ฝากไว้ในแดนธรรม ระลึกถึง พรพิชัย เจียมกัลชาญ ตอน ...
ประวัติพรพิชัย
หนังสือพิมพ์สารอโศก
หน้า 1/1

ประวัติ

ชื่อนายพรพิชัย เจียมกัลชาญ

คุณพ่อชื่อ ปรีชา เจียมกัลชาญ อาชีพ ขับรถรับจ้าง
คุณแม่ชื่อ ทัศนีย์ เจียมกัลชาญ อาชีพ ค้าขาย
มีพี่น้อง ๓ คน
พี่คนโตชื่อ น.ส.วิโรชา เจียมกัลชาญ (ปิ๋ว)
คนที่สอง นายพรพิชัย เจียมกัลชาญ (ปุ๊)
คนที่สาม น.ส.ศรีรัตน์ เจียมกัลชาญ (ปี๊ก)

เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๙ คลอดขณะพระบิณฑบาต ที่บ้าน อ.กันตัง จ.ตรัง

๖ ขวบ เข้าโรงเรียนจุ้งหัวโซ้ะเซียว เรียนภาษาจีน ๑ ปี
จบป.๔ ประชาวิทยา
จบป.๖ จากโรงเรียนศรีราช จ.นครศรีธรรมราช
จบม.๓ จากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ
จบปวช. จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตพระนครเหนือ ระหว่างเรียนปวส. ปี ๑ ที่นี่ ก็ลาออกมาปฏิบัติธรรมที่สันติอโศก

-เป็นรองแชมป์ปิงปองของสมาคมพาณิชย์จีน
-ได้รับโล่เรียนดี ตอนอยู่ชั้นม. ๓ ร.ร.เบญจมราชูทิศ
-ได้รับคัดเลือกเรียนต่อทุนไทย-เยอรมัน ปวส.แต่ปฏิเสธ

วัยเด็ก

ตอนเด็กฐานะทางครอบครัวค่อนข้างลำบาก ป๊า (ปุ้เรียกพ่อว่าป๊า) จึงส่งปุ๊ไปอยู่บ้านป้าที่จ.นครศรีธรรมราช ชีวิตที่นี่ค่อนข้างลำบาก ปุ๊เคยเล่าให้ฟังว่า บ้านป้าที่มาอาศัยนี้มีแต่ลูกผู้หญิงที่รุ่นราวคราวเดียวกับปุ๊ ซึ่งต่างก็กำลังลดความอ้วน จึงทานข้าวกันน้อย ซึ่งต่างกับปุ๊ที่เป็นเด็กกำลังกินกำลังนอน ดังนั้นปุ๊จึงต้องพลอยลดความอ้วนไปด้วย คือกินข้าวไม่เคยอิ่ม อยู่ที่บ้านป้านานถึง ๓ ปี ปุ๊บอกว่าได้ฝึกต่อสู้กับความลำบากในเรื่องกิน เมื่อมาปฏิบัติธรรมเรื่องกิน จึงสบายมาก

ป๊าเล่าให้ฟังว่า ปุ๊เป็นคนที่มีนิสัยประหยัด เช่น เวลาไปซื้อรองเท้า ปุ๊จะเลือกซื้อรองเท้าคู่ใหญ่ ด้วยเหตุผลที่ว่า อีกหน่อยเท้าปุ๊จะต้องใหญ่ขึ้น จะได้ไม่ต้องซื้อรองเท้าอีก เวลาใส่รองเท้าปุ๊ก็จะเอาผ้าอัดไว้ที่หัวรองเท้า

เมื่อมาเรียนปวช.ที่กรุงเทพฯ ทางบ้านตกลงส่งเงินให้เดือนละ ๘๐๐ บาท (ปุ๊พักที่บ้านป้า) แต่ปุ๊ขอลดเหลือ ๖๐๐ บาท ซึ่งเป็นทั้งค่าหนังสือ-อุปกรณ์การเรียนค่า อาหาร แต่เงินที่ทางบ้านส่งไปให้ใช้ ปุ๊ก็ยังอุตส่าห์ประหยัดเก็บสะสมไว้ ส่งคืนกลับไปให้ทางบ้านอีก ๑,๕๐๐ บาท

ตอนเด็กปุ๊บอกว่าอยากเป็นทหารอากาศ ปุ๊ชอบเครื่องบิน แต่ป๊าบอกว่า ป๊าเคยเป็นมาแล้วมันลำบาก เวลาถูกทำโทษ เช่น ปุ๊สามารถตักน้ำด้วยฝาหอยแครงจนเต็มตุ่มได้มั้ย ล้วงอุจจาระในโถส้วมได้มั้ย ยิ้มกับพระอาทิตย์ตอนกลางวันได้มั้ย ถ้าทำได้ ก็เป็นได้ ปุ๊ก็ได้แต่ยิ้มๆ

ก่อนเข้าวัด

ปุ๊เริ่มรู้จักกับอโศก โดยการแนะนำของญาติฝ่ายพ่อ ตอนเรียนปวช.แผนกอิเล็กทรอนิกส์ ปี ๑ แล้วไปช่วยงานล้างจานที่ร้านมังสวิรัติ ซึ่งเพิ่งเริ่มตั้งใหม่ๆที่สวนจตุจักรซอย ๔ ในวันเสาร์-อาทิตย์ ก็เริ่มปฏิบัติมาเรื่อยๆ จนจบปวช.ขึ้นปวส.ปี ๑ ปุ๊ก็กลับไปบ้านที่นครศรีฯ เพื่อขออนุญาตไม่เรียนต่อ

ครั้งแรกป๊าไม่ยอม บอกว่ายังไงต้องได้ปริญญาก่อน แต่ปุ๊ให้เหตุผลว่า

จบปวช.มาปุ๊ก็สามารถทำได้แล้ว หากเรียนเอาปริญญา ปุ๊ก็จะได้แค่ความรู้ ที่เรียนปวช.มาก็จะลืมหมด จบปวช.ปุ๊ก็สามารถทำงานได้ไม่รู้จะเรียนไปทำไม ปุ๊ไม่เรียนได้มั้ย แล้วยิ้ม ป๊าก็อนุญาต ปุ๊ก้มลงกราบที่ป๊าอนุญาต แต่ก็ถูกคัดค้านจากแม่ แต่ในที่สุดแม่ก็ยอม ปุ๊จึงเดินทางเข้าสันติฯ เพื่อปฏิบัติธรรม

กลับบ้านครั้งสุดท้าย

เดือนมิถุนายน ‘๓๔ ปุ๊กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่ จ.นครศรีฯ เป็นครั้งสุดท้าย ป๊าถามปุ๊ว่าทำไมไม่บวชเป็นพระเสียเลย อยู่ในคราบผ้าเหลือง พ่อแม่ก็พลอยมีหน้ามีตา คนก็ไม่ดูถูก มาแต่งตัวใส่เสื้อปะอย่างนี้ ขายหน้าพ่อแม่ คนที่นี่ใครจะไปรู้ว่าปุ๊มีคุณธรรม เขาเข้าใจว่าปุ๊ทำตัวเหมือนเด็กปัญญาอ่อน ปุ๊ตอบว่า เมื่อบวชแล้วทำงานบางอย่างไม่ได้เต็มที่ แล้วก็ได้แต่ยิ้ม ป๊าไม่กล้าพูดอะไร กลัวปุ๊จะไม่กลับมาบ้านอีก บอกปุ๊ว่าหากปุ๊กลับใจจะเรียนต่อ ป๊าก็ยินดีจะส่ง แต่ปุ๊บอกว่าเท่านี้ก็พอแล้ว

ปิ๋ว (พี่สาว) ถามปุ๊ว่า ปุ๊เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน ถ้าพ่อแม่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ปุ๊จะทำยังไง ปุ๊บอกว่าพร้อมที่จะกลับมาดูแลพ่อแม่หากไม่มีใครดูแล ปุ๊สามารถทำได้ทุกอย่าง

ปุ๊บอกป๊าว่าตอนนี้ขับรถเป็นแล้ว ป๊ารู้สึกสังหรณ์ใจ ในเรื่องอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ปุ๊บอกว่าผมขับช้าคงไม่เป็นไร

ปุ๊บอกป๊าว่า ชาตินี้จะไม่หาเมีย ป๊าตะลึง บอกปุ๊ว่าคนที่เข้าวัดส่วนมาก เขาเคยผ่านและรู้รสชาติของชีวิตทางโลกก่อน ปุ๊น่าจะไปใช้ชีวิตทางโลกก่อน ปุ๊ก็ได้แต่ยิ้มลูกเดียว

ปุ๊เคยคุยให้ญาติธรรมฟังว่า –ปรัชญาชีวิตของผมคือ ง่าย-จน

ง่าย คือมีชีวิตเรียบง่าย กินง่ายๆ ด้วยอาหารเรียบง่าย ข้าวกล้อง ถั่ว งา กล้วยน้ำว้า ฟักทองนึ่ง

ส่วน จน ก็คืออยู่อย่างมักน้อย สันโดษในปัจจัย ๔ ด้วยความกล้าจน

เมื่อถามถึงเรื่องผู้หญิงล่ะ ก่อนเข้าวัดผมก็เคยมีผู้หญิงในสเปค แต่พอมาปฏิบัติธรรมจนถึงวันนี้ ความรู้สึกต่อผู้หญิงมีแต่ความเป็นพี่เป็นน้องต่อผู้หญิงทุกๆคน

คุณแม่ของปุ๊เล่าว่า เคยถามปุ๊ว่า เวลาคุยกับผู้หญิงสวยๆ ปุ๊รู้สึกอย่างไร ก็รู้ว่าคุยกับผู้หญิงสวย คุณแม่ถามอีกว่า แล้วเวลาคุยกับผู้หญิงไม่สวยล่ะ รู้สึกอย่างไร ปุ๊ตอบว่า ก็รู้ว่าคุยกับผู้ไม่สวย

แล้วเรื่องอาหารล่ะ ที่กินอาหารธรรมชาติมา ๗ ปี รู้สึกยังไงบ้าง ก็ไม่มีปัญหาอะไร กินอาหารก็เหมือนเติมน้ำมันให้แก่ร่างกายเท่านั้น แล้วรู้สึกอร่อยบ้างมั้ย ผมรู้สึกว่ากินไม่อร่อยมา ๓ ปี แล้วครับ

สุดท้าย

ป๊าบอกว่า อย่าไปขัดขวางปุ๊ ปุ๊เขาเป็นคนดี เขาไปทำดี เราไปขัดขวางเขาเป็นบาปนะ ป๊าเลยไม่กล้าขัดขวางการกระทำดีของปุ๊อีกเลย

อารามิก(ดูตัว) พรพิชัย เจียมกัลชาญ

อารามิกหมายถึงคนวัดชาย คุณพรพิชัย เป็นอารามิกดูตัว คือผู้ที่ประสงค์จะบวชในรูปแบบสมณะในอนาคต ซึ่งก็ต้องมีการปฏิบัติฝึกฝนตนมาก่อน โดยจะมีการรายงานผลการปฏิบัติธรรมต่อสมณะทุกๆ ๗ วัน การรายงานนั้นจะเขียนลงในใบวิกัปป์ และเข้าพบสมณะพร้อมกับใบวิกัปป์นั้นด้วย เพื่อที่สมณะจะได้ซักถามในข้อประพฤติปฏิบัติต่างๆ

การปฏิบัติของอารามิก(ดูตัว)พรพิชัยนั้นน่าอนุโมทนานัก ดังปรากฏในใบวิกัปป์ส่วน หนึ่งต่อไปนี้

ใบวิกัปป์ (ส่งสมณะวิริยพาโณ)

วันจันทร์ที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๔
ผลการปฏิบัติธรรมในรอบ ๗ วัน

เรื่องกิน กินถั่ว งา รำ กล้วยเป็นหลัก เวลากิน ๑๕-๒๕ นาที จิตใจไม่เรียกร้องหาของอร่อยมากิน ยังมีเศษของความถือตัวถือดีอยู่ ตั้งใจจะล้างให้หมดต่อไป

เรื่องอยู่ ขวนขวายหาการงานมีสาระทำตลอดทั้งวัน ไม่มีวันหยุดราชการ จิตใจยังต้องระวังสังวรเก็บรูปราคะ อรูปราคะในเหตุของกาม คำชม ศักดิ์ศรี ไม่ปฏิฆะใครเลย ไม่เกิดกามราคะเลย

เรื่องนอน นอนช่วง ๑๙.๐๐,๒๐.๐๐ -๒๓.๐๐-๒๔.๐๐ ทุกวันหลับสนิท หลับง่าย ตื่นไม่งัวเงีย เผลอสติตกบ้าง เวลาคิดเรื่องอะไรแล้วคิดไม่ออก

สุขภาพ ร่างกาย แข็งแรงสมบูรณ์ดี

อนุโมทนา สมณะวิริยพาโณ



ใบวิกัปป์ (ส่งสมณะสรณีโย)

วันจันทร์ที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๔
ผลการปฏิบัติธรรมในรอบ ๗ วัน

การกิน กินอาหารพอดีไม่อิ่ม แต่พลังงานพอใช้ได้เต็มที่ไม่เกิดกามราคะถึงการกิน กินกล้วย ถั่ว รำเป็นหลัก

การทำงาน ทำงานสร้างสรรเสียสละเต็มที่ จิตใจไม่เรียกร้องลาภ ยศ คำยกย่องชมเชย ความสุขสมใจ อาจไม่ประสบผลสำเร็จก็ไม่เป็นไร ทำงานเต็มที่ ด้วยใจเบิกบาน

สุขภาพกาย แข็งแรงดี

ศีลที่ตั้ง ๑ ดีกับคนทุกคน ๒.ให้ได้ทุกสิ่ง ๓.ไม่บำเรอตน ๔.พูดด้วยสติ ๕.เลิกได้ทุกเรื่อง ไม่ติดกิเลส การกิน การทำงาน การนอน ๖.กินพอดี ๗.สุภาพเรียบร้อย ๘.อ่อนน้อมถ่อมตน

นอน ยังไม่ค่อยลงตัวดีนักโดยมากนอนน้อยไป สติไม่ค่อยแข็งแรงดีเท่าที่ควร

สมณะสุขฌาโน (รับวิกัป์)


ใบวิกัปป์ (ส่งสมณะสรณีโย)

วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๔
ผลการปฏิบัติธรรมในรอบ ๗ วัน

อาหาร กินกล้วย ถั่ว งา ข้าว เป็นหลักและอาศัยหลักกินไม่ให้อิ่ม ผลร่างกายแข็งแรง โดยมากใช้เวลากิน ๒๐ นาที

นอน อาศัยหลับนอนตื่นเดียว แล้วพยายามไม่นอนอีก ผล บางวันนอน ๔ ช.ม. บางวันนอน ๒ ช.ม.เศษ สติไม่ค่อยแข็งแรงเท่าที่ควร

สุขภาพกาย เท้าเจ็บเนื่องจากใช้งานมากไปเท้าแตก

สุขภาพจิต ถ้ามีสติที่แข็งแรงกว่านี้หน่อยจะดี ส่วนอาการอื่นเป็นเพียงเศษละออง จะว่ามีก็ไม่ใช่ จะว่าไม่มีก็ไม่เชิง

กรรมฐาน
๑. ห้ามเบียดเบียนชีวิตจิตใจใคร ทำดีกับเพื่อนทุกคน

๒. ห้ามเอาเปรียบเห็นแก่ตัว ขยัน สร้างสรร เสียสละ
๓. ห้ามมีเมถุนกับทุกภพ รู้เท่าทันภพต่างๆ
๔. ห้ามพูดเท็จ หยาบ ส่อเสียด เพ้อเจ้อ
๕. ห้ามหลงติดการหยุด หลงติดกาม หลงติดโลกธรรม หลงติดภวอัตภาพ
๖. ห้ามกินอาหารเกิน ๒๕ นาที
๗. ห้ามแสดงอาการกาม
๘. ห้ามแสดงอาการใหญ่ข่มเบ่ง


ใบวิกัปป์ (ส่งสมณะสรณีโย)

วันจันทร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๔
ผลการปฏิบัติธรรมในรอบ ๗ วัน

กิน พอดีเป็นส่วนมาก กินกล้วย ถั่ว งา รำ เป็นหลัก จิตไม่มีอัสสาทะ กับอาหารเหล่านี้ไม่ได้แสวงหากาม

นอน พยายามนอน ๔ ช.ม.แต่ไม่ลงตัว เนื่องจากทำงานเร่งมาก จึงมีความรู้สึกว่า สติไม่แข็งแรง บางวันก็นอนเพิ่ม เรื่องนอนยังต้องปรับอีกมาก

อยู่ พยายามตั้งจิตเมตตา เป็นมิตรกับคนทุกๆคน ทำงานสร้างสรร เพื่อให้ไม่ใช้เพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ฝึกสลายอัตตา ใครจะมาร้าย ด่าว่า ทำร้าย เอารัด เอาเปรียบ ทำตัวไม่ได้เรื่องอย่างไร เราก็ฝึกรับรู้ได้ เห็นคนได้ดีก็ดีแล้วจบ เห็นวัตถุกามใดๆ ก็ให้เตือนตนไม่ให้เกิดจิตยินดีให้ได้เสมอๆ อยู่ในสภาพมีงานก็ได้ ไม่มีงานก็ได้ ร้อนก็ได้เย็นก็ได้ ฝึกอยู่สภาพใดก็ได้ ที่ไหนก็ได้ สภาวะแวดล้อมใดๆก็ได้

สมณะชิตมาโร (รับวิกัปป์)