ฝากไว้ในแดนธรรม ตอน 3 ...
สามัคคี คือ พลัง
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 145
หน้า 1/1

ลักขณา วชิรวาทการ นักรบรุ่นที่ ๑ ของชมรมมังสวิรัติ แม้ไม่มีร่างเธอแล้วในวันนี้ แต่วิถีชีวิตบนเส้นทางแห่งสัมมากัมมันตะ ที่เธอพากเพียร ปฏิบัติเป็นเวลา ๖ ปี ได้ทิ้งไว้ให้เราศึกษา จากบันทึกประจำวัน ของเธอดังต่อไปนี้…

วัน ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๖

วันนี้เราจัดโรงบุญฯ ที่อ.ต.ก. เราเองได้แต่ซาบซึ้ง เพราะเห็นอานุภาพของสามัคคีคือพลัง เราท้องไม่ดีแต่เช้า และ เห็นมีคนมาช่วยมาก จึงหนีหลบไปพักแต่เช้า อ่านหนังสือได้ไม่กี่ตัวก็หลับคาเก้าอี้ผ้าใบ พอดีตุ้มมาบอกว่าเพื่อนตามหา เรา จึงออกมาหาเพื่อนให้มี ที่ทำงาน ตกบ่ายก็หลบกลับไปนอนวัด (เพราะไม่สบาย) โชคดีได้เจอพระจีนเป็นผู้หญิง เราไม่ได้ใช้ภาษามานาน นั่งคุยด้วย มีน้องอีกคน ซึ่งก็บอกท่านเหมือนเราบอกว่า เราอยากจะเป็นโพธิสัตว์น้อย

ท่านเล่าว่า คัมภีร์ทางจีนเกี่ยว กับโพธิสัตว์มีมากมาย เราถามถึงเจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์ ว่าโกนหัวบวช หรือ เปล่า ท่านบอกว่าไม่ได้โกน เพราะลัทธิ ที่ "กวนอิม"ถือคล้ายๆพราหมณ์

เราถามว่า ท่านไม่ลงมาเมืองมนุษย์ไม่ใช่ หรือ

ท่านบอกว่า เคยอ่านเจอว่ามา และ บอกด้วยว่าโพธิสัตว์ ที่อยู่ในฐานะนักบวชสูงกว่า เพราะมีอินทรีย์พละ ปัญญา กับอีกหลายอย่างมากกว่า สอนเราให้ขยันศึกษาหาความรู้ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ มีเวลาให้ฟื้นฟูภาษาจีน เรา กับท่านรู้สึกสนิทสนมกันทางใจอย่างบอกไม่ถูก ท่านรับปากจะส่งคัมภีร์ภาษาจีนให้เราอ่าน โชคดี ที่เราได้มีโอกาสพบ

ท่านบอกว่าคัมภีร์ทางจีนใช้เวลาอ่านตลอดชีวิต ก็ต้องเกิดถึง ๓ ชาติ จึงจะสามารถอ่านหมด (บอกเราเหมือนพ่อท่านบอกเรื่องศีลของโพธิสัตว์) ถามเราว่าถ้ามีคนมาขอตัดมือ ตัดเท้า ควักลูกนัยน์ตา เราจะสามารถให้ได้มั้ย เราตอบว่า เรากำลังเพิ่งจะเริ่มฝึกให้ความสงบสุข ให้แรงงาน ให้เพื่อ ที่จะเป็นผู้ให้ ที่สูงขึ้น จิตวิญญาณสูงขึ้นเมื่อถึงเวลา ที่มีผู้มาขอส่วนต่างๆ ในร่างกาย เราจะได้ให้ได้อย่างเต็มใจ ถึงจิตจริงๆ

เราล้างใจมิให้ถือสาตั้งแต่ลูกค้าขี้โลภ ขี้ขอ จนขอทาน ที่ไม่รู้จักพอ เราจะสอนใจ ล้างใจไปเรื่อยๆ แค่พระเจ้าซึ่งเป็นนักบุญของคริสต์ยังรักขอทานได้ขนาดนั้น นักบุญฟรานซิส ที่ไม่เคยตะเพิดขอทานอีกเลย (หลังจาก ที่เคยไล่ขอทานครั้งหนึ่งในชีวิตตอน ที่ยังช่วยบิดามารดาทำการค้า ก็มีขอทานมาขอขณะยุ่งอยู่ กับการค้าขาย ฟรานซิสถือว่าไม่รู้จักกาลเทศะ จึงไล่ไป ต่อมาก็เสียใจ และ รับไปขอโทษ และ ให้ทาน ตั้งแต่วันนั้นมา จึงตั้งใจมั่นว่าจะไม่ปฏิเสธคนขอทานทุกแห่ง และ ทุกเมื่อ) เราก็จะไม่ตะเพิดขอทาน แม้นิดในจิตวิญญาณ เราต้องเพียรอีกมาก พระจีนสอนเราอีกว่า ให้เราศึกษาให้เยอะๆ มีเด็กในโลกอีกมากมายในโลกกว้าง ที่รอคอยความเมตตา ให้เราเรียนรู้ให้มากแล้วนำไปสอน บอกเราว่าเราโชคดี ที่มีพ่อท่านเป็นผู้นำ ของท่านอยู่ ที่โน่นไม่มีคน ที่สบายใจจนหน้ากลมอย่างพวกเรา

เรามาอยู่ อ.ต.ก.โดนเตือนจากพี่หลายคนด้วยนานาวิธี นานารูปแบบ เริ่มจากการกระทำบ้าง คำพูดบ้าง เรา จึงใช้วิธีกินให้อ้วนเป็นอึ่งอ่าง หน้าบวมเป็นซาลาเปามาเป็นเครื่องช่วย รู้สึกทุกคนพอใจดี ที่เราสมบูรณ์ขึ้น

ก้อยบอกว่าพี่เล็กตัดผมทรงนี้ดี คุณอรใสมองแล้วมองอีกด้วยแววตาขบขัน คุณเปรมบอกตลกดี เราก็บอกว่าดี หัดฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง คนบางคนมองกันในแง่ร้าย หรือ เปล่าหนอ

พักนี้เรากำลังตัดสินใจว่า จะกินให้อ้วน จนน่าเกลียด หรือ จะใช้วิธีระวังป้องกันทางอื่นดี ตกลงใจว่าจะใช้วิธีป้องกันด้วยการสำรวมดีกว่า

เรามาอยู่ในนี้ยิ่งคลุกคลียิ่งรู้นิสัยของพี่ๆชัด จนเราแอบสะดุ้งในใจ วันก่อนโน้นเราก็ขัดเรื่องทาหน้าขนมปังน้อยไป

พ่อท่านบอกว่า ไม่ขัด มานะยิ่งแรง อัตตายิ่งใหญ่ เราเลยต้องแสดงบ้าง พูดบ้าง เราทำด้วยทั้งๆรู้ว่าไม่ดีนักแต่ก็จำต้องทำ ขายได้ตั้งวันละตั้งแยะ แต่ขี้เหนียวของใช้ กลัวเปลือง ล้างยาก เราว่าต้องมาเพียรล้างให้ๆๆๆอย่างสุดโต่งดู

วันพุธ ที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๒๖

พ่อท่านมาเป็นครั้ง ที่ ๒ ก็ยังมีคนคึกคักดีพอสมควร

หมู่นี้เราได้ข่าวแต่เรื่องเกี่ยว กับความสัมพันธ์ของพวกเรามีกามแฝง (ซึ่งแม้ไม่หยาบเหมือนชาวโลก แต่ก็ต้องระวังไม่ประมาท) เราไม่รู้อยู่คนเดียว ฟังแล้วแทบไม่น่าเชื่อ (เพราะพวกเราก็ตั้งใจประพฤติตนเป็นคนโสดทั้งนั้น) แต่ก็อย่างว่าพวกเราอยู่กันอย่างอิสระมาก พวกเราขนาดมาคุ้ยกิเลสกันน่าดู ยังไม่ใช่จะรู้กันง่ายๆ เลย เราก็ได้แต่ดู ทำอะไรไม่ค่อยเป็น เพราะบางเรื่องเราไม่รู้เรื่อง กับเขาเลย เราเซ่อจริงๆในบางเรื่อง กำลังหัดฟังบ้าง คนบางคนก็ดูยากมาก

ในฐานนี้เราเห็นการประยุกต์กันสารพัดวิธี คุณจำลองทำส้วมก็มีเสียงค้าน แต่ท่านก็คงยอมเปื้อน มีเหตุผลของท่านกระมัง

มีเสียงติงมาจากสิกขมาตว่า...เจริญธรรมพุทธบุตร ให้รู้ว่าเรากำลังปฏิบัติธรรมกันด้วยมรรคองค์แปดขนานแท้ ไม่ใช่มีแต่ทฤษฎีปากเปล่า ต้องรู้สุจริตให้ลึกซึ้ง ต้องมีมุทุภูเต ถ้าไม่แน่จริงอาจตายได้ ฐานนี้เราต้องแกร่งกันพอสมควร ให้มีจิตเอ็นดูผู้อื่นเหมือนเด็กไร้เดียงสา

เจตนารมณ์ไม่ใช่ขายอาหาร แต่เรามาปฏิบัติธรรม ในขณะเดียวกันเราก็จะได้มีประสบการณ์แปลกๆ ผ่านเข้ามาให้เราเรียนรู้ เราต้องให้ของวิเศษแก่เรา ในขณะเดียวกันให้ระวังมานะ เพื่อนไม่ถอย เราไม่ถอย อย่าพูดมากจนเลยเถิด วัดต่างหากเป็น ที่ควรแสดงธรรม ที่นี่ห้ามแสดงธรรมเกิน ๕๐% จิตยิ่งสะอาด สว่าง จะยิ่งมีสมรรถนะ สามัคคีมากขึ้นๆ ให้แสดงให้โลกรู้ว่าเรามีความสะอาดให้เขาสัมผัสได้มั้ย

ต้องรู้ให้ได้ว่าคนอย่างนี้ควรใช้วิธีไหน เน้นระวังอย่าทอดสะพาน อย่าทำตัวให้น่าเกลียด อย่าโหมเกินจนพัง อย่าตะกละเห็นแก่กำไรจนเกินกำลัง "ผู้ใหญ่ ที่แท้ต้องพูดน้อย แล้วมีประสิทธิภาพ" อย่าทำอะไร โดยพลการ ต้องใช้ระบบหมู่เหมือนระบบพ่อ กับลูก ของพ่อขุนรามคำแหง ดี เราชอบ

วันเสาร์ ที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๒๖

วันรัฐธรรมนูญ

อากาศไม่ค่อยหนาวมากแล้ว เราได้ข่าวเสียงค้าน ที่ดังมาจากในวัด เราเข้าใจเสียงเตือนของผู้ใหญ่ เราไม่เคยเหลิงว่ามาทำงานนี้แล้วเป็นผู้เก่งกาจอะไร มีอภิสิทธิ์อะไร เรารู้อยู่เห็นอยู่จากเพื่อนหลายๆคน ที่นี่เป็น ที่พิสูจน์สัจธรรมของพวกเรา ถึงจะมีเสียงอย่างผู้ใหญ่เป็นห่วง แต่การอยู่วัดก็มีตัวอย่างตกล่วงไม่ใช่ หรือ ไม่ใช่ไม่มี เราว่าดีซิ ยิ่งแรงก็ยิ่งพิสูจน์ชัด พิสูจน์เร็ว

พวกเรามาเรียนรู้ก็ต้องมีการผิดพลาดบ้าง แต่เราทุกคนก็ต้อง เรียนรู้เพื่อล้าง ไม่ใช่หมกหมัก อย่างพ่อท่านว่า ถ้ามีมรรคผลจริงก็จะทนทานการพิสูจน์ เรามาทำงานไม่ใช่มาทำเพราะบ้ายอบ้าเห่อ

งานนี้ส่วนมากแก่นแกนของเราก็ไม่ใช่เด็ก ส่วนมากก็เป็นผู้ใหญ่พอใช้ เหตุการณ์ ที่มีเรื่องวุ่นๆนั้นเราว่าเป็นธรรมดา เวลามีเรื่องวุ่นๆ มันก็ทำให้เราได้รู้จักใครๆดีขึ้น ทุกคน ที่เข้ามามีบทบาทไม่ค่อยซ้ำแบบกันเลย ยิ่งนับวันเราก็ยิ่งเข้าใจใครๆ ชัดขึ้น รู้จักใครๆดีขึ้น

วันอาทิตย์ ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๒๖

ประชุมชมรมฯ ที่สันติฯ เริ่มด้วยเกี่ยว กับร้านมังสวิรัติ ที่โคราช ว่าเราจะรับเป็นของชมรมมั้ย ถ้าเอาจะเก็บผลประโยชน์บำรุงสีมาอโศก เริ่มจากมีผู้ ที่เป็นญาติธรรม (คุณรักษ์ชัย) ยกร้าน ที่ทำอยู่ให้ ตกลงรับ

ต่อมาเรื่องภาษี ต่อด้วยเรื่องเหยือกจะเปลี่ยน ต่อด้วยเรื่องให้ยกครัวกลับวัด ที่ ๓ ม.ค. ถึงจะโตเร็วก็ต้องระวังอย่าฟ่าม หมู่กลุ่ม จึงเจริญ ยิ่งใหญ่จริงยิ่งจะไม่ใช้อำนาจเผด็จการ

วันจันทร์ ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๖

ช่วงนี้อากาศเริ่มไม่ค่อยหนาวแล้ว เราไม่เคยรับอะไรของใคร แม้มีบางคนให้เสื้อหนาวเราก็ไม่ได้เอา เรากลัวใจเรากำเริบ แต่ใช่เราอาจจะมีมานะ เราไม่เข้า กับคนบางกลุ่ม แต่เราก็ไม่ได้เกลียดใคร เราไม่เคยใจดำ เราจะบอกผู้ ที่เขาจะรับเสมอ แม้บางครั้งพูดมากไปด้วยซ้ำ เราก็หยุดบ้าง

หมู่นี้เราเอนบ้างเพราะเพลีย เราก็หลบพักบ้าง เราพยายามฝืนสู้ขึ้นๆ เพื่อให้มีความอดทนขยัน สั่งสมอยู่ไว้ในจิตวิญญาณ เรามีบ้างก็คือว่าทำไมเราพูดอย่างจริงใจแล้ว ทำไมกลับมาในรูปนี้ มันยากหนักหนาในการจะพยายามทำงานทางด้านจิตวิญญาณ แล้วเราก็ยิ่งรู้แต่เรื่องแปลกๆ บางเรื่องเรานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าคนอย่างนี้จะทำได้ เรายิ่งกว่าชัดว่าเราไม่เอาของใครง่ายๆ โดยไม่จำเป็นเด็ดขาด

วันอังคาร ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๒๖

เสียงสะท้อน ที่ตามมาจากการโดนเรียกกลับวัดของพวกเรา หลายคนไม่เห็นด้วย เราได้รู้อยู่อย่างว่าผลสำเร็จอันหนึ่งคือ ครัวของเราจะได้เป็นเมืองเปิดเสียที ให้ทุกคนสามารถเข้าไปช่วยกันทำงานได้ เราไม่ชอบเวลาใครถามว่านอน ที่นี่ หรือ มันรู้สึกว่าพวกเราสุดโต่ง และ เราก็เริ่มคุมเกมไม่อยู่แล้ว หลายคนชักชอบอิสระ ไม่อยากกลับ

วันพุธ ที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๒๖

พ่อท่านมาอบรม ที่อ.ต.ก. เราสองวันนี้ฟังอะไรสนุกๆ หัวเราะจนท้องแข็งเยอะแยะ บางอย่างเราไม่อยากได้เลย สงสารคน ที่หวังไว้ น่าสงสารจริงๆ เจโต และ ปัญญาต้องเอื้อกันในยัญพิธี รูปแบบเราทำงานกันไม่ใช่อ้อนวอน ขอร้องใคร ทุกคนทำด้วยจิตสำนึก ท่านไม่สามารถมาได้เอง แต่ก็ฟังอยู่

เราก็รู้ว่า ที่นี่เป็น ที่ ที่ดี เกิดขึ้นมาเพื่อเป็น ที่เหมาะสม ที่สุด แม้มันจะยากจะลำบากแต่ก็รู้ว่าคุ้ม เป็นพี่ๆคนหายากนัก ที่นี่เป็น ที่ ที่เรารู้ว่า เราทุกคนก็ต่างมาบำเพ็ญบารมีของตัวเองต่อฐานนี้ ถ้าใครมีปัญญาจะได้กำไรมาก กลัวอย่างเดียวว่า เราจะไม่เข้าใจท่านจริง เราไม่เคยข้องใจ แต่บางอย่างเราสู้ไม่ไหว

ข้อดี เราได้กำไรทั้งทางโลกทางธรรม ได้ทำงานล้างกิเลสด้วย แล้วยังได้วัตถุอีก แล้วได้รูปธรรม ที่สะดุดตาชาวโลกอีก พ่อท่านย้ำว่าอย่าห่างจิต ทำอะไรอย่าออกนอกขอบเขตจนโด่เด่ มาเพื่อสร้างภราดรภาพ (สามัคคี)

ในสังคม ที่มีแต่การรวมกันเพื่อกอบโกย แต่เรามารวมกลุ่มกันเพื่อเสียสละ สะดวก กับขี้เกียจเป็นเพื่อนสนิทกัน ให้ระวัง หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน พ่อท่านเน้นว่าแรงงานไม่เพิ่ม อย่าเพิ่มปริมาณการขาย แม้จะมาจากพื้นฐานผิดกัน ห่างกัน แต่แกนนั้นจุดเดียวกัน "ทำงานเพื่อแก้ไข ปรับปรุงตน อย่าเอาแต่ปากแก้ตัว ต้องขยัน เพราะพ่อยังจน อย่าหลงความสะดวก ให้ช่วยเหลือกัน อย่าทรมานตน"

วันพุธนี้พ่อท่านยิ่งเทศน์ยิ่งเข้มข้น เราไม่ใช่ไม่เพิ่ม เราไม่ชอบผลีผลาม แม้ในการทำงานในหมู่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เราต้องสารพัดจะสู้ ไหนจะสู้ กับสังขาร ไหนจะต้องดูวิธีทำงานของทุกคน ดูจริตเราใจร้อนชอบเรียนข้ามชั้น ขาด ที่สุดคือตัวอดทน เราเองนิสัยไม่ดีเอง

วันนี้เหตุการณ์เครียด จากผลของการโดนเรียกกลับวัด

๑. พวกเราเหนื่อยสู้ไม่ไหวในการเดินทาง

๒. หลายคนถือว่าผู้ใหญ่ไม่ให้เกียรติพวกเรา

มานึกดูก็เห็นว่าทำได้ยากเหมือนกัน

เราอยากกลับก็เพราะเราไม่เก่ง เราจะหมดแรง เวลาโดนติทีไรเราอยากกลับทุกที พอเรามีแรงเราก็ฮึดสู้ใหม่ เราอยากกลับเพราะเราเริ่มเบลอ บางคนเราดูเขาไม่ออก และ เราไม่มีความสามารถพอ แต่เราก็รู้ชัดว่าเราต้องพยายาม ล้มต้องลุก

วันนี้พ่อท่านมา เหตุการณ์ก็จบลงด้วยดีสำหรับวันนี้ พี่ๆทั้งหลายจำนนด้วยเหตุผล เราทรมานอยู่อย่างคือ เวลาเพลียแล้วไม่มี ที่ให้พัก ไม่สามารถหยุดได้

วันนี้เราได้ขุมทรัพย์คือ ทำงานแล้วยึดงาน กินไปขายไป

วันพุธ ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๒๖

พ่อท่านมา ที่อ.ต.ก. ยิ่งรบหนัก เรายิ่งเรื้อปริยัติ (ต้องระวัง)

ในงานนี้ผลสำเร็จของเรามาจากสามัคคี เรารู้อยู่ว่าพวกเรามาจากคนทุกฐานะ ช่วยกันควักเงิน ควักความรู้ ความสามารถของหลายๆฝ่ายมาช่วยกันทุ่ม เราก็พลอยฟ้าพลอยฝนได้ไป กับเขาด้วยคือความรู้ ความอดทน ได้สารพัด ได้ตัดสิ่ง ที่เราเคยติดยึด เคยเกาะเกี่ยวได้อย่าง ที่เราก็ไม่เคยคิดว่าเราจะทำได้ ได้เรียนรู้จักการปล่อยวาง เรียนรู้นิสัยของเพื่อนรุ่นพี่ รุ่นน้อง รุ่นแม่ ยิ่งใกล้ชิดยิ่งรู้นิสัยของแต่ละคนชัดขึ้น

มันเหนื่อยจนจิตวางไม่ยึด ไม่อยากอีก กับตำแหน่งอะไรๆ เรากลับมาเป็นคนธรรมดาๆ ทำเท่า ที่เราทำได้ ได้เท่า ที่เรามีแรงอึด ยิ่งทำงานเรายิ่งซาบซึ้งถึงคำว่าสามัคคีคือพลัง

 
 
(จาก สารอโศก อันดับ ๑๔๕ เดือนต.ค. ๒๕๓๓ ขวัญ)