>สารอโศก

กรรมตามสนอง ...พิมพ์ใจ รุ่งอรุณ
บาปใครทำ กรรมใครก่อ?


"คุณแม่คะ! อาการคุณพ่อดีขึ้นบ้างไหมคะ?"

เป็นเสียงถามอย่างเอาใจใส่ของสะใภ้สาว หญิงผู้เป็นมารดาสามีส่ายหน้า แววตาสงบเยือกเย็น แสดงออกถึงการปลงตก ยิ้มน้อยๆกับสะใภ้ ที่นั่งพับเพียบตรงหน้า กล่าวว่า

"ไม่ดีขึ้นดอกลูก มีแต่จะทรุดลงไปเรื่อยๆ แม่และพวกลูกๆ ทั้งเขยทั้งสะใภ้ ก็ช่วยกันหาทางรักษา อย่างเต็มที่แล้ว ทั้งหมอหลวง หมอโบราณ"

"น่าจะดีขึ้นนะคะ" สะใภ้ติงเบาๆ

หญิงชรามองหน้าสะใภ้ พูดเรื่อยๆว่า "ก็เขาสร้างกรรมไว้มาก มากจนหมดปัญญาที่แม่ หรือใครๆ จะช่วยเขาได้"

"ดิฉันไม่เคยเห็นคุณพ่อสร้างกรรมอะไรเลย พอแต่งงานกับคุณเอก ก็เห็นคุณพ่ออยู่ในสภาพเป็นอัมพาตเสียแล้ว"

"ก็นั่นน่ะซี หนูจึงไม่รู้อะไร ลูกมาเกี่ยวข้องเมื่อคุณพ่อไม่อาจก่อกรรมทำเข็ญได้อีกแล้ว แม่อยู่กับคุณพ่อตลอดมา จึงรู้แก่ใจดีว่า สภาพที่คุณพ่อเป็นอยู่นั้น ผลเนื่องจากอะไร มันเป็นการแสดงให้เห็นสัจธรรมของพุทธพจน์ที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ลูกเป็นคนสมัยนี้ ซึ่งพบเห็นแต่ความเจริญทางด้านวัตถุ แก่งแย่งแข่งดีกันด้วยความโลภ อยู่ในยุควัตถุนิยม ลูกคงไม่คิด หรอกว่า กรรมเวรนั้น ใครทำไว้ ก็ได้รับการสนองเช่นนั้น มิฉะนั้น ความยุติธรรมของโลก จะอยู่ที่ไหนเล่า ถ้าคนทำดีได้ชั่ว สัจธรรม ก็จะเป็นเรื่อง น่าหัวเราะ ว่าเหลวไหล แต่นี่...ในกรณีของคุณพ่อ ลูกก็เห็นสภาพแล้ว ว่าเป็นอย่างไร แต่ลูกยังไม่รู้แจ้ง ในสาเหตุเท่านั้นเอง..." หญิงชราหยุดพูดลงชั่วขณะ ดวงตามองไกล ไปยังเบื้องหน้า เหมือนจะเพ่งมอง ให้ชัดแจ้ง

"...เอาละ แม่จะเล่าสาเหตุ หรือกรรมในปัจจุบันภพ ของคุณพ่อให้ลูกฟัง เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า บาปใครทำ กรรมใครก่อ ก็ต้องชดใช้กรรมนั้น ด้วยตัวเอง...

เมื่อแม่แต่งงาน อยู่กินกับคุณพ่อ ด้วยความเห็นชอบของผู้ใหญ่ คุณพ่อก็เป็นนักเลงพนันไก่ ปลา อย่างเต็มตัวแล้ว เนื่องจาก คุณปู่ เสียไปนาน มีแต่คุณย่า ซึ่งรักคุณพ่อมาก จนคุณพ่อ ไม่เคยรับผิดชอบ อะไรทั้งสิ้น ไม่ว่าการทำนา การดูแลผู้คนในบ้าน หรือ รับผิดชอบตัวเองก็ตาม แม่จึงถูกคุณย่าฝึก ให้รับผิดชอบงานต่างๆดังกล่าว แทนหูแทนตาท่านเอง แทนที่จะเป็น ลูกชาย เจ้าสำราญ คุณย่ามีนามาก เกือบพันไร่ ที่คนเช่าก็เก็บค่าเช่า ที่เหลือก็ทำเอง โดยให้ลูกจ้างประจำ ในบ้านทำ ตามคันนา ก็ปลูกผลไม้ต่างๆ ที่ออกผลหมุนเวียน ไปตามฤดูกาล รายได้ต่างๆ เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ คุณย่าก็รัก และไว้วางใจแม่มาก จนให้ถือ กุญแจกำปั่น เก็บเงินแทน และที่สุด ก็ให้ควบคุม กิจการต่างๆแทน

เมื่อแม่มีพ่อเอกได้ปีกว่า คุณย่าก็เป็นลมปัจจุบันสิ้นชีวิตไป ที่นาหรือมรดกทั้งหลาย ก็ตกเป็นของคุณพ่อ แม่ก็ได้ดูแล ผลประโยชน์ต่างๆ จากที่นา คุณพ่อเริ่มมีอิสระ ในการใช้เงินอย่างเต็มที่ การพนันไก่ปลา เริ่มวางเดิมพัน หนักขึ้นทุกทีๆ จนเงินในกำปั่น ร่อยหรอ แม่ก็มีลูกเพิ่มขึ้น จนถึงตาเล็กคนที่ห้า เงินก็หมด แม่ต้องพยายามซ่อนไว้ เพื่อเลี้ยงลูก และ ประคับ ประคอง ครอบครัวใหญ่ ที่มีหลายชีวิต ด้วยการทำนาเอง ในส่วนที่เหลือที่เช่า เหมาผลไม้ตามคันนาเอง ไม่ผ่านคนกลาง

คุณพ่อเริ่มลำพองในการพนันใหญ่โตยิ่งขึ้น คือไปพนันไก่ปลาต่างถิ่น ถึงอำเภอบางคนที อำเภออัมพวา ในเขตจังหวัด สมุทรสงคราม เลยเถิดไป จนกระทั่งสุพรรณ และ กาญจนบุรี เวลาจะไปแต่ละครั้ง ก็ขู่เข็ญ หรือลักลอบ นำโฉนดไปขายบ้าง จำนองบ้าง ขายฝากบ้าง ตั้งแต่แปลงเล็ก จนกระทั่ง พลาดพลั้งหมดไป แปลงใหญ่ๆ ก็ต้องพลอยหมดไปด้วย เหลือแต่ที่นา ที่ทำเองแปลงใหญ่ ติดบริเวณบ้าน ๖๐ กว่าไร่ ซึ่งแม่เองต้องขอร้อง ให้คุณพ่อสาบาน ต่อพระพักตร์ พระพุทธรูปว่า จะไม่แตะต้อง แม่จะเก็บไว้เลี้ยงลูกเอง

พอดีกับผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นลุงของคุณพ่อตายลง คุณพ่อก็ได้ตำแหน่ง ผู้ใหญ่บ้านสืบต่อมา คุณพ่อก็ตั้งหลัก ในการพนัน แน่นแฟ้น คือตั้งบ่อนเสียเลยที่บ้าน ตีไก่ กัดปลา ไฮโล โป ถั่ว ต้มเหล้าเถื่อน และลักลอบขายฝิ่น มีเจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่น เหนือขึ้นไปร่วมด้วย แต่ในที่สุด สันติบาล ก็เข้าจับกุมเอง คุณพ่อต้องโทษคุมขัง ขณะนั้น เป็นยามสงครามพอดี คุณพ่อ ขวัญเสีย เมื่อเครื่องบิน ทิ้งระเบิดใกล้ที่คุมขัง จนที่สุด เป็นโรคประสาทหลอน หวาดกลัว ลูกระเบิด หวาดกลัวเสียงดัง ไม่นานนัก ก็ได้รับการปลดปล่อย แต่การจองจำ ร่วมกับโรคประสาทหลอน มีผลต่อร่างกาย ทำให้คุณพ่อ มีอาการชา ตามมือเท้า ปลายนิ้วงอไม่เข้า ลีบเรียวเป็นหนังหุ้มกระดูก และมือเท้าเป็นอัมพาตไป ในที่สุด ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นเครื่องมือ พาไปสู่อบาย ก็ถูกปลดไป

กรรมจากการตีไก่ กัดปลานั้น ลูกเคยรู้เคยเห็นหรือไม่ ว่าร้ายกาจเพียงใด ไก่ตัวใดที่ชนะ จะได้รับการประคบ ประหงมอย่างดี อาบน้ำ ทาขมิ้น ล้วงเสมหะ น้ำลาย ป้อนข้าว ป้อนยาบำรุง ส่วนตัวใดที่แพ้ จะถูกทุบหัว หรือหักคอ ทำเป็นอาหารไปเลย ปลากัดก็เช่นกัน ตัวใดชนะ ในสภาพร่างกายสมบูรณ์ ไม่มีแผล ครีบไม่ขาด จะเก็บไว้กัดต่อ ถ้าปลาใดสภาพยับเยิน ก็จะถูก เททิ้ง ลงกลางนา ให้ดิ้นกระแด่วตายอนาถ หรือร้ายกว่านั้น ก็ถูกเท้าขยี้ แหลกเหลวไปต่อหน้า ด้วยความแค้น ถ้าเป็นตัวที่แพ้

ไม่ว่าการพนันใดก็ตาม จะแพ้,ชนะ สุดท้ายก็คือ การดื่มฉลอง และเมื่อนั้น ชีวิตของสัตว์อื่นๆ เช่น เป็ด ไก่บ้าน หมู วัว หรือ ควาย ก็จะต้องมีอันเป็นไป เพื่อเป็นอาหารมาเลี้ยงดูกัน ยิ่งในยุคที่คุณพ่อโด่งดัง ในการตั้งบ่อน จะมีเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง คุ้มครอง ให้ความร่วมมือ มาค้างอ้างแรม เป็นระยะนานๆด้วยแล้ว ฝูงไก่ เป็ดที่เลี้ยงไว้เอง แทบจะหมด แม้ว่าวัวที่ใช้ไถนา เมื่อท่านเจ้านาย ต้องการกินลาบสดๆ ก็จะมัดกับหลัก แล้วเชือดตะโพกสดๆ มาทำแกล้ม

...เห็นไหมลูก ตลอดเวลาสิบกว่าปี ซึ่งเป็นระยะเวลานาน ที่คุณพ่อได้สั่งสมกรรมต่างๆเหล่านี้ไว้ มันพอกพูนเพียงใด? พอสมกับสภาพ ที่คุณพ่อได้รับหรือไม่เล่า...?" หญิงชราหยุดเสียงลงอย่างสลด

"น่ากลัวเหลือเกินนะคะ คุณแม่..." สะใภ้สลดใจกับเรื่องราวในอดีต

"ตอนทำกรรมกันนั้น ไม่น่ากลัวหรอก เพราะมุ่งแต่จุดประสงค์ที่จะสำราญ มุ่งจะชนะพนันเป็นใหญ่ แต่ผลกรรมซิลูก ที่มันน่ากลัวมาก..."

เสียงร้อง "อ๊าก..." ดังมาจากห้องข้างๆ หญิงชราขยับตัวรีบลุก

"ไปดูคุณพ่อกันไหมล่ะ ร้องแล้ว คงต้องการอะไรหรอก"

"ไปค่ะ" สะใภ้สาวลุกตาม เพราะถึงจะอย่างไร ก็ควรกตัญญูต่อคุณพ่อของสามี ตามสภาพของสะใภ้

ภาพที่ปรากฏ คือ ชายวัย ๖๐ เศษ ผมยังไม่หงอกมาก ร่างกายผอมสูง นุ่งโสร่งอย่างไม่มิดชิด เพราะเจ้าของโสร่ง ไม่อาจ รับผิดชอบตนเอง ควบคุมตนเองไม่ได้แล้ว มีอาการ"หลง" หัวแม่มือทั้งคู่ มีเล็บแหลมงุ้ม ไม่ต่างจากเดือยไก่เลย ปากล่าง และบนริมฝีปากห่อแหลม เท้าทั้งสอง เหยียดตรงไปข้างหน้า หลังคุ้มงอ

"คุณพ่อคะ" สะใภ้เรียกเมื่อนั่งลงข้างหญิงชรา แต่บุรุษพิการ กลับนิ่งเฉย ตาเหลือกขึ้นเล็กน้อย แต่ไร้จุดหมาย ไร้สำนึก "ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เวลากินก็ใช้มือคุ้ย แล้วก้มลงเหมือนจะจิก ต้องป้อนกันทุกมื้อ พูดก็ไม่ได้ เวลาออกเสียงแต่ละครั้ง ก็เอ๊กอ๊าก เหมือนไก่ยามเจ็บปวด อายุก็เพิ่งจะ ๖๐ กว่า ไม่น่าจะหลง ไม่น่าจะเจ็บ จะพิการอย่างนี้ กรรมเวรนะลูก กรรมแท้ๆ"

"ค่ะ กรรมเวร ลูกเชื่อแล้วคุณแม่ ว่ากฎแห่งกรรมมีจริง สัจธรรมของพระพุทธองค์เป็นอมตะ"

"จ้ะ นี่แหละบาปใครทำ กรรมใครก่อ ก็เป็นของคนนั้น"