|
||||
จดหมายจากญาติธรรม
|
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 232 เดือนมกราคม 2544 | |||
|
||||
ในฉบับ:- -โกรธไปทำไม
ทำให้ใจเป็นทุกข์เปล่าๆ โกรธไปทำไม ทำให้ใจเป็นทุกข์เปล่าๆ ผมขอขอบคุณชาวอโศกทุกคนที่ทำให้ผมเปลี่ยนจากคนที่มีจิตใจร้อน กลายมาเป็นคนใจเย็นสุขุม และ รอบคอบ ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้ชาวอโศกทุกคน เหมือนที่ชาวอโศกส่งหนังสือมาเป็นกำลังใจให้ผม ไพโรจน์ พงษ์อนันต์
ชีวิตประมาทไม่ได้ เรื่องการปฏิบัติศีลนั้น ที่บ้านพี่ชายดิฉันเลี้ยงวัว มีวัวอยู่ตัวหนึ่ง ถ้าดิฉันอยู่บ้านจะมีมะพร้าวที่หล่นลงมา จะผ่าทำเป็นชิ้นให้วัวกิน ตัวอื่นจะไม่กินแต่ตัวนี้จะกินไม่เลือกเลย วัวตัวนี้สีออกดำ ดิฉันเรียกเขาว่าหมี เหมือน กับว่าวัวตัวนี้จะรู้ เรียกชื่อทีเขาจะเดินมาหา และ ร้องบอบอ เหมือนว่าจะทักทายอะไรบางอย่าง สมัยครั้งที่ดิฉันเป็นเด็กจะมีควายอยู่ด้วย ดิฉันเป็นเด็กเลี้ยงควาย ในความรู้สึกดิฉัน เป็นคนรักควายมาก เพราะจะไปเลี้ยงทุกวันจนกระทั่งจบ ป.๔ ๑๐ ขวบ-๑๑ ขวบก็ไปทำงานทำขนมอยู่สมุทรปราการ พ่อก็เลี้ยงต่อแต่ไม่นานดิฉันกลับมาบ้านอีกทีพ่อขายควายไปแล้ว เพราะพ่อครั้งยังดื่มเหล้าอยู่ ไม่มีแรงวิ่งตามควาย ดิฉันกลับมาบ้านก็ได้แต่คิดถึงควายมาก รู้สึกว่าผูกพัน กับควายมาก เหมือนว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนกันทั้งหมด ยิ่งมาเจอธรรมะที่สันติอโศกยิ่งชัดขึ้นมามาก ขอรายงานเท่านี้ก่อนค่ะ ลำดวน
ควายในเมืองไทยมีน้อยลงไปทุกวัน เพราะถูกนำไปขายที่โรงฆ่าสัตว์ ถ้าคนเลิกกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด คิดว่าควายไทยเราคงจะยังมีอยู่อีกมาก ไม่ต้องไปสั่งซื้อจากเมืองลาว เด็กยุคนี้หลายคน ไม่เคยเห็นควาย และ บรรยากาศชนบทตอนเย็นที่วัวควายเดินกันเป็นฝูง ท่ามกลางเสียงกระดึงดังกึงกังเพื่อกลับเข้าคอก ก็กำลังจะหายไป น่าเสียดายกลิ่นอายธรรมชาติเช่นนี้เสียจริงๆ -บ.ก.
ชาวบ้าน กับงานบุญ!? ผมก็กราบขออภัยด้วยที่ต้องห่างเหินกันเสียนาน แต่ก็ไม่หนีไปไหน การปฏิบัติก็ไม่ก้าวหน้า เท่าที่ควร จะอยู่ที่บ้านชาวบ้านเขาก็เรียกว่าคนอโศก ถ้าไปที่วัดคนวัดเขาก็เรียกว่าคนข้างนอก สุดแท้แต่จะเรียก ตนเองก็รับทั้งนั้น แต่ส่วนมากผมจะทำอะไร หรือ จะอยู่ที่ไหนจะไปไหนแห่งหนตำบลใด ทุกลมหายใจเข้าออกผมก็คิดถึงแต่หมู่กลุ่ม ของ ชาวอโศก ถึงแม้ว่าการปฏิบัติธรรม ของ ผมจะไม่ก้าวหน้าเท่าใดก็ตาม ตามหมู่บ้านเขามีงานมีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเขาเชิญไปผมก็ไปถ้ามีโอกาส แต่ใจลึกๆ แล้วไม่อยากจะไป บางทีหลีกเลี่ยงได้ก็ไม่ไปเพราะผมเห็นว่ามีประโยชน์น้อยมาก มันไม่คุ้มเวลาที่เราเสียไป ผมเห็นชาวบ้านเขาทำบุญกันทุกวันนี้เขาสร้างบาปกันสูงมาก ส่วนมากผมไปในงานเขาผมไม่ค่อยได้กินอาหารในงานเขา ส่วนมากจะกินแต่น้ำเท่านั้นเป็นส่วนใหญ่ หันกลับมามองดู ของ เรา ของ ชาวอโศกแล้วมันกลับคนละเรื่องกันเลย ถือว่าโชคดีที่เรามาพบหมู่กลุ่ม ของ ชาวอโศก ถ้าหากไม่มาพบอโศกก็คงจะเป็นเหมือน กับชาวบ้านเขาเป็นแน่ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะว่ามันไม่มีทางเลือก การทำบุญ ของ เขามีแต่กินสร้างบาปเพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ทราบว่ากุศลจะเกิดได้อย่างไร จนบางทีผมยังคิดว่าเขาทำทุกวันนี้เขาดูถูกพระพุทธเจ้า หรือ เปล่า หรือ หากว่าเขาเข้าใจ ของ เขาอย่างนั้นจริงๆ สุพรรณ ก่ำแก้ว ป.ล.ในสารอโศกที่ท่านตอบจดหมายจากญาติธรรม ถ้าเป็นไปได้ขอให้ตัวหนังสือใหญ่กว่านี้หน่อย เพราะว่าสายตาไม่ค่อยดี บางทีก็ตอบสั้นไป
จดหมายจากแดนไกล
ในวันนี้ขณะที่เขียนจดหมายฉบับนี้เป็นวันแท้งค์กิฟวิ่ง หรือ วันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งให้หยุดงานจัดปาร์ตี้กินไก่งวงกัน ผมเองก็ต้องกราบขอบคุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อท่าน กลุ่มสมณะ กลุ่มญาติธรรม ที่สมัยผมอยู่ประเทศไทย และ อยู่ที่ จ.อุบลราชธานี ได้พบ กับพิธีการปลุกเสกพระแท้ๆ ที่ศีรษะอโศก ได้พบ กับพ่อท่าน กลุ่มสมณะ กลุ่ม ญาติธรรม มิตรดีสหายดี ทำให้ผมได้พบถึงสัจจะ ของ ความเป็นจริงในหลายสิ่งในชีวิตประจำวัน ทำให้ค้นพบตัวเอง พบหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งหลายอย่างก็ได้ปฏิบัติให้ดีขึ้น ทำให้ชีวิตมีแต่ความเจริญมีความสุขมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ชีวิตในต่างประเทศ ยิ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ผมมาอาศัยอยู่ มีกลุ่มคน หรือ พระสงฆ์ ที่มาเช่าบ้านเพื่อทำเป็นวัด ในรัฐต่างๆ หลายรัฐ มีบางรัฐ เช่น ที่แคลิฟอร์เนีย มีวัดไทยที่นอร์ทฮอลลีวูด ที่มีคนไทยบริจาคที่ ทำเป็นลักษณะวัดแบบไทยๆ มีอุโบสถ จั่ว ช่อฟ้า ใบเสมา และ มีรูปปั้นยักษ์แบบวัดโพธิ์ท่าเตียน วัดที่วอชิงตัน ดีซี และ บางแห่ง แต่ส่วนมากจะเป็นแบบเช่าบ้านมาทำเป็นวัด ให้ญาติโยมช่วยซื้อบ้านซื้อที่มาทำวัด การสั่งสอนอบรมศีลธรรมก็เป็นแบบทางโลกๆ โดยทั่วไป นิยมวัตถุเป็นหลักมากกว่าคำสอน ของ พระพุทธองค์ ผมไปวัดส่วนมากจะไปกราบพระพุทธรูป ที่เป็นตัวแทน ของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เสียมากกว่า สบายใจดี และ ไม่เสียเวลาพักผ่อน และ เวลาทำงาน ผมคิดว่าในปีหน้าผมจะบินมาประเทศไทย ในช่วงที่ผมสามารถลาพักผ่อนได้ ซึ่งผมสามารถจะมาได้ตลอดถ้ามีเวลา ด้วยขณะนี้ผมทำงานที่โรงเรียน ของ รัฐบาลสหรัฐอเมริกา และ ทำงานในสายการบินที่มีสิทธิบินฟรีได้ทุกขณะที่ต้องการ ทั้งในสหรัฐ และ ในประเทศต่างๆ เท่าที่ จะมีเวลาจะอำนวยให้ ผมขอจบจดหมายแค่นี้ก่อนนะครับ นายชวลิต สารพรรณพิศิษฐ์
เคล็ดรับมือ กับคำชม-คำติ
ตอนดิฉันเป็นสมาชิกเพื่อรับหนังสือครั้งแรกๆ นั้น ดิฉันได้รับหนังสือแสงสูญ (สามอาชีพกู้ชาติ) ดิฉันประทับใจการทำเกษตรธรรมชาติ ของ คุณลุงคำเดื่อง ภาษี มาก รวมทั้งเกษตรกรอีกหลายท่านที่แสงสูญนำมาลงทั้งอาชีพ และ การดำเนินชีวิต ดิฉันเคยได้อ่านหนังสือเกี่ยว กับการทำเกษตร ของ ท่านเหล่านี้มาหลายเล่ม (ที่เป็น ของ ทางราชการ) แต่ไม่มีเล่มไหนที่อ่านแล้วก่อให้เกิดแรงบันดาลใจเท่า กับที่หนังสือแสงสูญทำ เพราะลงรายละเอียด ขั้นตอนต่างๆ ดีมาก ปัจจุบันนี้ดิฉันได้ทำสวนไม้ผล โดยยึดหลัก ของ เกษตรกรหลายท่านที่เคยลงในแสงสูญ ไม่ว่าจะเป็นคุณลุงคำเดื่อง ป๊ะหรน หมัดหลี ดิฉันก็นำมาผสมผสานกัน ปลูกพืชหลากหลายชนิด ทั้งไม้ผล และ ปลูกพืชผักสวนครัว (ปลอดสารพิษ) ในเนื้อที่ ๗ ไร่ ปีนี้ฝนตกหนักน้ำท่วม ทำให้ไม้ผลหลายสิบต้นเฉาตาย ดิฉันได้ปลูกใหม่ทดแทนต้นเก่า แล้วใช้น้ำบ่อรด กะว่าหน้าฝนให้ต้นไม้แข็งแรงเติบโตได้ดี จากการได้อ่านหนังสือสารอโศก ดอกหญ้า ทำให้ดิฉันใจเย็นขึ้นมาก ถ้าได้ยินคำชมก็จะนำมาพิจารณาว่า ใช่เรา หรือ เปล่า หรือ เขาพูดเกินจริง ใจจะได้ไม่เหลิง ถ้าเป็นคำติ หรือ นินทา ดิฉันก็จะนำมาพิจารณาว่า เราต้องปรับปรุงตรงไหน หรือ เปล่า ส่วนที่ดีก็คงไว้ ส่วนที่ไม่ดีก็พยายามแก้ไขให้ดีขึ้น ถ้าเป็นคำพูดให้ร้าย ดิฉันจะวางเฉยไม่ตอบโต้อะไร ไม่สนใจด้วยซ้ำไป เพราะคนเรานานาจิตตัง ให้ความจริงพิสูจน์ตัวมันเอง ก็ดีไปอย่างเราจะได้คัดคนที่ไม่เชื่อใครง่ายมาคบ กับเรา เพราะถ้าเขาเชื่อคนที่ว่าให้เรา เขาก็คงไม่มาคบเรา เขาคงรู้ดีด้วยตัวเขาเองว่าใครเป็นยังไง สำหรับการทำงาน กับคนหมู่มาก ปัญหาก็มีบ้าง แต่ดิฉันก็พยายามตั้งใจทำหน้าที่ ของ ตัวเองให้ดีที่สุด เคร่งครัดที่ตนเอง ไม่ก้าวก่ายคนอื่น มีอะไรก็พูดคุยกันด้วยมิตรจิตมิตรใจ ดิฉันว่าคนเราแต่ละคนเป็นจุดเล็กๆ ในสังคม แต่ถ้าเราทำหน้าที่ ของ ตัวเองให้สมบูรณ์ ตั้งใจทำให้ดีที่สุด จุดเล็กๆ เหล่านี้แหละที่จะทำให้สังคมดี และ น่าอยู่ น.ส.มนัญญา บุราชรินทร์
วันนี้มีรอยยิ้ม
๓ ปีเต็มที่ใช้กรรม แล้วก็คิดได้ เมื่อได้อ่านสารอโศก และ ดอกหญ้า เดี๋ยวนี้ยิ้มได้ หัวเราะได้ ตัดทุกข์จากใจได้นิ่งสนิท มีผัวก็ทุกข์ มีเมียก็ทุกข์ พลัดพรากจากกันก็ทุกข์ ขอเป็นลูกชาวสันติอโศก ด้วยใจ และ ความนึกคิดที่จะเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนใคร ให้อภัย ไม่จองเวรใคร ไม่ผูกพยาบาทใคร / สมบูรณ์
จะเลิกก็ไม่ใช่ อยู่ กับที่ก็ไม่ดีขึ้น
ในโอกาสที่ถือว่าปีใหม่ตั้งใจว่า จะอ่านหนังสือที่ส่งมาให้วันละ ๓๐ นาที จะเขียนจดบันทึกถ้อยคำประโยคที่จะทำให้ได้คิด ได้สติทบทวนชีวิตให้มากๆ จะไม่เอาแต่คิดกดข่มอย่างเดียว ถ้าผลการชั่งวัดในรอบปีออกมาอย่างไร พร้อมที่จะยอมรับการตัดสิน ของ ตัวเอง วิบากมีจริงจะหนี หรือ จะยอมดีไหมขอจบลงตรงที่ ขอบคุณ สำหรับมิตรภาพไมตรีความปรารถนาดี ที่มีต่อมวลมนุษย์ และ สัตว์ทั้งปวง พร้อมนี้ได้ฝากแสตมป์มาด้วย นายชัยสิทธิ์
ถ้าไม่เข้มแข็ง ก็หลุดเข้าไปในกระแสโลก
มาใหม่ๆ หนูเสียความรู้สึก กับเรื่องแบบนี้มากค่ะ จนต้องกลับไปเติมกำลังใจที่บ้านต่างจังหวัดบ่อยๆ ทั้งๆ ที่บ้านหนูอยู่ถึงสงขลา เพราะรู้สึกว่าอยู่ที่นี่หนูหาความจริงใจไม่ได้เลย มีแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน พยายามทำให้คนอื่นเห็นว่า ตัวเองเป็นคนเก่ง คนดีที่สุด คือทำอะไรเอาหน้า ทำไมเขาต้องคิดกันอย่างนี้ด้วย ถ้าเอื้อเฟื้อกันเขาจะได้รับผลประโยชน์มากกว่านี้อีกหลายเท่า เหมือนข้อสอบ หรือ ความรู้ยิ่งให้ก็ยิ่งได้รับ อย่างน้อยที่สุด ตอนที่เราไม่เห็นแก่ตัว เราก็ไม่ต้องคอยระแวงว่าคนโน้นคนนี้จะมาเอา ของ ของ เรา การคิดแบบนี้จะทำให้เราสมาธิดีขึ้น แล้วก็สงบค่ะ ส่วนคนที่เห็นแก่ตัวหนูเห็นว่าเขาร้อนรนหาเรื่องโกหกไปเรื่อย ทำให้ไม่มีสมาธิจะไปอ่านหนังสือ จิตใจยิ่งฟุ้งซ่าน แทนที่ว่าได้ข้อสอบดีๆ มาแล้วจะทำคะแนนได้ดีๆ ก็เปล่าเลยค่ะ ตอนนี้หนูพยายามอดทนที่จะไม่เดินตามกระแสสังคม หนูรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ กำลังทำให้จิตใจหนูตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ถ้าหนูไม่เข้มแข็งพอหนูก็หลุดเข้าไปในกระแสเท่านั้นแหละค่ะ / สมาชิก ๒๕๘๑๗๗
|
||||
![]() |
||||
|
||||
จดหมายจากญาติธรรม (สารอโศก อันดับ ๒๓๒ หน้า ๒๘ - ๓๗ เดือน มกราคม ๒๕๔๔) |