ฝากไว้ในแดนธรรม ระลึกถึง พรพิชัย เจียมกัลชาญ ตอน ...
ครั้งหนึ่งในชีวิต
หนังสือพิมพ์สารอโศก
หน้า 1/1

ครั้งหนึ่งในชีวิต

ข้าพเจ้าเป็นผู้โชคดีผู้หนึ่ง ที่ได้มีโอกาสได้พบหมู่กลุ่ม ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตั้งแต่ปี ๒๕๒๑ และก็ได้ติดตามฟังธรรม นำเอาหลักคำสอนของพุทธศาสนาที่แท้จริง เอามาประพฤติปฏิบัติตามอินทรีย์พละของตน ได้ลด ละ เลิก สิ่งต่างๆมาตามลำดับ จนสามารถมาทำงานฟรีได้ เมื่อวันที่ ๑ พ.ค.๓๐ ที่ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย

ก่อนที่จะลาออกจากงาน ข้าพเจ้าก็ได้มาฝึกงาน ณ สถานนี้ก่อนแล้ว เช่นงานเก็บจาน ล้างหม้อ ล้างจาน เก็บกวาด ทำความสะอาด เฝ้าร้าน เมื่อลาออกจากงาน ก็ได้มาช่วยขายของหน้าร้าน ตอนเช้าก็ไปช่วยเขายกของจ่ายตลาด จนคุณลักขณา(เล็ก)ป่วยเสียชีวิตลง รินบุญก็ไปจ่ายตลาดแทน ระยะนี้ข้าพเจ้าเป็นคนขับรถ และก็ช่วยจ่ายตลาดด้วย ยกของจัดของขึ้นรถเสร็จ

ก่อนหน้านี้สองเดือนกว่า พรพิชัยก็ได้ฝึกหัดขับรถ และก็ได้ทำหน้าที่ขับรถไปให้ พรพิชัยเป็นคนขยันมาก แม้เขาจะขับรถแล้ว ก็ยังไปช่วยจ่ายตลาด ยกของจัดของขึ้นรถให้เรียบร้อยด้วย

จนเช้าของวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๓๔ นี้เอง หลังจากพวกเราได้ซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้ว พรพิชัยก็ได้ทำหน้าที่ขับกลับมาชมร. พวกเราทั้งหมด ๕ คน มีข้าพเจ้า คุณดินทอง น้องบุญมาก สุชัยวัน พี่สมบูรณ์ ทุกคนหลับกันหมด ซึ่งปกติพวกเราก็มักจะหลับกันมาเสมอ เพราะพวกเราตื่นไปกันตั้งแต่เที่ยงคืนครึ่ง

รถวิ่งมาจะนานเท่าไรก็ไม่ทราบ มารู้ตัวอีกครั้งได้ยินเสียงรถดังเปรี้ยง รถพลิกคว่ำ ข้าพเจ้ามีสติรู้ตัว รู้ว่าตัวเองยังไม่ตาย ลุกขึ้นมามีอะไรมาทับก็ไม่รู้ จึงเอาออก รู้สึกว่าตัวเองมีเลือดออกที่บริเวณหน้า จมูกและหัวด้านหลังเลือดไหล รู้สึกว่าร่างกายยังเดินได้ จึงเดินออกมาจากรถ รถเหม็นยางไหม้มาก คนแรกที่เห็นคือน้องบุญมาก นอนสลบอยู่กองข้าวโพด เห็นเฮียดินทองเดินอยู่ บริเวณหน้าบวมมีเลือดไหล เห็นสุชัยวันเดินอยู่ ข้าพเจ้าจึงเดินไปทางหน้ารถ เห็นพี่สมบูรณ์ยืนร้องไห้อยู่ พลางก็บอกว่าให้ช่วยพรพิชัยด้วย เมื่อข้าพเจ้าไปดูที่คนขับ ก็เห็นพรพิชัยหัวถูกรถทับ ข้าพเจ้ารู้สึกได้ทันทีว่า เราไม่สามารถช่วยพรพิชัยได้แล้ว จึงเดินไปเพื่อจะหาโทรศัพท์โทรติดต่อมายังวัด แต่ก็ไม่รู้จะโทรที่ไหน ขณะที่เดินอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากรถที่แล่นผ่านไปว่า ให้ดับเครื่องก่อน พอข้าพเจ้าได้ยินทีแรกข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะไปทุบกระจกหน้ารถ แต่ก็คิดว่าอย่าเพิ่งหาทางอื่นก่อน พอดีไปดูทางด้านคนนั่ง เห็นกระจกหมุนขึ้นอยู่ครึ่งบาน ยังพอมีช่องเข้าไปได้ ข้าพเจ้าจึงปีนขึ้นไป ขณะที่ปีนอยู่นั้น ก็รู้สึกว่าตัวเองเจ็บที่ซี่โครงด้านซ้าย แต่ก็พยายามปีนเข้าไปดับเครื่องปิดไฟรถ ขณะนั้นก็ได้เห็นท้องพรพิชัยแขม่วเป็นครั้งสุดท้าย ข้าพเจ้าก้มลงดูเพื่อหาทางช่วยเขาอีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นว่าจะช่วยได้อย่างไร เมื่อข้าพเจ้าปีนออกมาจากรถไปดูพรพิชัยอีกครั้ง เฮียดินทองก็บอกว่า เราไม่สามารถช่วยเขาได้แล้ว ให้ไปโรงพยาบาลกันเถอะ เฮียดินทองเรียกแท็กซี่บอกให้พาไปที่ ร.พ.ที่ใกล้ที่สุด และเรียกพวกเราขึ้นรถไป แต่พี่สมบูรณ์ไม่ยอมไป ยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นเอง

แท็กซี่ได้พาพวกเราทั้งสี่ชีวิต มาส่งที่ ร.พ.วิภาวดี ณ ที่ร.พ.นี้เอง ก็ได้มีรถมูลนิธิร่วมกตัญญูจอดอยู่ พวกเราจึงบอกเขาว่า มีคนติดอยู่ที่รถหนึ่งคนให้ไปช่วยด้วย แท็กซี่คนนั้นจึงได้บอกจุดที่รถคว่ำว่าอยู่หน้า ร.ร.พลตำรวจ ข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่าจุดรถคว่ำคือที่นี่เอง ต่อจากนั้นพวกเราก็ได้บอกให้คุณสุชัยวันโทรมาแจ้งเหตุการณ์ให้ทางสันติฯทราบ

หมอได้นำพวกเราทั้งสามขึ้นเตียง เปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าห้องไอซียู เอกซเรย์ ให้น้ำเกลือ เฮียดินทองกับน้องบุญมาก หมอสั่งงดอาหารเพื่อดูอาการ ส่วนข้าพเจ้าเมื่อเอกซเรย์เสร็จแล้ว พยาบาลก็ได้เข็นเตียงข้าพเจ้ามาที่ห้อง ๗๑๑ ชั้น ๗ ระหว่างทางก็ได้เห็นพ่อท่าน สมณะ สิกขมาต ญาติธรรม มาที่ร.พ.กันหลายท่าน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจมาก ในความเมตตาของพ่อท่าน สมณะ สิกขมาต ญาติธรรมทุกๆท่าน ข้าพเจ้าได้เห็นพ่อท่านก็ยกมือขึ้นไหว้ พ่อท่านบอกว่าเอาล่ะไม่ต้องคิดอะไรมาก ให้ไปพักผ่อนก่อน

การป่วยครั้งนี้เฮียดินทองอยู่ชั้น ๘ ห้องชายรวม ส่วนน้องบุญมากอยู่ห้อง ๗๐๔ เตียงคู่ ที่ไม่ได้อยู่รวมกันเพราะเตียงไม่มี

ร.พ.นี้ส่วนมากรับผู้ป่วยจากอุบัติเหตุรถยนต์เสมอ มีคนไข้ที่อยู่ห้องเดียวกับข้าพเจ้าบอกว่า คนไข้รายที่ออกไปก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาเข้าพัก ก็เป็นคนไข้ที่ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์เหมือนกัน

วันนี้ข้าพเจ้าได้คุณศรีวิชัย สท้านภพ คอยดูแลช่วยเหลือ ข้าพเจ้ารู้สึกเจ็บมากช่วงซี่โครงทั้งซ้ายและขวา นอนจะพลิกตัวก็รู้สึกเจ็บ ลุกนั่งก็รู้สึกเจ็บ เมื่อเวทนากล้าก็อาศัยการทำเจโตสมถะ และอาศัยการหลับการวางใจไม่ปรุงอะไร ก็ใช้ได้ผล วันนี้ช่วงเช้า คุณสมพล (โกเนี้ยว) เป็นเถ้าแก่เก่าซึ่งข้าพเจ้าได้ทำงานอยู่กับเขาถึง ๑๖ ปีติดต่อกันมาเยี่ยม เขารู้ข่าวจากพี่นกเล็กได้กรุณาโทรไปบอก เมื่อเขามาเขาบอกว่า จะโทรไปบอกพี่ชายข้าพเจ้าให้ ข้าพเจ้าบอกไม่ต้องหรอก เขาบอกว่าไม่ได้ เรื่องอย่างนี้ต้องบอก ข้าพเจ้าคิดว่าการประสบอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่นานข้าพเจ้าก็คงหาย

ช่วงสายมีสมณะ สิกขมาต ญาติธรรมมาจากปฐมอโศก ทราบว่ามาเยี่ยมตั้งสามคันรถแน่ะ ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจมากในน้ำใจของพวกเราทุกคน ข้าพเจ้าตั้งใจว่า เมื่อหายป่วยแล้วจะพยายามทำความดีให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก เพราะชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตาย ความต้องพลัดพรากจากสิ่งของอันเป็นที่รักที่พอใจเป็นของเที่ยง ไม่ควรประมาทในวัย ควรหาโอกาสทำความดีเสมอ เมื่อเจ็บป่วยโอกาสจะบำเพ็ญความดีมีน้อยเกิน แถมยังเป็นภาระให้กับผู้อื่นอีก ถ้าคิดก็รู้สึกละอายใจแต่ก็ต้องวางใจ

การเจ็บป่วยที่จริงก็เป็นการปฏิบัติธรรมอีกฐานหนึ่งของข้าพเจ้า คือได้รู้จักหยุด และหยุดจริงๆได้หรือไม่ การได้ทบทวนอ่านจิตดูใจของตนเอง การทำอะไรที่ช้าๆเสียบ้าง สร้างเจโตสมถะ ฝึกการอยู่สงบ(แบบฤาษี) อีกแบบหนึ่ง ตั้งแต่ข้าพเจ้ามาอยู่สันติฯตั้งแต่ปี ๓๐ ไม่เคยเลยสักวันที่ข้าพเจ้าจะหยุดอยู่ แม้ป่วยข้าพเจ้าก็ไปชมร. ถือว่าได้บำเพ็ญขันติบารมี แต่ครั้งนี้ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะรูปธรรมการป่วยชัดมาก ขืนดื้อไปก็เป็นการเบียดเบียนจิตวิญญาณผู้อื่น จึงต้องบำเพ็ญตนเป็นคนว่าง่าย และไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไปแล้ว ภายหลังจะเป็นอย่างไร ยิ่งหมอหลายท่านบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ห้ามยกของหนัก ถ้าคุณยกของหนักตอนนี้ไม่มีวันหาย มันก็จะเจ็บอยู่อย่างนั้นแหละ

วันนั้น เสาร์ ๗ ก.ย.๓๔ หมอที่ ร.พ.วิภาวดี เข้ามาดูอาการ บอกว่าตับถูกกระแทก สมองได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย บาดแผลก็มีอยู่ห้าที่ คือ ที่หัวคิ้วขวา เย็บ ๒ เข็ม เหนือตาขวาเย็บ ๓ เข็ม ริมฝีปากล่างเย็บ ๒ เข็ม ใต้คางด้านซ้ายเย็บ ๓ เข็ม ศีรษะด้านหลังซ้ายเย็บ ๓ เข็ม เจ็บไหล่ขวา และหน้าแข้งซ้าย

คุณดินทอง ก็เย็บที่บริเวณใกล้ๆตาสองแห่ง ๘ เข็ม เจ็บหลังตรงบริเวณก้นกบ เจ็บบริเวณคอ

สุชัยวันเจ็บที่ด้านหลังบริเวณไหล่เล็กน้อย

คุณบุญมาก เย็บที่บริเวณหางตาด้านขวา กับที่ใต้คาง ๒ แห่ง เย็บ ๔ เข็ม

พี่สมบูรณ์มีแผลที่ศีรษะและตาด้านขวามีรอยช้ำ

ช่วงบ่ายคุณหมอที่เป็นเพื่อนกับคุณหมอฟ้ารักเข้ามาดูอาการ และต่อมาข้าพเจ้าทราบว่า หมอให้อยู่ดูอาการคืนหนึ่งก่อน หากไม่มีอะไร พรุ่งนี้ก็กลับได้

วันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน ๓๔ หมออนุญาตให้พวกเราทั้งสามคนกลับบ้านได้ พวกเราตกลงกันว่าจะขอมาพักที่ศาลาสุขภาพ สันติอโศก ทั้งๆที่ชาวปฐมอโศก ก็ชวนไปพักที่ปฐมอโศก แต่พวกเราเห็นว่าพวกเราคงไม่เป็นอะไรมาก พักที่ศาลาสุขภาพสันติฯก็ได้ พวกเราขอขอบใจในน้ำใจของชาวปฐมอโศกทุกๆท่านด้วย

วันนี้คุณทิพย์วิมลได้นำยาแก้ช้ำในมาให้ คุณปะเอมอร ได้กรุณาไปเอายาจีนแก้ช้ำในมาจากนครปฐมมาให้ทาน อุบาสิกากรุณา คุณประคอง ได้นำยาจีนมาให้

เมื่อมาพักรักษาตัวอยู่ที่ศาลาสุขภาพ พวกเราก็ได้รับการเอื้ออนุเคราะห์เป็นอย่างดีจากคุณหมอวิสุทธิ์ คุณหมอฟ้ารัก คุณชุติมา คุณอนงค์ศรี ด้านอาหารก็มี อุบาสิกาพร คุณวรรณา คงศักดิ์ (ดอกบัวน้อย) อากู๋ คุณวิบูลย์ คุณชะลอ ศูนย์มังสวิรัติ และมีสมณะบางรูปได้เมตตา นำอาหารมาให้ และมีญาติธรรม อีกหลายท่าน นำของมาเยี่ยม มากมาย คุณดินทอง ก็ได้นำแจกจ่าย ต่อไปยังผู้ที่เห็นสมควร

ในการเจ็บป่วยครั้งนี้ พวกเราทุกๆ คนรู้สึกประทับใจในเมตตาของพ่อท่าน สมณะ สิกขมาตุ ญาติธรรม ที่ให้ความช่วยเหลือดูแล ทั้งทางด้านรักษาพยาบาล อาหารกายอาหารใจพร้อม จนยากที่จะใช้ภาษาใดขอบคุณในน้ำใจครั้งนี้

ข้าพเจ้าตั้งใจว่า เมื่อหายป่วยจะพยายามบำเพ็ญตนให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก

ขอคารวะในคุณธรรมทุกๆ ท่าน

โพธิสิทธิ์ เก่งการธรรม