>สารอโศก


กรรมตามสนอง ...ครูเหรียญ
สุนา..ครูขอโทษ


ใกล้ปีใหม่แล้ว ทุกคนจะตื่นเต้น ร่าเริง สนุกสนานกัน โดยเฉพาะ นักเรียนประถม จะใส่เสื้อกันหนาว หลากสีอวดกันเอง บางคนไม่มีเสื้อใหม่ จะเอาเสื้อกันหนาวเก่าๆมาใช้ โดยไม่ร่าเริงนัก ในชนบทเช่นนี้ มีเสื้อกันหนาวซักตัว มีอาหารเที่ยง ห่อไปกิน ก็พอเพียงแล้ว

ผมจำได้ว่า ปีใหม่ปีนั้น ตรงกับพ.ศ.๒๕๐๘ ผมเป็นครูประจำชั้น ป.๒ ข มีเด็กนักเรียน ๓๑ คน ปีนั้น อากาศ หนาวเย็น มาตั้งแต่ กลางเดือนธันวาคมแล้ว โรงเรียนปิดปีใหม่ ๒ วัน พอเปิดเรียน ทุกคนก็ตื่นเต้น ร่าเริง รวมทั้งครู ที่มีเรื่อง มาเล่ากันตลอดวัน โดยไม่เบื่อหน่ายว่า ปีใหม่นี้ไปที่ไหน เมาอย่างไรบ้าง สนุกสนานแค่ไหน เช้าวันนั้น ผมสำรวจนักเรียนดู รู้สึกว่า ขาดเรียนไปหลายคน ในจำนวนนั้น มีเด็กชาย หรือสุนาอยู่ด้วย บ้านของสุนา อยู่ใกล้ๆ กับบ้านผม แต่วันนี้ สุนาไปไหน สุนาไม่มาโรงเรียน ๒-๓ วัน บังเอิญผม ไม่ได้ผ่าน ไปหน้าบ้านสุนาเลย ญาติๆของสุนา คงสนุกสนาน กับปีใหม่เป็นแน่ ฐานะทางบ้านของสุนา ไม่ยากจนนัก แต่ไม่ถึงร่ำรวย คนในชนบทนั้น การพอมีกินมีใช้ ถือว่าเป็นสุขพอสมควร

สุนามาโรงเรียนหลังจากขาดเรียนไป ๓ วัน ผมมองเห็นสุนานั่งหลับ อยู่ด้านหลังห้อง ไม่รื่นเริง เหมือนเด็กคนอื่น ผมคิดว่า สุนาคงกลัวผมทำโทษ จึงแกล้งไปหลบหลังห้อง อะไรมาดลใจผมเช่นนั้น วูบหนึ่ง ผมรู้สึกโกรธ สุนามาก ผมตะโกนว่า "สุนา มานี่ซิ ทำไมขาดเรียน ๓ วัน" สุนาออกมายืน ก้มหน้าซีดๆ ไม่ตอบคำถาม ผมยิ่งโกรธมาก โดยไม่ได้ยั้งคิด ผมบอกว่า "เอาละ เมื่อเธอไม่ตอบ แสดงว่าเธอขาดเรียนเล่นๆ ครูจะทำโทษ ๒ ที" ผมเงื้อไม้เรียวขึ้น และตีไปที่ก้น ของสุนา ๒ ครั้ง ไม่รุนแรงนัก แต่สำหนับสุนาแล้ว คงแรงพอควร สุนาก้มคำนับ แล้วค่อยๆ กลับไปนั่งหลังชั้น ผมก็สอนร่ายไปเรื่อยๆ จนเลิกเรียน ผมลืมเรื่องสุนาไปแล้ว

วันรุ่งขึ้นและวันต่อๆมา สุนาไม่มาเรียนอีก ๒ วัน ผมร้อนใจคิดว่า "เด็กคนนี้เกเร จะต้องลงโทษให้มากขึ้น"

เมื่อผมทานข้าวเสร็จ แต่งตัวจะไปโรงเรียน จึงนึกขึ้นว่า น่าจะบอกพ่อแม่สุนาบ้าง

พอผมย่างขึ้นบันใดบ้าน ซึ่งปลูกยกพื้นสูง อย่างชนบททั่วๆไป ผมใจหายวาบ แทบจะเป็นลม อะไรกัน สุนานอนแบบ บนที่นอนเก่าๆ มีขันน้ำ ๑ ขัน และแม่กำลังเช็ดตัวให้สุนา เสียงคุณแม่สุนาเครือแผ่วๆ บอกมาว่า "คุณครูมาก็ดีแล้ว สุนาป่วยมาตั้งแต่ก่อนปีใหม่ ไม่ได้ไปลาครู พ่อสุนาไม่อยู่ ไปรับจ้างตัดอ้อย ยังไม่กลับ"

ผมตะลึง รีบไปก้มดูหน้าสุนา ซึ่งผ่ายยอม ซีด สุนาลืมตาขึ้น ปากขมุบขมิบ เหมือนจะพูด แต่ไม่มีแรงจะพูด ผมกลั้นน้ำตา ไว้แทบไม่ไหว บอกกับแม่สุนาว่า "ผมไม่ทราบว่าสุนาป่วย ป่วยเป็นอะไรล่ะ ทานยารึยัง" ผมหันไป มองสุนา พูดขึ้นเบาๆว่า "สุนา ไม่ต้องไปโรงเรียนนะ ให้หายก่อน ครูจะไม่ลงโทษหรอก"

ผมไปโรงเรียนโดยแทบไม่รู้สึกตัว ผมผิดหรือเปล่า ผมลงโทษสุนาด้วยโมหะ ผมโทษตัวเองจริงๆ ใจผม ไม่อยู่กับเนื้อ กับตัวเลย เป็นครั้งแรก ในชีวิตครู ที่ผมจะต้องจดจำไปจนตาย

เย็นนั้น ผมไปเยี่ยมสุนาอีก คุณพ่อถูกตามมาเยี่ยมครู ผมคุยอยู่นาน จึงทราบว่า สุนาป่วย เป็นไข้เลือดออก ผมแนะนำ ให้ไปหาหมอ คุณพ่อสุนาพูด ด้วยเสียงสั่นเครือว่า "คงไม่ไหวล่ะครับครู ระยะทางตั้ง ๑๒ กิโลเมตร ผมจะไปหายา กับหมอพื้นบ้าน คิดว่าสุนาคงไม่เป็นไร"

ผมไม่ได้ไปเยี่ยม ๑ วัน ไม่ทราบว่าติดธุระที่ไหน พอค่ำวันต่อมา ผมทราบว่า สุนาเสีย เสียแล้ว ผมตะลึงลนลาน จนทำอะไรไม่ถูก ผมไม่กล้าพูด เรื่องลงโทษสุนา ให้ใครๆฟัง จนบัดนี้ สุนาคงไม่ได้บอกพ่อ-แม่ แม้ว่าการลงโทษ จะไม่รุนแรง แต่คนป่วยอยู่แล้ว คงจะซ้ำเติมได้ ผมรีบไปบ้านสุนา ในฐานะครูประจำชั้น ร่วมทำบุญ แอบภาวนา ในใจ ขอให้สุนา อภัยให้ครูด้วย ครูไม่ได้ตั้งใจนะ ครูไม่ได้ตั้งใจนะ ผมย้ำในใจตลอด

๒ ปีต่อมา ผมได้ย้ายไปสอนจังหวัดอื่น โดยนำน้องชายมาอยู่ด้วย ๑ คน และลืมเรื่องสุนาไปสิ้น

จนกระทั่งหลังปีใหม่ น้องชายผมซึ่งกำลังเรียนอยู่ ป.๓ ที่ขออนุญาต ไปชมหนังกลางแปลง รู้สึกไม่สบาย ผมให้ทานยา และนอนพัก ส่วนผมไปประชุมประจำเดือน ที่อำเภอ บ่าย ๓ โมง มีคนไปถามผม ถึงอำเภอว่า ขอให้รีบกลับด่วน น้องชายผม ไม่รู้สึกตัว ระยะทาง ๓๕ กิโลเมตร ผมรีบกลับโดยรถประจำทาง ที่ให้ค่าโดยสาร พิเศษ เพื่อมาพยาบาลน้อง

ผมมาถึงบ้านพัก เวลา ๑๖.๓๐ น. อาการของน้องผมทรุดแล้ว ทำท่าจะพูด แต่พูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหัวไปมา ข้างๆมีผ้าชุบน้ำ ไว้คอยเช็ดให้เย็นลง มีชาวบ้าน ๒-๓ คน ช่วยดูแล ผมตกตะลึงงัน ผมจะทำอย่างไรดี หมอที่อนามัย ก็ไปเที่ยวปีใหม่หมด ผมให้คนไปตามหมอ ไม่เจอใครเลย

ที่สุด ๑๗.๐๐ น. น้องผมก็สิ้นใจ อะไรกัน ผมให้คนไปตามคุณพ่อ ที่อยู่คนละอำเภอ ท่านมาไม่ทันแน่ ผมเลย ตัดสินใจ เผาศพน้อง ในวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่อนามัย บอกผมว่า น้องผมเสียด้วยโรค ไข้เลือดออก

ทันทีที่ทราบ ผมสะดุ้งโหยงสุดตัว น้องผมเสียชีวิต จากไข้เลือดออก เช่นเดียวกับสุนา เลยหรือนี่ ผมนั่งคอตก น้ำตาไหลพราก สุนาเอ๋ย น้องเอ๋ย ชีวิตแลกด้วยชีวิต ขอให้อโหสิกรรมด้วย