหตุการณ์ต่างๆ ได้หมด แล้วทุกอย่าง ก็จบลงด้วย ดี พ่อแม่พี่ๆ น้องๆ ได้พบหน้ากันต่างดีใจ ต่างซาบซึ้ง ต่างปลาบปลื้ม คิดไม่ถึงว่า คนตายไปแล้วจะมาเกิดใหม่ ได้จริง

ท่านที่อ่านเรื่องนี้จบลง ท่านล่ะเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นจริงไหม สำหรับกระผมผู้เขียนเชื่อสนิทเลย เพราะกระผมเชื่อในคำสอน ของ พระพุทธเจ้าว่า

วัฏฏสงสาร คือ การเวียนว่ายตายเกิด เป็นทุกข์อย่างยิ่ง ใครๆ ไม่ควรประมาทเลย เพราะหากพลาดพลั้งทำบาปกรรมลงไป จะต้องชดใช้หนี้กรรมนั้นนานแสนนาน

ก่อนจาก กระผมขออ้างเอาคำสอน ของ พ่อท่าน ที่เคยพร่ำสอนลูกๆ อยู่เสมอว่า

คนเราเกิดมาเป็นคน ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ได้เกิดมา ได้ร่าง ของ คนมาแล้ว จงหมั่นทำแต่กรรมดี สั่งสมแต่กรรมดี จงหลีกเว้นกายวาจาใจให้ห่างจากกรรมชั่ว เมื่อเราทำแต่กรรมดี อนาคตจะเป็นสิ่งกำหนด ให้เรา ได้พบ ได้เห็นแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต ไม่ว่าชาตินี้ หรือ ชาติหน้า หรือ ชาติไหนๆ

- ก่อแก่น ( สำอางค์ ป้องนาม )

(ป.ล. หากใครอยากพิสูจน์เรื่องนี้ ก็มาพบ กับกระผม...สำอางค์ ป้องนาม บ้านโคกพันโปง หมู่ ๔ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น หรือ จะโทรถามที่ ๐๔๓-๓๔๕๐๕๙ ผมยินดีต้อนรับ พาไปพบ กับบุคคลเหล่านี้ ได้ทุกวัน )

end of column
 

ชาติหน้ามีจริง หรือ ? (สารอโศก อันดับ ๒๓๑ หน้า ๙๐ ธ.ค.๔๓)