ฝากไว้ในแดนธรรม ตอน 7...
สองแกนอันตราย
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 149

ลักขณา วชิรวาทการ นักรบรุ่นที่ ๑ ของชมรมมังสวิรัติ แม้ไม่มีร่างเธอแล้วในวันนี้ แต่วิถีชีวิตบนเส้นทางแห่งสัมมากัมมันตะ ที่เธอพากเพียร ปฏิบัติเป็นเวลา ๖ ปี ได้ทิ้งไว้ให้เราศึกษา จากบันทึกประจำวัน ของเธอดังต่อไปนี้…

วันจันทร์ที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๒๙ ทำวัตรเช้า-ท่านสันตจิตโต

ปฏิบัติธรรม ถ้าไม่กล้าปฏิญาณตนว่าเป็นอรหันต์ ก็อย่าประมาท เน้นมากเรื่องกาม ใหญ่จังเลย กาม+โลกธรรม กว้างมาก ยาวนานมากในการล้าง มานะนี่ก็มาจากแกนเดียวกับ กาม และ โลกธรรม กดข่มกามมาก ก็ไปออกโลกธรรม

ความจริงตั้งใจนอนเต็มที่เลย แต่ก็อดไม่ได้ คลานลงมาดูหน่อย ท่านเทศน์สนุกดี

ประชุมอบรมฝ่ายหญิงโดยท่านติกขฯ ท่านถิรฯ ท่านสมณฯ ท่านสรฯ

บันทึกตึกขาวจุดประสงค์ใหญ่ คือ ต้องการรู้จำนวนผู้ไม่ลงทำวัตร พวกแก่วัด ให้รู้ว่า มาให้ ไม่ใช่ มาเอา ระเบิดลูกใหญ่ คือ หวงกาม หวงอัตตา อันนี้มันก็สร้างสงครามไม่ให้ศาสนาเกิด ระเบิด(กิเลส)มันได้ต้องอย่าลืมตัว

คนมีความรักมากเพราะมีปมด้อย

ท่านพุทธทาสท่านแต่งงานกับพระไตรปิฎก พระธรรม

รัก คือ อลิกะ จงเห็นแก่ธรรมเป็นใหญ่

วันนี้ท่านติได้เจ็บๆ คันๆ ถ้าไม่อายแสดงว่าเหลือเกิน แต่ว่าพวกเรารับรองว่า ไม่ใช่คนหน้าด้าน

วันอังคารที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๒๙ ทำวัตรเช้า-ท่านสันตจิตโต

กามสุข-ภวสุข ต้องดับทั้งสิ้น พูดจริงๆ พวกเรามีทุกระดับในตัวเรา พวกเราเป็นวิปปัญจิตัญญูในโสดา เป็นเนยยะในอรหันต์ ดับได้ด้วยอริยสัจ จึงจะเป็นสมุทเฉท งานอะไรถ้าผู้รู้ทำเราว่าใครๆ ก็อยากทำตาม แม้ว่าจะเป็นแค่งานปัดกวาด ขัดถู เราฝืนทำนิดเดียวๆ เท่านั้น เรา จึงค่อยๆ ทำได้ขึ้น ทำได้ขึ้น แล้วก็มีคนเขาทำตามเอง เหมือนพ่อท่านพาเราทำกัน

วันพุธที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๒๙ ที่ตึกขาว

เรารู้แล้วว่าเราโงก(ง่วง)เพราะเราเพลีย แล้วยังฝืน เราดีใจนิดๆ ที่หาสาเหตุเจอ ร่างกายเราอ่อนเพลียเพราะเราพยายามฝึกมันอย่างหนัก เป็นช่วงที่เราจะอ่อนเพลียที่สุด อารมณ์อ่อนไหวที่สุด แต่เรายืนยัน เราไม่กลับไปเกิดในสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดอีก เราไม่ได้เกิดถีนมิทธะเพราะกามเป็นเหตุ เรายังมีสติอยู่ เรายังมีพุทธะอยู่ แม้เราจะไม่กล้าหาญด้านนี้ แต่เรายืนยัน เราไม่ทำเด็ดขาดแม้ในจิต

วันพฤหัสที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๒๙ "วันอโศกรำลึก"

วันนี้เป็นงานวันรำลึกถึงพระคุณ ของท่าน รำลึกการเกิดอโศกกัน แม้ไม่ตรงกับวันหยุด พวกเราก็มากันจนแน่นไปหมด เพราะผล ของกรรมกรุณา ของอโศกทุกคน เรากำลังจัดที่นั่งกันอยู่ เพราะสถานที่ ของเราใหญ่ไม่พอ ถ้าเป็นการแบกหามคงเหนื่อยน่าดูกับผู้คน และ มลภาวะที่จะมีตามมา พวกเราเป็นลูกที่เกิดจากวจีกรรม ของท่าน จึงมีได้มากมายเหลือเชื่ออย่างนี้

วันอโศกรำลึก ท่านจะขยายคุณลักษณะ ของวันอโศกรำลึกว่า มีความหมายที่พิเศษสำคัญเพียงไร ท่านกำลังพยายามสื่อนามธรรมออกมาเป็นภาษา

๑.วันส่วนตัว ของแต่ละบุคคล ไม่ให้ชวนกัน ให้ทุกคนมาด้วยสำนึกเอง แม้แต่อยู่ในคุกหัวใจ ถึงตัวมาก็จะต้องเอาหัวใจมาด้วย ไม่ให้กิเลสครอบงำ ตื่นเต็ม

๒.เงียบ ไม่ประกาศ ไม่เปิดเผย ท่านกำลังมาสอนเราให้รู้จักธรรมะข้อที่สำคัญมาก คือ ท่านไม่ได้ต้องการอยากใหญ่ อยากโต ท่านต้องการสัจจะ

๓.ไม่กิน ยกเว้นน้ำเปล่ากับลม เป็นวันไม่กินอาหารเพียวๆ (วันอิ่ม)

๔.วันเล็ก วันน้อย เล็กที่สุดในนามธรรม เป็นวันสอนให้สังวร

๕.เป็นวันอบอุ่น อบอุ่นเพราะกิเลสเราเบาบาง ไม่มีอาฆาต พยาบาท รู้ตื่น เบิกบาน สงบเงียบ เรียบร้อย

๖.เป็นวันอิสระ อันประกอบด้วยจิตพ้นความเป็นทาส

๗.สะอาด นอกกาย ในใจ เร็ว มีประสิทธิภาพสูง รู้ไวข้างใน สะอาด คือ ไม่เปื้อนรอยโกรธ รอยโลภ สะอาดนอกสะอาดใน วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก วันสันติภาพด้วย ลงรูปลงนาม คือ สะอาดจากขยะดิน ขยะกลิ่น จนขยะ(ทาง)ทางจิตวิญญาณ

วันนี้เราเพลียจังเลย เราสู้อยู่ เราปรุงธรรมะดีกว่า เราเอาศรัทธาปลุกพลัง ของความเป็นมนุษย์ ๑.ไม่กลัว ไม่สะทกสะท้านในบริษัท ๒.ไม่กลัวตาย ๓.ไม่กลัวทุคติ

ก่อนฉัน ไม่ค่อยง่วงแล้ว ตอนนี้ตื่นเพราะไปฝึกปรับมาหลายอย่าง เมื่อสักครู่ผ่านพระรูปหนึ่ง ใครๆ กราบกัน เราเดินผ่านออกมาแล้ว จึงนึกอยู่ว่า พ่อท่านสอนให้รู้จักสมมุติ เรายังไม่ชัดก็เลยไม่ทำ แต่ก็จะพยายามให้ดีขึ้น พิจารณาให้ไวขึ้นๆ ในใจอย่าอืดอาด

เราแย่จังเลย ขนาดท่านสอน สอน สอน เรื่องล้างไอ้ตัวไม่ยอม เราก็ยังกำลังธรรมวิจัยอยู่ ก็ต้องอาศัยเวลาแน่นอน

ถ้าไม่ศึกษาทางธรรม เราจะไม่รู้ว่ามนุษย์เกิดมาเพื่อพัฒนาให้เราทำดีทุกวินาที ฉลาดฝึกปรือง่าย กำไรไปตั้งแยะแล้ว แต่ไม่ใช่ให้เอาไปเอาเปรียบโลก

เรากำลังดูพ่อท่านทำงาน แม้พ่อเผลอเราก็จะไม่แอบหลับ ง่วงก็สู้เพื่อรู้ตื่นเบิกบาน น่าสงสารกิเลสทำให้คนตกต่ำ

วันนี้พี่น้องที่อยู่ไกลมากันเต็มบ้าน ท่านก็พยายามป้อนอาหารให้ด้วยเมตตา ท่านเทศน์กัณฑ์อย่างนี้สอนให้ไม่ผลาญโลก คงทำให้พวกเราที่พึ่งมาฟังธรรม จะได้กลับมาลดละ

เราง่วงเพราะเพลีย ปลุกให้จิตตื่นให้เต็ม

ศีลเคร่ง แต่เป็นธรรมดาสำหรับผู้ได้แล้ว ในขณะนี้ได้ฝึกนะ ขณะนี้เราก็เพียรอยู่เพียรอยู่

อโศกรำลึกช่วงบ่าย

พ่อท่านไม่ฉัน แต่ทำงานทั้งวัน ถ้าท่านทำงานอยู่ที่ที่ไกลปืนเที่ยงหน่อย ทำงานไปอยู่กับธรรมชาติไปพลาง โอกาสพังก็น้อยหน่อย เราจะพยายามทำโจทย์ ของเราต่อ จะไม่ต้องสร้างปัญหาให้กับใคร เราทำตัวนี้อยู่ ทำอยู่ ต้องทำให้ชัดแจ้งให้ได้ ขนาดเรารู้ๆ นะ ยังไม่ใช่ว่าจะง่ายๆ เวลามันเกิดเราก็ยังไม่รู้ชัดว่าเราไม่ยอมเพราะอะไร

งานนี้ถ้าคนนอกมาอาจเพ่งโทษพ่อท่านได้ แต่พวกเราเข้าใจ รู้ว่าเพราะท่านทำงานไวมาก ท่าน จึงมีอุปกรณ์มาก พวกเราไม่สงสัยหรอก

วันนี้ควรเป็นงานส่วนตัว คือ งาน ของญาติที่เป็นส่วนตัว ของเราจริงๆ ทางธรรม ไม่ใช่งานส่วนตัวญาติทางโลก เราก็เกือบชวนน้องแล้ว แต่เราก็หยุด ไม่ต้องการคนไม่จริงใจ มาเพราะเกรงใจ เวลาที่เราต้องการ ไกลแค่ไหนเราก็มาเอง ขณะนี้ช่วงบ่าย ๓ โมงแล้ว คนก็ยังมาก

เรารู้อยู่ว่ามันเกิดจากเราสั่งสมความอ่อนน้อมถ่อมตนน้อย เผลอก็สั่งสมแต่ความหลงตัว (กิเลสโมหะ) ตัวกูมันใหญ่ มุดเข้ากะลาครอบ ของอัตตา เราจะแก้ด้วยการทำงานที่มันทำให้เราเล็กลง(กิเลส) แต่อาจไม่สมใจเรา เราหลงอะไรกันนักกันหนา เราจะอยู่ค้ำฟ้าเหรอ เราขัดตัวเองไม่ดี หรือ เรื่องอะไรไปขัดคนอื่น เราโดนกิเลสมันหลอก เราทำงานนอกยิ่งเล็กลง เล็กลง ทำไมอัตตามันไม่เล็กตาม เราผิดแล้ว

ท่านเคยสอนให้ลดตัวเอง เป็นแค่หมาตัวหนึ่งเท่านั้น เราได้แต่ดูถูกคนอื่น เราต้องพลิกแล้ว ดูถูกเราเองดีกว่า เพราะเราบวกอัตตาอีกด้าน ข้างนอกเราก็ล้างไม่ได้ ยังหลงข้างใน(ตัวกู)อีก มันก็ยกกำลังน่ะซี

ศุกร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๒๙ ทำวัตรเช้า-พ่อท่าน

เราเจริญขึ้นเพราะการทำวัตร การอวดโอ่-สารพัดเป็นเรื่องน่าเกลียด แต่สัจธรรมไม่ใช่เรื่องอวดโอ่ นักร่อนทองจะไม่ขี้เกียจ ได้มาก หรือ น้อยก็พยายามเก็บเล็กเก็บน้อย จริงใจนำมาประมาณกับเพื่อนโดยหลักสัปปุริสธรรม สร้างวัตถุ-ในขณะเดียวกันจะมีการทำลายวัตถุบางอย่างลงไปในเวลาเดียวกัน ใช้มาก คือ การทำงานมากในเวลาเดียวกัน

เสาร์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๒๙

วันนี้พ่อท่านเริ่มกรรมวิธีล้างท้อง ๑๕ วัน ท่านพยายามเปลี่ยนจากคำว่ามัธยัสถ์มาเป็นคำว่าอัปปิจฉะ พวกเราก็ยังเอามาใช้เป็นสแลงแบบตลกๆ อีกว่าจากยัดมาเป็นฉะ ซึ่งมีความหมายตรงข้าม รู้สึกพวกเรานี่ก็มีอารมณ์ขันไม่เบา

ถามความเห็น ของหลายๆ ท่านที่อดอาหาร ส่วนใหญ่อดด้วยศรัทธาพ่อท่าน เรายอมให้ใครๆ ว่า เป็นสายศรัทธาดีกว่าปัญญา เพราะมีบทปฏิบัติแก้นิสัยเราด้วย อดอาหารได้ตั้งตนบนความลำบาก กุศลกรรมเจริญยิ่ง องค์นี้เก่งกว่าเพื่อนเลย อดแล้วได้ทั้งเจโต+ปัญญา (ท่านสรณีโย)

อาทิตย์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๒๙

เมื่อวานเลยซาโตริอีกตัว เรื่องที่เราเคยยึดนักหนา มองตนดีกว่า

ก่อนนอน วันนี้เป็นวันที่เรากำลังมาเรียนรู้ให้ครบวงจร ของจิตอีกหนึ่งวงจร ฟ้าแลบทางโน้น คิดว่าฝนคงจะตก เพราะฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆ แต่อากาศไม่อบอ้าว เย็นสบาย

ถึงทุกสรรพสิ่งในโลก ต้องผันเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา ธรรมชาติมีพระจันทร์เต็มดวง สวยบ้าง อับเฉาบ้าง ก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติ แต่จิตใจที่อบรมแล้วจะรู้เท่าทันความแปรเปลี่ยนเหล่านั้น เป็นวงจร ของโลก เจริญกับเสื่อมเป็น ของคู่กัน ถ้าโง่(อวิชชา) ไปอุปาทานกับมัน ก็จะขึ้นๆ ลงๆ ฟูๆ แฟบๆ ไปกับสิ่งรอบข้าง จนลืมสภาวะพุทธะ รู้ ตื่น เบิกบานในตัวเรา

เราเข้าใจในขณะที่เรามาขอพักสงบบ้าง ในจิตเราก็เพียรอยู่ ไม่ได้ดับทิ้ง เราขอพักบ้าง เจโตสมถะดื้อๆ ของเรา คือ วิธีนี้ เรากำลังทำจิตให้เข้มแข็ง เราพักพอก็จะมาทำงานใหม่ งานในเราขี้เกียจ เราก็กลัวเสื่อม เราจะหยุดก็ด้วยรู้เหมาะรู้ควร เรายังมีพระพุทธเจ้าอยู่ แม้ในเวลาเราจะหยุดพัก เราจะไปทบทวน ทบทวนอีก

 
 
(จากสารอโศก อันดับ ๑๔๙ ปีที่ ๑๑(๑๔) ฉบับที่ ๑๑–๑๒ มิ.ย. – ก.ค. ๒๕๓๔)