ฝากไว้ในแดนธรรม ตอน 2...
เก็บบุญ ที่ อตก.
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 143
ฉบับเดือนสิงหาคม-กันยายน 2533 (ฉบับนโม)
หน้า 1/1

ลักขณา วชิรวาทการ นักรบรุ่นที่ ๑ ของชมรมมังสวิรัติ แม้ไม่มีร่างเธอแล้วในวันนี้ แต่วิถีชีวิตบนเส้นทาง แห่งสัมมากัมมันตะ ที่เธอพากเพียร ปฏิบัติเป็นเวลา ๖ ปี ได้ทิ้งไว้ให้เราศึกษา จากบันทึกประจำวัน ของเธอ ดังต่อไปนี้…

วันเสาร์ ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๖

นโยบาย ของร้านอาหารมังสวิรัติ

๑.รสชาติ ๒.ความสะอาด ๓.ขายถูก ๔.ถูกใจลูกค้า

ร้านมังสวิรัต ิตั้งมาตั้งแต่ ๑๕ มิ.ย. ๒๕

๑.เรื่องรสชาติ ไม่จำเป็นต้องเกินไปกว่านี้ แต่ไม่ใช่ชุ่ย นโยบายเพื่อเผยแพร่ มังสวิรัติให้ท่วมโลก

๒.เรื่องความสะอาด ไม่ใช่เพียงแต่อาหาร สถานที่ แม้ที่สุดในใจของเรา

๓.ขายถูก ให้ใช้เจโต ไหวพริบ ดูความต้องการ ในปริมาณ ที่ลูกค้าต้องการ อย่าขายถูก จนกลายเป็นโง่ หรือ โลภจนแสดงออก ต้องการให้เราแสดงคุณธรรม ยิ้มแย้ม เบิกบาน แจ่มใส แม้เราจะแต่งตัวมอซอ แต่มารยาทผู้ดี ไม่ต้องอาศัยเปลือก ให้พยายามรักษา มารยาทผู้ดี ของพวกเรา ให้เด่นกว่าเปลือก ในการสอน ให้พยายามมีศิลปะ ในการขัด ผู้ใหญ่ให้เมตตา ผู้น้อยให้คารวะ

วันศุกร์ ที่ ๖ พ.ย. ๒๖

โลกช่างหมุนเร็วจริงหนอ นอนเขียนบนเตียงอิฐ ที่อตก. เราครองแชมป ์เข้ามุ้งก่อนเสมอ ชีวิตที่อิสระเสรี ของเรา ที่นี่ เราสนุก กับการทำงาน เท่าที่เรามีความสามารถ อยู่ดูชีวิตผู้ที่ผ่านมา และ ผ่านไป ได้เรียนรู้ แม้กระทั่งขอทาน ก็ยังมีแปลกๆ น่าขำก็มี (น่าขำอยู่ราย เล่นละครเก่งชะมัดเลย) น่าสมเพชก็มาก เราไม่มีทั้งผลักไส หรือ ดูดแล้ว ใครผ่านไปผ่านมา เราก็ได้แต่นั่งอ่านใจ ของเราว่า เวลาเจออีตา นักเล่นละครผ่านมา เรามีจิตยังไงบ้าง เรากำลังคิดหา วิธีขัดเกลาอยู่ แต่เราไม่ชอบขัดลาภใคร สงสัยต้องยอมเซ่อ เรามีนิสัยไม่ชอบ เห็นใครทำท่าทางแพ้โลก ใครๆ ก็บอกว่า น่าสงสารนะ ทำงานอะไรก็ไม่ทน แต่ถ้าเป็นเรา อย่างน้อยเราก็ไม่ขอใครกิน โดยไม่ตอบแทนหรอก

ศาสนาสอนให้เราเมตตา แต่ไม่ใช่เมตตาแล้ว เขาไร้สมรรถภาพ ดีแต่มาตีหน้าเศร้า ขอทานเขากิน ไร้เกียรติชะมัดเลย มันสอนใจเราดีนัก เราเจอส่วนดี ของคนแบบนี้ คือ เราเกิดจิตนิดๆ แต่เราก็ดับได้

พ่อท่านแวะมาเยี่ยมตอนเช้า ก่อนไปหาหมอ ต่อไปใครๆ ก็คงรู้ค่าของพ่อ พ่อไม่มีสิทธิ์บอกใคร ไม่มีการโอดครวญว่าเหนื่อย นอกจากเดินลุยขึ้นไป ให้เราตามกัน

การทำงานของพ่อ ๑๒-๑๓ ปี ก็มีผู้ที่ได้อาศัย บารมีของท่าน ไม่ต้องตกนรกก็ไม่น้อย อย่างน้อย เราเซ่อที่สุด ไม่รู้อะไรเลย ก็ยังได้รู้บ้าง หายเซ่อไปไม่น้อย เราโดนบอกว่า เซ่อมาก ต้องไล่ไปอยู่กับไดโนเสาร์

วันอาทิตย์ ที่ ๗ พ.ย. ๒๖

เราความจริง ไม่ขี้ง่วงหรอก ขี้เพลียมากกว่า กลับไปวัด ฟังเทศน์ของพ่อ สิ่งที่ได้ คือ เรื่องการมองเห็นจิตชัด เรารู้ว่าทำไม ผู้ที่ไม่บวช ท่านถึงไม่นับเป็นอรหันต์ เพราะถ้าถึงจุด ที่จิตไม่มีทุกข์เกิด เราจะประมาท ต้องมีธรรมวินัย คอยเป็นเครื่องตีกรอบ จึงจะเรียกได้ว่า ไม่ประมาท อย่างพ่อท่าน ยังต้องปลงอาบัติเลย เคยได้ยินท่านเล่าว่า ทำงานถึงสิบกว่าปี เราว่าปีนี้เป็นปีที่ พ่อเพิ่งจะพอ คุ้มเหนื่อยกระมัง

เมื่อวานตอนทำวัตรเย็น ได้ยินพ่อพูด ดูแลเอาภาระ เชิงห่วงใยพวกเราแล้ว น่าตื้นตันใจ พ่อเอาภาระ คนในปกครองเสมอ ต้องดูตั้งแต่หัวแถว ถึงหางแถวเลย

จริงๆ ชีวิต ที่เราเอาแต่หาวิธี จะให้ผู้อื่นนั้น เป็นสิ่งที่ดี เป็นการสั่งสมแต่สิ่งด ีให้เกิดในจิตวิญญาณ ทำให้ดวงวิญญาณ มีการเอื้อเฟื้อ เป็นปกต ิไม่ว่าเมื่อไหร่

ครูเล่าว่า สมัยพ่อเป็นนักเรียน ที่เรียน ที่เพาะช่าง เพื่อนเก่า ที่เป็นผู้หญิง บอกเล่าให้ครูฟังว่า พ่อท่านเป็นปกติเลย ในเรื่องช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ เราก็จะสั่งสมมากๆ เรายังรู้ว่า จิตของเรา กับคนขี้เกียจ ขี้โกง เราให้อย่างไม่เต็มใจนัก

วันจันทร์ ที่ ๘ พ.ย. ๒๖

น้ำชาล้นถ้วยนี่ไม่ดีเลย คนที่เคยเป็นครูส่วนมาก จึงชอบสอน ไม่ค่อยชอบให้ผู้อื่นสอน เราเกิดอีกกี่ชาติ ก็ขอสมัครเป็นนักเรียนเรื่อยไป เราสงสารทุกคน ที่โดนโลกลาก ทั้งนั้นแหละ ขนาดมาทำเพื่อโลก เราก็อยากให้ทุกคนที่เหนื่อย ได้ผลทางด้านนามธรรม ให้คุ้มเหนื่อย แต่ไม่รู้จะช่วยได้ยังไง ก้อยบอกว่า กระเป๋าสตางค์หาย ก็เลยวุ่นๆ กัน การมาปฏิบัติ ตามทางมรรคองค์แปดนี่ ไม่ใช่ของหมูนักหรอก แม้ทางนี้ มารก็ยังพา ให้หลงได้ สัตวโลกย่อมเป็นไปตามกรรม ถนนสายนี้ ไม่ใช่เลือดนักสู้ ไม่มีทางผ่านหรอก

พ่อสอนให้พยายาม เปรียบกับธรรมชาติ จะให้สมดุล แม้เถาฟักทอง ก็สามารถทาน น้ำหนักฟักทอง ที่ค่อยๆโตขึ้นได้เอง เราอยู่ในหมู่สาวน้อยรุ่นนี้ เราสอนไม่เป็น ได้แต่ถ่อมตัวให้เล็ก อย่าเด่น อย่าเป็นเสี้ยนของใคร จะพูดดีกับทุกๆ คนไปก่อน เราจะยังไม่แหย่ใครหรอก

วันพฤหัส ที่ ๑๑ พ.ย. ๒๖

เช้าวันนี้ ดีเปรสชั่นเข้าแต่เช้า ฝนตกจนทำให้ น้ำท่วมเป็นคลอง อยู่ข้างล่าง พวกเราโชคดีแล้วนะ ไม่ต้องโดนน้ำแช่ นึกว่าจะขายกันไม่ได้ พวกเราพากัน วิจารณ์ว่า น่าสงสาร ผู้ที่ถูกน้ำท่วมบ้าง พูดเรื่องเศรษฐกิจ จะกระทบกระเทือนบ้าง แต่ก็มีลูกค้า มาอุดหนุนกันพอควร บทเรียนที่สอนว่า อย่าวิตกกังวลอะไรล่วงหน้า จึงใช้ได้เสมอ

เราไม่ค่อยได้กลับวัด ชักกระโดกกระเดก เคยได้ยินพ่อสอน แม้แต่พระท่าน ยังให้สำรวม เราพอสบาย ก็กลับคืนสู่ธรรมชาติ รู้สึกกระโดกกระเดก อยู่กับตุ้ม ก็กลับมาขี้เล่น บวกเส้นตื้นอีกแล้ว

วันก่อน สิกขมาตนัยนา แวะมา ทักเราว่า ระวังนะ ทอดของร้อน อย่าให้น้ำมันลวกมือ

วันอาทิตย์ ที่ ๑๓ พ.ย. ๒๖

วันนี้ขายดีพอควร เรายังชอบกินนมถั่ว กับขนมปังอยู่ แต่เราจะไม่ให้อะไร มาเป็นนาย จิกหัวเราหรอก เรายังไม่เห็นโทษภัย เพราะพุทธเจ้า ท่านยังไม่ส่งโจทย์ ก็เลยกินไปบ้าง หยุดบ้าง

วันจันทร์ ที่ ๑๔ พ.ย. ๒๖

ขณะนี้ฝนตกพรำๆ มีศักดิ์กำลังหัวเราะคิกคัก คุยกันอย่างสนุก หายเหี่ยว แล้วเจื้อยแจ้วต่อ พวกเรามารวมกันอยู่ในเต็นท์ ทุกคนคุยกัน อย่างสนุกสนาน เดี๋ยวนี้ เราแหย่กัน ก็แบบพี่ๆ น้องๆ ไม่รุนแรง แทบไม่น่าเชื่อว่า จะเป็นไปได้ เด็กที่โบร๊ค อย่างสรยุทธ์ ก็ไม่มีปัญหา บอกเราด้วยว่า เคยหยิบบันทึกเราไปอ่าน เพราะเราเผลอ วางทิ้งไว้ เรารู้ว่าเพื่อน ที่มาจากบ้าน มารวมกลุ่มกับเรา ดีกว่านั่งเหงาอยู่กับบ้าน เป็นไหนๆ

ขณะนี้พี่อรใส กับวิไล กำลังเถียงกัน อย่างน่าเอ็นดู เมื่อเช้าเราแหย่ครู คงอารมณ์เสีย แต่เช้าเลย

วันพฤหัส ที่ ๒๔ พ.ย. ๒๖

อากาศหนาวแล้ว น้ำท่วมยังไม่ลดเท่าไหร่เลย ภัยธรรมชาติ มาตักเตือนมนุษย์ ให้รู้ทุกข์ อย่าเอาแต่หลงระเริง

เมื่อวานบ่าย พ่อท่านกลับจากปฐม ได้แวะมาสักครู่ พวกเราทุกคนดีใจ รวมทั้งเราด้วย หมู่นี้เราไม่ยอมกลับวัดเลย เพราะเราเริ่มปรับตัวได้ ไม่อยากเป็นไม้แคระ เราเริ่มแข็งขึ้น เผลอๆ ก็ชักแข็งไป จนพี่อรใสเธอโกรธ เพราะเราพูดจาอวดดี

ครูหนูเป็นคนมีคุณธรรม เราจะแหย่ยังไง ถ้ามีเหตุผล เธอก็รับฟังก่อนเสมอ แม้เธอจะรุนแรง ในการขัดเกลา แต่ถ้าเราบอก เธอก็พยายามปรับ ผู้ใหญ่อย่างเธอ หายาก เราต้องสำนึกถึงบุญคุณ ของเธอมากๆ แด่คุณครูด้วยดวงใจ เอาไว้เราว่าง เราจะเขียนเอาไว้อ่าน

พี่ภ. บ่นเรื่อง ห้องน้ำเหม็น คุณครูหนูเธอไม่บ่น แต่เธอล้าง หมู่นี้ครูซูบผอมลง เพราะเพียรจัด เราไม่มีเวลาเขียนแล้ว เพราะสายแล้ว ติ๊กๆเอาไว้ ว่างจะบุพเพฯ

เราเริ่มรู้จักคำว่า หน้าที่ เริ่มยอมรับ ไม่เอาแต่ประโยชน์ตน วันนี้ตั้งใจจะกลับไป ฟังธรรมจากพ่อ แต่เราก็รู้ว่า ที่นี่มีงานต้องทำ เราตั้งใจอยากกลับไปบ้าน เอาเสื้อหนาว แต่หน้าที่ ก็ฉุดเราไว้ จนวันนี้คุณป. เธอไปบ้านเธอ เอาเสื้อหนาวมาแจกให้เรา ครู และ น้องๆ

เราเปลี่ยนแปลงขึ้น อดทนขึ้น ชีวิตแบบนี้ เราก็อยู่ได้ เวลาเราปรับคนอื่นไม่ได้ เราก็ใช้วิธี เฉยลูกเดียว เรื่องรู้รักษาตัวรอด เราสบายแล้ว เราเริ่มยอมปล่อยมือ ยอมออกมา พยายามทำงานทุกอย่าง เท่าที่จะสามารถ เรามีภูมิเท่านี้จริงๆ เราไม่มีความสามารถ เท่าพี่ป.ด้วยซ้ำ เธออดทนกว่าเรามาก เราอยู่ด้วยอะไร หล่อเลี้ยงหรือ ?

ปีติสำหรับเรา หมดเร็ว ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติธรรมใหม่ๆ เวลาเห็นจิตตัวเองดีใจ สมใจ จะมีตัว ตามมากดไว้เสมอ

วันนี้โทร.ไปบ้าน เพราะได้ข่าวว่าน้ำท่วม แต่โทรศัพท์เสีย โทร.ไปบ้านคิ้ม แม่ว่า ทำไมไปแล้ว ไม่กลับมาเยี่ยมแม่บ้าง เราก็ได้บอกว่า แล้วจะไป ที่นี่ไม่ได้บังคับ แต่เรามีงานในหน้าที่ จนไม่มีเวลา เราเหมือนคนอกตัญญู มาแล้วก็ไม่มีเยื่อใย รู้แต่ตัดช่องน้อย หนีเอาตัวรอด แต่เราก็จนใจจริงๆ เราบอกพี่ป.ว่า พวกเรา เกิดมาเพื่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตนเอง ด้วยหน้าที่ชีวิต รับผิดชอบ คือ คำตอบที่รู้อยู่ พี่พยายามกล่อมเราว่า โตไม่สบาย เราไม่มีสิทธิ์ลำเอียงรักแล้ว ต้องรักทุกๆคน เท่ากัน ไม่ว่าใครๆ เราก็ต้องรัก(เมตตา) และ ให้อภัยเสมอ

ศุกร์ ที่ ๒๕ พ.ย. ๒๖

เราไม่ได้กลับวัดหลายวัน รู้สึกตื่นเต้น และดีใจ ชีวิตถ้าไม่มีธรรมรส เซ็งน่าดู เราต้องหาทาง ปรับเปลี่ยนจิต อยู่เรื่อยๆ เอาธรรมะอันนี้อันโน้น กล่อมบ้าง

วันเสาร์ ที่ ๒๖ พ.ย. ๒๖

อากาศหนาวพอควร แม้อยู่กับธรรมชาติ เราก็ยังต้องปรับ อย่าว่าแต่ อยู่กับคน ผิดเป็นครู บทเรียนแต่ละบทมีค่า

วันอาทิตย์ ที่ ๒๗ พ.ย. ๒๕๒๖

ประชุมชมรมมังสวิรัติฯ มีพ่อท่าน …. ท่านชาตะ วันนี้มีการเลือกประธาน รวมทั้ง กรรมการ พูดเรื่องโรงทาน ต่อด้วยเรื่องซีอิ๊ว มีชูรส หรือไม่มี ต่อด้วยเรื่องจิปาถะ ที่มีพิษในอาหาร เช่น บะหมี่ ผักกาดดอง น้ำส้ม เป็นต้น เน้นอย่าซื้อของ คุณภาพ ถูกเกินไปมาขาย

เริ่มปลายปี ๒๕ ม.ค. ๒๕ เริ่มที่งานสวนลุมฯก่อน ขายให้กับ ผู้ต้องการใส่บาตร ร้าน ที่หาไม่ได้อีกในโลก สอดคล้องโลก สอดคล้องธรรม อยู่ได้เพราะ มีธรรมะเป็นแกน แม้จะมีการกระทบกระทั่ง ก็จะกลับคืนสู่ สภาพปกติกันได้เร็ว แพทย์ ศูทร เรามาทำ ในสิ่งที่ มีผู้คิดฝัน แต่ยังทำไม่ได้ แต่เราทำได้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ธรรมะมีแก่นแกน จะสามารถทำได้

วันพุธ ที่ ๓๐ พ.ย. ๒๖

พ่อท่านมาโปรดถึง อตก. บรรยากาศก็คึกคักดี อากาศอบอุ่นขึ้น เพราะความหนาแน่น ของพวกเรา

วันนี้พ่อมาแสดงธรรม เป็นทางการเป็นครั้งแรก พูดถึงว่า ทำไมต้องมาทำงาน ด้านค้าขายนี้ อาชีพที่แท้ คือ ทำเป็นส่วนมาก ไม่ใช่ทำเพื่อแลกลาภ การทำงาน เพื่อพิสูจน ์ลาเภน ลาภัง นิชิคิงสนตา ไม่ต้องลาภแลกลาภ ของพุทธเจ้า แม้ในยุคนี้ กาลนี้

๒ เดือน ที่เราพากันพิสูจน์ ในระยะแรก อาจขลุกขลัก ให้เน้นจุดรู้เวลาพัก อย่าปล่อยเวลา ให้เลยเถิด ต้องพยายามให้ร่างกาย ปรับสมดุล คนในโลก ทำงานอย่างหนักได้ เป็นเพราะมีลาภ เราล่ะ? เราทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะข้างในจิต ของเรา สร้างพลังต้าน ขี้เกียจทำ

พ่อมาแจกเงินเดือนพวกเรา ด้วยการรู้วิธี ในการทำงานด้วย ได้ด้านนามธรรมด้วย ให้รู้ประมาณ ในการพักผ่อน สองทุ่มโดยประมาณ ตื่นตี ๓ โดยประมาณ ไม่ใช่ขยันเกิน จนสุขภาพเสีย

พ่อท่านพูดถึงปีหน้า ครบรอบ ๖๐ ชันษา จะเปิดโรงบุญ ๖๐ แห่งให้ได้ ถ้าทำเพื่อจริง สิ่งจริงจะมี ถ้าจริงเราจะอยู่ได้ทนจริง ๕ ปี ๑๐ ปี เราให้ แม้ตลอดชีวิตนี้

สรุปให้พักให้สมควร อย่าสุดโต่งทั้งสองฝ่าย ระบบ ระเบียบ ระบายบ้าง สุภาพ สมรรถนะ สามัคคี

 
 
(สารอโศก อันดับ ๑๔๓ สิงหาคม กันยายน ๒๕๓๓ นโม)