บันทึกของคนไกลวัด

หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 231 เดือนธันวาคม 2543
หน้า 1/1

ผมไม่ใช่คนดีวิเศษอะไร ยิ่งในสายตา และ ความรู้สึก ของ คนทั่วๆ ไปส่วนมาก ยิ่งจะเห็นว่าผมคือ คน "บ้า" หรือ คนสิ้นคิด คนโง่เง่าเต่าตุ่น แม้แต่พ่อแม่พี่น้องลูกหลานที่บ้านก็คิดว่า ผมบ้า หรือ เป็นคนโง่เง่าเต่าตุ่นอย่างนั้น อาจจะจริงก็ได้ อยากให้ศึกษาดู หากสิ่งที่ผมทำ และ นำมาเสนอเป็นสิ่งไม่ดี เป็นทางผิดก็เลิกทำไปเลย แต่อยากจะให้ลองปฏิบัติดูก่อน ไม่ดีค่อยเลิก

ผมอาจจะหลงตัวก็ได้ว่า ผมทำดี ทำถูก และ ผมก็ขอยืนยันว่า ผมทำดี ทำถูกแล้ว ผมจะทำต่อไปๆ ๆ และ ต่อๆ ไป.........ฯลฯ

ผมรู้ตัวดีว่า แม้ขณะปัจจุบันนี้ผมก็ยังมีสติปัญญารู้ดี รู้ชั่ว รู้ผิด รู้ถูก ซึ่งดีนั้นมีดี ดีกว่า ดีมาก ดีที่สุด ส่วนชั่วนั้นก็มีชั่ว ชั่วมาก ชั่วบริสุทธิ์ เรื่องผิดไม่ต้องอธิบาย แต่เรื่องถูกนั้นมี.....ถูกทาง ถูกธรรม ถูกต้อง ถูกสัจจะ แล้วยังมีถูกที่มีส่วนผิดอยู่คือ ถูกใจ

๑๐ กว่าปีที่ผมศึกษาธรรมปฏิบัติธรรม และ นำมาเสนอกับทุกๆ คนนั้น ผมเองมีผลเท่าที่ผมเป็นผมได้ มันก็ยังไม่มาก เพราะผมเองก็ยังไม่เก่ง กิเลสก็หนาสั่งสมมาเยอะ แต่ผมก็ภูมิใจที่ได้รู้ได้ทำแล้วบ้าง (ไม่เสียชาติเกิด)

ตั้งแต่ผมออกจากบ้านไปอยู่วัดปฏิบัติธรรม คราวใดที่ผมกลับบ้าน หลายครั้งที่ตั้งใจจะอยู่บ้านหลายๆ วัน แต่อยู่ได้เพียงวันสองวัน ก็ต้องกลับวัดแล้ว เพราะบ้านที่เคยอยู่เหมือนไม่ใช่บ้าน ของ ตัวเอง พ่อแม่พี่น้องลูกหลานที่เคยอยู่กันอย่างญาติสนิทที่อบอุ่น ก็เหมือนอยู่กันคนละโลก จะว่าผมว้าเหว่ก็ไม่ใช่ มันรู้สึกเหมือนกับเจ็บปวดอะไรลึกๆ ในใจ แม้เวลาผมอยู่ที่วัด จะมีความรู้สึกคิดถึงโหยหาอาลัย อยากกลับบ้านก็ตาม แต่พอได้กลับมาทีไร บ้านก็เหมือนไม่ใช่บ้านตัวเอง ญาติทุกคน ก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ไม่ร่วมรวมกัน เหมือนญาติในทางธรรม

ผมสลดหดหู่ใจอย่างไรบอกไม่ถูก เห็นพ่อแม่พี่น้องลูกหลานพากันทำบาปทำกรรม ทำนอกรีต นอกธรรม นอกคำสอน ของ พระพุทธเจ้า ประพฤติผิดศีล ผิดธรรม งมงายอบายมุข มันเจ็บลึกๆ ในใจจริงๆ เมื่อเห็นภาพญาติ ตัวเองกอดคอกันลงนรก ถ้าเป็นคนอื่นคงจะไม่รู้สึกมากอย่าง

นี้ หลุมเพลิงที่ทุกคนพากันก่อ พากันสร้าง พากันทำ พากันแสวงหา มันเผาใจผมทุกครั้งที่ได้รู้ได้เห็น ทำไมๆ และ ทำไมผม จึงไม่เก่ง ไม่มีฤทธิ์มีแรงที่จะช่วยใครได้ ทำไมทุกคนไม่เห็นธรรม ไม่กลัวบาปกลัวกรรม ทำไมไม่พากันถือศีล ๕ ละอบายมุข พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ผู้มีศีล ๕ คือคน ของ เรา ผู้ไม่มีศีลไม่ใช่คน ของ เรา เป็นบุคคลอื่น” ทำไม จึงหลงกงจักรว่าเป็นดอกบัว

เห็นพ่อกับแม่ตั้งแง่ตั้งงอนกัน อยู่กันไม่ผาสุก ผมรู้สึกว่าทำไมพ่อแม่ไม่เก็บเอาความสุขในบั้นปลาย ของ ชีวิต ใช้ชีวิตร่วมกันมาก็ยาวนาน ประสบการณ์ก็มีมาก ทำไมไม่พูดกันอย่างมีเหตุมีผล มีมธุรสวาจา ตามประสาผู้แก่ผู้เฒ่า ที่มีความรู้ผ่านชีวิตมายาวนาน เป็นตัวอย่างให้ลูกหลานในทางที่ดี เป็นศรีแก่ตน ผู้คนจะยกย่อง ไม่ต้องคิดมาก เรื่องเงินเรื่องงาน ไม่ต้องทุรนทุรายกับการทำมาหากิน ถือศีลปฏิบัติธรรมไป ไม่ต้องโลภ อยากร่ำอยากรวยมีบ้านสวยๆ งามๆ

คนจะงามงามน้ำใจใช่ใบหน้า
คนจะสวยสวยจรรยาใช่ตาหวาน
คนจะแก่แก่ความรู้ใช่อยู่นาน
คนจะรวยรวยศีลทานใช่บ้านโต

นึกถึงคำข้าวที่แม่เคี้ยวจนละเอียด แล้วคายออกมาป้อนให้ลูก เมื่อลูกยังนอนแบเบาะอยู่ นึกถึงตอนที่แม่ไปไร่ไปนา กลับมาค่ำ แม่รีบล้างเต้านมเช็ดให้สะอาดแล้วป้อนให้ลูกได้กิน

"โอ้...ลูกแม่หิวแย่เลย มา...มะ มากินนม”

ลูกน้อยที่กำลังเดินเตาะแตะอยู่ เนื้อตัวมอมแมม รีบตะเกียกตะกายไปหาแม่ เพราะความหิว

“กินซะลูก กินให้อิ่ม แล้วแม่จะอาบน้ำให้”

นึกถึงตอนที่แม่เรียกลูกๆ มากินข้าว พ่อแม่นั่งเฝ้าดู

“พ่อกับแม่ทำไมไม่กินข้าวครับ”

“ไม่เป็นไรลูก ให้ลูกๆ กินก่อน พ่อกับแม่ทนได้ วันนี้แม่หาซื้อข้าวไม่ได้ แม่ จึงไปขอกู้ข้าวกับป้า ได้มาน้อย ซึ่งเขาก็ไม่มีเหมือนกัน ให้ลูกๆ แบ่งกันกินพอรองท้องไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยกินอิ่มนะลูก”

นึกถึงตัวเองตอนที่แต่งงานใหม่ๆ วันที่รู้ว่าจะมีลูก เป็นวันที่ตื่นเต้นตราตรึงจิตใจที่สุด สิ่งที่ไม่เคยคิดก็ต้องคิด สิ่งที่ไม่เคยทำก็ต้องทำ “เพื่อลูก”

โอ้....หนอ ลูกช่างมีอิทธิพล มีความสำคัญขนาดนั้นเชียว หรือ ? ขนาดลูกยังไม่มีตัวมีตน ยังไม่เกิด ยังกังวลห่วงใยยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง พ่อแม่อยากให้ลูกเป็นคนดี แม้ตัวเองจะเลวทรามต่ำช้าก็ยอม นี่ หรือ คือสังสารวัฏ คือวัฏสงสาร วิวัฒนาการ ของ ชีวิตมนุษย์

มีบ้างไหม พ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นคนดี แล้วตัวเองทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่ยอมทำชั่วทำเลว แม้จะจำเป็นเพื่อลูก?

มีบ้างไหม พ่อแม่ที่อยากให้ลูกมีความสุขดี แล้วพ่อแม่เริ่มแสวงหาความสุขดีให้กับตัวเองก่อน เป็นร่มเงาสาขาให้ชุ่มชื่นฉ่ำเย็นเป็นตัวอย่าง?

พ่อแม่มีลูกชาย หวังใจจะให้บวช เพื่อพ่อแม่จะได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ อนิจจา!

ลูกชายไปบวชเรียนจบนักธรรมตรี-โท-เอก แต่กลับได้เดรัจฉานวิชามาอันคือ วิชาหมาล่าเนื้อ

ขี้โลภกอบโกย เล่นหวยการพนัน สารพันทำชั่ว ทำตัวเหลวไหลไร้สติปัญญา คิดค้าขายพระอิฐ

พระปูน ทำลายคุณธรรม ของ ศาสนา พากันไปสู่นรก ฉะนั้นมีบ้างไหมลูกที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบ ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ได้อย่างแท้จริง?

การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ แม้จะเอาพ่อนั่งบนบ่าขวา เอาแม่นั่งบนบ่าซ้าย ให้ขี้รดเยี่ยวรดเลี้ยงดูอย่างดี ไม่ให้ลำบาก ก็ยังเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ไม่สมบูรณ์ การตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่แท้จริงนั้น ต้องทำตัวเองที่ยังไม่มีศีล ไม่มีศรัทธาในพระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์ ให้มีศีล มีศรัทธาในพระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์ก่อน และ นำพ่อแม่ผู้ที่ยังไม่มีศีล ไม่มีศรัทธาในพระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์ ให้พ่อแม่เป็นผู้มีศีล มีศรัทธาในพระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์ นี่คือการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่แท้จริง ตามคำสอน ของ พระพุทธองค์

พ่อแม่พี่น้องลูกหลานที่รักทุกคนครับ..... ๑๐ กว่าปีที่ผมประพฤติปฏิบัติธรรมมานี้ ผมก็

เสนอทางที่ผมเห็นว่าดีว่าถูกนี้มาตลอด พี่น้องหลายคนก็บอกว่า

“รู้เข้าใจว่าทางนี้ดี แต่ยังทำไม่ได้ (ยังไม่ทำ) ขอทำไม่ดีไปก่อน ถ้ามีโอกาสมีความพร้อมจะทำดี”

ผมรู้สึกว่ามันน่าเศร้าจริงๆ การที่เรารู้ดีแล้วไม่ทำดีนั้น มันก็เสียโอกาสแล้ว ยิ่งเอาโอกาสนั้นไปทำไม่ดี มันก็โคตรเลวเท่านั้นเอง รู้ว่าสิ่งนี้ดีควรทำ แล้วไม่ทำ มันก็เลวพอแล้ว ทำไมจะต้องทำเลวเพิ่มอีกเล่า

ยกตัวอย่างคนที่ไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน กลิ่นตัวเสื้อผ้าก็เหม็นสาบมากพอแล้ว ไม่ต้องเอาตัวไปเกลือกกลั้วคลุกเคล้ากับขี้หมา ให้เพิ่มความเหม็นน่าขยะแขยงมากขึ้นอีก โอกาสมีแล้วทุกขณะที่เข็มนาฬิกากระดิก ความพร้อมทุกคนก็มีแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าใครจะทำอะไรดี หรือ ชั่วเท่านั้น

ความดี คนดีทำง่าย คนชั่วทำยาก
ความชั่ว คนชั่วทำง่าย คนดีทำยาก

จะหาโอกาสทำอะไร ?????

ที่ผมเขียนมานี้ ผมรู้แต่ว่ามันเป็นความรู้สึกจากใจผมจริงๆ หากทุกคนคิดว่าผมรุนแรง หรือ คิดว่าผมประจานให้เสื่อมเสีย ผมก็กราบขออภัย ผมไม่มีจิตคิดร้ายอะไรเลย บางตอนก็เขียนด้วยน้ำตาด้วยซ้ำ แต่ผมก็ขอยืนยันว่า ผมยังมีความผาสุกดี โดยส่วนตัว แม้จะมีปัญหาต้องต่อสู้กับกิเลสตัวเองอยู่มาก แม้จะมีสภาวะอยู่บ้านก็ไม่ไหว อยู่วัดก็ไม่ได้ กิเลสจัญไรมันแรง ผมก็ไม่ระแวงวิตกกับชีวิต ผมยังมีจิตคิดหาทางทำบุญทำกุศลอยู่เสมอ.

อุปสรรคข้างหน้าอีกมากมาย โหยร้ายกว่านี้อีกหลายเท่า หากเรายังเดินย่ำต๊อกอยู่ที่เก่า ชีวิตเราจะเอาชัยจากไหนฤา

ไพร จริยา

 

บันทึก ของ คนไกลวัด (สารอโศก อันดับ ๒๓๑ หน้า ๓๓ ธ.ค.๒๕๔๓)