ฝากไว้ในแดนธรรม ตอน 4 ...
ย. ยอม
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 146
หน้า 1/1

ลักขณา วชิรวาทการ นักรบรุ่นที่ ๑ ของชมรมมังสวิรัติ แม้ไม่มีร่างเธอแล้วในวันนี้ แต่วิถีชีวิตบนเส้นทางแห่งสัมมากัมมันตะ ที่เธอพากเพียร ปฏิบัติเป็นเวลา ๖ ปี ได้ทิ้งไว้ให้เราศึกษา จากบันทึกประจำวัน ของเธอดังต่อไปนี้…

วันจันทร์ ที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๒๖

อากาศเย็นขึ้นนิดหน่อย ท่านสันตฯเป็นภันเต ไม่ได้ฟังท่านแสดงธรรมมานานแล้ว เริ่มด้วยคาถาเดิมคือ ตื่นเสียที ท่านอ้วนขึ้นนะ เรามีอะไรในใจ จึงไม่ค่อยเบิกบานเท่า ที่ควร เราระวังตัวแจเลยเวลากลับวัด ทำให้เราเกร็ง

เราไม่มีอะไร ไม่ต้องกลัว ใครไม่ชอบให้เราร่าซ่า เราก็อย่าทำ ใครจะหวังดีช่วยเรายังไงก็ควรน้อมรับ ไม่ชอบก็ยิ่งต้องกลับจิตให้ชอบ ดีมีคนมาช่วยดูแลสอดส่องเรา ให้เราดูใจของเราให้ละเอียด ใครหวังดีก็ต้องขอบคุณให้มาก เราต้องอดทน อดทนให้มากขึ้น เราจะเกิดเป็นคนใหม่ ที่เข้มแข็งขึ้น เรามาเพื่อเป็นคน ที่ไม่มีอะไร อย่าลืม ไม่มีแม้ด้านในอันละเอียด

เราไปคลุกคลีอยู่ กับเพื่อน ที่ อ.ต.ก. เพื่อนช่วยเรามาก เราเข้าใจเพื่อนมากขึ้นแม้จะไม่ชัดนัก แต่เราก็พยายามไม่มองใครในแง่ไม่ดี เรากำลังมาเพิ่มพลังจิต (เจโต) แม้อะไรสารพัดอย่าง ที่เราไม่ค่อยเห็นด้วย เราก็จะต้อง "ยอม" เราจะทนให้ได้มาก ที่สุด เราเป็นคนกล้าตัดใจ แต่ไม่ชอบทรมาน...จำไว้ เรายังโดนน้อยไป ทุกครั้งให้นึกว่า โดนมากกว่านี้ยังมีอีก ผู้ ที่แข็งแรง (โตแล้ว) จะไม่ร้องไห้เพื่อตนเอง เราก็จะล้างให้ขาด ไม่สงสารตนเอง ไม่โอ๋ตนเอง แต่ต้องเอาความสงสาร ที่มีมากให้แก่ผู้อื่น

วันพุธ ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๓๓

พ่อท่านมาเทศน์ ที่ อ.ต.ก. ก่อนย้ายกลับโดนจวกก่อนอื่นคือ ขายแพง พวกเราบางคนยิ่งอยู่นานยิ่งงก โดยเฉพาะพี่ ป.เป็นแม่ค้าค่อนข้างมาก เราเองก็ต้องระวัง อย่าเอาแต่ว่าเขา อิเหนาเน่าเอง

ถึงเราจะไม่เดือดร้อน แต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็ชอบการให้ ยังไงๆเราก็ต้องให้ไว้ก่อน เพราะเราก็สายงก แม้จะมีการขัดกัน กับเพื่อนบ้าง

วัน ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๖

พ่อท่านบอกว่า ชุมชนจะเริ่มในปี ๒๗ ชาวเกษตรจะหนักขึ้น พ่อท่านว่าอาจจะยอมจำนนใช้วัวควายในการทำงาน ให้เราทำตัวมักน้อยจนโจรเมิน

สิ่ง ที่ได้วันนี้คือ ต้องมุทุภูเต ไม่ใช่ทำเฉื่อยๆ ช้าๆ และ กับ เรื่องของการให้ ต้องเริ่มด้วยจริงใจทุกครั้ง ความสะดวก - ขี้เกียจจะเกิด จะขาดความฉลาด ความอุตสาหะ

วันนี้บรรยากาศอบอุ่น แม้อากาศจะเย็นนิดๆ พวกเรามาพากันเป็นผู้ให้ ผู้เสียสละกันอย่างน่าทึ่ง เราไม่ได้นั่งฟังธรรมมานานชักตื้อๆ มีหรี่ผ่านมานิดๆ แต่เราก็ไล่ได้ เราตั้งใจขี้เกียจ เตรียมพักเต็ม ที่ แต่เดินไปเดินมาก็เลยอดไม่ได้ ยิ่งเห็นก็ยิ่งชัดว่า "สามัคคีคือพลัง" เกิดมาเป็นทากสังคม อย่าเกิด เกิดมาเบียดเบียนผู้อื่น อย่าเกิด เกิดมาเพื่อใช้กรรม ( และ สร้างกรรมใหม่ให้ดีขึ้น)

"เพียรให้หนัก พักให้พอ" เวลากำลังล่วงไป บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ ต้องอย่าลืม ยิ่งทำงาน เราจะยิ่งคล่อง ทำให้งานเร็วขึ้น ได้ประโยชน์มากขึ้น ระวังอย่าโอ๋ตัวเอง

เรารู้ชัดในการทำงาน กับเพื่อนๆว่า ทุกคนมีดีกันทั้งนั้น บางคนมีบางอย่างเก่งกว่าเราหลายเท่า

สรุป เมตตา (การให้) จึงจะสามารถเอาชนะใจผู้อื่นได้ ไม่ใช่ด้วยการไปพูดตีข่มใคร ในการทำงาน ยิ่งทำงานมากก็ยิ่งผิดมาก ซาบซึ้ง

วันนี้ฉาย วิ.ดี.โอ เรื่อง นักบุญฟรานซิส สิ่ง ที่ได้คือ ศาสนาไม่ว่าพะยี่ห้ออะไร ถ้าสอนสัจธรรม ก็คือสิ่งเดียวกัน ท่านเน้นจิตวิญญาณมาก อดทนมาก สอนเรามากก็คือ ให้อดทน อย่าผลีผลาม ให้พอใจในการกระทำด้วยจริงใจ โดยอย่าหวังผล จุดนี้คือจุด ที่สามารถเมตตาผู้ยากไร้ได้อย่างจริงใจ

วันปีใหม่ ที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๗

เริ่มด้วยอากาศ ที่หนาวเย็น เจริญธรรมปีใหม่ มนุษย์ผู้ใฝ่ความเจริญ เตือนสติด้วยคำว่า เวลาล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ ให้ใช้โพชฌงค์ ๓ อยู่เสมอในทุกอิริยาบถ จะทำให้เราเป็นคนแยบคายได้โดยไม่เคร่งเครียด

ในส่วนลึก มนุษย์ต้องการสันติภาพ ที่สุด ไม่ว่าในวาระใดๆ ถ้าจิตมีอาการขุ่นเคืองใดๆ ให้สลัดออกอย่างไม่มีข้อแม้ โลภะยังดีกว่าโทสะ

"นาวาอโศก" ก็คือเราจะลงเรือลำเดียวกัน ไปในทิศทางเดียวกัน แม้แต่พ่อท่านก็ยังปรับตนเสมอ "มัชฌิมา" คือความพอดี ที่มีผลสูง ไม่หลวมๆ ไม่เอียงเทไปข้างเห็นแก่ตัว

ก่อนฉัน ควรตั้งใจใหม่ อธิษฐาน (ตั้งจิตสร้าง) อย่าลิงโลดเกิน ทำบ่อยๆ ทำมากๆ อย่ามีมานะ เวลามีใครดูถูกเหยียดหยาม ยอมเขาเลย เราตอนนี้มีอาชีพล้างมานะ ใครจะยังไงก็ไม่หมอง ถ้าเราไม่"อภัย" มันทำร้ายตัวเอง เดี๋ยวหรี่ เดี๋ยวง่วง ต้องรีบรู้แล้วต้องรีบล้าง อย่าหมกอย่าหมัก ต้องไม่ดูดไม่ผลัก ถ้าพูดแล้วไม่ได้เรื่องอย่าทำ อยู่ในกระแสโลกีย์ต้องอย่าลู่ ต้องพยายามทวน ถึงไม่เก่ง ล้มก็จะลุก อย่าให้แข็งขืนเกินการ

เมืองพุทธของพ่อท่าน เน้นกลับคืนสู่ธรรมชาติ กลับมาสู่ความเป็นไทย ธรรมชาติ ที่มีวงจรอันสมบูรณ์ (ไซคลิกออเด้อร์) เครื่องจักรลดฝีมือคน ทำให้คนขี้เกียจด้วย พ่อท่านพยายามสอนพวกเราไม่ให้ทำลายแม้แผ่นดิน ให้พวกเรารู้คุณของแผ่นปฐพี เราก็กำลังเห็นว่าเราเมตตาแมลงวันเป็นอย่างน้องเรา ไม่รังเกียจมันแล้ว เปลี่ยนใจดำของเราให้เป็นใจแดงๆ (สำนวนพ่อท่าน) ต้องจิตวิญญาณดีก่อน จึงจะใช้เครื่องจักรทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่

รายการภาคบ่ายวัน ที่ ๑ ม.ค.๒๗ รายการ "ฝันถึงโครงการปฐมอโศก"

วันศุกร์ ที่ ๖ มกราคม ๒๕๒๗

เมื่อคืนไปออกร้าน สิ่ง ที่ได้เห็นคือ มิน่าล่ะประเทศชาติยากจน ปัญหาแค่นี้ก็ไม่มีปัญญาแก้แล้ว จะไปแก้อะไร เล่นกินทิ้งกินขว้าง สังคม ที่ว่าสูงๆ มันสูงอะไรกันนะ สงสัยจริงๆ แค่กินทิ้งกินขว้าง ตัวเองฟุ่มเฟือยยังแก้ไม่ได้ จะแก้สังคมได้ยังไง พวกเราถ้าไม่เอาแต่เห่อตามโลก ตาตื้นๆก็เห็นความไร้สาระแล้ว ยิ่งเห็นเหมือนชาญชัยพูดว่า ยิ่งเห็นยิ่งปลง โลกไม่ต้องการหรอกความฟุ้งเฟ้อ เอาแค่มีคุณธรรม ไม่ต้องเก่งนัก เราว่าโลกนี้สุขสงบแล้ว

ในหมู่ของพวกเราก็เช่นกัน ถ้ามาทำงานแล้วบ้าโลกธรรมโดยไม่รู้ตัว งานง่ายก็จะเป็นงานยาก แต่อนิจจามันช่างมีอำนาจจริงหนอเจ้าโลกธรรม มันซับซ้อนเหลือเกิน เราเคยกลัวมาก

เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เอาแต่กลัวคำขู่ แต่มันเห็นชัดยาก และ ยากจะรู้ด้วย ถึงมันจะดีในแง่เป็นพลังดันบ้าง แต่ขออย่าให้เราโดนมันจูงจมูกเลย แต่ทำไมเรายังมีนิดๆ เวลาไม่ได้รับความจริงใจ เราตามเข้าไปล้างข้างในใจของเราแล้ว กำลังเพียรถูอยู่ และ เราก็จะแยบคาย ละเอียดลออในเรื่องนี้ แม้จะน้อยนิดเพียงใดก็ตาม

วันอาทิตย์ ที่ ๘ มกราคม ๒๕๒๗

ที่ตึกขาวอันมอซอ ตามฐานะคนอยากจน พวกเรายุคนี้นอนบนตึกชั้น ๓ ความพอดีจะมีได้ก็เพราะทุกคน "มองตน" ปรับปรุงตน เราไม่ใช่ว่าเราดีวิเศษ เราก็โง่มากเรื่องโลกๆ อีกหลายล้านเรื่อง เรามีพี่ๆหลายคนสอนให้รู้ว่าสุดโต่งคืออะไร เรากำลังขำจริงๆ ที่เราหาข้อยุติกันไม่ได้ คนขี้เหนียวพอเผลอก็อดเหนียวไม่ได้ คน ที่ใจกว้างก็กว้างสุดโต่ง จนไม่รู้ว่าเรากว้างจนเพื่อนเดือดร้อนแล้ว

เรามีสิทธิ์ใจกว้าง ถ้าไม่เบียดเบียนท่าน เป็นข้อยุติ ไม่ใช่ทำอะไรโดยไม่ศึกษาสิ่งรอบข้างให้ดีเสียก่อน จนไม่มีใครเห็นด้วยทั้งเมืองก็ยังไม่ปรับ เราเคยรู้สึกว่าพี่ ป.ขี้เหนียวสุดโต่ง แต่พี่ ป.ก็โชคดีเจอโจทย์แล้ว เรารู้สึกว่าในหมู่เรานี่ มีคู่บารมี ที่เหมาะสมในการขัดเกลากันเป็นเยี่ยมเลย

วันจันทร์ ที่ ๙ มกราคม ๒๕๒๗

ทำวัตรเช้า ท่านถิระกำลังสอนเรื่อง "อภิชัปปา" อย่าเร่งความอยาก ให้เพียร อย่าอยาก ให้ดูทุกสิ่ง ที่เกิดก็ต้องไปเป็นธรรมดา กฎของไตรลักษณ์ ให้รู้ขีดความสามารถของเรา ให้รู้จักพอใจในของ ที่มีเป็นทุนอยู่แล้ว เรามาเพียรสร้างเพิ่มใหม่ ถึงของใหม่จะทำยาก เราก็ต้องเพียรอย่างไม่ทุกข์

การมาทำงานยิ่งนับวันก็ยิ่งชัดว่า ถ้าเรายอมเรียนรู้ อะไรเราก็สามารถทำได้ จิตยิ่งใสยิ่งเรียนรู้ง่าย วิชา ที่น่าเรียน ที่สุดคือวิชาเรียนรู้จริตของคน (รวมทั้งของเราด้วย) ช่างมีสารพัดแบบ บางอย่างเราดูยังไงๆก็ดูไม่ออก มีด้วย หรือ อย่างนี้ ครูหนูบางทีเล่าให้ฟัง เราทั้งแปลกใจ ทั้งขำ อื้อฮือ แทบไม่น่าเชื่อ

เรากำลังคิดว่า จะให้พี่ๆ เพื่อนๆทำงานโดยไม่ยึดได้ยังไง เพื่อนๆยังไม่ใช่พระอรหันต์ ทุกคนก็ยึดของตนไปตามระดับขั้น ถ้าไม่มีอะไรยึด เขาก็จะไม่มี ที่ยึดเหนี่ยว ไม่มีแรงผลักดัน พวก ที่ติดหยาบๆ ก็เลิกแล้ว เขาจะยึดโลกธรรมบ้าง เราจะใจร้ายไม่ให้เขายึด หรือ ทั้งอัจ ทั้งเอื้อย เขาก็มีจุดมุ่งหมายตามสติปัญญาของแต่ละคน เราชัดแล้ว ถ้าเขาไม่แก้เอง ไม่มีทางหรอก เรามาอยู่ด้วยกันเพื่อชักเย่อกัน ให้ต่างมาอยู่ตรงกลาง แต่ใครจะยอม กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว ถึงวันนี้ ถึงเดี๋ยวนี้เราก็ยังชัดว่า สัมมาอริยมรรคของพระพุทธเจ้า ฆราวาสถ้าแน่จริง มีดี (คือทนได้) จริง ทำงานได้กว้างกว่า ถ้าบอกเราว่าไปเป็นนักบวชซิ เราเชื่อว่าเราสามารถปรับได้สบายมาก

แต่ยังไงๆตอนนี้เราว่ามาทำงานอย่างนี้ดีกว่า เรามาอาศัยฐานข้างในวัดช่วยพยุงให้อยู่ กับโลกได้ แต่รู้อยู่อย่างว่า ถ้าไม่มีฐานข้างในพยุง เราบ่มิไก๊แน่ๆ

พุธ ที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๒๗

หลังประชุมทุกอย่างก็ดูเรียบร้อยดี เราเข้าใจแล้วว่าการประชุมดีอย่างนี้เอง ผู้ใหญ่ก็คุมเกมเก่ง เราเองก็ปรับตัวเหมือนกัน เราก็เรียนรู้เหมือนกัน เราก็ย้ายจุดสุดโต่งของเราเหมือนกัน เราก็ไม่ใช่ไม่ผิด เราก็ทำผิดแต่เราก็ปรับตัวอยู่ แก้ไขอยู่ เราก็รู้แล้วว่าเราโง่เอง เราจะไม่ให้ใครๆมาตามใจเราคิด แต่เราจะเข้าใจผู้อื่น

วันศุกร์ ที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๒๗

ตึกขาว ตี ๒ ...เรายังล้างตัวไหนไม่เกลี้ยงหนอ? เรารู้แต่ว่าตัวมานะล่ะแน่ แต่ส่วนมากเรารู้แล้วเราก็เพียรทำ ไม่ใช่เอาแต่หลงตัวว่ารู้ๆๆ เราวิจารณ์ใครเราก็จะตรวจตนไปด้วยเสมอ และ ก็เห็นใจเข้าใจใครๆเสมอ เราทำงานนอกมากรับรองว่าเราก็ได้ประโยชน์ อยู่ ที่ไหนพระพุทธเจ้าท่านเมตตาส่งโจทย์เสมอแหละ อยู่ กับใครก็ต้องมีโจทย์ให้ทำเสมอ เรากำลังฝึกเจโตด้วยการหัดทำงานกรรมกร เรื่องนั่งฟังธรรมไม่ต้องกลัว เราถนัด งานครัวเรารู้ด้วยว่าเราไม่ได้ขี้เกียจทำ แต่ขี้เกียจแย่งกัน

พวก ที่หวงวิชาไม่ค่อยอยากสอนหรอก เราก็เรียนรู้ด้วยวิธีธรรมชาติ คือเป็นคนรับใช้บ่อยๆ อีกหน่อยก็รู้เอง ขอสูตรทางโลกเขายังหวงเลย แต่ทำไมเราโชคดี สูตรทางธรรมเจอแต่คนใจกว้าง

...เราชอบเป็นกรรมกร ตอนนี้มานะมันยังไม่หมดเกลี้ยง อย่าเผลอ

วันเสาร์ ที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๒๗

ทำวัตรเช้า-ท่านถิระ...ทุกคนต้องการเป็นคนดีทุกคน ดีอยู่ ที่ปัจจุบัน ไม่ใช่อยู่ ที่อดีต หรือ อนาคต เรามาปฏิบัติธรรมเพื่อขัดใจตัว ไม่ใช่ตามใจ ห้ามใจไว้นานๆด้วยความรู้ กิเลสมันตายเอง ปฏิบัติแล้วไม่มีอะไรใหม่ จะไม่มีศรัทธา แม้จะปฏิบัติได้อย่างเคร่งครัด แต่เคร่งเครียด

ในการอยู่ กับสังคม เราต้องฝืน ไม่ใช่ไหลตามน้ำ ตั้งตัวอยู่บนความสบายสบาย ระวังจะซวย

ในโลกนี้มีอะไรน่ายึด หรือ เรา จึงยังมีมานะไม่จางคลาย วันนี้กว่าเราจะหักใจเข้าไปไหว้เจ๊จูได้ ทำไม จึงต้องคิดก่อน ไหนเราบอกว่าเราวางแล้ว เรายังไม่ดี พอโดนเขาทุบเราก็ถือสาอีก หรือ ? เราจะไม่เอาแต่รู้ๆๆๆ เราจะทำๆๆๆลูกเดียว "รู้" ไม่ยาก ใครๆก็รู้ แต่เราจะทำๆๆๆ ไม่ว่าใครๆ จะอาฆาต จะพยาบาทเรา เราก็จะยอมเป็นหมาตายให้เตะ

จริงๆแล้วเราชอบชีวิตเรียบง่าย ไม่ต้องการอะไรใหญ่โตเลย เพราะมันมีแต่ความวุ่นวาย เราไม่ต้องการคำสรรเสริญ (ยาพิษ) ร้ายจริงๆหนอ มันเป็นคำพูดหยาบคายจริงๆ เราเห็นแต่โทษภัยของมัน เรากลัวมันจริงหนอ ใจจริงของเรา เคารพใครก็ด้วยใจจริง เราซึ้งใจใครจดจำได้ถึงความดีของเขา รับรองว่าเราพูดจริง แม้ขณะนี้มาบุพเพฯดู เราได้ดีขึ้นมาเพราะใครบ้างเราก็จำได้ เราก็ยอมรับ แม้เราจะมีมานะแรง ไม่ชอบให้ใครทวงบุญคุณ

ใครยิ่งดีเรายิ่งอาย ถ้าเราไม่ตอบแทน เราจะเลิกเป็นคนขี้เล่นไม่เอาจริง เราจะเอาปัญญาของเรา ที่รู้ดีแล้วมาทำดีตาม ที่รู้ เรายังไงๆก็ล้างบาปด้วยการช่วยฉุดดึงเพื่อนๆขึ้นมาบ้างแล้ว ตาม ที่เราพอจะทำได้ตามกำลัง+สติ+ปัญญา เราทำงานเพื่อไถ่บาปของเรา

ตอนนี้ควรรู้ตัวไว้ว่าเราเป็นแค่ "คนรับใช้" ไม่มีสิทธิ์อวดดี ไม่ว่า กับใคร เราตรวจแล้วว่า เราไม่เคยเป็นคนลามก ไม่ศรัทธา แต่บอกได้ว่ามีใคร ที่เราไม่ชอบ เราจะเลี่ยง ไม่เอ่ยถึงด้วยซ้ำ เราเป็นคนปากอย่างใจอย่างไม่ได้ หัวใจของเราไม่เอื้อ

วันอาทิตย์ ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๒๗

พ่อท่านบอกว่าเปลี่ยนจากทำเนียบขาวมาเป็นบ้านขาว

ในการทำงาน กับการตัดกิเลสนี่ เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ ไม่ค่อยอยากทำตอนปลาย มันติดศาล หรือ เรามันเป็นได้แค่นี้ หรือ

เรานี่มีอยู่หนึ่งโรค คือ โรคขี้เกียจ ครูหนูบอกว่า เพราะมันรักตัวเอง มัน จึงโอ๋ตัวเอง

ฮึดเข้าตายเป็นตาย ทนอีกนิด เราไม่อดทนเพราะมันรักตัวเอง กลัวตาย ให้ไม่หมด ขยักเอาไว้ มัน จึงขี้เกียจ ขี้เพลีย

 
 
(สารอโศก อันดับ ๑๔๖ พฤศจิกายน – ธันวาคม ๒๕๓๓ หินฟ้า)