ฝากไว้ในแดนธรรม ตอน 10 ...
หิริโอตตัปปะ คือ ธรรมาวุธ
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 152 เดือนมกราคม 2535
หน้า 1/1

ลักขณา วชิรวาทการ นักรบรุ่นที่ ๑ ของชมรมมังสวิรัติ แม้ไม่มีร่างเธอแล้วในวันนี้ แต่วิถีชีวิตบนเส้นทางแห่งสัมมากัมมันตะ ที่เธอพากเพียร ปฏิบัติเป็นเวลา ๖ ปี ได้ทิ้งไว้ให้เราศึกษา จากบันทึกประจำวัน ของเธอดังต่อไปนี้…

วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๒๙

วันนี้เป็นวันสุดท้าย ของขบวนการล้างท้อง เมื่อวานตอนเช้าเห็นว่าจวนจะสุดท้ายแล้ว ฝืนดื่มน้ำเกลือเข้าไปเลยแย่ทั้งวัน คลื่นไส้บวกถ่ายท้องมากกว่าทุกวัน แต่ที่แปลกคือไม่เพลียเลย

ตอนเช้ากว่าจะดื่มน้ำอ้อยแก้วที่ ๒,๓ ลงไปได้คลื่นไส้มาก น้ำหนักคงที่เพียงแต่แลซูบลง เกือบจะหยุดทำต่อในวันที่ ๑๐ แล้ว แต่ก็มาคิดได้ว่าเป็นการได้ฝึกความอดทน แต่ก็ต้องฝืน ทั้งหมดเพิ่งได้มาทรมานวันนี้ ถ้าเราไม่อดทนแล้ว เราจะไปทำงานเพื่อผู้อื่นได้อย่างไร

เมื่อวานน้องเข้ามาอ้อน พ้อว่าพวกพี่ๆ เอาแต่ตัวรอด เขาอ่อนแอก็ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ คอยเป็นกำลังใจ เขาน้อยใจพวกพี่ๆ มาก ใครๆ ก็ไม่ยอมเอื้อเขา เราฟังแล้วก็เสียใจ พอจะหยุดจิตที่คิดสงสารเขา จนรู้สึกเสียใจ ก็เกิดความรู้สึกโต่งไปทางเถรวาท คือ เฉยๆ ไม่ค่อยอยากสังขารมาก แต่เราก็พูดให้เขาเข้มแข็งจนเขาสดชื่นได้ เพราะเราจำได้ว่า เราเคยได้รับเมตตาจากรุ่นพี่ๆ มาก่อน จิตวิญญาณส่วนใหญ่ ของเรา เติบโตด้วยโครงสร้างจากน้ำใจที่ดีงาม ที่พี่ช่วยกันหล่อเลี้ยงด้วยเมตตาและกรุณาต่อเรา

น้องเขาพ้อได้สวยว่า ถ้าเขาเข้มแข็งในวันข้างหน้า เขาจะกลับมาทำอย่างที่รุ่นพี่ทำที่มีน้ำใจ เราจะเอื้อเขาเพื่อรุ่นพ่อ รุ่นพี่ทุกๆ ท่านที่เคยเอื้อเรา เราจะตอบแทนบุญคุณทางใจ อะไรที่เรายังขาดไม่สนิท เราจะถอยห่างเพราะไม่อยากประมาท

วันนี้เราจะเพิ่มศีลและอธิศีล เราจะกลับมาเป็นพระ" พยายามเคร่งศีล เคร่งวินัยให้ได้ในขณะทำงาน รูปนอกเป็นแม่ค้า แต่รูปในเราเป็น "พระ" นะ

ทำยังไงเราถึงจะไม่ใช่ทำงานด้วยโมหะ บ้าหลงตัวเองเป็นโพธิสัตว์ หลอกให้ตัวเองทำงานเพราะความโมหะจิต แต่ทำงานด้วยรู้เหมาะรู้ควรเสมอ ไม่เอาแต่เล่นสนุก หยาบ เผิน ไม่เคารพในศีลและพรตที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ เราขอปลงอาบัติต่อพระพุทธองค์ เราจะไม่เผินในศีลและพรต ของท่านอีกแล้ว จากวันนี้จนตราบตาย ไม่ว่าจะเอาวิมานกี่ชั้นมาแลก เราจะพยายามๆ เรากำลังเพียรอยู่ เราก็รู้อยู่แก่ใจว่า เรามีจุดบกพร่องตรงไหนที่เราไม่ยอมแก้

ถ้าเราไม่มีหิริ-โอตตัปปะ เราจะเหมือนคนโลกๆ หน้าด้าน ใจด้าน ฝึกแต่รู้รักษาตัวรอด เราไม่กลัว หรือ

เราจะไม่สร้างตัวกู มีเมื่อไหร่โง่เมื่อนั้น เรามาเรียนรู้ให้ชัดที่ใจ ของเราว่า เพราะอะไร จึงเกิดตัวกู

วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๒๙

วัตรเช้า-ท่านถิรฯ

ท่านเตือนอีกแล้ว ซ้ำอีกแล้ว ท่านกำลังมาย้ำสิ่งที่พ่อท่านสอนให้ชัดว่า ทำ หรือ ยัง

เมื่อวานเจอโจทย์และทำได้ดี วันนี้ จึงสงบสุข

ที่พึ่งที่แท้คือพระรัตนตรัย

พยาบาทเปรียบเสมือนน้ำเดือด

ผู้ที่รู้ธรรมะจริงต้องปล่อยวางเป็น

ส.ม.นัยนา พูดเรื่องริษยาว่า จะเกิดขึ้นเมื่อเราอยากได้ อยากเป็น อยากมี (คนขาดมีปมด้อย ชอบริษยา น้อยใจ เมื่อเห็นคนอื่นดีกว่า เหนือกว่า เก่งกว่า คนเต็ม จึงไม่ริษยา) เพราะหลงค่านิยมในบุคคล วัตถุสิ่ง ของ ตั้งค่า แย่งกัน แย่งตุ๊กตากัน เราไม่เอา ของคนอื่นเด็ดขาด รู้ตัวเองให้จริงให้ชัดทั้งเขาทั้งเรา จริงนะพอเราไม่เอา เราสงบทุกที

ส.ม.จินดา หิริ-โอตตัปปะ แม้รู้ว่าไม่ดี หลายท่านก็ยังทำผิดเสมอ เพราะเราไม่แยบคายพอ และสำคัญคือกำลังและความเพียร ของเราไม่พอ นิ่งไม่พอ หยุดไม่ได้ ปุถุชนขาดหิริโอตตัปปะ ถ้าเราไม่มีหิริโอตตัปปะ เราจะกลายเป็นโจรบัณฑิต หิริและโอตตัปปะเป็นอาวุธชั้นดี ของการตัดกิเลส ภูมิธรรมยิ่งสูง จิตยิ่งละเอียด ยิ่งมีหิริโอตตัปปะมาก

หิริ-ศรัทธา ไม่เข้มแข็ง หิริ-สำนึก จะเข้มแข็ง

ไม่เก่งหิริ แต่ทำไม่ได้ต้องกลับมาเคร่งศีล เพิ่มตบะธรรมให้สูง

ส.ม.เยาวลักษณ์ คนขี้ริษยา เพราะมีปมด้อยมาก จิตอ่อนแอ ขี้โลภ สร้างจิตขี้ริษยา

วันอาทิตย์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๒๙

วันนี้เรากินข้าวต้มได้แล้ว

เมื่อวานกินน้ำส้มคั้นไปหลายกิโล เย็น จึงรู้สึกหิวกว่ากินน้ำอ้อยธรรมะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยิ่งรู้จิตวิญญาณลึกซึ้งยิ่งถอนอนุสัยได้ลึกซึ้ง

วันจันทร์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๒๙

เมื่อวานจากการพยายามตามจิตอยู่เสมอ เราก็สามารถเข้าใจจิต ของเรา ที่โดนกิเลสมานะและโทสะกดขี่มากที่สุด เวลาที่เกิดเหตุการณ์อันนั้นขึ้น บัดนี้เราค่อยเข้าใจมันแล้ว เราค่อยๆ เข้าใจโจทย์ข้อยากที่สุด เรารู้วิธีทำแล้ว จิตเราสงบทันทีที่เราเข้าใจ

ไม่มี อ.ต.ก.ไม่มีมิตรดี สหายดี ไม่มีโอกาสให้เราได้ฝึกฝนๆ เราเข้าใจขึ้น

กี่ปีนะนี่ กว่าจะเข้าใจ ตั้งแต่มาอยู่วัดจนบัดนี้ เราดูแต่คนอื่น พอถึงคราวมองตน เราลืมใช้ตาทิพย์ ใช้โทสะนำร่อง มีแต่นัยน์ตาเพ่งโทษ ถือสา มองจนขาดทุนไปหลายหนก็ไม่รู้

โอหนอ! เราเพิ่งได้รับเงินเดือนจากพระพุทธเจ้าด้วยโจทย์ข้อนี้ เราโดนผี(โลกธรรม) อำมานาน รู้ว่าเราลุกจากมันแล้ว แต่ลุกไม่ขึ้นจริง มัน จึงยังแอบซ่อนอยู่ แสงแห่งปัญญาเพิ่งจะสาดส่องเข้าไปถึง

ใครๆ ก็โดนมันอำ ซวยตรงเวลามันอำรู้ยาก อย่างน้อยเราก็คิดโจทย์ข้อนี้ออกแล้วหละ ถึงจะมีอีกเราก็จะเรียนรู้อีก

วันสุดท้าย ของขบวนการล้องท้อง เราก็คงผ่านวันนี้ เราคงกินข้าวได้ตามปกติแล้ว เมื่อวานกินข้าวปั่นเละ กินเสร็จแล้วก็ยังหิวอยู่เลย น้ำตาลนี้ให้พลังสูงมากนะ รู้สึกว่าอะไรๆ ดีขึ้น

๑. เบาขึ้น
๒. กินข้าวช้าๆ เป็น
๓. ที่ทำได้มากสำหรับเราคือ อดทนขึ้น
โรคอื่นก็คงยังไม่ยืนยันว่าดียังไง

จันทร์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๒๙

วัตรเช้า - พ่อท่าน

เกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อเดินมรรคมีองค์ ๘ เราเคยผิดเรารู้แล้ว เราจะกลับมาทำในจุดที่เรารู้แล้ว ต้องเป็นตัว ของตัวเองก่อน เข้มแข็งแล้วค่อยช่วยคนอื่น พ่อท่านเน้นว่าได้ดียิ่งต้องอ่อนน้อม ท่านสอนว่าสามัคคีธรรมเกิดที่นี่

วันอังคารที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๙

ท่านจิตตฯ - วิธีล้างไฟพยาบาท เริ่มมาจากความโกรธ เพราะยึดทิฐิ เพราะเราเก่งเกิน มีมานะ เบ่งข่มผู้อื่น ยึดเพราะไม่อภัย แก้ด้วยเข้าใจ-อภัย-เห็นใจ

ท่านวินยฯ - พยาบาทคือ ปองร้าย ขัดเคือง แค้นใจ สายโทสะ ธรรมดาใจดี แต่เวลาโกรธน่าดู เอาจริงเอาจัง กับแทบทุกเรื่อง แก้ด้วยพิจารณาความดี ของผู้อื่น เห็นใจในความทุกข์เขาด้วย เห็นใจผู้อื่นเสมอ มองความเลว ของเรา เอาปัญญาล้างให้ชัด ต้องแววไวพิจารณาให้ชัด หัดเป็นผู้ยอมเพื่อบูชา "ธรรม" เพื่อล้างอัตตาแลกสูญญตาคืนมา

ท่านวสฯ - พยาบาทลูกหลานสายโทสะ สติรู้ตัวให้ได้ว่ากำลังเบียดเบียนตนและท่าน ลดละที่ต้นเหตุ คือ การแย่งชิงกามคุณและโลกธรรม

๑. เมตตาต่อกัน รักกัน อภัยกันเหมือนพี่น้อง
๒. กรุณา ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
๓. อุเบกขา
๔. ไม่นึก ไม่ใส่ใจ (กดข่ม)
๕. เป็นกรรมใคร กรรมมัน