จดหมายจากญาติธรรม
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 228 ฉบับเดือนกันยายน 2543
หน้า 1/1

หนูขอโทษค่ะ

--------------------------------------------------------------------------------------------
ดิฉันได้รับหนังสือทุกฉบับที่ทางสมาคมส่งมาให้ รวมทั้งสารอโศกเล่มล่าสุด "เพื่อฟ้าดิน" ดิฉันชอบมากเลยค่ะ แค่เห็นปกก็รู้สึกเป็นสุข และอ่านชื่อบนปกแล้วก็ยิ่งอยากอ่านมากขึ้น ให้ความรู้สึกเป็นไทมากขึ้นค่ะ ดิฉันชอบอ่านทุกหน้าทุกเรื่อง แม้บางตอนจะไม่เข้าใจมากนัก เมื่ออ่านแล้วดิฉันก็จะเขียนชื่อไว้ และเมื่อไหร่ที่กลับบ้านต่างจังหวัด ดิฉันจะเอากลับไปฝากพี่น้องและเพื่อนๆทางบ้านได้อ่านด้วยค่ะ อ่านแล้วให้ทั้งความรู้และสาระบันเทิงและเพิ่มการปฏิบัติได้มากเลย

ผลที่ได้จากการอ่านหนังสือต่างๆของชาวอโศกและคำสั่งสอนของผู้ที่มีเมตตาต่อดิฉัน คอยชี้ขุมทรัพย์ ติเตือนว่ากล่าวต่างๆ ทำให้ดิฉันเป็นคนที่กล้าที่จะกล่าวคำว่า "หนูขอโทษค่ะ" เมื่อตัวเองทำผิดหรือทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยเลยหรือเคยก็น้อยมากที่จะพูดในทันที เพราะอัตตาตัวโตมันค้ำคอ เลยพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยหละค่ะ ต้องเตือนตัวเองเสมอๆให้ยิ้มไว้ แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ขอให้ยิ้มเท่านั้น

ดิฉันรู้สึกดีมากๆทุกครั้งที่อ่านหนังสือ ดอกหญ้า หรือ สารอโศกค่ะ มันทำให้ดิฉันมีกำลังใจที่จะเป็นคนดีของสังคมมากขึ้น ให้พลังที่จะเดินตามเส้นทางแห่งพรหมจรรย์มากขึ้น

ตอนนี้ดิฉันสามารถบอกกับตัวเองและคนใกล้ชิดได้ว่า จะไม่แต่งงาน ตอนนี้ตั้งตบะจะไม่กินไข่ตลอดพรรษาค่ะ และก็เป็นไปได้จะไม่กินตลอดไปค่ะ ดิฉันเป็นมังสวิรัติที่ยังกินไข่อยู่ค่ะ ดิฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด เรื่องที่จะไม่กินไข่ค่ะ

สุดา

-------------------------------------------------------------------------------------------
ทำผิดแล้วกล้ากล่าวขอโทษ จะทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่เป็นเรื่องเสียหน้าแต่อย่างใด อีกทั้งบรรยากาศจะดีขึ้นฉันพลัน เมื่อมีการขอโทษกันขึ้น

ไข่แสนอร่อย ลดละได้ จิตใจจะเข้มแข็งขึ้นมาก ความเข้มแข็งไม่ได้มาฟรีๆ แต่ต้องใช้การปฏิบัติจริงไปแลกเอามา บก.

บางที…บางที…และบางที

--------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ดิฉันได้รับหนังสือเป็นเล่มที่ ๕แล้ว หลังจากที่ได้สมัครเป็นสมาชิก เมื่อได้อ่านก็รู้สึกสนใจมากขึ้น บางโอกาสที่ว่างๆ ก็จะไปหาหนังสือสารอโศกเล่มเก่าๆ เมื่อหลายปีที่แล้วมาอ่าน บางครั้งก็อ่านได้ไม่ทุกส่วน(อ่านไม่ละเอียดนัก) แต่เป็นคนชอบดูรูปภาพต่างๆ เพราะสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอโศกมาก และมีโอกาสที่จะได้ไปเห็นน้อยมาก ปีละไม่เกิน ๒ ครั้ง อีกส่วนหนึ่งที่ชอบในหนังสือคือ บทกวีหรือข้อความสั้นๆ ที่อ่านแล้วจะทำให้เข้าใจอะไรได้ดีขึ้น ชัดเจนขึ้น เป็นคำพูดที่มีความหมายตรงๆ เข้าใจง่าย น่าอ่าน

เมื่อก่อนนี้ ดิฉันเคยมีความตั้งใจที่จะทานอาหารมังสวิรัติ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ แต่ที่ทำได้บ้างก็คือ จากที่เคยเป็นคนฟุ่มเฟือยก็ประหยัดมากขึ้น เวลาอยากได้อะไรก็คิดรอบคอบมากขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เลิกตามแฟชั่นหรือค่านิยมที่ฟุ้งเฟ้อสิ้นเปลือง และใช้เวลาในการอาบน้ำ แต่งตัวน้อยลง มีความพิถีพิถันเอาใจใส่ดูแลตัวเองเท่าที่จำเป็น ไม่มากจนเกินไป ซึ่งแต่ก่อนจะเสียเวลาเรื่องนี้มาก ตอนนี้ก็เหลือเวลาที่จะทำอะไรที่เป็นประโยชน์มากขึ้น

หลังจากที่กลับมาจากค่ายพุทธทายาท ก็กลับมาปลูกผักสวนครัว และผักพื้นบ้าน ในบริเวณที่เคยปลูกดอกไม้ ตอนนี้ถั่วที่บ้านก็ออกฝักแล้ว ทำให้รู้คุณค่าของการทำกสิกรรมมากขึ้น ชอบทานผักมากขึ้น และรักธรรมชาติมากขึ้นด้วย

ดิฉันคิดว่าการขอรับหนังสือดอกหญ้า หรือสารอโศก ทำให้ดิฉันพัฒนาตัวเอง ไปในทางที่ดีขึ้นได้ ถึงแม้จะค่อยๆเป็นค่อยๆไป และอาจจะใช้เวลานานมากก็ตาม ซึ่งตอนแรกดิฉันก็ไม่กล้าที่จะขอรับหนังสือ เพราะรู้สึกละอาย หากไม่ทำให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควรจะเป็น แต่อีกความคิดหนึ่งก็คิดว่า เราต้องได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย ซึ่งตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้นคือ จากที่เป็นคนไม่ค่อยรักการอ่าน ทุกครั้งที่ได้รับหนังสือมาก็พยายามอ่าน ถ้าอ่านไม่จบ สักพักก็กลับมาอ่านอีก บางทีไม่ค่อยเข้าใจก็อ่านซ้ำ พยายามทำความเข้าใจอยู่ บางครั้งก็ขัดกับความรู้สึก แต่ก็อ่าน และพออ่านแล้ว ก็จะรู้สึกดีเสมอ และการทำใจให้ชอบที่จะอ่านจนเป็นนิสัย ก็ใช้วิธีที่แม่บอก คือ ให้นึกถึงความรู้สึกของคนที่ทำหนังสือ เขาต้องอยากให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และเขาต้องใช้ความพยายามมาก กว่าจะได้หนังสือดีๆออกมา พอคิดแบบนี้ได้ทุกครั้งก็จะอ่าน

แต่บางครั้งก็เคยคิดอยากให้หนังสือธรรมะ เป็นแนวที่คนวัยนี้อ่านได้ และดึงดูดความสนใจมากขึ้น เพราะดิฉันอยากให้เพื่อนเอาไปอ่านด้วย แต่เขาเป็นคนที่ชอบทำตัวเป็นเด็กยุคใหม่ ก็เลยกลายเป็นว่า เรื่องศาสนาหรือธรรมะเป็นเรื่องเชยสำหรับเขา ซึ่งความจริงไม่ใช่เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากขอให้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องเพื่อน การเรียนหรือการที่จะสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง ไม่อ่อนไหวกับสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี บางครั้งดิฉันอ่านหนังสือก็รู้สึกเบื่อการเรียน การต่อสู้ในสังคมการศึกษา ที่ต้องมีการแข่งขันกันตลอดเวลา

บางทีอ่านหนังสือจบ ก็ต้องมาถามตัวเองว่า เราทำอย่างนี้มันคืออะไร บางครั้งก็ตอบตัวเองว่า มันคือหน้าที่ แต่ก็ต้องถามต่อไปว่า แล้วทำไมเราต้องมีหน้าที่นี้ด้วย ทำไมเราไม่เป็นแบบคนนั้นคนนี้ (ส่วนใหญ่ชอบคิดถึงคนที่สบายกว่า) แต่ถ้าไม่เรียนก็ไม่ได้ เพราะสังคมโลกปัจจุบัน ๙๙.๙๙ % เขาวัดคนที่การศึกษา(ในความคิดดิฉัน) แต่บางทีก็คิดว่า ที่เรียนไม่เห็นจะต้องได้ใช้เลยในชีวิตประจำวัน บางทีก็คิดถึงยายแก่ๆที่อยู่ที่ราชธานีอโศก ยายแกก็ไม่ได้เรียนสูงอะไรแต่ก็ยังมีชีวิตที่มีความสุขได้ แล้วตอนนี้เราทำอะไรอยู่ เรามีจุดมุ่งหมายอะไร เรากำลังต้องการอะไร

ตอนนี้ดิฉันเขียนมาก ก็ยิ่งสับสนในชีวิตมาก คิดมากก็ยิ่งงง ยิ่งเบื่อ ลายมือก็คงจะอ่านไม่รู้เรื่อง ช่วงนี้ก็ใกล้สอบแล้ว ถึงแม้ดิฉันจะยังไม่ทราบในตอนนี้ว่า ตัวเองต้องการอะไร แต่สักวันคงทราบ และที่แน่ๆ คือ ตอนนี้ดิฉันก็ต้องอ่านหนังสือสอบ เพื่อให้ได้คะแนนดีๆ แม่จะได้ไม่ผิดหวัง แต่มันเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับที่ดิฉันต้องการ

ด.ญ.กชกานต์

-------------------------------------------------------------------------------------------
การที่ ด.ญ.กชกานต์ทำใจให้ชอบอ่านโดยคิดถึงความรู้สึกของคนทำหนังสือนั้น นับว่าเป็นน้ำใจอย่างยิ่งทีเดียว เราจะมีน้ำใจเพิ่มมากขึ้นทุกทีกับเรื่องต่างๆ เมื่อเราพยายามเข้าใจความรู้สึกของหัวใจดวงอื่น ที่อยู่ในจุดแตกต่างจากเรา

ทำใจให้สบายๆ ไม่ต้องหมกมุ่นครุ่นคิดกับแง่ต่างๆของชีวิตจนเครียด อ่านหนังสือดอกหญ้า สารอโศกไปเรื่อยๆ จะพบคำตอบได้ในสักวัน และจะหายสับสนในชีวิต อย่าลืมยิ้มก่อนหลับ และต้อนรับวันใหม่ด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง บ.ก.

มุมมองใหม่

--------------------------------------------------------------------------------------------
ดิฉันใช้เวลาว่างอ่านหนังสือ ก็ได้หนังสือนี้เป็นเพื่อนที่ให้ประโยชน์ ให้ความรู้หลายอย่าง ได้รู้ชีวิตของคนอื่นๆนำแนวคิด มาปรับปรุงแก้ไขตัวเอง ทำให้สบายใจ มองทุกอย่างในโลกนี้ปลง! ซึ่งแต่ก่อนมองเห็นแต่ความโหดร้าย ไม่ยุติธรรม ไม่มีความพอดีอย่างที่เขาว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป และไม่เห็นเขาได้รับเคราะห์กรรมจากการทำไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งทำให้เขามีความสุขสบายอีกต่างหาก หรือคนที่เรารัก เขาก็ไม่รัก คนที่เราไม่รัก เขากลับรักและดีต่อเรา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็พอจะเข้าใจแล้วว่า เป็นเพราะกรรม สิ่งที่ทำให้เราทุกข์ก็คือบาปกรรม สิ่งที่ทำให้เราเป็นสุขก็คือบุญกรรม

ดิฉันยังต้องการหนังสือต่างๆ เพื่อเป็นแสงสว่างส่องทางในการดำเนินชีวิตไปข้างหน้า ซึ่งยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดิฉันยังไม่ทราบ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะถามไปอย่างไร ก็จะค่อยศึกษาจากหนังสือที่ส่งมาให้ไปเรื่อยๆ.

จารุณี

-------------------------------------------------------------------------------------------
ธรรมะเป็นมุมมองและทิศทางเดินใหม่ให้แก่เรา เป็นโลกใหม่ หรือ โลกอุดรพิสดาร อันลึกโอฬาร ที่สุกใสและเบิกบานใจ. บ.ก.

ขอสัญญาว่าจะเป็นลูกที่ดี

-------------------------------------------------------------------------------------------- รู้สึกดีใจมากเลยที่ได้รับหนังสือสารอโศก เป็นครั้งแรกที่ได้รับนับตั้งแต่ห่างจากวัดมา ๓-๔ ปี จนห่างหาย แต่ในเรื่องของจิตใจนั้นยังบอกได้เลยค่ะว่า อยู่ใกล้วัดเสมอ และระลึกถึงเสมอ ส่วนการกินอาหารมังสวิรัตินั้นขอสารภาพว่า ไม่ได้เคร่งเท่าไหร่ บางทีก็ยังกินปลาเล็กปลาน้อยกินกุ้งกินปูอยู่ ทั้งๆที่กินได้นิดเดียวก็จะอ้วก เพราะเหม็นคาว แต่จิตที่อ่อนแอมันสั่งให้ชิมตามรสตามกลิ่นเรื่อยเลย

ได้อ่านสารอโศกแล้วจนจบเล่ม ความรู้สึกบอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าเป็นหนังสือทีมีคุณค่าต่อจิตใจมาก ทำให้เราได้อยู่ใกล้อโศกมากขึ้น ได้รู้เรื่องราวรู้ความเคลื่อนไหวต่างๆ เหมือนเราได้อยู่ในวัดเลย ก็แปลกดีนะคะ สมัยอยู่วัดเราไม่รู้สึกเเลยว่า หนังสือนี้มีค่าน่าอ่านน่าศึกษา (สงสัยยังเด็กอยู่) พอห่างไกลมาอย่างนี้มาได้รับได้อ่าน เหมือนได้อาหารวิเศษเลยทีเดียวค่ะ

ได้อะไรหลายๆอย่างจากหนังสือ โดยเฉพาะการทำกสิกรรมธรรมชาติ ซึ่งตอนนี้ดิฉันกับพ่อบ้านก็กำลังศึกษาอยู่ หวังจะเอาไปทำกันที่ไร่ จ.สระแก้ว และทุ่มเทกับการศึกษากันพอสมควร โดยยืม v.d.o. จากธรรมโสตมาดูบ้าง ซื้อเท็ปและหนังสือเกี่ยวกับการทำเกษตรแนวนี้ที่ธรรมทัศน์มาบ้าง ตอนนี้ก็พากันหมักจุลินทรีรย์จากเศษอาหารที่เหลือ หมักได้ ๒ ถังใหญ่ๆแล้วค่ะ ๒-๓เดือนมานี่ ไม่เคยได้ทิ้งเศษอาหารให้เป็นขยะเลย และก็เอาผลิตภัณฑ์ที่ได้มาฉีดรดต้นไม้ในบ้าน ปรากฏว่า ต้นไม้บ้านเราสวยงามมากเลยค่ะ จนเพื่อนๆที่มาเที่ยวบ้าน ออกปากชม"ทำไมบ้านนี้ปลูกอะไรก็งาม" เราก็ไม่หวงสูตร จะแนะนำทุกคนที่มาถามเกี่ยวกับเรื่องจุลินทรีย์ ว่ามีประโยชน์ยังไง มีวิธีทำยังไง ใช้อย่างไร บางทีก็ให้น้ำจุลินทรีย์ที่เราหมักได้ที่แล้ว ให้เป็นของแถมกลับบ้านสำหรับลูกค้าที่มาซื้อของ และคนที่สนใจเป็นพิเศษ (ที่บ้านรับของจากร้านแด่ชีวิตไปขาย) ต่อไปจะถ่ายเอกสารแจกสำหรับคนที่สนใจด้วยค่ะ

ตอนนี้ก็จะทุ่มให้กับการจะทำไร่สวนผสมที่ จ.สระแก้ว แม้จะยังไม่เป็นรูปเป็นร่างในตอนนี้ แต่เรามั่นใจว่าจะพากันทำให้สำเร็จให้ได้ เมื่อสองเดือนที่แล้วพวกเรา(พ่อแม่ลูก) พากันเพาะต้นสะเดาได้หลายร้อยต้นแล้ว เพื่อเอาไปลงเป็นแนวกันลมและทำสารสกัดไล่แมลง แล้วจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะๆนะคะ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาพวกเราก็พากันไปทำถั่วเหลือง โดยใช้วิธีหยอด ประหยัดเมล็ดพันธุ์ แต่เปลืองแรงงานน่าดู หยอดได้ไม่กี่ไร่ฝนก็ตกชุก จะได้ศึกษาเรื่องโรคต่างๆ เรื่องแมลงไปในตัว เวลาไปลงทำไร่ปริมาณมากๆ จะได้ไม่ยากเกินไปค่ะ เอาไว้ถ้ามีต้นถั่วต้นงาขึ้นแล้ว ที่บ้านจะแจ้งให้ทราบนะคะ

หลังจากอ่านสารอโศกจบมีความตั้งใจหลายๆอย่างเกิดขึ้น ถ้าไม่ติดภาระผูกพันต่างๆในครอบครัว ยังตั้งใจอยากจะไปอยู่ช่วยงานตามจุดต่างๆ ยิ่งทราบว่าพ่อท่านต้องทำงานหนักจนต้องล้มป่วยแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกว่าโอกาสที่เราจะได้ตอบแทนคุณเหลือน้อยมาก ยังนึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านไปกับการตัดสินใจแต่งงาน แต่ก็นับว่าโชคดีที่ได้คู่ชีวิตที่ดีและเข้าใจ ไม่แน่นะคะสักวันหนึ่งข้างหน้า อาจจะมีโอกาสได้ไปรับใช้หมู่กลุ่มชาวอโศกเราข้างใน หรือแม้ไม่มีโอกาสก็ขอทำตรงจุดที่ทำอยู่นี่ให้ดีที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องการกินมังสวิรัติให้บริสุทธิ์ จะพยายามทำให้ได้ค่ะ และก็จะเผยแพร่เรื่องทำน้ำหมักชีวภาพเท่าที่ทำได้

ฉบับนี้อาจจะเขียนมาซะยืดยาวเพราะประทับใจนะคะ และจะรออ่านฉบับต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านสู้ต่อไปกับการปฏิบัติธรรม การทำงานรับใช้ศาสนา ดิฉันขอสัญญาค่ะว่าจะเป็นลูกที่ดีคนหนึ่งของพ่อ

เคียงขวัญ

-------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าครอบครัวถือศีล ๕ กินมังสวิรัติ และปิดอบายให้ได้ ก็เป็นครอบครัวที่มีความสุขสงบไม่น้อย จัดสรรเวลามาวัดบ้าง ลูกจะได้คุ้นเคยกับการมาวัดตั้งแต่ยังเล็กๆ บ.ก.

ต้องการเป็นสมาชิก

-------------------------------------------------------------------------------------------- กระผมได้ฟังวิทยุรายการ"เพื่อนช่วยเพื่อน" และรายการอื่นของทางอโศก ได้ยืมหนังสือเก่าๆของกลุ่มอโศก เช่นสารอโศก ดอกหญ้า และเราคิดอะไร อ่านจำนวนเกือบ ๑๐๐ เล่มแล้ว ได้ซื้อเท็ปและยืมเท็ปของทางอโศกจากร้าน"เพื่อนสุขภาพ" ที่หาดใหญ่ ของอาจารย์ภาณุ พิทักษ์เผ่า มาฟังเป็นประจำ ได้ปฏิบัติตนในศีล ๕ มาเสมอ มีศีลข้อ ๑ ที่ไม่บริสุทธิ์ คือเวลาปลูกผักทำสวน มีการทำลายฆ่าสัตว์ ที่มาทำอันตรายพืชผักบ้าง สำหรับศีลข้ออื่นๆ คิดว่าปฏิบัติได้ดี

ในชีวิตกระผมไม่เคยดื่มเหล้าและสูบบุหรี่เลย เคยเก็บเงินได้ ๕,๒๐๐บาท เมื่อประมาณ ๖ ปีผ่านมา โดยไม่มีชื่อเจ้าของ ได้เอาเงินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ๑๙๑ สืบหาเจ้าของ ซึ่งการกระทำครั้งนั้น เพื่อนๆญาติพี่น้องต่อว่าผมโง่ แต่ผมก็ตั้งใจจะทำอีก ผมไม่เคยดื่มเครื่องดื่มชูกำลังขวดเล็กๆเลยในชีวิต และเดี๋ยวนี้ยังเลิกดื่มน้ำอัดลม น้ำแข็ง น้ำชา กาแฟ โดยจะดื่มนมถั่วเหลือง และน้ำชงสมุนไพรแทน

เรื่องการกินมังสวิรัตินั้นปฏิบัติได้ไม่ทุกวัน เพราะครอบครัวยังไม่ร่วมกินด้วยแต่ผมก็กินอาหาร แบบชีวจิตมาหลายปีแล้ว เวลาอยู่บ้านผมทำอาหารมังสวิรัติกินเอง ใช้โปรตีนเกษตร โดยที่อาชีพผมต้องไปขายของตามตลาดนัดไกลๆ เดินทางตั้งแต่ตี ๔ กลับตอนเย็นจึงลำบากมาก ที่จะหาอาหารเจกิน แต่วันที่อยู่บ้านจะทำอาหารกินเอง

ก่อนจะมาอ่านหนังสือและฟังเท็ปของพ่อท่านโพธิรักษ์ ผมอ่านหนังสือและฟังธรรมะของท่านพุทธทาสมาเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่หนุ่มๆ ที่เล่าการปฏิบัติมานี้เพื่อหวังว่า จะได้รับการพิจารณารับเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์ สารอโศก และดอกหญ้า และกระผมได้สมัครเป็นสมาชิกของหนังสือ"เราคิดอะไร" โดยส่งไปที่สำนักพิมพ์กลั่นแก่นก่อนหน้านี้แล้วด้วย เพื่อยืนยันถึงความสนใจและมุ่งมั่นกับทางอโศกอย่างแท้จริง

จึงหวังในความอนุเคราะห์จากทางมูลนิธิธรรมสันติ และสมาคมผู้ปฏิบัติธรรม ว่าจะได้รับพิจารณา กรุณารับกระผมเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับด้วย

เปลี่ยน ขุนจางวาง

-------------------------------------------------------------------------------------------
ฝ่ายธรรมปฏิกรรมได้รับคุณเปลี่ยนเป็นสมาชิกหนังสือแล้ว ถ้าคุณเปลี่ยนได้รับสารอโศก หรือ ดอกหญ้า ช่วยกรุณาตอบรับ รายงานผลการอ่านด้วย อย่าเว้นระยะการตอบรับนานเกินไป เพราะฝ่ายผู้จัดส่งจะเข้าใจว่า ผู้รับไม่ต้องการอ่านแล้ว และอาจงดส่งหนังสือให้

ชีวิตคุณเปลี่ยนได้สะสมบุญมาในระดับหนึ่งแล้ว ขอได้พากเพียรต่อยอดดันบุญต่อไป สิ่งที่ทำได้ง่าย คือ บารมีเดิม จะเพิ่มบารมีใหม่ต้องบากบั่นแยบคายในศีลยิ่งขึ้นไปอีก บ.ก.

ขอสู้อีก

-------------------------------------------------------------------------------------------- ผมได้รับนิตยสารดอกหญ้าและสารอโศกทุกเดือนรู้สึกสำนึกในบุญคุณแต่ไม่ค่อยได้ช่วยเหลืออะไรมายังอโศกเลย ก็ได้แต่ตั้งใจว่า สักวันหนึ่งภาวะเศรษฐกิจในครอบครัวดีขึ้น ก็จะร่วมด้วยช่วยกันบ้าง

ตอนนี้ที่ช่วยก็คือ พยายามนำแนวคิดสัจธรรมที่ได้จากการอ่าน ไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่สู่บุคคลที่เกี่ยวข้อง

ตอนนี้ผมทำนา ๖๐ ไร่ ลงทุนไปหลายหมื่น ด้วยเงินกู้ ธกส.และสหกรณ์การเกษตร ตั้งใจว่าจะทำนาแบบปลอดสารพิษ ทำมาแล้ว ๒ ฤดูกาล ขาดทุนหลายหมื่น เพราะถูกแมลงระบาดมาก เพลี้ยบ้าง หนอนบ้าง ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่ ๓ เริ่มหว่านได้ ๑ เดือน หนอนขยอกก็ลงอีกแล้ว นั่งคิดว่าจะยอมแพ้ จะไปซื้อยาปราบศัตรูพืชมาจัดการ พอดีรับสารอโศก"เพื่อฟ้าดิน" มาอ่าน ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาอีก จะขอสู้อีก มานั่งหาเหตุผลให้กับตัวเอง

๑. คนในหมู่บ้านตำบลนี้ส่วนใหญ่จะใช้สารเคมีค่อนข้างรุนแรงปราบศัตรูพืช หลายๆคนสลบคานา บางคนเป็นโรคแปลกๆเกี่ยวกับมะเร็ง เลือด หัวใจ คนที่เคยแข็งแรงในหมู่บ้านต้องไปหาหมอทุกเดือน ๘๐% ของคนวัยทำงานต้องพึ่งยาหมอ ผมเชื่อว่าคงเป็นเพราะสัมผัสกับสารพิษบ่อย และกินข้าวที่ใช้สารเคมี

๒. ในนาข้าวของคนส่วนใหญ่จะไม่มีปลา หรือสิ่งมีชีวิตในน้ำเลย ในนาที่ผมทำมีปลาเยอะแยะ

๓. ทุกเย็นไปเดินในนา ที่ทำแบบธรรมชาติรู้สึกสบายใจ อากาศดี

๔. เชื่อว่า คนที่ซื้อข้าวที่ผมปลูกเอาไปกิน คงไม่ต้องรับสารพิษ ผมคงได้บุญบ้าง

๕. ในนาจะมีนกลงมากินหนอน กินแมลง ดูเพลิดเพลินดี ในขณะที่นาอื่นไม่ค่อยเห็นนกลง ผมเลยตัดสินใจไม่ใช้สารเคมีอีก เป็นฤดูกาลที่ ๓ เพราะรู้แล้วว่า แม้จะขาดทุนในความรู้สึกของค่าเงิน แต่ในความเป็นจริงคนที่ได้กำไรจากการใช้สารเคมี เขาต้องผ่อนคืนด้วยชีวิต และอายุที่สั้นลง แล้วยังทำลายวงจรชีวิตหลายอย่าง

อนันต์ ศิรินุพงศ์

-------------------------------------------------------------------------------------------
กำไรเป็นบุญ แม้จะขาดทุนในค่าของเงินไปบ้าง ก็เป็นสิ่งน่าแลก เพราะโดยจริงแล้ว ค่าคุณของบุญสูงส่งกว่าเงินอย่างเทียบกันไม่ได้ คนของพระพุทธเจ้า ต้องทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้ยาก ต้องสละในสิ่งที่คนอื่นสละได้ยาก บ.ก.

กฎแห่งกรรม

-------------------------------------------------------------------------------------------- ดิฉันชอบอ่านสารอโศกทุกเล่ม แต่ไม่เคยเขียนจดหมายเลย อ่านแล้วก็แล้วไป ลูกชายเป็นคนรับ เขาก็ไม่ตอบความคิดเห็นในการอ่านสารอโศกเลย แต่เขาก็อ่านทุกเล่ม เขาไม่เคยทำบาป ไม่เคยฆ่าสัตว์ จึงไม่มีเรื่องทำบาป เขาเห็นคนทำบาป เขาก็ว่าทำบาป เลี้ยงปลาไว้ขายบาปแท้ๆ ดิฉันเลี้ยงปลาไว้เยอะแยะ แต่ไม่เคยฆ่า เลี้ยงไว้ด้วยความสงสารและไว้ดูเล่น

มีปลาช่อนตัวโตๆเท่าโคนขาผู้ใหญ่มันอ้าปากกว้างๆใต้ต้นมะม่วง บนต้นมะม่วงมีรังนก ทำไมมันจึงรู้ว่ามีลูกนก วันหนึ่งพายุพัดจัด ปลาช่อนอ้าปากรอลูกนกตกใส่ปาก ที่อ้าปากค้างไว้ พอพายุพัดรังนก ลูกนกก็ตกลงน้ำใส่ในปากปลาพอดี มันเลยกลืนกินลูกนกแล้วดำหายไป ตั้งแต่นั้นมันไม่มาอ้าปากใต้ต้นมะม่วงอีกเลย ทำไมจึงมีการกินลูกนกได้ มันคงทำกรรมต่อกันไว้ ปลาช่อนตัวผู้มันจะเลี้ยงลูกๆของมัน ปลาตัวเมียมันจะกินลูกๆเล็กๆของมัน มันทำกรรมอันใดไวัจึงกินลูกๆของมันเอง ตัวผู้มันผอมๆ พอมันเห็นตัวเมียมา มันจะอมลูกๆเอาไว้ ป้องกันปลาช่อนตัวเมียกินลูก พอตัวเมียว่ายน้ำไป ปลาช่อนตัวผู้ปล่อยให้ลูกว่ายๆออกจากปาก มันทำเช่นนี้ตลอด ดิฉันสังเกตดูปลาช่อนเลี้ยงลูก พอมันเห็นปลาช่อนตัวเมียว่ายน้ำมา มันเรียกลูกว่ายเข้าปากพ่อมันทันที แล้วมันก็นิ่งสงบอมลูกๆไว้ ลูกๆมันรู้กันว่าปากพ่อเป็นที่หลบภัยจากแม่มัน ดิฉันดูๆแล้วเป็นเช่นนี้จนกระทั่งลูกๆโตพอจะหลบแม่ได้ พ่อปลาจึงปล่อยลูกๆว่ายน้ำเล่น พ่อปลาคอยดูแลกั้นมิให้ลูกๆว่ายน้ำใกล้ๆแม่ปลาช่อน พ่อปลาไล่แม่ปลาไปให้ห่างลูกๆ พ่อปลาช่อนมันดีรู้รักลูก ส่วนแม่ปลาช่อนก็คอยจะกินลูกๆ พ่อปลาช่อนเลี้ยงลูกจนโตเท่านิ้วก้อย ก็หันมาเลี้ยงลูกที่เกิดใหม่ต่อไป

ดิฉันมีลุงอยู่คนหนึ่ง แกชอบเอาไฟเผามดประจำ แกว่ามดมันกัดแกเสมอ แกชอบเอาไฟเผามดด้วยการเอากระดาษจุดไฟเผา พอแกเจ็บป่วยแกบอกว่า มดมันกัดเจ็บไปหมด ที่ข้างฝาบ้านแกก็บอกว่า มดเต็มไปหมด ทั้งที่ไม่มีมดเลย แกปวดแสบปวดร้อน จนกระทั่งแกตาย เพราะทนมดกัดไม่ไหว ทั้งที่ไม่มีมดสักตัวมากัดแก เป็นเพราะแกทำกรรมอันใดไว้ ดิฉันจึงห้ามมิให้ใครเผามด เกรงจะกรรมตามทัน เหมือนคนที่ถูกไฟครอกตาย เขาทำกรรมไว้ใช่หรือไม่ ไฟไหม้ก็ออกไม่ได้ ทั้งที่ประตูก็มี แต่ออกไม่ได้

ผ่องใส

-------------------------------------------------------------------------------------------
วิบากกรรมเป็นเรื่องอจินไตย ถ้าภูมิธรรมไม่ถึง คิดแล้วก็สับสน แต่เห็นได้อย่างหนึ่งคือ ผู้ที่ทำบาปกรรมไว้มาก ไม่มีใครจากไปอย่างสงบ ผู้คนรอบข้างก็สลดใจ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้น เรามาทำตามที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์สั่งสอนไว้ดีกว่า คือ ละความชั่ว ทำความดี และทำจิตใจให้ผ่องใส บ.ก.

จดหมายจากชาวกลุ่มพิงกันอโศก

--------------------------------------------------------------------------------------------
วันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนไป ใจของคนก็หมุนเวียนเปลี่ยนแปลง ดังที่เพลงเขาว่าจริงๆครับ ใจผมก็เช่นเดียวกันจากที่เคยมุ่งมั่นว่าจะเร่งรัดฝึกฝนขัดเกลาตัวเองจะเป็นคนไม่ขี้โกรธ"เจ้าอารมณ์" จะถือศีลไม่ถือสา ก็ทำไม่ได้ดั่งที่ใจคิด กว่าจะรู้ตัวโดนกิเลสมันเล่นงานซะแทบแย่ ไม่รู้ว่าสติสัมปชัญญะผมไปไหนหมด ผมได้อ่านประวัติของพระพุทธเจ้าจากหนังสือ "หัวใจยอดนักธรรมและของดีจากพระไตรปิฎก" ในหัวข้อเรื่อง "พุทธาปาทาน" แล้วทำให้รู้สึกว่าน่ากลัวจริงๆครับ ขนาดพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้ที่ประเสริฐสุดในโลก ก็ยังต้องรับผลของวิบากกรรม ซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำไวั้ตั้งแต่ชาติปางไหนๆก็ไม่ทราบ วิบากบางอย่างกระทำลงไปทั้งที่เป็นเด็กอยู่ ยังไม่เดียงสาอะไรเลย แต่ก็ยังหนีไม่พ้นผลของวิบากกรรมเลย แล้วคนที่เพิ่งจะเข้าเขตกัลยาณชน ซึ่งยังไม่ได้ครึ่งของพระโสดาฯ อย่างผมฤาจักหนีพ้นผลของวิบากกรรมนี้ไปได้ เมื่อคิดได้อย่างนี้ก็ทำให้มีหิริ โอตตัปปะขึ้นมาเยอะเลยครับ

จากการที่มาร่วมงาน"อโศกรำลึก" แล้วก็ได้ขึ้นไปร่วมพิธีบูชาพระธาตุ แล้วก็ได้ปฏิญาณตามพ่อท่านในคืนนั้น ทำให้ผมมีไฟมีพลังในการฝึนฝนขัดเกลาตัวเองมากขึ้นจริงๆครับ แต่หลังจากนั้นไม่นานไฟก็เริ่มมอด พลังก็หมด ก็เลยโดนกิเลสมันเล่นงานเหมือนอย่างว่านั่นแหละครับ แต่ตอนนี้ผมกลับมาเริ่มต้นใหม่แล้ว คงไม่สายสำหรับการปรับปรุงตัวเองใช่ไหมครับ แต่ถ้าไม่ปรับปรุงนี้แหละจะสาย

และฉบับนี้ผมขอรายงานกิจกรรมของกลุ่มพิงกันฯ ด้วยครับ กิจกรรมอื่นๆ ตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรมาก นอกจากการประชุมประจำเดือน วาระการประชุมแบบง่ายๆ ก็มีการไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกัน แล้วก็มีการยกคติธรรม คำคมของแต่ละคน ใครมีอะไรดีก็เอามาพูดมาเล่าให้กันฟัง(การประชุมคราวหน้าจะมีการรายงานศีลกันด้วย) แล้วก็มีการแจ้งที่ประชุมเรื่องสุขภาพของพ่อท่าน เรื่องการส่งข้อมูลของกลุ่มเข้าเครือข่ายชาวอโศก คาดว่าในงานมหาปวารณาคงจะมีข้อมูลของกลุ่มพิงกันฯ ลงพิมพ์ในหนังสือ "เครือข่ายฯ" แน่นอนครับ และก่อนจบผมขอรายงานผลดังนี้ครับ

ตบะข้อที่ ๑ คือ ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัดครับ แต่ก็ยังบกพร่องอยู่มากเช่น

๑.๑ ข้อปาณาติบาตในรอบนี้ แย่หน่อยครับ โดนโทสะเล่นงานซะหลายวัน เดี๋ยวโกรธคนโน้น เดี๋ยวไม่พอใจคนนี้ แต่ส่วนมากจะอยู่ในใจ ที่มีแสดงวาจาออกไปรุนแรงอยู่ ๓ ครั้ง ที่เป็นบ่อย คือเก็บเอามาเคียดแค้นชิงชังอยู่ในใจบ่อยมาก มันมาเป็นพักๆครับ

๑.๒ ข้ออทินนา ยังมีความตระหนี่อยู่เยอะ ถึงจะให้ก็ฝืนๆ โดยเฉพาะกับคนที่เคยเป็นศัตรูกัน และที่ยากมากก็คือ การให้อภัยผู้อื่น

๑.๓ ข้อกาเม ก็ยังชอบมองผู้หญิงสวยๆอยู่ และก็ยังเพ้อฝันถึงผู้หญิงคนนั้นที่ถูกโฉลกกัน

๑.๔ ข้อมุสา นี่ก็ยังมีการพูดระบายโทสะ แล้วก็พูดด้วยความมีอัตตามานะ อยากจะเอาชนะผู้อื่น เป็นหลายครั้งนับไม่ถ้วน แล้วก็เผลอพูดคำหยาบกับเหลน(ลูกหลานสาว) ๑ ครั้งครับ

๑.๕ ข้อสุรา ก็ยังขี้เกียจ คือ เมื่อย รู้สึกว่าอยากจะนอนกลางวันหลายครั้ง แล้วก็ที่นอนกลางวันจริงๆอยู่ ๑ ครั้งครับ

ตบะข้อที่ ๒ ทานอาหาร ๒ มื้อ มีมื้อที่ ๓ ไปหนึ่งครั้ง แล้วก็จุบจิบหลายครั้งครับ

ตบะข้อที่ ๓ โภชเนมัตตัญญุตา ผมทำผิดบ่อยมากครับ แล้วก็กว่าจะลงโทษตัวเองได้ ก็ล่วงเลยไปหลายวันก็มี เป็นเพราะความไม่เด็ดขาดของผมเอง คราวหลังจะเด็ดขาดให้มากขึ้น

ตบะข้อสุดท้ายคือ เคร่งครัดที่ตน ผ่อนปรนผู้อื่น ยังทำได้ดีอยู่ครับ

สุดท้ายนี้ผมขอตั้งอธิษฐานตามพ่อท่านว่า "ชีวิตและเลือดเนื้อของข้าน้อยนี้ ถึงแม้จะต้องเกิดสักกี่กัปป์ กี่กัลป์ ก็จักขอพลีเพื่อองค์สมเด็จพ่อตราบชั่วนิรันดร"

เชี่ยวชาญ

-------------------------------------------------------------------------------------------
ความแรงกล้าในการกลัวทุกข์ กลัวการเวียนว่ายในวัฏสงสาร จะเป็นแรงผลักดันให้เราพากเพียรอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าไม่ชัดทุกข์จริงๆ เราจะมีไฟเป็นพักๆ เดี๋ยวก็ลุก เดี๋ยวก็มอด พระพุทธเจ้าตรัสเตือนว่า อย่ายินดีในความเนิ่นช้า บ.ก.

จดหมายจากชายแดน

-------------------------------------------------------------------------------------------- ยิ่งนานวันที่ออกมาเผชิญกับโลกภายนอก ยิ่งมองเห็นตัวเองมากขึ้นว่า"อ่อนแอ" ยิ่งนัก ไม่มีแรงที่ต่อสู้ เป็นถึงชายชาตรีชาติทหาร (เป็นตำรวจ) แต่ไม่สามารถเอาชนะตัวเองได้ ยอมแพ้มาหลายปี ตั้งแต่ก้าวเข้ามารับราชการ(ตำรวจ) เคยเป็นลูกอโศก แต่ก็โดนผีห่าซาตานฉุดกระชากลงนรกไปแล้ว ตอนนี้ได้แต่ภาวนาเสมอว่า จะเริ่มต้นเมื่อไหร่ จะให้โอกาสตัวเองเมื่อไหร่ แต่คงอีกไม่นาน เพราะช่วงนี้เจอมรสุมชีวิตจนแทบเอาชีวิตไม่รอด

เรื่องมีอยู่ว่าเกิดเหตุการณ์ในครอบครัว(ตัวเอง) ความคิดขัดแย้ง เราจึงแยกทางกันเดินแถมลูกสาวตัวน้อยที่ไร้เดียงสาทิ้งไว้กับผม ปล่อยให้เราสองพ่อลูก (ลูกสาวอายุ ๑ ขวบ กับ ๓ เดือน) อยู่กันตามลำพัง ซึ่งเหตุก็คือเกิดจากอัตตา-มานะของแต่ละคน ผมเองไม่เคยอ่อนให้ เขาก็เช่นกัน ต่างคนขิงก็ราข่าก็แรง

ทุกข์จึงเกิดขึ้นกับผม เพราะคิดถึงอนาคตของลูก ซึ่งไม่มีแม่ และพ่อก็ไม่มีเวลาอยู่ด้วย เนื่องจากต้องทำงาน ต้องหอบลูกสาวไปทิ้งให้แม่(ย่า)เลี้ยงดู

ทุกวันนี้ได้อ่านหนังสือเป็นเครื่องปลอบใจ มีกำลังต่อสู้ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายขึ้น เมื่อมรสุมร้ายมาถึง เราจะยอมแพ้หรือจะสู้ก็อยู่ที่ตัวเอง

กราบขอบคุณพ่อท่าน ที่เป็นผู้ชี้แนวทางให้

กราบขอบคุณท่านสมณะ ที่เป็นผู้นำพา

สุดท้ายขอกราบขอบพระคุณทางสมาคมฯ ที่ยังส่งหนังสือ ตามมาถึงชายแดนไทย-กัมพูชา

ส.ต.ต.ไพบูลย์

-------------------------------------------------------------------------------------------
เขียนจดหมายไปคุยกับคุณแม่ให้บ่อยครั้ง คุณแม่จะได้มีกำลังดูแลหลาน เพราะรู้ว่าคุณไพบูลย์เป็นห่วงลูก มีโอกาสเมื่อไหร่ รีบกลับไปอยู่กับลูกให้นานวัน แม้ลูกจะยังเล็กแต่ก็พูดคุยกับลูกได้ อุ้มพาเดินชี้โน่นชี้นี่ อ่านหนังสือให้ฟังด้วย เด็กจะซาบซึ้งไปตั้งแต่ยังเล็ก และจะพูดได้เร็ว อย่าพูดเรื่องไม่ดีของแม่ให้ลูกฟัง เมื่อลูกโตขึ้น ก็เพียงแต่บอกว่า พ่อกับแม่มีความจำเป็นบางอย่าง จึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตามคิดว่า ถ้าภรรยายังไม่แต่งงานใหม่ โอกาสจะกลับมาคืนดีกันคงมีอยู่ เพราะสัญชาตญาณแม่นั้นย่อมรักลูก บ.ก.

 
(หนังสือ สารอโศก อันดับ ๒๒๘ กันยายน ๒๕๔๓ คอลัมน์ จดหมายจากญาติธรรม)