ฝากไว้ในแดนธรรม ตอน 8 ...
ฝ่าด่านหิน
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 150
หน้า 1/1

ลักขณา วชิรวาทการ นักรบรุ่นที่ ๑ ของชมรมมังสวิรัติ แม้ไม่มีร่างเธอแล้วในวันนี้ แต่วิถีชีวิตบนเส้นทางแห่งสัมมากัมมันตะ ที่เธอพากเพียร ปฏิบัติเป็นเวลา ๖ ปี ได้ทิ้งไว้ให้เราศึกษา จากบันทึกประจำวัน ของเธอดังต่อไปนี้…

วันจันทร์ที่ ๙ มิ.ย.๒๙ - ทำวัตรเช้า-เท็ปพ่อท่าน

การย่อหย่อนในตบะไม่ดีเลย เราต้องกลับมามีตบะอีกแล้ว

ทาน-การให้ ของเราช่วงนี้ก็ คือ การยอมรับ เรากำลังรวบรวมเจโต+ปัญญา

อาฬวกยักษ์-จิตกระด้าง , กลางคืน คือ ภพมืด รูปนอกแข็งแต่เปราะง่าย ไม่อดทน ไม่แข็งแรง อ่อนแอ เราได้อดทนนิดเดียว ขันติก็นิดเดียว ค่อยๆผ่อน มีแดร็กคูล่าฆ่าด้วยการตอกย้ำๆ เพราะกิเลสเหมือนนางโมรา เรามีหน้าที่แย่งนางสีดา (ความเย็น-อดทน) มาจากผีร้าย ให้มีสีดาอยู่เสมอ เราก็ต้องพักเอาแรงได้ มีแรงสู้ไหม

เราไม่สนใครเลย ดูแต่สภาวะใน ของเราเท่านั้น เรามีหน้าที่ปราบพยศในใจ ของเราเท่านั้น เราใช้หลับทนเอาถ้าสู้ไม่ไหว

เรามาวัดเพื่อเรียนรู้สภาวทุกข์เหล่านี้แหละ นี่ คือ โจทย์ที่พระพุทธเจ้าส่งมาโดยท่านไม่ได้บอกเรา เราต้องมีปฏิภาณเอาเอง พวกเราตีกลับ สนุกเกินไปถึงเซ็ง ไม่ว่าอะไรในโลกอยู่ที่เรากล้ารวบรวมทะลวงเข้าไป ตัวมานะ-แข่งดี-ริษยา-เป็นตัวทำให้โลกฉิบหาย ล้างด้วย

เห็นเขาได้ดีแล้วทนไม่ได้ เพราะตัวหวง เมื่อรู้อกุศลอันชั่วช้า จงละเสีย ต้องรู้จักสร้างปีติปราโมช เราก็จะจำไว้

วันนี้พระอาจารย์ให้กรรมฐานตรงอีกแล้ว เป็นหนี้บุญคุณตอบแทนท่าน ด้วยการทำตามที่ท่านกรุณาสอน จำไว้อย่าดื้อด้าน เปล่าดาย

เรากำลังมาเรียนรู้ เราโชคดีเป็นอะไรส่วนมากรู้จักตัวเองดีพอควร ก็ค่อยๆแก้ เราต้องรู้ให้ชัดเพื่อล้าง จุดนี้เราเห็นเป็นจุดตันตายแหง็กกันทั้งนั้น แต่เราจะสู้

วันนี้พ่อท่านลงไปช่วยรื้อเต็นท์ โดนเหล็กตกใส่ สงสัยกระดูกเท้าแตก แต่เห็นท่านยังยิ้มดี ท่านกำลังช่วยกระตุ้นพวกนาคพวกฤาษีอยู่ ก็เลยต้องออกมา ทั้งๆที่ท่านกำลังล้างท้อง ไม่ได้ฉันข้าว ฉันแต่น้ำอ้อย

เรากำลังเป็นโรคอัมพาตทางจิตวิญญาณ หัวใจมันตายด้าน มันไม่มีน้ำใจ พยายามแทงอยู่ว่ามาจากสาเหตุอะไร พอจะรู้อยู่บ้าง กำลังพิจารณาอยู่ เรากำลังใช้ทั้งสติปัญญาบวกพลังเจโต ทะลวงออกจากวงวัฏฏะอยู่

ข้าแต่พุทธองค์ผู้ทรงกรุณาธิคุณ ข้าพเจ้ากำลังต่อสู้อยู่ ด่านนี้หินจริงๆ

วันศุกร์ที่ ๑๓ มิ.ย.๒๙

วันเวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เดี๋ยวปีเดี๋ยวเดือน เราจะตายเปล่าหรือเปล่าชาตินี้ ปฏิบัติก็ต้องรู้กรรมฐาน ของเรา แก้ให้ตรงจริต เราขี้หงุดหงิด จึงทำงานปนกับคนในโลกยาก แต่อันนั้นแหละเราต้องทำล่ะ ชั่วโมงเรียนมีน้อยนิดเดียว พวกเราก็ต้องชอบเรียนเป็นธรรมดา เรื่องรู้ไม่ยาก แต่เรื่องตัวหลุดซิยาก ความอ่อนไหว อ่อนแอ ให้นิ่งก็หลับ ไม่นิ่งก็ไม่มีพลัง พอดี จึงหายาก

ธรรมะเป็น ของละเอียดจับติดยาก เน้น ต้องปฏิบัติ ปฏิเวธ (เพราะปริยัติเราอบรมกันทุกวัน) พูดในสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำอย่าพูด

เราควรทำอย่างไร ถ้าเกิดเหตุการณ์สงความเจโต-ปัญญา อ๋อง่าย เอาประโยชน์มาเป็น ของเราให้หมด มีดีมีเสียเท่ากัน

กำลัง ๔ ประการ ปัญญา ความเพียร สงเคราะห์ การงานไม่มีโทษ

อาทิตย์ที่ ๑๕ มิ.ย.๒๙

เราพูดเถียงหรือชี้แจง! เพื่อแก้ไขหรือแก้ตัว!

เราต้องพร้อมต่อการแก้ไข ไม่ใช่พร้อมต่อการแก้ตัว ท่านสรณีโยพูดถึงกิเลส ของอิตถีภาโว เริ่มด้วยผู้หญิงมีแต่ปัญญาไม่ตรง รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีในทางผิด

อยู่กับคนบางคน เราก็ได้หัดรู้เท่าทันกิเลส รู้ตัวถือสา ของเรา ได้รู้เท่าทันทั้งเขาทั้งเรา ปลาไหลก็ คือ กิเลสประเภทใส่หน้ากาก ปัญญากับหัดตอแหลคนละตัว รู้รักษาตัวรอดกับรู้รักษาศีลให้รอด มันต้องแยกให้ชัด

วันนี้ประชุม อตก.พ่อท่านพูดเรื่องใจกว้าง (เจโต) ใจแคบ (ปัญญา) ได้ดี เป็นการแบ่งแยกปัญญาให้ชัด เจโตก็ต้องให้แจ้ง มีการลอกหนังปลาไหล (พวกเฉโก) กันด้วย เราเข้าใจที่เคยประทับใจคำพูด ของบางคนว่า เขากลัวอย่างเดียวเท่านั้น คนหน้าไม่อาย ว่าไม่เจ็บ

ซาบซึ้งพ่อท่านบอกให้รู้ว่าล้างมานะต้องล้างที่นี่ นี้ คือ มรรคา ของผู้ที่ต้องการเป็นพระอรหันต์ เราโชคดีมีทั้งอาจารย์ที่ดัด(สันดาน)ให้ตรง, ให้งาม ให้ทั้งความงาม (ด้านใน) สองด้านไปพร้อมๆกัน

ศรัทธาหย่อน จะไม่พากเพียร ก็จะไม่เพิ่มอินทรีย์พละ จะไม่มีสติ ไม่แยบคาย ไม่มีสมาธิจิต (จิตใจที่เข้มแข็ง)

วันจันทร์ที่ ๑๗ มิ.ย.๒๙

จากเหตุการณ์ที่ผ่าน ท่านเตือนแต่เช้าเลย เราต้องไม่มีจิตดูถูกใคร ยังเห็นข้อดี ของผู้อื่นอยู่หรือไม่ เราพูดจริงๆได้จากผู้อื่นเยอะแยะ สอนสัปปุริสธรรมเรามาก เราเพียงแต่นำมาดัดแปลงให้เหมาะกับเรา เรารู้ชัดด้วยว่ายังไม่จบเกลี้ยงจริงๆ ยังเหลือเชื้อที่เราประมาทไม่ได้ เราพยายามเข้าใจเขาให้ชัด อะไรถ้าไม่ชัด มันจะเกิดอีก ระวังเฮอะ สัจธรรมที่แท้ อยู่ที่จริง

นี่ คือ ความดี ของการทำวัตร เราได้ทบทวนให้แยบคายในใจ เราไม่ยอมแพ้หรอก

พฤหัสที่ ๑๙ มิ.ย. ๒๙

วันนี้วันเกิดร้านภัตตาคาร ๕ บาท ของพวกเรา ครบรอบ ๔ ปีแล้ว และ เราก็เตรียมระหกระเหเร่ร่อนย้ายที่อีกแล้ว ที่เกิด ของสมาธิพุทธ ที่พิสูจน์สัมมาอริยมรรค ของพ่อท่านพาทำ แม้ในหมู่ฆราวาส ให้ผลอีกนานัปการไม่ถ้วน เรา จึงสู้ตายกันอยู่แถวนี้ ด้วยเหตุนี้

วันนี้เป็นวันที่ ๒ ของกรรมวิธีล้างท้อง ของเรา วันแรกกินเกลือเค็มหิวน้ำทั้งวัน ท้องถ่ายหนเดียวปรกติ เริ่มน้ำอ้อยแก้วแรกเมื่อ ๓ โมงเช้า เรายังปรกติดียังไม่เพลีย น้ำอ้อยประมาณแก้วน้ำแข็งที่ขายที่ อตก.๑ ถ้วยเต็ม ถ้าทุกวันเรากินเกลือแล้วน้ำเกลือขังอยู่ในร่างกาย ทำไงหว่า ตื่นมากินน้ำเกลือตั้งแต่ยังไม่ตี ๑ เพราะกลัวจะท้องเสียข้างนอก แต่ก็ปรกติดี รู้สึกไม่ยากไม่ลำบากสำหรับเรา เพราะเราดื่มกันทั้งวันจำได้ว่า ๖ แก้ว ๗ โมงเช้าถึง ๖ โมงเย็น

พ่อท่านเทศน์ก่อนฉันที่ อตก. ครบ ๔ ปีแล้ว ของการลงสนามตัดกิเลส วันนี้ควรทบทวนว่าเรามาเรียนรู้เรียนทำไปถึงไหนแล้ว ด้านกาม ด้านโลกธรรม ราคะ-โทสะ ของเราลดลงบ้างไหม กี่เปอร์เซ็นต์ นับได้บ้างมั้ย อย่างน้อยรูปธรรมเจริญขึ้น แต่ไม่พอหรอก ด้านนามธรรมสำคัญกว่ามาก เราได้เลื่อนขั้นจิตวิญญาณหรือไม่

เราฟังพ่อท่านรู้เรื่องไหม? เรื่องกำไรอริยะเอาชัดๆ ปีที่แล้วเวลาฟังเรายังต้องสู้ง่วงนิดๆฟุ้งหน่อยๆ ปีนี้เราแน่นิ่งขึ้น หยุดได้นิ่ง และ เร็วขึ้น

พ่อท่านเน้นมังสวิรัติดี ต่อมาเสียสละที่มาจากจิตวิญญาณที่มีปัญญาละกิเลส เน้นจิตเป็น"ธาตุรู้" มีคุณสมบัติที่ยิ่งละกิเลสได้ยิ่งมั่นคง อดทน - กดข่ม ลดละ ล้าง จุดสำคัญ ของมนุษย์ รู้ค่า ของกาลเวลา รู้ค่า ของงาน แม้ไม่ต้องการปรนเปรอตัวเองแล้ว ถ้าไม่ตรง ไม่เที่ยงแท้ จึงจะวนกลับ

ท่านสอนเศรษฐศาสตร์ ประโยชน์สูงประหยัดสุดในทุกเรื่อง ไม่กักตุน พ่อท่านเหมือนบุคคล ที่ให้แรง เราเข้าใกล้แล้วเกิดแรงบันดาลในการตัดกิเลส

ศุกร์ที่ ๒๐ มิ.ย.๒๙

วันที่ ๓ ของขบวนการล้างท้อง เมื่อวานเรางดน้ำอ้อยไป ๒ แก้ว เพราะไม่หิวเลย วันนี้เราเปลี่ยนไม่กินน้ำเกลือ มากินน้ำตะไคร้แทน เพราะ ๒ วันที่ผ่านมาน้ำหนักเรากลับขึ้น เพราะบวมเกลือ แก้ไขตามตำราที่มีหมายเหตุไว้

วันนี้ก็เหมือนเดิม ถ่ายหนึ่งครั้งหลังดื่มน้ำชาสมุนไพร ระบบร่างกาย ของเราไม่รับอาหารหยาบ กินอาหารเหลวสบายมาก เมื่อวานมีงานวันเกิดร้านครบ ๔ ปี เร็วจัง เดี๋ยวปี เดี๋ยวปี เรามีสุขภาพกายที่ไม่ค่อยดีนักก็จริง แต่สุขภาพใจใช้ได้ เวลาที่ผ่านงานมา ก็ทำให้เราช่ำชองขึ้น แบบเด็กเดินหกล้มก็น้อยลง โรคที่กลัวหกล้ม กลัวเจ็บก็น้อยลง พยายามเดินอย่างสขุมขึ้น ไม่เดินแซงเดินชน และ เดินซุกซนไปเอามือแหย่ไฟเล่นอีก เดินผ่านไปดูบ้างแต่ไม่แหยแล้ว ไฟทั้งหลาย"ร้อน" วันเกิด ของร้านก็มีโอกาสให้พ่อท่านไปเยี่ยมเป็นสิริมงคลอีกครั้ง เราเกิด(ดี)เพราะใครเอ่ย

จักขุมา ปรินิพพุ โพติ นิพพานต้องลืมตาเห็นๆ ละเอียดนอกละเอียดในต้องไปด้วยกัน เรายังไม่เรียบร้อยเพราะยังอ่อนเยาว์ เราจะพยายามละเอียดนอก-ใน เป็นมุทุภูเต ไม่ใช่มู่ทู่ภูตะ เหมือนหมาพันธุ์บลูด็อก (มันหน้าบู้บี้ทั้งปี)

กินน้ำอ้อยสำหรับผู้หญิงอ้วนๆนี่สบายมาก แต่เราก็ไม่ประมาทระวังอยู่ เห็นพ่อท่านทำแล้ว ถึงจะซูบลงแต่ก็ผ่องใสดี เรากินเปรี้ยวมาก กินอาหารปรุงแต่งน้อยเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว จึงมีปัญหาน้อยมากเรื่องระบบขับถ่าย เราเคยทำสูตรแรงๆกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ขาดเวลาที่ทำติดต่อไม่ยาวนาน (อดทน) พ