ฝากไว้ในแดนธรรม ระลึกถึง พรพิชัย เจียมกัลชาญ ตอน ...
ธรรมลีลายอดนักรบ
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่
หน้า 1/1

พรประเสริฐ เลิศค่า ก็ลาลับ
พิสูจน์ศีล เสร็จสรรพ ก็หลับใหล
ชัยชนะ แนบสนิท ทุกจิตใจ
พรพิชัย เจียมกัลชาญ กลับบ้านเดิม

พรเอ๋ย พรพิชัย
เจ้าออกจากวัดไปเมื่อเช้านี้
เจ้าออกไปกระทำสร้างกรรมดี
เจ้าไม่มีชีวิตกลับมาวัด

เจ้าทำงานคงเหนื่อยงานขนานหนัก
เจ้านอนพักเสียก่อนเพื่อผ่อนผัด
เจ้าหลับเถิดหลับให้นานมิทานทัด
เจ้ากระทำเพื่อวัดตลอดชีวิต

[ประพันธ์ขณะบิณฑบาต หลังทราบข่าวมรณกรรมของพรพิชัย ๗ ก.ย.๓๔]

ญาติธรรมท่านหนึ่งอ่านบทกวีข้างต้นนี้แล้วประทับใจ ได้ปรารภขึ้นลอยๆว่า ถ้าเขาตายไป ข้าพเจ้าจะแต่งกวีรำลึกถึงได้เช่นที่แต่งให้พรพิชัยหรือเปล่าหนอ ข้าพเจ้าเองก็ตอบไม่ได้ เพราะการเขียนกวีถึงพรพิชัย เป็นการเขียนที่พรั่งพรูออกมาจากหัวใจ มิใช่จากหัวสมอง ตลอดสายบิณฑบาตทั้งไปและกลับ ดวงจิตของข้าพเจ้าวนเวียนอยู่แต่เรื่องของพรพิชัย มิได้เสียใจ เพราะคำว่า"เสียใจ"มีไว้ใช้สำหรับคนอ่อนแอ มิใช่สมณะเยี่ยงข้าพเจ้า แท้จริงแล้วข้าพเจ้ารู้สึก"เสียดาย"ที่คนดีอย่างเขา ต้องจากพวกเราไปเร็วกว่าที่ควรจะเป็น และเท่าที่ข้าพเจ้าได้ทราบจากบุคคลที่รู้จักพรพิชัยหลายต่อหลายท่าน ล้วนมีความรู้สึกเช่นเดียวกันคือ "เสียดาย"

รายการทำวัตรเช้า-เย็น ต้องเปลี่ยนเป็นรายการรำลึกถึงพรพิชัยถึงสามวาระ เพราะมีเพื่อนทางธรรม พูดถึงความดีของเขาเป็นอย่างมาก และหลากหลายแง่มุม แม้กระนั้นก็ยังพรรณนาคุณความดีของเขาไม่หมด

ข้าพเจ้าได้เปิดโอกาสให้ญาติธรรม ได้เขียนข้อความระลึกถึงพรพิชัย เพื่อนำไปติดบอร์ดที่กำแพงข่าว ผลก็คือบอร์ดขนาดใหญ่และยาว ที่ใช้ติดข่าวสารประจำนั้นไม่พอเพียง ต้องนำบอร์ดไม้มาตั้งเพิ่มขึ้นอีก แม้กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอ มีคนเขียนถึงพรพิชัยในแง่มุมต่างๆมากมาย ส่วนมากเป็นการเขียนถึงความประทับใจ ที่พรพิชัยเคยเกื้อกูลแต่ละท่าน ทั้งในด้านการทำงาน-การแสดงออกที่ดีงาม-และการปฏิบัติธรรมอันเคร่งครัดจริงจัง

ข้าพเจ้าขอประมวลความดีงามของพรพิชัยมาถ่ายทอดไว้เป็นข้อๆ โดยสังเขป

๑. พรพิชัย เป็นผู้ที่ ปฏิบัติตนตามหลักมรรคมีองค์ ๘ ได้อย่างดี คนหนึ่ง เขาถือศีลเคร่ง ขยันทำงาน แต่ก็เบิกบานร่าเริงได้ ไม่เครียด (คำกล่าวของพ่อท่าน)

๒. พรพิชัย เป็น นักทำ อย่างแท้จริง เขาพูดน้อย และพูดไม่คล่อง ทั้งนี้เพราะเขาดำริมากก่อนที่จะพูดอะไรออกไป แต่เมื่อเขาเห็นว่าการงานใดมีสาระ เขาจะถาโถมเข้าทำงานนั้นอย่างรวดเร็วสุดเรี่ยวแรง สมณะกุสโลเขียนถึงเขาว่า "เขาเป็นคนมีน้ำใจมาก ให้ความช่วยเหลือกิจการงานของผู้อื่นเสมอ คำพูดออกมาจากปากเขาล้วนมีสาระ เราไม่เคยได้ยินหรือใครพูดว่าเขาแสดงวาจาทุจริต" ช่างเป็นคำรับรองที่น่าทึ่งเสียนี่กระไร

๓. พรพิชัย ไม่เคยทำตนเป็นศัตรูกับใคร แม้เขาจะมีการทำงานและการปฏิบัติที่โดดเด่น แต่ก็ไม่เคยใช้ความเด่นนั้นข่มความด้อยของผู้ใด เขาจึงเป็นคนเด่นที่ทำตัวด้อยๆ เข้ากันได้กับทุกคน แทบไม่ใครเคยถูกเขาว่ากล่าวให้เจ็บช้ำน้ำใจเลย มีก็แต่คำชี้แนะอันสุภาพนุ่มนวล ซึ่งก็ไม่บ่อยครั้งนัก เพราะส่วนมากเขาจะทำดีให้ดูเป็นแบบอย่าง จนผู้พบเห็นต้องยอมจำนนในความดีของเขา

๔. พรพิชัย ดำเนินชีวิตแบบ "จน-ง่าย" เขาทานอาหารมังสวิรัติไม่ปรุงแต่งรสชาติเป็นส่วนมาก ซึ่งประกอบด้วย ข้าว-ถั่ว-งา และผักเพียงนิดหน่อย ผลไม้ก็เห็นจะมีกล้วยน้ำว้าเป็นหลัก เขาถือว่าการกินอาหารเป็นเหมือนการกินยา (รักษาโรคหิว) และเขาก็ไม่กำหนดเวลากินแน่นอนนัก ขึ้นอยู่กับช่วงว่างของงาน บางครั้งตอนกลางวัน แต่กินเพียงวันละมื้อ ผลแห่งการพิสูจน์การกินหลายต่อหลายวาระเขาสรุปว่า "การกินอาหารตอนกลางวันเหมาะสมที่สุด"

๕. พรพิชัยจะใส่เสื้อผ้าเก่าที่ใช้แล้วเป็นปกติ ครั้งหนึ่งเพื่อนร่วมงานชมร.ฝ่ายชายถึงกับประชุมกันว่า ควรหาวิธีให้พรพิชัยเปลี่ยนเสื้อ เพราะตัวที่ใส่อยู่นั้นเก่าเกินการ ในที่สุดจึงตกลงให้นำเสื้อเก่าของพรพิชัยไปฉีกทิ้งลงถังขยะ เมื่อพรพิชัยมาเห็นเสื้อของตนถูกฉีกลงถังขยะ ก็มิได้แสดงความไม่ชอบแต่อย่างใด ด้วยเข้าใจถึงเจตนาดีของเพื่อน ต้องยอมเปลี่ยนเสื้อที่เก่าน้อยกว่าเดิม ซึ่งเพื่อนได้จัดเตรียมไว้ให้แล้วมาใส่แทน ปกติเขามีเสื้อผ้าเพียง ๒ ชุดเท่านั้น

๖. พรพิชัย จะมีลักษณะปฏิสันถารก่อนเสมอ แม้เขาพูดไม่เก่ง แต่เขาก็ยิ้มเก่ง รอยยิ้มของเขาแปลกกว่าคนอื่น แต่ก่อนนั้นเขาไม่ค่อยพูดและไม่ค่อยยิ้ม เอาแต่ตัวเอง ต่อมาเมื่อได้รับแนวทางมรรคมีองค์ ๘ ชัดเจน เขาก็พยายามปรับปรุงบุคลิกตนเอง ไปในทางประสานกับผู้อื่นได้มากขึ้น เขาจะถามถึงสุขภาพของเพื่อนๆ ด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ

๗. พรพิชัย มีนิสัยโพธิสัตว์ มักจะหาโอกาสรับใช้-ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เขาเป็นช่างอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เวลาว่างจากงานชมร.ซ่อมเครื่องเทป-วิทยุ-โทรทัศน์-พัดลม ฯลฯ ให้แก่ผู้อื่นที่มาใช้บริการของเขา เขามักหาโอกาสศึกษาหนังสือทางด้านการแพทย์ ด้วยเหตุผลว่า "รู้เอาไปเพื่อช่วยคน" และเขาก็เคยใช้ความรู้ทางด้านแพทย์ช่วยเหลือคนได้จริงๆ เขาพยายามที่จะเป็นทั้งช่างซ่อมเครื่องและช่างซ่อมคน แม้ญาติธรรมป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เขาก็ขี่จักรยานนำอาหารไปส่งอย่างแข็งขัน จนครั้งหนึ่งจักรยานที่จอดไว้ที่โรงพยาบาลหายไป เขาต้องเดินกลับชมร.โดยมิได้แสดงความเดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด

๘.พรพิชัย เป็นชายหนุ่มที่ไม่ใช้ความเป็นหนุ่มไปกับเรื่องผู้หญิง เช่นชายหนุ่มทั่วไป เขาเป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัว ที่มีพี่สาว ๑ คน น้องสาว ๑ คน ก่อนปฏิบัติธรรมเขาไม่เคยมีความคิดเรื่องการแต่งงาน เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วเขามองผู้หญิงเหมือนพี่สาว-น้องสาว และเป็นผู้รับใช้งานจากฝ่ายหญิงได้ โดยไม่มีข้อผูกพันในทางเพศ เขาถือว่าการไปมีจิตผูกพันกับใครก็ตาม เป็นการเสียเหลี่ยมลูกผู้ชาย ความเป็นคนพูดน้อยของเขา ช่วยกันเพศตรงข้ามมิให้ล่วงล้ำเข้ามาในอาณาจักรของเขาได้ง่ายนัก

๙. พรพิชัย มีนิสัยรักประหยัดอย่างยิ่งยวด เมื่อเป็นเด็กเขามักจะซื้อรองเท้าผ้าใบขนาดใหญ่กว่าเท้าของตน ด้วยเหตุผลว่าอีกหน่อยเท้าของเขาจะต้องใหญ่ขึ้น จะได้ไม่ต้องซื้อรองเท้าอีก เวลาใส่รองเท้าเขาก็จะเอาผ้าอัดไว้ที่หัวรองเท้า เมื่อเรียน ปวช.ที่กรุงเทพฯ ทางบ้านตกลงส่งเงินให้เดือนละ ๘๐๐ บาท แต่เขาขอลดเหลือ ๖๐๐ บาท กระนั้นก็ยังเก็บหอมรอมริบจนเหลือส่งคืนกลับไปบ้าน ๑,๕๐๐ บาท ในที่สุด, ครั้นมาช่วยงานอยู่ที่วัด เขาก็พยายามทำงานอย่างดีที่สุด โดยใช้วัสดุราคาถูกที่สุด

๑๐. พรพิชัย มุ่งเน้นปฏิบัติธรรม มากกว่ามุ่งไปที่รูปแบบของนักบวช เขาเป็นอารามิกดูตัวอยู่ถึงเจ็ดปี โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะบวช เขาถือว่าการบวชนั้นเหมือนกับการมาเป็นครูของคน จึงควรฝึกตนให้เหมาะควรที่จะเป็นครูเสียก่อนจึงจะบวช อนึ่งเขาเห็นว่า เมื่อบวชแล้วไม่สะดวกที่จะทำงานบางอย่างได้เช่นฆราวาส เขาผู้ซึ่งมีคุณธรรมพร้อมที่จะบวชได้กลับอดทน-เสียสละ ทำงานหลากหลายเพื่อรับใช้คนอื่น ในฐานะฆราวาสจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย พวกเราทราบดีว่าพรพิชัยบวชเป็นพระมานานแล้ว แม้มิได้เข้าบวชเป็นพิธีการในโบสถ์ก็ตาม หลายคนกล่าวถึงเขาว่า "เป็นพระในร่างฆราวาส"

๑๑. พรพิชัย มักเกรงใจผู้อื่นอยู่เสมอ เขาชอบทำงานให้ผู้อื่น แต่มักจะไม่ยอมให้ผู้อื่นทำงานเพื่อเขาเป็นการส่วนตัว แม้การเย็บผ้าใส่ เขาก็พยายามเย็บด้วยตนเองโดยมิได้คำนึงถึงความสวยงาม เคยมีคนถนัดด้านนี้อาสาช่วยเย็บให้ เขาบอกว่า "ไม่เป็นไรพี่ ผมใส่ยังไงก็ได้ ใส่เสื้อผ้าก็แค่ปกปิดร่างกายเท่านั้นเอง" เขาไม่ถนัดที่จะใช้ให้ใครทำงาน เขาใช้ตนเองมาโดยตลอด

๑๒. พรพิชัย จะใช้เวลาให้ผ่านไปด้วยการบำเพ็ญประโยชน์ เขานอนไม่เกิน ๕ ช.ม.และตื่นขึ้นทำงานโดยไม่ง่วงเพลีย บางครั้งขณะเขารอรถทางวัดที่จะพาไปชมร.เขาใช้เวลาว่างช่วยพนักงาน กทม.กวาดถนนอยู่ในบริเวณจุดใกล้เคียงกับที่เขายืนรออยู่นั่นแหละ แม้เวลานอนเขาก็มักจะนอนบนรถ นัยว่านอกจากเป็นเวลานอนแล้ว ยังอาสาเป็นยามเฝ้ารถไปโดยปริยาย เขาเคยประหยัดเวลาถึงขนาดกินอาหารขณะถีบจักรยานกลับวัด พอมาถึงวัดเขาเสร็จกิจการกิน ก็ทำการงานทันที

๑๓. พรพิชัย เอาจริงเอาจังกับการทำงาน และเอาเป็นเอาตายกับการปฏิบัติธรรมตัดกิเลส คนใกล้ชิดเขาเล่าว่า นับแต่ปี ๒๕๓๒ เป็นต้นมา ชมร.มีแรงงานฝ่ายชายน้อยลง เขาต้องทำงานหนักขึ้น โดยสำนึกของเขาเองที่ปรารภให้เพื่อนๆฟังอยู่เสมอว่า เขาคงมีอายุสั้นกว่าคนอื่น จึงต้องรีบทำงานบำเพ็ญบารมีอย่างเต็มที่ ต้นปี ๒๕๓๔ เขาทำงานหนักขึ้นอีก เหมือนจะรู้ว่าเป็นปีที่เขาต้องจากไป เขาจะหมดโอกาสทำงานแล้ว บ่อยครั้งที่เขาทำงานเพลียมาก ถึงขนาดเข้าไปอาบน้ำแล้วต้องนอนหลับพักผ่อนอยู่ในห้องน้ำ

๑๔. พรพิชัย เป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างเห็นได้ชัด แม้เขาจะได้รับความเคารพนับถือจากคนวัด เหมือนหนึ่งว่าเขาเป็นสมณะรูปหนึ่ง แต่เขาก็ไม่เคยแสดงความกระด้างต่อสมณะเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขามีคุณธรรมสูงสมณะจึงให้ความเกรงใจเขาเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ถือโอกาสตีเสมอ หรือละลาบละล้วงสมณะแต่ประการใด ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นสมณะ ไม่เคยได้ยินสมณะรูปใดเลย ที่ให้ข้อมูลว่าพรพิชัยทำไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ เขาเป็นคนดีในหมู่คนดีอย่างแท้จริง มิใช่เรื่องง่ายนักหรอกที่จะเป็น "คนดีในหมู่คนดี"

๑๕. พรพิชัย ดำเนินชีวิตตามปฏิปทาที่พอสรุปให้กระชับได้ว่า

-กินง่ายๆ คืนกินเพียงข้าวกล้อง-ถั่ว-งา-ผัก-กล้วยน้ำว้า เป็นอาจิณวัตร และกินอาหารเพียงวันละมื้อเดียวเท่านั้น

-อยู่เงียบๆ เขาไม่แสดงตน ให้เด่นดังเป็นที่รู้จักของผู้อื่น หากแต่ทำตนเป็นผู้รับใช้ อย่างสงบเสงี่ยม ค่อนข้าง เก็บตัว อยู่ข้างหลัง มากกว่าอยู่ข้างหน้า แต่เมื่อถึงเวลาทำงานเขากระโจนออกนำหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง

-นอนงีบๆ คือเขานอนไม่นานนอนเพียงวันละ ๔-๕ ช.ม.เหมือนกับคนหลับไปงีบหนึ่งเท่านั้น

-ทำงานง่วนๆ คือเขาทำงานได้มาก-ได้เร็ว และทำงานอย่างมีความสุข-เบิกบาน-ไม่เครียดกับงาน หรือ กับคนร่วมงาน เขาทำงานล้างภาชนะ จนเท้าเปื่อย เป็นเชื้อรา แต่ก็ยังสนุกสนาน กับงานล้างภาชนะ โดยไม่ห่วง สังขาร ของตนเอง และเมื่อเขาตาย ก็มีผู้พบเห็น ยาแก้เชื้อรา อยู่ในกระเป๋าเสื้อ ของเขา- เขาตาย ขณะทำหน้าที่ ขับรถ-ใช่แล้ว เขาตายขณะทำงาน !

การตายของพรพิชัย ช่วยปลุกสำนึกให้หลายคนตื่นจากความหลับใหล ต้องเร่งเพียรเพิ่มขึ้น บางคนถึงกับตั้งตบะเป็นการไว้อาลัยการจากไปของเขา โดยอาศัยคุณลักษณะส่วนดีของเขามาเป็นเครื่องชี้นำ ญาติธรรมแดนไกลท่านหนึ่งส่งไปรษณียบัตรเขียนตบะมาว่า "จะไม่พูดโทสะทางวจีกับแม่ ตั้งแต่วันที่ ๑๐-๑๖ ก.ย.๓๔" คนวัดหญิงบางท่านบอกว่าจะงดขนมหวาน, ปะหญิงท่านหนึ่งถึงกับประกาศตามอย่างพรพิชัยว่า "จะขอประพฤติพรหมจรรย์ตลอดชีวิต"

รูป ชีรติ มจจาน นามโคตต น ชีรติ
รูปกาย-ย่อมแตกดับ กิตติศัพท์-ย่อมยืนยง

"พระจันทร์"
๑๕ ก.ย.๓๔

 
 
(สารอโศก อันดับ ๑๕๐ เดือน สิงหา-ตุลา ๒๕๓๔)