จดหมายจากญาติธรรม
หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 232 เดือนมกราคม 2544

ในฉบับ:-

-โกรธไปทำไม ทำให้ใจเป็นทุกข์เปล่าๆ
-ชีวิตประมาทไม่ได้
-ชาวบ้าน กับงานบุญ!?
-จดหมายจากแดนไกล
-เคล็ดรับมือ กับคำชม-คำติ
- วันนี้มีรอยยิ้ม
-จะเลิกก็ไม่ใช่ อยู่ กับที่ก็ไม่ดีขึ้น
-ถ้าไม่เข้มแข็ง ก็หลุดเข้าไปในกระแสโลก


โกรธไปทำไม ทำให้ใจเป็นทุกข์เปล่าๆ

: ตอนนี้ผมทำงานหนัก และ เหนื่อยมาก แต่พอได้รับหนังสือ จากชาวอโศก ผมหายเหนื่อย เป็นปลิดทิ้งเลย ผมเคยท้อ และ สิ้นหวังแต่ เมื่อเปิดอ่านสารอโศก ทำให้ผมลุกขึ้นสู้ และ ไม่สิ้นหวัง ผมมีกำลังใจมาก และ ไม่คิดที่จะท้ออีกเลย แต่ก่อน เมื่อผมโกรธผมจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จะแสดงออกมาไม่มีการควบคุมสติ และ บางทีก็จะแสดงออกสู่คนรอบข้าง และ เมื่อผมโมโหก็จะเป็นทุกข์มาก กระวนกระวายใจ ไม่มีความสุขเลย แต่ เมื่อผมได้เป็นสมาชิกคนหนึ่ง ของ ชาวอโศก ผมเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เวลาที่ผมจะโกรธผมจะต้องคิดว่าโกรธไปทำไม ทำให้ใจเป็นทุกข์เปล่าๆ ผมก็จะทำใจให้สบาย และ ผ่อนคลายจิตใจทำให้ผมไม่มีความทุกข์ในใจอีกเลย

ผมขอขอบคุณชาวอโศกทุกคนที่ทำให้ผมเปลี่ยนจากคนที่มีจิตใจร้อน กลายมาเป็นคนใจเย็นสุขุม และ รอบคอบ ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้ชาวอโศกทุกคน เหมือนที่ชาวอโศกส่งหนังสือมาเป็นกำลังใจให้ผม

ไพโรจน์ พงษ์อนันต์

: บางเรื่องก็ยากที่จะวางใจไม่ให้ถือสา แต่ถึงยากอย่างไรก็ต้องฝึกฝน เพราะไม่มี เหตุผลที่ดีเลิศใดๆ ที่จะทำร้ายตนเองด้วยอารมณ์โกรธ คุณไพโรจน์ฝึกใจจนควบคุมตนเองได้ เห็นโทษภัย ของ ความโกรธ เปลี่ยนแปลงตนเองมาเป็นคนใจเย็น และ รอบคอบ นับว่าเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทแห่งพุทธได้อย่างน่าภาคภูมิใจ -บ.ก.

 

ชีวิตประมาทไม่ได้

: การอ่านก็ชอบอ่านทุกเรื่องค่ะ ชอบมากคือ กว่าจะถึงอรหันต์ อ่านจบก็แจกต่อ รู้สึกจิตใจสบาย แม้นจะได้แจกไม่มาก แต่ก็ภูมิใจที่ได้แจกหนังสือที่เป็นประโยชน์แก่ทุกคนค่ะ อ่านแล้วก็มาทบทวนดูเท่าที่ได้อ่าน และ เอามาปฏิบัติ กับคุณพ่อคุณแม่ (พระในบ้าน) เท่าที่ได้ปฏิบัติก็เห็นท่านเข้าใจในการกระทำ ของ ดิฉัน จะไม่ทำให้ท่านเสียใจ จะมีแต่ให้กำลังใจ เพราะว่าช่วงนี้ท่านป่วยอยู่ ในบางเรื่องดิฉันก็พูดตรงๆ ท่านก็เข้าใจ อย่างเรื่องการตายดิฉันจะพูดว่าชีวิตคนเราประมาทไม่ได้ ลูกก็ไม่รู้ว่าชีวิต ของ ลูกจะอยู่รับใช้ตอบแทนคุณพ่อคุณแม่ได้นานเท่าไร แต่ลูกก็จะทำในสิ่งที่ดีจนกว่าธาตุทั้ง ๔ จะแตกดับ จะไม่ทำให้ท่านต้องทุกข์ใจ และ เสียใจเป็นอันขาด ท่านก็เข้าใจค่ะ และ จะทำต่อไป นี้คือสิ่งที่ทำให้ดิฉันมีกำลังใจมากค่ะ ที่ทำให้ท่านทั้งสองไม่ทุกข์ใจค่ะ

เรื่องการปฏิบัติศีลนั้น ที่บ้านพี่ชายดิฉันเลี้ยงวัว มีวัวอยู่ตัวหนึ่ง ถ้าดิฉันอยู่บ้านจะมีมะพร้าวที่หล่นลงมา จะผ่าทำเป็นชิ้นให้วัวกิน ตัวอื่นจะไม่กินแต่ตัวนี้จะกินไม่เลือกเลย วัวตัวนี้สีออกดำ ดิฉันเรียกเขาว่าหมี เหมือน กับว่าวัวตัวนี้จะรู้ เรียกชื่อทีเขาจะเดินมาหา และ ร้องบอบอ เหมือนว่าจะทักทายอะไรบางอย่าง สมัยครั้งที่ดิฉันเป็นเด็กจะมีควายอยู่ด้วย ดิฉันเป็นเด็กเลี้ยงควาย ในความรู้สึกดิฉัน เป็นคนรักควายมาก เพราะจะไปเลี้ยงทุกวันจนกระทั่งจบ ป.๔ ๑๐ ขวบ-๑๑ ขวบก็ไปทำงานทำขนมอยู่สมุทรปราการ พ่อก็เลี้ยงต่อแต่ไม่นานดิฉันกลับมาบ้านอีกทีพ่อขายควายไปแล้ว เพราะพ่อครั้งยังดื่มเหล้าอยู่ ไม่มีแรงวิ่งตามควาย ดิฉันกลับมาบ้านก็ได้แต่คิดถึงควายมาก รู้สึกว่าผูกพัน กับควายมาก เหมือนว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนกันทั้งหมด ยิ่งมาเจอธรรมะที่สันติอโศกยิ่งชัดขึ้นมามาก ขอรายงานเท่านี้ก่อนค่ะ

ลำดวน

: ใครนึกถึงความตายบ่อยๆ ชนิดที่ว่านึกถึงทุกลมหายใจเข้าออก จะทำให้ปลงวางสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น และ จะช่วยให้เราต้อนรับความตายได้อย่างสงบ ท่านพุทธทาสเคยพูดไว้ว่า บางคนพยายามหอบสังขารหนีความตาย จึงดิ้นทุรนทุรายยึดร่างซึ่งเสื่อมผุพังแล้วไว้เต็มที่ ทางที่ดี เตรียมตัวให้พร้อมเสมอ ที่จะโบกมือลาจากโลกนี้อย่างเข้าใจในชีวิต เพราะแม้ใครจะไม่อยากตาย ก็คงต้องตายตามเหตุปัจจัยวิบากกรรมอยู่นั่นเอง

ควายในเมืองไทยมีน้อยลงไปทุกวัน เพราะถูกนำไปขายที่โรงฆ่าสัตว์ ถ้าคนเลิกกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด คิดว่าควายไทยเราคงจะยังมีอยู่อีกมาก ไม่ต้องไปสั่งซื้อจากเมืองลาว เด็กยุคนี้หลายคน ไม่เคยเห็นควาย และ บรรยากาศชนบทตอนเย็นที่วัวควายเดินกันเป็นฝูง ท่ามกลางเสียงกระดึงดังกึงกังเพื่อกลับเข้าคอก ก็กำลังจะหายไป น่าเสียดายกลิ่นอายธรรมชาติเช่นนี้เสียจริงๆ -บ.ก.

 

ชาวบ้าน กับงานบุญ!?

: นี้ก็เป็นปีที่ ๑๑ แล้วหนังสือที่ได้รับผมอ่านเกือบจะทุกหน้าก็ว่าได้ บางอย่างก็เข้าใจบ้างบางอย่างก็ไม่เข้าใจ สิ่งที่ไม่เข้าใจก็คือเป็นภาษาธรรมะ แต่ถึงอย่างไรก็พยายามอ่านอยู่ทุกวัน ขอให้แต่มีเวลา แต่ผมก็เป็นคนไม่ชอบเขียนหนังสือ เพราะว่าเขียนหนังสือก็ผิดๆ ถูกๆ ในชีวิตนี้ ถ้าหากว่าไม่มีหมู่กลุ่ม ของ ชาวอโศกนี้ ก็คงจะไม่ได้เขียนจดหมายเลยก็ว่าได้

ผมก็กราบขออภัยด้วยที่ต้องห่างเหินกันเสียนาน แต่ก็ไม่หนีไปไหน การปฏิบัติก็ไม่ก้าวหน้า เท่าที่ควร จะอยู่ที่บ้านชาวบ้านเขาก็เรียกว่าคนอโศก ถ้าไปที่วัดคนวัดเขาก็เรียกว่าคนข้างนอก สุดแท้แต่จะเรียก ตนเองก็รับทั้งนั้น แต่ส่วนมากผมจะทำอะไร หรือ จะอยู่ที่ไหนจะไปไหนแห่งหนตำบลใด ทุกลมหายใจเข้าออกผมก็คิดถึงแต่หมู่กลุ่ม ของ ชาวอโศก ถึงแม้ว่าการปฏิบัติธรรม ของ ผมจะไม่ก้าวหน้าเท่าใดก็ตาม

ตามหมู่บ้านเขามีงานมีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเขาเชิญไปผมก็ไปถ้ามีโอกาส แต่ใจลึกๆ แล้วไม่อยากจะไป บางทีหลีกเลี่ยงได้ก็ไม่ไปเพราะผมเห็นว่ามีประโยชน์น้อยมาก มันไม่คุ้มเวลาที่เราเสียไป ผมเห็นชาวบ้านเขาทำบุญกันทุกวันนี้เขาสร้างบาปกันสูงมาก ส่วนมากผมไปในงานเขาผมไม่ค่อยได้กินอาหารในงานเขา ส่วนมากจะกินแต่น้ำเท่านั้นเป็นส่วนใหญ่

หันกลับมามองดู ของ เรา ของ ชาวอโศกแล้วมันกลับคนละเรื่องกันเลย ถือว่าโชคดีที่เรามาพบหมู่กลุ่ม ของ ชาวอโศก ถ้าหากไม่มาพบอโศกก็คงจะเป็นเหมือน กับชาวบ้านเขาเป็นแน่ๆ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะว่ามันไม่มีทางเลือก การทำบุญ ของ เขามีแต่กินสร้างบาปเพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ทราบว่ากุศลจะเกิดได้อย่างไร จนบางทีผมยังคิดว่าเขาทำทุกวันนี้เขาดูถูกพระพุทธเจ้า หรือ เปล่า หรือ หากว่าเขาเข้าใจ ของ เขาอย่างนั้นจริงๆ

สุพรรณ ก่ำแก้ว

ป.ล.ในสารอโศกที่ท่านตอบจดหมายจากญาติธรรม ถ้าเป็นไปได้ขอให้ตัวหนังสือใหญ่กว่านี้หน่อย เพราะว่าสายตาไม่ค่อยดี บางทีก็ตอบสั้นไป

: โดยทั่วไปงานบุญในชนบท ที่มีการฆ่าหมู ฆ่าวัว เลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้ง เล่นการพนัน มีมหรสพครึกครื้นกันนั้น เป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงในเร็ววัน คงต้องอาศัยระยะเวลาทำความเข้าใจ กับชาวพุทธ ว่างานบุญแท้ๆ ควรจะเป็นอย่างไร ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงตรงอบายมุขนี้ได้ งานบุญ ของ ชาวบ้านคงจะเป็นงานสร้างสรรค์อย่างดีงามทีเดียว เพราะชาวบ้านมาร่วมงาน ก็มาด้วยใจ เป็นสายสัมพันธ์ทางใจ ของ คนในหมู่บ้านเดียวกัน หรือ หมู่บ้านใกล้เคียง นี่ก็เป็นความสามัคคีที่น่าส่งเสริม -บ.ก.

 

จดหมายจากแดนไกล

: ตั้งแต่จากแผ่นดินไทยมาใช้ชีวิตในต่างประเทศก็ได้ห่างจากกลุ่มชาวอโศก ที่เป็นมิตรดี สหายดี และ ปฏิบัติดี แต่ก็ไม่ได้ห่างจากศีล และ ธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้ พยายามปฏิบัติให้ได้มากที่สุดที่จะทำได้ ด้วยคำสอนในพุทธศาสนาทุกคำล้วนแต่เป็นสัจจะที่ลึกล้ำ มีคุณค่ายิ่ง ทำให้คนที่ปฏิบัติเป็นคนดีในสังคม แต่ก็ปฏิบัติได้ไม่ครบเหมือน กับคนทุกคนที่ปฏิบัติกันอยู่ในข้อแท้จริง หากแต่พยายามทำให้ดีที่สุดที่จะทำได้ในแต่ละคน เพื่อให้เกิดความสงบ เย็น สันติ และ การอยู่อย่างมีความสุขในสังคม ของ โลกมนุษย์นี้

ในวันนี้ขณะที่เขียนจดหมายฉบับนี้เป็นวันแท้งค์กิฟวิ่ง หรือ วันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งให้หยุดงานจัดปาร์ตี้กินไก่งวงกัน ผมเองก็ต้องกราบขอบคุณ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อท่าน กลุ่มสมณะ กลุ่มญาติธรรม ที่สมัยผมอยู่ประเทศไทย และ อยู่ที่ จ.อุบลราชธานี ได้พบ กับพิธีการปลุกเสกพระแท้ๆ ที่ศีรษะอโศก ได้พบ กับพ่อท่าน กลุ่มสมณะ กลุ่ม ญาติธรรม มิตรดีสหายดี ทำให้ผมได้พบถึงสัจจะ ของ ความเป็นจริงในหลายสิ่งในชีวิตประจำวัน ทำให้ค้นพบตัวเอง พบหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งหลายอย่างก็ได้ปฏิบัติให้ดีขึ้น ทำให้ชีวิตมีแต่ความเจริญมีความสุขมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ชีวิตในต่างประเทศ ยิ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ผมมาอาศัยอยู่ มีกลุ่มคน หรือ พระสงฆ์ ที่มาเช่าบ้านเพื่อทำเป็นวัด ในรัฐต่างๆ หลายรัฐ มีบางรัฐ เช่น ที่แคลิฟอร์เนีย มีวัดไทยที่นอร์ทฮอลลีวูด ที่มีคนไทยบริจาคที่ ทำเป็นลักษณะวัดแบบไทยๆ มีอุโบสถ จั่ว ช่อฟ้า ใบเสมา และ มีรูปปั้นยักษ์แบบวัดโพธิ์ท่าเตียน วัดที่วอชิงตัน ดีซี และ บางแห่ง แต่ส่วนมากจะเป็นแบบเช่าบ้านมาทำเป็นวัด ให้ญาติโยมช่วยซื้อบ้านซื้อที่มาทำวัด การสั่งสอนอบรมศีลธรรมก็เป็นแบบทางโลกๆ โดยทั่วไป นิยมวัตถุเป็นหลักมากกว่าคำสอน ของ พระพุทธองค์ ผมไปวัดส่วนมากจะไปกราบพระพุทธรูป ที่เป็นตัวแทน ของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เสียมากกว่า สบายใจดี และ ไม่เสียเวลาพักผ่อน และ เวลาทำงาน

ผมคิดว่าในปีหน้าผมจะบินมาประเทศไทย ในช่วงที่ผมสามารถลาพักผ่อนได้ ซึ่งผมสามารถจะมาได้ตลอดถ้ามีเวลา ด้วยขณะนี้ผมทำงานที่โรงเรียน ของ รัฐบาลสหรัฐอเมริกา และ ทำงานในสายการบินที่มีสิทธิบินฟรีได้ทุกขณะที่ต้องการ ทั้งในสหรัฐ และ ในประเทศต่างๆ เท่าที่ จะมีเวลาจะอำนวยให้ ผมขอจบจดหมายแค่นี้ก่อนนะครับ

นายชวลิต สารพรรณพิศิษฐ์

: ห่างไกล แต่ไม่ห่างเหิน ก็สามารถพัฒนาตนให้เจริญในกุศลธรรมได้เช่นกัน ด้วยการอ่านหนังสือ ฟังเท็ป และ ฝึกฝนตนโดยไม่เหนื่อยหน่าย -บ.ก.

 

เคล็ดรับมือ กับคำชม-คำติ

: ทุกครั้งที่ดิฉันได้รับหนังสือ ดิฉันรู้สึกดีใจ และ อบอุ่นเหมือนเพื่อนแท้มาเยือน ดิฉันจะอ่านทุกหน้าทุกคอลัมน์ เพราะเป็นหนังสือที่ดีมาก มีสาระประโยชน์เหมือนมิตรแท้ที่จริงใจ ให้กำลังใจ เวลาใดที่รู้สึกท้อ ดิฉันก็จะหยิบหนังสือ ของ สมาคมฯที่ส่งมาให้ ขึ้นมาอ่าน ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อไป ดิฉันเก็บไว้ทุกเล่มที่เคยได้รับ ว่างๆ ก็เปิดอ่าน จนคนรอบข้างอ่านด้วย เขาก็เห็นว่าเป็นหนังสือที่ดี ให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ ดีมาก เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ผู้บังคับบัญชาที่ทำงานดิฉัน ยังเคยพูดเลยค่ะว่า สังคมไทยจะดีขึ้นกว่านี้มาก ถ้าคนไทยทั้งประเทศ ทำได้ครึ่งหนึ่ง ของ ชาวอโศก (เคยพาชาวบ้านไปดูงานที่หมู่บ้านราชธานีอโศก)

ตอนดิฉันเป็นสมาชิกเพื่อรับหนังสือครั้งแรกๆ นั้น ดิฉันได้รับหนังสือแสงสูญ (สามอาชีพกู้ชาติ) ดิฉันประทับใจการทำเกษตรธรรมชาติ ของ คุณลุงคำเดื่อง ภาษี มาก รวมทั้งเกษตรกรอีกหลายท่านที่แสงสูญนำมาลงทั้งอาชีพ และ การดำเนินชีวิต ดิฉันเคยได้อ่านหนังสือเกี่ยว กับการทำเกษตร ของ ท่านเหล่านี้มาหลายเล่ม (ที่เป็น ของ ทางราชการ) แต่ไม่มีเล่มไหนที่อ่านแล้วก่อให้เกิดแรงบันดาลใจเท่า กับที่หนังสือแสงสูญทำ เพราะลงรายละเอียด ขั้นตอนต่างๆ ดีมาก ปัจจุบันนี้ดิฉันได้ทำสวนไม้ผล โดยยึดหลัก ของ เกษตรกรหลายท่านที่เคยลงในแสงสูญ ไม่ว่าจะเป็นคุณลุงคำเดื่อง ป๊ะหรน หมัดหลี ดิฉันก็นำมาผสมผสานกัน ปลูกพืชหลากหลายชนิด ทั้งไม้ผล และ ปลูกพืชผักสวนครัว (ปลอดสารพิษ) ในเนื้อที่ ๗ ไร่ ปีนี้ฝนตกหนักน้ำท่วม ทำให้ไม้ผลหลายสิบต้นเฉาตาย ดิฉันได้ปลูกใหม่ทดแทนต้นเก่า แล้วใช้น้ำบ่อรด กะว่าหน้าฝนให้ต้นไม้แข็งแรงเติบโตได้ดี

จากการได้อ่านหนังสือสารอโศก ดอกหญ้า ทำให้ดิฉันใจเย็นขึ้นมาก ถ้าได้ยินคำชมก็จะนำมาพิจารณาว่า ใช่เรา หรือ เปล่า หรือ เขาพูดเกินจริง ใจจะได้ไม่เหลิง ถ้าเป็นคำติ หรือ นินทา ดิฉันก็จะนำมาพิจารณาว่า เราต้องปรับปรุงตรงไหน หรือ เปล่า ส่วนที่ดีก็คงไว้ ส่วนที่ไม่ดีก็พยายามแก้ไขให้ดีขึ้น ถ้าเป็นคำพูดให้ร้าย ดิฉันจะวางเฉยไม่ตอบโต้อะไร ไม่สนใจด้วยซ้ำไป เพราะคนเรานานาจิตตัง ให้ความจริงพิสูจน์ตัวมันเอง ก็ดีไปอย่างเราจะได้คัดคนที่ไม่เชื่อใครง่ายมาคบ กับเรา เพราะถ้าเขาเชื่อคนที่ว่าให้เรา เขาก็คงไม่มาคบเรา เขาคงรู้ดีด้วยตัวเขาเองว่าใครเป็นยังไง

สำหรับการทำงาน กับคนหมู่มาก ปัญหาก็มีบ้าง แต่ดิฉันก็พยายามตั้งใจทำหน้าที่ ของ ตัวเองให้ดีที่สุด เคร่งครัดที่ตนเอง ไม่ก้าวก่ายคนอื่น มีอะไรก็พูดคุยกันด้วยมิตรจิตมิตรใจ ดิฉันว่าคนเราแต่ละคนเป็นจุดเล็กๆ ในสังคม แต่ถ้าเราทำหน้าที่ ของ ตัวเองให้สมบูรณ์ ตั้งใจทำให้ดีที่สุด จุดเล็กๆ เหล่านี้แหละที่จะทำให้สังคมดี และ น่าอยู่

น.ส.มนัญญา บุราชรินทร์

: ถ้ารับมือเป็น ไม่ว่าดอกไม้ หรือ ก้อนอิฐ ก็ไม่สามารถทำอันตรายต่อเราได้ แต่ถ้ารับ ไม่เป็น ดอกไม้แม้มีกลิ่นหอมก็กลายเป็นพิษแผ่ซ่าน ก้อนอิฐก้อนเล็กๆ ขว้างมาเบาๆ เราก็ สลบ ทุกคนฝึกใจให้แกร่งขึ้นได้จากดอกไม้ และ ก้อนอิฐ ซึ่งไม่มีใครสักคนเดียวที่จะไม่เคยรับสองอย่างนี้ -บ.ก.

 

วันนี้มีรอยยิ้ม

: เวลานี้กำลังสู้กรรม ใช้กรรมเก่า พ่อบ้านขับรถคว่ำ ไปทำกายภาพบำบัด กับหมอกายภาพบำบัด แล้วชอบกันรักกัน พาดิฉันไปหย่าที่อำเภอ ตกลงหย่ากันโดยดิฉันไม่มีความผิด ดิฉันร้องไห้จนน้ำตาท่วมหัวใจ แทบขาดใจตาย โดนเขาตี เขาด่า รังแกทุกอย่าง เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ

๓ ปีเต็มที่ใช้กรรม แล้วก็คิดได้ เมื่อได้อ่านสารอโศก และ ดอกหญ้า เดี๋ยวนี้ยิ้มได้ หัวเราะได้ ตัดทุกข์จากใจได้นิ่งสนิท มีผัวก็ทุกข์ มีเมียก็ทุกข์ พลัดพรากจากกันก็ทุกข์ ขอเป็นลูกชาวสันติอโศก ด้วยใจ และ ความนึกคิดที่จะเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนใคร ให้อภัย ไม่จองเวรใคร ไม่ผูกพยาบาทใคร /

สมบูรณ์

: คนเราเวียนตายเวียนเกิดนับชาติไม่ถ้วน มีคู่จนนับไม่ไหว เขาเจอคนใหม่ แต่จริงๆ ก็อาจจะเป็นคนเก่าในชาติก่อนๆ โน้น เมื่อเขาจะไปก็ป่วยการยื้อแย่ง ชีวิตไม่ได้เกิดมาเพื่อยื้อแย่งแข่งขันฉุดใครไว้ให้อยู่ กับเราตลอดกาล คุณสมบูรณ์พูดถูกแล้ว มีสามีก็ทุกข์ มีภรรยาก็ทุกข์ พลัดพรากจากกัน ( กับคนที่รัก) ก็ทุกข์ ด้วยเหตุนี้ จึงควรศึกษาธรรมะ และ ปฏิบัติธรรมะ เพื่อออกจาก วังวนอันน่าเบื่อหน่ายนี้ -บ.ก.

 

จะเลิกก็ไม่ใช่ อยู่ กับที่ก็ไม่ดีขึ้น

: ถ้าสิ้นปี ๒๕๔๓ ก็ปีที่ ๑๕ สำหรับการศึกษาปฏิบัติธรรม มาระยะหลังไม่ค่อยได้ไปวัดอ่านหนังสือ หรือ ฟังเท็ป ก็รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำได้ง่ายได้ดีในอดีตผ่านมานั้น ตอนนี้มันเป็นเรื่องหนักยากที่ต้องทนต้องฝืนอย่างมาก บางครั้งจิตใจก็จะถอย พอเข้าใจนะว่าเรายังไม่ได้ ที่ผ่านมาเป็นเพียงการกดข่มโดยอาศัยหมู่ อาศัยการตรรกะเท่านั้น ตอนนี้สิ่งแวดล้อมรอบตัว สภาพต่างๆ ที่มาเกี่ยวข้องไม่เอื้ออำนวยเลย ถ้ามีจิตใจที่เข้มแข็งมั่นคงไม่หวั่นไหวก็คงไม่สับสน จะเลิกก็ไม่ใช่ อยู่ กับที่ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย จะไปต่อไปไม่ได้ ส่วนใหญ่ตอนนี้ จึงหยุดนิ่งอยู่เฉยๆ กับที่มากกว่า เวลาส่วนหนึ่งใช้ไป กับการดูหนังสือเรียนกฎหมาย จะได้ไม่ว่างมาก ทั้งๆ ที่ได้มา ๒ ใบ รวมปริญญาโทจิตวิทยาการแนะแนวที่พึ่งได้มา เมื่อ ๓ ปี มันไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก หรือ ก สุดท้ายก็ต้องศึกษาหาคำตอบที่ยังไม่รู้เกี่ยว กับตัวเองอยู่ ถ้าเลิกเดินตามทางธรรม ปล่อยไปตามเวรกรรม แล้วเกิดมาจะได้อะไร นี้คือปัญหาที่ยังไม่ชัดเจน ยังทุกข์อยู่ จริงๆ น่าจะได้คำตอบ แต่ยังไม่ได้

ในโอกาสที่ถือว่าปีใหม่ตั้งใจว่า จะอ่านหนังสือที่ส่งมาให้วันละ ๓๐ นาที จะเขียนจดบันทึกถ้อยคำประโยคที่จะทำให้ได้คิด ได้สติทบทวนชีวิตให้มากๆ จะไม่เอาแต่คิดกดข่มอย่างเดียว ถ้าผลการชั่งวัดในรอบปีออกมาอย่างไร พร้อมที่จะยอมรับการตัดสิน ของ ตัวเอง วิบากมีจริงจะหนี หรือ จะยอมดีไหมขอจบลงตรงที่ ขอบคุณ สำหรับมิตรภาพไมตรีความปรารถนาดี ที่มีต่อมวลมนุษย์ และ สัตว์ทั้งปวง พร้อมนี้ได้ฝากแสตมป์มาด้วย

นายชัยสิทธิ์

: พระพุทธเจ้าสอนฤาษีนาลกะว่า ”จงระลึกไว้เสมอว่า รูป เสียง กลิ่น รส และ สิ่งสัมผัสทางกาย ไม่ต่างอะไรไปจากเปลวไฟในป่า ย่อมไหม้ตา หู จมูก ลิ้น กาย” การปฏิบัติธรรมก็เพื่อไม่ให้ถูกไฟไหม้ แต่บ่อยครั้งเราก็อ่อนแรงเกินกว่าจะฝืนปัดป้องเปลวไฟ จำยอมให้มันไหม้แล้วไหม้เล่าไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ นี่เพราะเรายังไม่กลัวไฟอย่างสุดขั้วหัวใจ กลัวจริงๆ เหมือนขนไก่เจอไฟแล้วงอกลับ เมื่อใด ก็จะกล้าตัดใจทวนกระแสอย่างเข้าใจจริง เมื่อนั้น -บ.ก.

 

ถ้าไม่เข้มแข็ง ก็หลุดเข้าไปในกระแสโลก

: หนูเพิ่งสอบเสร็จค่ะก็เลยมีเวลาเขียนจดหมาย ข้อสอบยากมากค่ะ เป็นข้อสอบแบบเขียนทั้งหมด จำนวนข้อสอบมาก ความยากก็มาก แต่เวลาน้อยค่ะ หลายๆ คนเลยบ่นว่าทำกันไม่ได้ แต่หนูเองรู้สึกว่ามีวิธีหนึ่งที่จะช่วยพวกเราได้นั่นคือติวกันค่ะ เพราะเท่าที่หนูเรียนที่มหา-วิทยาลัยแห่งนี้ เรียกว่าสภาพแข่งขันเยอะมาก เพราะต่างคนต่างเก่งมาจากที่ ของ ตน เมื่อมีข้อสอบ หรือ สรุปวิชา ก็มักจะแอบๆ เอาไว้ไม่ค่อยให้ใครเห็น รู้กันเฉพาะในกลุ่มเล็กๆ กลุ่ม ของ ตน แล้วบางคนอ่านหนังสือมาจบแล้ว แต่จงใจจะมามหา’ลัย มาเพื่อนอนในห้อง นอนยาวเลยค่ะไม่ใช่นั่งหลับ เหมือนอยากจะบอกคนอื่นว่า ฉันเก่งแล้ว ฉันไม่ต้องเรียนก็ได้ ฉันแค่มานอนเล่น

มาใหม่ๆ หนูเสียความรู้สึก กับเรื่องแบบนี้มากค่ะ จนต้องกลับไปเติมกำลังใจที่บ้านต่างจังหวัดบ่อยๆ ทั้งๆ ที่บ้านหนูอยู่ถึงสงขลา เพราะรู้สึกว่าอยู่ที่นี่หนูหาความจริงใจไม่ได้เลย มีแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน พยายามทำให้คนอื่นเห็นว่า ตัวเองเป็นคนเก่ง คนดีที่สุด คือทำอะไรเอาหน้า ทำไมเขาต้องคิดกันอย่างนี้ด้วย ถ้าเอื้อเฟื้อกันเขาจะได้รับผลประโยชน์มากกว่านี้อีกหลายเท่า เหมือนข้อสอบ หรือ ความรู้ยิ่งให้ก็ยิ่งได้รับ อย่างน้อยที่สุด ตอนที่เราไม่เห็นแก่ตัว เราก็ไม่ต้องคอยระแวงว่าคนโน้นคนนี้จะมาเอา ของ ของ เรา การคิดแบบนี้จะทำให้เราสมาธิดีขึ้น แล้วก็สงบค่ะ

ส่วนคนที่เห็นแก่ตัวหนูเห็นว่าเขาร้อนรนหาเรื่องโกหกไปเรื่อย ทำให้ไม่มีสมาธิจะไปอ่านหนังสือ จิตใจยิ่งฟุ้งซ่าน แทนที่ว่าได้ข้อสอบดีๆ มาแล้วจะทำคะแนนได้ดีๆ ก็เปล่าเลยค่ะ

ตอนนี้หนูพยายามอดทนที่จะไม่เดินตามกระแสสังคม หนูรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ กำลังทำให้จิตใจหนูตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ถ้าหนูไม่เข้มแข็งพอหนูก็หลุดเข้าไปในกระแสเท่านั้นแหละค่ะ /

สมาชิก ๒๕๘๑๗๗

: คนส่วนใหญ่แข่งกันเรียน แข่งความเก่งที่เป็นเรื่อง ของ ไอคิว แต่ความจริงอีคิว หรือ ความฉลาดทางอารมณ์ต่างหาก ที่เป็นเครื่องวัดว่าเราจะอยู่ กับโลกอย่างมีความสุข และ รู้เท่าทันโลกแค่ไหน ลองพูด กับเพื่อนที่พอจะเข้าใจกันได้ว่า เรามาติววิชาร่วมกันไหม อาจจะมีเพื่อนหลายคนที่คิดเช่นนี้ แต่ยังไม่มีใครกล้าเริ่มต้นก่อน ขอเป็นกำลังใจให้ที่หนูพยายามอดทนไม่เดินตามกระแสสังคมที่กลัวว่าคนนั้นคนนี้จะเก่งกว่าตน เรียนรู้วิชา อย่าลืมเรียนรู้อ่านใจด้วย -บ.ก

     

จดหมายจากญาติธรรม (สารอโศก อันดับ ๒๓๒ หน้า ๒๘ - ๓๗ เดือน มกราคม ๒๕๔๔)