จดหมายจากญาติธรรม
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 231

ในฉบับ:-

-ศีล ๕ สู่โสดาบัน
-ขยะเอ๋ย
-มีสารสุขมากขึ้น
-ลูกชิ้นใกล้บ้าน
-พ่อตามใจ
-จิตตก ควรหาผู้ช่วยยกในเบื้องต้น
-เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะ
-บทฝึก


ศีล ๕ สู่โสดาบัน

: ผมอ่านหนังสือมามากมายก่ายกอง ก็ได้รับความรู้ไปตามประสา แต่ ก็ไม่ได้ ข้อปฏิบัติอะไร ที่เป็นจริงเป็นจัง ที่ได้สาระอะไร

แต่พอมาอ่านหนังสือชาวอโศก ก็ได้ความรู้ที่สามารถนำมาปฏิบัติตามได้ เช่น เมื่อก่อนผมเล่นการพนัน ผมก็หยุดได้ เคยกินเหล้า สูบบุหรี่ ก็หยุดได้ เพราะได้จากการอ่านหนังสืออโศก เมื่อก่อนไม่เคยสนใจศีล ๕ เพราะคิดว่า เหมาะสำหรับผู้เฒ่าผู้แก่ที่ไปวัดเท่านั้น และ คนส่วนมากมักจะคิดกันแบบนี้ แยกออกห่างกันไปเลย คือผู้ที่เป็นพระต้องอยู่วัดเท่านั้น เสมอไป เพราะถูกสอนมาแบบนี้

แต่เมื่อพ่อท่านมาสอน มันชัดเจน ดี ฆราวาสถือศีล ๕ มีเมียอยู่บ้านธรรมดาเหมือนคนทั่วไป และ เป็นพระโสดาบันได้ด้วย แต่คนชาวบ้านส่วนมากจะคิดว่า ถ้าถือศีล ๕ ได้ ก็ไปอยู่วัดได้แล้ว ไม่ต้องมานอน กับ เมีย เขาคิดว่า การนอน กับ เมียไม่ใช่พระผู้ถือศีล ๕

แค่ถือศีล ๕ เขาก็คิดเป็นเรื่องใหญ่โต แต่เราผู้ปฏิบัติธรรมถือว่า เป็นเรื่องยังต้องปฏิบัติให้สูงต่อไปอีกอยู่ (อ่านสารอโศกทันต่อเหตุการณ์ดี)

-ศุภชัย-

: ถือศีล ๕ ละอบายมุข ในขณะเดียวกันก็ฝึกฝนตนจน พ้นสังโยชน์ ๓ (สักกายทิฐิ=ลดตัวการใหญ่ ตัวตนใหญ่ วิจิกิจฉา=เขาใจจน พ้นสงสัย สีลัพพตปรามาส=ปฏิบัติจน ได้ผล) โสดาบันมีกามก็จริง แต่ต้องไม่จัดจ้าน โทสะก็ไม่จัดจ้าน และ ยินดีในการขัดเกลา ลดละกิเลสไปเรื่อยๆ ตามแนวทางสัมมาอาริยมรรค ... บ.ก.

ขยะเอ๋ย

: หนังสือที่ส่งให้ ก็อ่านทุกเล่ม ได้ทราบความเคลื่อนไหว และ ความก้าวหน้า ของ กลุ่มอโศกอยู่ตลอด สำหรับผลที่ได้รับ ก็พยายามปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอด แต่กระแสแบบโลกๆ ที่รุมล้อมอยู่รอบตัว ทำให้การพัฒนาไม่ค่อยจะก้าวไกล ก็อยู่แค่เสมอตัว แต่บางครั้งถ้ามีโอกาสก็แนะคนใกล้ชิดไปบ้าง เช่น เรื่องการเก็บขยะ ไปเป็นนักศึกษา กศน. ได้เป็นประธานรุ่น เวลาสอบ ต้องไปใช้สถานที่ ของ สถาบันการศึกษาแห่งอื่น เห็นนักศึกษาเวลาซื้อ ของ มากิน พอเสร็จก็ทิ้งเรี่ยราด ปล่อย ให้เป็นหน้าที่ ของ ภารโรง รู้สึกเอือมระอาในความประพฤติ ของ นักศึกษา พอตอนปฐมนิเทศ และ ปัจฉิมนิเทศครั้งต่อมา อาจารย์ให้โอกาสพูดต่อที่ประชุม ก็เลยถือโอกาสชี้โทษชี้คุณเรื่องขยะให้เพื่อนนักศึกษาฟัง

พอถึงเวลาสอบครั้งต่อมาปรากฏว่า เรื่องรักษาความสะอาดดีขึ้นเป็น ๙๕ เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ก็เพราะการได้อ่านหนังสือจากทางอโศกอยู่ตลอด ก็มีเรื่องที่จะพูดให้ได้ทราบแค่นี้ ขอให้ทางสมาคมมีไฟในการทำงานเพื่อส่วนรวมต่อไป

-เฉย เกื้อหนุน-

: พระพุทธเจ้า จึงสอนว่า เราทำดี ก็ดีอยู่ ยิ่งถ้าชักชวนชี้แนะคนอื่นให้ทำดีด้วย ก็จะดียิ่งขึ้น บางคนอาจจะคิดว่า พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลองพูดดูเลย บางเรื่องต้องพูดแล้วพูดอีก จึงจะได้ผล ถ้าใครเมื่อยที่จะพูด ขี้เกียจที่จะพูด หรือ กระทั่งหยุดพูดไปเลย จะไม่ได้ฝึกเรื่องสัมมาวาจา ...บ.ก.

มีสารสุขมากขึ้น

: หนังสือสารอโศกเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาสาระมากเลย โดยเฉพาะธรรมะ และ การปฏิบัติแต่ละท่านที่ลงในหนังสือ เป็นกำลังใจให้ กับ ผมเป็นอย่างมากเมื่อยามท้อแท้ เมื่อได้เปิดหนังสือสารอโศกออกอ่าน และ มีกำลังใจที่จะปฏิบัติ ลดละกิเลสมากขึ้น เพราะผมอยู่ กับ สังคมที่เต็มไปด้วยสิ่งมอมเมามากมาย กิน เที่ยว เสพ ดื่มกันเต็มบ้านเต็มเมืองไม่ว่า ที่ไหน

ทุกวันนี้แม้ผมจะอยู่ในสังคม ของ เขา แต่ผมก็จะขอยึดเอาแนวทางความเป็นอยู่ ของ ชาวอโศกมาปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา วันเวลาเท่าที่ผ่าน ผมแสวงหาธรรมะแนวทางปฏิบัติ พอเห็นชัดแล้วว่า หนทางธรรมะที่พ่อท่านพาญาติธรรมปฏิบัตินั้น ผมยิ่งศึกษาแล้วก็เอาตัวเองมาปฏิบัติจริง ก็ได้ผลจริงๆ ทานมังสวิรัติผมก็ทานได้ และ จะรักษาตลอดไป และ รู้สึกว่า ตัวเองมีจิตที่เมตตาต่อสัตว์มากขึ้น ยิ่งตัวความโกรธแล้ว ผมมีสติตามรู้เท่าทันกว่า เดิมเยอะเลย เพราะแต่ก่อน ตัวผมเองเป็นคนที่โกรธง่ายมากเลย แต่เดี๋ยวนี้รู้ปล่อยวาง และ ใจเย็นมากขึ้น ที่สำคัญคือแต่ละวันผมจะสำรวม รักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ รู้สึกว่า ตัวเองมีสารสุขมากขึ้น มองอะไรเป็นธรรมะไปหมด ก็พยายามเคร่งที่ตน ผ่อนปรนผู้อื่น

แต่ก่อนเสื้อผ้าถ้าไม่ถูกใจนี้จะไม่ใส่เลย เดี๋ยวนี้มาปฏิบัติธรรมรักษาศีล จึงเข้าใจว่า ชีวิตที่แท้จริงแล้วการดำรงชีวิตนี้ไม่ลำบากเลย แต่เราไปทำให้มันลำบากเอง ถ้ารู้คำพอเพียง และ พอใจในสิ่งที่ตนมี ตนได้ ตนเป็นอยู่ทุกวัน ก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องไปดิ้นรนให้มันเหนื่อยกาย เหนื่อยใจมากมายเลย เสื้อผ้าแบบไหนก็ใส่ได้ แค่ป้องกันหนาวพวกสัตว์พวกแมลงกัดต่อยเท่านั้น เดี๋ยวนี้รองเท้าผมก็ไม่ค่อยใส่

ก็จะพยายามตั้งตนอยู่บนความลำบาก คนเราถ้าไม่มีทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรมจริงๆ ผมเห็นทุกข์ผม จึงเห็นธรรม ทุกวันนี้ผมมีความสุขมากเลย กับ ชีวิตประจำวัน

-สุเนตร-

: เมื่อรักษาศีล ศีลก็รักษาเรา ศีลเป็นเสมือนมือวิเศษ ที่ดึงเราออกจากสารพัดทุกข์ ... บ.ก.

ลูกชิ้นใกล้บ้าน

: พอได้รับหนังสือแล้ว ก็ลงมือตอบเลยค่ะ เพราะตั้งใจคอยอยู่ทุกเดือน (เมื่อก่อนซื้อ นิตยสารผู้หญิงอ่านเป็นประจำ) ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติธรรมมา ๓ ปีแล้วค่ะ เพราะอ่านสารอโศก แล้วทำให้ลดกิเลสไปได้หลายอย่าง เพิ่งเป็นสมาชิก ๓-๔ เดือน ทำให้ลดรายจ่ายซื้อหนังสือเดือนละ ๕๐ บาท ลดซื้อเสื้อผ้า ลดเข้าร้านเสริมสวยได้ เรื่องอาหารที่เคยกินจุบจิบก็ลดเหลือกิน ๒ มื้อ บางวันก็ ๑ มื้อ และ ทานมังฯด้วยค่ะ และ ปฏิบัติไปพร้อมลูกๆ ทั้ง ๓ คน เลี้ยงลูกสาวมา ๑๗ ปีค่ะ ก็ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเขาก็ปฏิบัติธรรมเหมือนแม่ และ ลูกสาวคนที่ ๒ ก็เข้าเรียนอยู่ ม.๑ ราชธานีฯ ก็ได้กำลังใจ กับ หนังสือนี้แหละค่ะ แต่ว่า คุณแม่คือตัวดิฉันเอง ยังตัดเรื่องการกินได้ไม่บริสุทธิ์เท่าใดนัก แต่ลูกทำได้ เขาไม่ทานมา ๓ ปีแล้ว คนโต และ คนที่ ๒ ก็ไม่ทานเนื้อได้ ๘ เดือน

ส่วนดิฉัน กับ คนเล็กยังทานปิ้งลูกชิ้นอยู่ เย็นละ ๑ ไม้ลูกชิ้นปลา แต่ไม่ทานเนื้อทุกอย่าง แม้แต่ปลาร้า เพราะเหตุที่ตัดปิ้งลูกชิ้นขาดยาก ก็เพราะเขาขายอยู่ใกล้บ้าน กลิ่นโชยผ่านบ้าน แต่จะพยายามลด ตั้งแต่เข้าพรรษาก็ทานอาทิตย์ละ ๔ ลูก

ตั้งแต่อ่านหนังสือ-ฟังเท็ปธรรมะจากชาวอโศก ก็ทำให้จิตใจสบายดีขึ้น อารมณ์ดีขาย ของ ก็ดีขึ้น กับ ญาติพี่น้องที่เคยมีปฏิปักษ์ ก็ไม่เหลืออารมณ์ร้ายเลย ทำให้มีขันติได้ดีมาก และ ว่างๆ ก็จะพาลูกๆ ไปฟังเทศน์ที่วัดบ้างค่ะ ทำให้รู้จัก บาป-บุญ มากขึ้นกว่าเดิม

-สมาชิก ๒๕๗๔๖๘-

: นอกจากจะมี”ชิ้นปิ้ง”ขายใกล้บ้านแล้ว ลมก็ยังไม่ช่วยอีก พัดกลิ่นโชยมาอยู่ได้ทุกเย็น อุปสรรคสารพัน พยายามอีกนิด และ อีกนิดก็แล้วกัน ...บ.ก.

พ่อตามใจ

: ดิฉันนางจินตนา ภรรยา ของ สมาชิกเลขที่ ๒๔๑๗๓๓ ได้รับหนังสือสารอโศก ดอกหญ้า ดอกบัวน้อย ที่ทางทีมงานกรุณาจัดส่งมาตามเลขที่บ้านใหม่ ขอบพระคุณอย่างมาก หนังสือดอกบัวน้อยมีภาพสีสันสดใส เนื้อหาต้องตาเด็กๆ ลูกสาวคนกลางดิฉันเมื่อเห็นอดที่จะหยิบมาอ่านไม่ได้ (เป็นคนแรกที่เปิดอ่าน)

ส่วนลูกชายจะชอบการ์ตูน (เป็นเด็กเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ไม่ชอบรับสาระ) ดิฉันรู้สึกไม่ค่อยชอบ ที่ลูกชายชอบซื้อหนังสือการ์ตูน ที่มีชื่อประเภทญี่ปุ่นมานั่งอ่านเหมือนจะติด จึงไม่ค่อยหยิบอย่างอื่นมาอ่าน เห็นพี่สาวดูดอกบัวน้อยก็สนใจนิดหน่อย พอหมดการ์ตูนก็ไม่สนใจ

อีกอย่างคือเกมคอมพิวเตอร์ที่มีสู้บ้าง แพ้บ้างชนะบ้าง ลูกจะชอบมาก หากดิฉันอยู่ด้วย จะคอยห้ามไม่ให้สนใจ ของ มอมเมาแบบนั้น ดิฉันไม่เข้าใจว่า หนังสือการ์ตูนไร้สาระ และ เกมที่ไม่มีประโยชน์สร้างสรร เขาให้ผลิตมีขึ้นมามากๆ ได้อย่างไร

การจะอยู่คุมลูกตลอดเวลาก็ยาก สิ่งต่างๆ รอบตัวที่ไร้สาระดึงดูดความสนใจเด็กๆ จะมีมาก แล้วเด็กๆ ก็ดูเหมือนจะชอบ ไม่ทราบเป็นเพราะข้างตัวคือเพื่อนๆ เรียกว่า มองไปทางไหนจะมีแต่เรื่องเกม และ การ์ตูน จึงไม่คิดทำอย่างอื่น ความหนักใจแบบนี้ดิฉันคิดว่า จะยังตามใจกันอยู่ไม่ได้ ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข เมื่อดิฉันอยู่ด้วยดุได้ก็ดุ ห้ามได้ก็ห้าม

ปัญหาใหญ่คือพ่อเด็กตามใจเรื่อยเปื่อย เงินก็ให้ใช้เยอะ เล่นเกม หรือ อ่านการ์ตูน ก็ไม่ค่อยห้าม ชอบส่งไปเรียนกวดวิชา คงคิดว่า กวดแล้ว เสริมแล้ว ก็แล้วกัน จะทำอะไรก็ตามใจ

กาลเวลาผ่านไป ดิฉันยิ่งเห็นความเสื่อมที่เกิดขึ้น สังเกตจากอุปนิสัย และ สุขภาพ ของ ลูก หากเปรียบเทียบ กับ ครอบครัวอื่นทั่วไป ก็ว่า ดีกว่าเยอะ แต่ดิฉันคิดว่า ยังไม่ใช่ คิดว่า น่าจะมีการพัฒนาให้ดีกว่านี้ (พ่อคือผู้นำที่ล้ำเลิศ) สำคัญมาก

-นางจินตนา-

: ครอบครัวที่มีฐานะทางการเงิน ในระดับที่จะให้ลูกอยู่อย่างเทวดาตัวน้อยๆ มองอีกแง่ก็น่าเห็นใจ ลองหาวิธีพูดคุย กับ พ่อบ้านให้เป็นเรื่องเป็นราวในเรื่องการอบรมดูแลเลี้ยงลูก อาจปรึกษาสามีว่า สมบัติที่มีค่าที่สุด ที่พ่อแม่ควรจะให้แก่ลูกคืออะไร เพราะทางเดิน ของ เทวดา ก็ใช่ว่า จะไม่ต้องพานพบหลุมขวากหนาม... บ.ก.

จิตตก ควรหาผู้ช่วยยกในเบื้องต้น

: การปฏิบัติธรรม ของ ผมนั้น ตอนนี้ก็มีอนุโลมไข่บ้าง กินเจเขี่ยบ้าง (เมื่อจำเป็นจริงๆ เท่านั้น ) เนื่องจากความไม่สะดวกหลายๆ อย่างในการทำงาน ต้องเดินทาง และ ยังมีการรับประทานอาหารเป็นหมู่คณะ ยอมรับว่า การปฏิบัติธรรมอยู่ข้างนอกหมู่กลุ่มคนเดียว ขาดเพื่อน บางครั้งก็รู้สึกทุกข์ มันรู้สึกว้าเหว่ เหงา อาลัยอาวรณ์อะไรบ้าง อย่างบอกไม่ถูกครับ ก็ได้หนังสือ และ เท็ปธรรมะแหละครับ ที่ช่วยให้มีกำลังใจต่อสู้ต่อไป

เมื่อประมาณ ๑-๒ เดือนที่ผ่านมา ผมได้ไปปฐมอโศก และ สันติอโศก ก็ได้พบ กับ คนที่รู้จักเก่าบ้างใหม่บ้าง รู้สึกว่า บางคนท้อแท้อยู่ไม่ผาสุกเท่าไหร่ อยากออกจากหมู่กลุ่มมาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกบ้าง ซึ่งความรู้สึกมันเหมือน กับ ผม แต่ต่างกันตรงที่ผมอยู่นอกวัดอยากเข้าวัด ซึ่งผมก็ได้ให้กำลังใจเขา และ เล่าถึงชีวิตนอกวัดว่า มันไม่ดีอย่างไร เช่น มีภาระมาก ไม่ว่า จะเรื่องเงินทอง บ้าน การคบค้าสมาคม กับ คนต่างๆ ผัสสะอะไรต่างๆ ก็มีมาก ผมคิดว่า การที่คนอยู่ในวัดมีความคิดอย่างนั้น กำลังจิตตก อาจจะเนื่องจากการปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าขึ้น และ ไม่เห็นคุณค่าประโยชน์ ของ ตนเอง

ผมคิดว่า ถ้าผู้ใดรู้สึกอย่างนี้ เขาจะต้องขวนขวายหาอะไรทำ ที่เห็นว่า จะทำให้ตนเองรู้สึกถึงคุณค่า ของ ตนให้มากๆ ยิ่งๆ ขึ้น และ จะต้องมีเพื่อนพูดคุย ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน อันจะทำให้เกิดความอบอุ่น เป็นพี่เป็นน้องยิ่งขึ้นในหมู่กลุ่ม ซึ่งตรงจุดนี้หมู่กลุ่มเรายังขาดอยู่พอสมควร ต่างคนต่างอยู่ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราจะต้องให้ความสำคัญ กับ คนรอบข้างด้วย อย่าลืมว่า เรากำลังสร้างสังคมในฝัน ของ พุทธ ซึ่งจะเป็นไปได้ยากมากเลย ถ้าเราไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ทั้งหมดนี้ก็เป็นความหวังดีจากความรู้สึก ของ ผม ที่อยากเห็นหมู่กลุ่มเราชาวอโศก มีความสมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้น จึงได้ติงมา ณ ที่นี้ และ ผมก็คิดว่า หลายคนคงรู้สึกอย่างผม ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน พ่อท่านคงอยู่ กับ เราอีกไม่นาน ก่อนที่พ่อท่านจะจากพวกเราไป เราเหล่าลูกๆ ควรที่จะขมีขมันสร้างสังคมที่ดี ให้พ่อท่านได้ภาคภูมิใจ และ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อพ่อที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง

สุดท้ายขอฝากคำคมที่กล่าวว่า

นักปฏิรูปจะรอให้ผู้อื่นปฏิรูปตัว ของ เขาก่อนไม่ได้
นักปฏิรูปจะต้องลงมือประพฤติปฏิบัติด้วยตัวเองทันที
เขาจะต้องกล้าเสี่ยงด้วยตนเอง และ คนเดียว
แม้คนทั่วไปจะไม่เห็นด้วย กับ เขาก็ตาม
มหาตมะ คานธี

-คงศักดิ์-

: สังเกตเวลานั่งรถไฟ รถเราจอดอยู่นิ่งๆ แต่ขบวนข้างๆ เคลื่อนที่วิ่งแซงขึ้นไป เราจะรู้สึกว่า ขบวนที่เรานั่งมันถอยหลัง ฉันใดก็ฉันนั้น นักปฏิบัติธรรมจะอยู่ในวัด หรือ นอกวัดก็ตาม ต้องเพิ่มอธิศีล ถ้าเราหยุดอยู่ กับ ที่ ในขณะที่คนอื่นวิ่ง ก็เหมือนเราถอยหลังโดยปริยาย แล้วกิเลสจะได้ช่อง เดินขบวนรุมเล่นงานเรา ผู้ที่จิตตกช่วยตัวเองไม่ไหว ต้องฝ่าฟันด่านแรกให้ได้ก่อนคือ เข้าหาปรึกษาผู้ที่คิดว่า จะช่วยเราได้ เพราะมิตรดี สหายดี เป็นทั้งหมด ของ การปฏิบัติธรรม ...บ.ก.

เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะ

: กระแสสังคมในทุกวันนี้กำลังเชี่ยวกราก รุนแรง อันตราย และ น่ากลัวเป็นอย่างมาก ประเทศไทยที่เคยเป็นสังคมเกษตรกร ในบัดนี้ก็กลายมาเป็นสังคมกรรมกรอย่างสมบูรณ์ กระแสบริโภค ของ สังคมก็เปลี่ยนไป มีกิเลส ตัณหาใหม่ๆ ความอยากใหม่ๆ มายั่วยวนจิตใจมากขึ้น ผู้หญิงได้ถอดผ้าถุง กับ ความอายทิ้งไปด้วยความหมิ่นแคลน กลับมาเดินเชิดหน้าด้านๆ ในมาดมั่น กับ สายเดี่ยว สายพลาสติก หรือ ยั่วกามอยู่เต็มเมือง โรคเอดส์ และ ยาบ้ากำลังประหัตประหารสังคมดุเดือด ค่ำคืนราตรีทุกซอกมุมเมืองระบาดไปด้วยร้านเหล้า คาราโอเกะ และ ผู้หญิงขายตัวราคาถูกๆ

แม้ค่าเงินบาทจะอ่อนกว่าเงินดอลล่าร์ แต่ค่ายาบ้าก็แข็งกว่าค่าเงินดอล (๔๐ บาท เป็น ๑ ดอลล่าร์,๒.๕ ดอลล่าร์ เป็น ๑ เม็ด) แม้ผู้คนจะตกงานกันเยอะ แม้เศรษฐกิจจะตกต่ำ แต่สินค้าจอแบน กับ ชุดโฮมเธียเตอร์ กำลังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แม้สินค้าเหล่านั้น กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่เท่าที่กระผมสังเกตดู วงการสร้างหนังกลับดูหงอยๆ สิ่งที่กำลังระบาดหนักกลับเป็นวิดีโอโป๊ คาราโอเกะโป๊ แล้วสังคมไทยจะเป็นอย่างไร?

ทุกวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยี ทำให้ผู้คนหลงใหล กับ ความเจริญในเครื่องยนต์กลไกต่างๆ มนุษย์ได้ตกเป็นทาส ของ การบริโภค ต่างคนต่างดิ้นรนเหนื่อยเพื่ออยากได้ อยากได้ซึ่งความสุข สะดวก สบาย กรรมกรเดินออกจากโรงงานมาเหนื่อยๆ กว่า จะถึงห้องเช่า ก็ผ่านร้านเหล้าไม่รู้กี่สิบร้าน กว่า หัวจะถึงหมอนก็เมาเป๋ไปซะแล้ว กินเหล้าดึก เที่ยวผู้หญิงยันสว่าง หมดแรงไปทำงานก็ต้องเล่น ของ (สูบม้า) ตกเย็น ของ ตายก็เล่นอีก พอเลิกงานแต่ ของ ยังดีด ก็กินเหล้าเพื่อให้ ของ มันตาย (ให้ยาหมดฤทธิ์) พอกินเหล้าเมาแล้วก็สนุกไปเที่ยวต่อ...สว่างอีกแล้ว

กลับมาต่อมาม่ากินที่ห้องอย่างหิวโซ เงินหมด...หายืม...ถ้าได้ทำโอทีก็ดีหน่อย แต่ถ้าโรงงานไม่มีโอทีพฤติกรรมก็เปลี่ยนไป แรกๆ กลายเป็นคนปลิ้นปล้อนหลอกลูก...เมีย...เพื่อนฝูง เพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน กลายเป็นคนลักเล็กขโมยน้อย และ สังคมไทยก็จะมีแต่คนประเภทนี้เพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ นับวันจะเป็นสังคมที่อันตรายขึ้น เมื่อยาบ้า และ สิ่งลามกระบาดไปในโลก ของ เด็กมากขึ้นทุกวัน การพัฒนาที่ยั่งยืนคงจะล้มครืนเป็นแน่แท้ กระผมไม่เข้าใจว่า ทำไมสิ่งเหล่านี้ได้เจริญเติบโตกว่า กฎหมาย ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับประชาชนด้วยแล้ว กฎหมายคล้ายเป็นวัชพืชที่เกิดแทรกซ้อนกลางผืนป่าแห่งความเลว สิ่งมอมเมาลามกมีขายอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ยาบ้าหาซื้อได้ง่ายกว่า ผักปลาเสียอีก

เมื่อเดือนที่แล้วเพื่อนร่วมงานกระผมถูกจับยาบ้าที่หน้าแหล่งขาย แต่ที่สงสัยคือแหล่งขายเขาไม่แตะ...เมื่อต้นปีที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ลงข่าว หนุ่มคลั่งเชือดคอตาย รายละเอียด ของ ข่าวในหนังสือพิมพ์นั้น นักข่าวเขียนข่าวอย่างนักเขียน แต่ที่จริงแล้ว หนุ่มคนนั้น เขาคลั่งยาก่อนที่จะคลั่งชีวิต เขาเมา...เขาคลั่ง...เกิดความระแวง...สงสัย และ หวาดกลัวในพฤติกรรม ของ ตัวเอง และ หนุ่มคนนั้น ก็เป็นเพื่อนร่วมงาน ของ กระผมเอง

มีคนหลายคนชักชวนกระผมลองยา และ มีครั้งหนึ่งที่กระผมถูกต้อนให้จนมุม เพื่อนสองคนฉุดลากกระผมไป อีกคนหนึ่งถือช้อนยา ที่ทำจากกระดาษอะลูมิเนียมที่ห่อบุหรี่ในซอง อีกคนยื่นหลอด และ ติดไฟให้ กระผมดูดสองที แล้วแกล้งสำลัก และ พ่นทิ้งไป เพื่อนอีกคนเสียดาย ของ จึงผลักกระผมออก กระผม จึงรอดตัวไป

ด้วยเหตุนี้กระผม จึงไม่สุงสิง กับ ใครในโรงงาน หนังสือดอกหญ้า และ สารอโศก จึงเป็นสิ่งที่คอยเตือนใจกระผมอยู่เสมอๆ กระผมได้รับหนังสือครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๓๘ จากรายการเพื่อนช่วยเพื่อนŽ ของ ท่านเสียงศีล ที่ส่งไปให้พร้อมเมล็ดพันธุ์พืชผักต่างๆ และ มีเมล็ดพันธุ์หนึ่งที่กระผมเพียรฟูมฟักประคบประหงมอยู่เสมอๆ นับแต่วันที่เมล็ดพันธุ์นั้น ได้หว่านลงสู่ผืนใจ ของ กระผมแล้ว กระผมก็หันตัวเองไปหาแสงสว่าง (แห่งธรรม) อยู่เสมอๆ เพื่อให้เบี้ยพันธุ์น้อยๆ ของ กระผมได้สังเคราะห์แสง (แห่งธรรม) และ เติบโตเป็นไม้เนื้อดีกลางป่างามต่อไป แต่กระผมก็ไม่หาญกล้าเรียกตัวเองว่า ไม้อโศก หรือ กครับ

กระผมก็หวังอยู่เสมอว่า เบี้ยพันธุ์น้อยๆ ของ กระผมจะเติบโต เพื่อให้ร่มให้เงาแก่ผืนใจ ของ กระผม และ คนข้างๆ ได้

-นายสำรวย สุขเขตร์-

: หวังเช่นกันว่า เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะนี้จะเติบโตในป่าสวนพุทธ ให้ร่มเงาเป็นที่พักพิง ของ นักเดินทางได้ บ.ก.

บทฝึก

: ๒ ต.ค.๒๕๔๓ ทราบข่าวคราวความเคลื่อนไหวทางญาติธรรมทางอุบลฯ, ราชธานีอโศก ใจก็อยากไป แต่ภาระทางครอบครัวยังไม่ลงตัว แถมมีปัญหามากมายสารพัด ซึ่งตัวเราเองไม่ได้ก่อขึ้น ก็ได้อาศัยหลักธรรมคำสั่งสอน ของ พระศาสดา พระพุทธองค์ตรัสไว้ในศาสนาพุทธเรา และ ที่เห็นดีเห็นงามตัวอย่างชัดเจน เห็นสมณะพราหมณา เห็นแล้วน่าทำตาม แต่ก็ยากจริงๆ ชาตินี้คงได้แต่เห็น ทำได้มากได้น้อยก็ตัวเราเอง พยายามหน่อยบอกตัวเอง เตือนตัวเองก่อน ชีวิตยังไร้แก่นสารสาระอยู่ นี่ขนาดพยายามแล้วพยายามอีก

ได้อ่านสมาธิพุทธเล่ม ๑ ก็พยายามทำตามมรรคองค์ ๗-๘ ได้ฟังเท็ปธรรมะก็มาก ดูวิดีโอก็มาก พยายามทำตาม เอาหลักปฏิบัติฝึกปรือท่วงทีลีลา เปรียบเทียบเมื่อก่อนกินมังสวิรัติประมาณ ๓-๘ ปี ร่างกายเบาสบาย คิดอะไรดีไปหมด มองโลกในแง่ดีตลอด แต่ผลสุดท้ายตัวเองสิ้นเนื้อประดาตัว ถูกหลอกเสียเงิน ๒ แสน ๕ หมื่นบาท ก็ได้แต่ปลงตก ไม่มีใครไหนอื่นทำ ก็คนข้างเคียงบ้านเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน แต่ไม่ได้ศึกษาศีล ไม่ถือศีล เรื่องก็เลยจบลงด้วยดี แยกตัวตั้งหลักใหม่

ทุกวันนี้ยังอยากกินมังสวิรัติอยู่ แต่เมื่อมีภาระครอบครัว คนทำ กับ ข้าวก็หาง่ายๆ ตามร้านค้า ก็เลยกินอย่างไม่เน้น กับ ข้าว กินข้าวเยอะ ทำงานหนักเหมือนเดิม ยังเป็นทั้งชีวิตชาวนา หลังเลิกงานราชการ กำลังงมเข็มในมหาสมุทร ไม่มีทิศทาง ถ้าให้มีคนดีๆ อย่างที่พวกเราพาทำ มันไม่น่ามีปัญหาอะไรเลย ชีวิตสบายมาก หายห่วง เพราะคิด-พูด-ทำแต่สิ่งดี มีตัวอย่างที่ดีให้เห็น ชวนทำตามตั้งมากมาย อยู่ข้างนอกต้องปรับตัวปรับใจหลายๆ อย่างสารพัด คนหนึ่งทำอย่างนี้อีกคนทำอย่างโน้น สนุกไปเถอะน่ะแต่ละท่าน แต่ละคน เราขอเดินตามพระพุทธองค์ทรงทำ

ใจไม่ลำบาก ร่างกายก็พอทนไป ในเมื่อเกิดมาชดใช้กรรมอยู่แล้ว ใครจะเอาอะไรก็เอาเลย สบายมาก ขนาดเจอหนักๆ ชีวิตเกือบพังพับล้มอย่างไม่เป็นท่าเลย ทุกข์มากทนยาก แต่ก็ทน ต้องหนีเอาชีวิตรอดพ้น ต่อนี้ไปก็คงไม่มีอีกแล้ว จะให้โง่เป็นวัวเป็นควาย หาเงินซอกๆ ไปชดใช้ให้ ขอเราทำดีเถิด อย่าพึ่งด่วนตาย ทำดีให้มากๆ ไว้ อยู่ในที่สิ่งแวดล้อมดี มิตรดี สหายดี อย่างพวกเราพาทำ

-เยาวลักษณ์-

: ถูกหลอกคิดเป็นเงินเรือนแสน ก็เป็นจำนวนที่ไม่น้อย แต่ก็คงเป็นจำนวนไม่มาก

เมื่อคิดว่า ซื้อบทเรียนชีวิต เพื่อเรียนรู้การออกจากวัฏฏะ ออกจากวังวนแห่งความทุกข์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ด้วย ของ จริงแท้ ๔ อย่าง คือ นี้ทุกข์ นี้เหตุให้เกิดทุกข์ นี้ความดับทุกข์ นี้ทางให์ถึงความดับทุกข์ เป็น ของ จริงแท้ ไม่แปรผัน ไม่เป็นอย่างอื่น บ.ก.

     

จดหมายจากญาติธรรม (สารอโศก อันดับ ๒๓๑ หน้า ๒๒–๓๒)