ฝากไว้ในแดนธรรม ระลึกถึง พรพิชัย เจียมกัลชาญ ตอน ...
ระลึกถึง พรพิชัย

หนังสือพิมพ์สารอโศก
หน้า 1/1

ระลึกถึง พรพิชัย

ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนเราเกิดมาแล้วต้องตาย ผมก็เหมือนกับอีกหลายๆ คน ไม่อยากให้คนดีๆ คนที่ผมชอบตาย โดยเฉพาะตายในวัยที่ไม่น่าจะตาย อยากให้อยู่นานๆ เพื่อช่วยเหลือสังคมต่อไปอีก โลกยังต้องการความช่วยเหลืออีกมาก

ผมทราบข่าวการเสียชีวิตของ พรพิชัย ขณะที่ผมอยู่เกาหลี พอได้ยินชื่อทางโทรศัพท์จากกรุงเทพฯผมก็นึกหน้าออกทันที แม้ในระยะที่ผมเป็นผู้ว่าฯอยู่นี้ จะไม่ใคร่ได้ไปชมรมมังสวิรัติบ่อยนักก็ตาม ไปครั้งใดก็มักจะเห็นหนุ่มน้อยคนหนึ่ง รูปร่างเพรียวๆ ในหน้าคมสัน วุ่นอยู่กับการล้าง การแบก การขน ทำแต่งานที่หนักๆ ไม่พูดไม่จากับใคร บางครั้งใช้วิธียิ้มน้อยๆ เป็นคำตอบ

แม้พรพิชัยไม่ชอบคุย ผมก็มักจะทักทาย และชวนคุยบ่อยๆ อยากจะให้กำลังใจ อยากจะบอกเป็นนัยๆ ว่าผมนับถือ นับถือความเสียสละ ความขยันขันแข็งเอาจริงเอาจัง

ถ้าจะมีใครสักคนหนึ่งที่นับถือผมเถียงเข้าข้างผมว่า จะให้ผมทำงานหนักอย่างนั้นได้อย่างไรเพราะผมอายุมากแล้ว ตอนที่ผมอายุน้อยๆ สมัยที่ผมอายุเท่าๆ พรพิชัย ผมขยันไม่ถึงหนึ่งในสิบ ยิ่งงานบุญงานกุศล งานเพื่อสังคมเพื่อคนอื่นด้วยแล้ว ผมแทบไม่แตะต้องเลย

นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของพวกเราชาวชมรมมังสวิรัติ เราสูญเสียคนดีที่หาทดแทนได้ยากยิ่ง

การจากไปของพรพิชัย เป็นเครื่องเตือนใจเราว่าวันคืนผ่านไปๆ เรากำลังทำอะไรอยู่ ทำความดีได้กี่เศษเสี้ยวของคนชื่อ พรพิชัย

จำลอง ศรีเมือง

 

ระลึกถึง พรพิชัย

ใบหน้าที่ซีดขาว มักจะยิ้มน้อยๆเสมอ ไม่ค่อยพูด ได้เข้ามาร่วมทำงานในชมรมมังสวิรัติอย่างเข้มแข็ง ขยัน เสียสละอย่างแท้จริง ทราบมาว่า เขาบอกกับเพื่อนๆว่า เขาต้องรีบทำงานเพราะเขาจะต้องตายเพียงอายุยี่สิบกว่าๆ เท่านั้นและก็เป็นความจริง

พรพิชัยจากไปแล้ว ร่างกายกลับคืนสู่ดิน แต่ความดี เป็นตัวอย่างที่ดีที่พวกเรา ควรจะปฏิบัติตาม เขาเกิดมาใช้ชีวิตคุ้มค่า ในการทำความดี เราทุกคนไม่แน่ว่าจะตายเมื่อไร พระพุทธองค์ทรงสอนว่า อย่าประมาทในชีวิต ให้เร่งเพียรระมัดระวังประดุจเทินน้ำมันร้อนอยู่บนศีรษะ อย่ามัวหลงราชรถอันวิจิตรตระการตา เราอยู่ในความมืดพึงรีบหาแสงสว่าง

ศิริลักษณ์ ศรีเมือง

ประธานชมรมมังสวิรัติ

๑๗ ก.ย.๓๔