มนุษย์สีขาว ปฏิบัติธรรม โดย "ลูกไกลพ่อ" ตอน...
จนกว่าเราจะตายจากกัน

หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 145 เดือนตุลาคม 2533
หน้า 1/1


"อ้อ...แต่งงานเถอะ" เสียงนั้นดังขึ้นอย่างตั้งใจ

"มัวแต่เล่นตัวอยู่นั่นแหละ... แกอายุสามสิบแล้วนา" อีกเสียงดังขึ้นมาบ้าง

"อ้อ เชื่อเราเถอะ แต่งงานแล้วดีว่ะ" เสียงหัวเราะเฮฮาดังขึ้นเพรียกไปหมด

แปดปีแล้วซีนะ ที่พวกเราเรียนจบพยาบาลมาด้วยกัน แล้วต่างก็แยกย้ายกันไปทำงาน ในหน่วยงานต่างๆ เพ็ญเพิ่งจบปริญญาโททางการพยาบาล ทำงานอยู่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สุประจำอยู่ห้องผ่าตัด เพิ่งคลอดบุตรคนโตไปเมื่อปลายปีก่อน ภาก็อยู่โรงพยาบาลอำเภอแห่งหนึ่ง ลูกคน ที่ ๓ เข้าเรียน อนุบาลแล้ว ส่วนฉันก็ยังคงเป็นพยาบาลแก่ๆ อยู่ ที่แผนกสูติ-นรีเวชเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าทำไมชีวิต จึงถูกตอกย้ำซ้ำซาก ให้เห็นแต่ความทุกข์ทรมาน ของผู้หญิง ที่แต่งงานมีครอบครัว แล้วมาคลอดลูกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

"ไม่ได้หรอก... แค่เราเห็นพวกแกมีท้อง เราก็สงสารจับใจแล้วละ เรารู้ว่าพวกแก จะต้องเจ็บปวดตอนคลอดลูกแน่ๆ เลย...ความจริง เราก็ทำคลอดกันมาเป็นร้อยๆ ครั้ง แกก็เห็นแล้วไม่กลัวเจ็บกันมั่ง หรือ ไง"

"เฮ้ย!... แกล่ะก็เป็นเสียยังงี้แหละ ... ไอ้นี่มันเป็นเรื่อง ของธรรมชาติ เจ็บก็เจ็บเดี๋ยวเดียวแหละ" ภากล่าวรับรองอย่างผู้มีประสบการณ์

"เชื่อเพื่อนเถอะว่ะอ้อ แกจะอยู่ขึ้นคานไปถึงไหนกัน" เพ็ญซึ่งมานอนอยู่ร.พ. เพราะเริ่มเจ็บครรภ์ตั้งแต่เช้า ช่วยลุ้นบ้าง

พวกเราเฮฮากันตามประสาเพื่อนรักรุ่นเดียวกันได้ไม่นาน เพ็ญก็เจ็บครรภ์ถี่ขึ้น เมื่อตรวจภายในดูก็พบว่า ปากมดลูกเปิดได้ ๘ ซ.ม.แล้ว และ เริ่มมีลมเบ่ง พวกเรา จึงรีบช่วยกันพยุงขึ้นเตียงคลอด

"เพ็ญ...อย่าเพิ่งเบ่ง cervix (ปากมดลูก) ยังเปิดไม่หมดเลย"

"มันเบ่งเอง! โอย...อ้อช่วยเราด้วย" เสียงเพ็ญละล่ำละลัก สีหน้าแสดงความเจ็บปวดทรมาน เหงื่อเม็ดโป้งๆ ผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า ทั้ง ที่ภายในห้องคลอดเปิดแอร์เย็นฉ่ำ

"เพ็ญ...ทำใจดีๆ ไว้ ไม่เป็นไรนะ อ้าปากหายใจเข้าออกยาวๆ ฝืนไว้นะเพ็ญ....อย่าเพิ่งเบ่ง!"

"ก็มันมีลมเบ่งเองอ้อ! เราฝืนไม่ไหวแล้ว!"

ครู่ใหญ่ เด็ก จึงคลอดออกมาอย่างปลอดภัย

"เฮ้ย! เพ็ญ...ลูกชายว่ะ" เพื่อนๆ รอบเตียงคลอดเฮฮากันเสียงดังลั่น เพ็ญยิ้มอย่างสมใจ เพราะ สามีก็อยากได้ลูกชายเช่นกัน

ต่อมาเพื่อนรุ่นเดียวกันจาก ที่อื่นๆ พอทราบข่าวก็พากันมาเยี่ยมเพ็ญ ที่ ร.พ. และ ทำให้ฉัน ได้รับทราบ ข่าวคราว ความเป็นไป ของเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ คือลูก ของลักษณ์เป็นนิวโมเนีย (ปอดบวม) เสียชีวิตไปเมื่ออาทิตย์ก่อน

"ไอ้ลักษณ์มันเสียใจจนจะประสาทอยู่แล้ว"

"เออ... อ้อรู้ยังว่าไอ้ตูมตายแล้ว"

"ฮ้า!... ไอ้ตูมน่ะเหรอ...มันเป็นอะไรตาย...ม่วย!" ฉันใจหายวาบ

"อะไรกัน อ้อไม่รู้ หรือ หนังสือพิมพ์เขาลงข่าวหน้าหนึ่งเลยนะ พยาบาลสาวกินยาฆ่าตัวตาย ประท้วงแฟนมีรักใหม่"

"เขาว่ามันไปเห็นแฟนมันควงสาวอื่น ไอ้นี่มันยิ่งขี้น้อยใจอยู่ด้วย"

"ไม่น่าเลยว่ะ...สงสารพ่อแม่มัน... ผู้ชายคนนั้นมันดีแค่ไหนเชียววะ ไอ้ตูมถึงขนาดยอมเสียชีวิตให้ได้"

ภาพ ของตูม นักบาสเกตบอล ของวิทยาลัย ที่วิ่งรับลูกบาสอย่างคล่องแคล่วในสนาม เมื่อสิบกว่าปีก่อน ยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ ของฉันเป็นอย่างดี

ฉันสลดใจกับข่าวนี้มาก เสียดายเพื่อนเหลือเกิน เสียดายความรู้ ที่อุตส่าห์ร่ำเรียนอดทนฝึกฝน ร่วมกันมาอย่างยากลำบาก เพื่อหวังจะช่วยเพื่อนมนุษย์ยามป่วยไข้ ยามทุกข์ยาก แต่เพราะเพียงความรัก เพื่อนถึงกับทิ้งอุดมการณ์ ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ทิ้งแม้กระทั่งชีวิต อันเป็น ที่รักไปอย่างไม่ไยดี

กระนี้ หรือ เพื่อนๆ ของฉัน ก็ยังรุมเชียร์ให้ฉันมีรัก...ให้ฉันแต่งงาน...

"อ้อ...อ้อ...มาดูหลานหน่อย...เร็วเข้า!" เสียงเพ็ญตะโกนเรียกจากเตียงคนไข้ ฉันสาวเท้าไปหาอย่างรวดเร็ว

"เนี่ย ดูซิ เป็นอะไรก็ไม่รู้ มือเขียวใหญ่เลย"

ฉันตรวจดูอย่างละเอียด และ บอกว่า

"ไม่เป็นไรหรอกเพ็ญ หลานถูกอากาศเย็นน่ะ มันเคยอยู่ในท้องแม่อุ่นๆ เสียเคย เดี๋ยวห่มผ้าให้อีกหน่อยก็พอ"

"อ้ออย่าเพิ่งไปนะ เรากลัวลูกเป็นอะไรไป ยิ่งนึกถึงลูกไอ้ลักษณ์ ที่ตายไป เรายิ่งใจไม่ดีเลย" เสียงเพ็ญบ่งบอกถึงความวิตกกังวลเต็ม ที่

"ช่วยดูให้ทีเถอะครับ" สามี ของเพ็ญ...คุณพ่อคนใหม่ เป็นหนุ่มนักกฎหมายกล่าวขึ้นบ้างอย่างกังวลเช่นกัน ฉันอุ้มหลานขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เห็นสีหน้า ของคุณพ่อคนใหม่คนนี้ ทำให้ฉันยิ้มอย่างขำๆ เมื่อนึกไปถึงเรื่อง ของคนมีอารมณ์ขันแต่งขึ้น เกี่ยวกับคุณพ่อคนใหม่ เรื่องมีอยู่ว่า

ที่หน้าห้องคลอด ของร.พ.แห่งหนึ่ง ชาย ๔ คน นั่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย เพราะภรรยา ของแต่ละคน กำลังเจ็บท้องอยู่ในห้องคลอด ครู่ใหญ่พยาบาลก็โผล่หน้ามา ที่เคาน์เตอร์

"คุณสมชายคะ"

"ครับผม!" คุณสมชายเดินเกือบวิ่งไปยังเคาน์เตอร์พยาบาล

"ภรรยาคุณคลอดแล้วนะคะ ได้ลูกชายค่ะ"

"ไชโย!... ผมดีใจจังเลย ผมทำงานโรงงานซีอิ๊วตราเด็กสมบูรณ์ ผมได้ลูกชายหนึ่งคน"

ครึ่งชั่วโมงต่อมาพยาบาลคนเดิม ก็โผล่หน้ามาอีก

"คุณกำจัดคะ...ภรรยาคุณคลอดแล้วนะคะ ได้ลูกสาวแฝดสองคนค่ะ"

"โอ...ผมดีใจจังเลย ผมทำงานโรงงานผลิตช้อนส้อมผมได้ลูกแฝด ๒ คน"

ต่อมาอีกไม่นานพยาบาลก็ออกมาอีก

"คุณชำนาญคะ...ภรรยาคุณคลอดแล้วค่ะ คุณได้ลูกชายแฝดตั้ง ๓ คนแน่ะค่ะ"

"โอ้โฮ! แฝดสาม หรือ ครับ!" คุณชำนาญกระโดดตัวลอย อย่างลิงโลด

"ผมดีใจเหลือเกิน ผมทำงานโรงงานสังกะสีตราสามห่วง ผมได้ลูกแฝดสามคน!"

พยาบาลเดินกลับเข้าไปในห้องคลอด คุณสมพงษ์ (ไม่ใช่สมพงษ์ ฟังเจริญจิตต์นะฮับ!) ซึ่งเป็นชายคนสุดท้าย สีหน้าวิตกกังวลเต็ม ที่ เหงื่อแตกซิกๆ ทั้ง ที่ใบหน้า และ ที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง ๒ ชั่วโมงต่อมา พยาบาลก็เดินออกมาจากห้องคลอด คุณสมพงษ์ปราดเข้าไป ที่เคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว

"คุณพยาบาลครับ กรุณาผมด้วยเถอะครับ!"

"อะไรกันคะคุณสมพงษ์ ภรรยาคุณยังไม่คลอดนะคะ"

"คืองี้ครับ...ช่วยผมด้วย...ผมกลัวเหลือเกินครับ!... คือผม...ผมทำงานโรงงานยาแก้ไอตราเสือ ๑๑ ตัวครับผม!"

"...!?!?..."

พอพูดถึง"เสือ" ก็ทำให้นึกย้อนไปถึงงานมหาปวารณา’๓๓ ที่ปฐมอโศกเมื่อเร็วๆ นี้ พ่อท่านเตือนท่านสมณพราหมณ์ทั้งหลาย ให้ระวังเสือ ๒ ตัว คือ สตางค์ กับ สตรี

[เครื่องเศร้าหมอง ของพระอาทิตย์ และ พระจันทร์มี ๔ อย่างคือ หมอก น้ำค้าง ละอองควัน และ อสุรินทราหู และ สิ่ง ที่ทำให้ชีวิตนักบวชเศร้าหมองก็มี ๔ อย่างเช่นกัน คือ

๑. การดื่มสุราเมรัย
๒. การเสพเมถุน (อาจรวมถึง การสนิทสนม กับมาตุคาม จนเกินงาม)
๓. ยินดีในทอง และ เงิน (และ สะสมเงินทอง)
๔. เลี้ยงชีพในทางผิด เช่นทำเครื่องราง ของขลัง ดูหมอ รดน้ำมนต์ บอกใบ้ให้หวย ทำปลัดขิก ฯลฯ ]

ในปัจจุบัน ภาพพจน์ ของศาสนา ต้องมัวหมอง ก็เพราะ สาเหตุใหญ่มาจากภิกษุในศาสนานี้ สะสม "เงินทอง" และ เกี่ยวข้องกับ "สีกา" จนเกินงามนั่นเอง

หันกลับมามองดูตัวเอง ซึ่งเป็นผู้หญิง ที่เข้ามาอาศัยพึ่งใบบุญ ของศาสนาเช่นกัน หากทำตัวไม่ดี ก็จะเสี่ยงต่อการเป็น "มารศาสนา" ได้ง่ายๆ

แม้จะปฏิบัติได้ไม่มาก ภูมิธรรมก็มีอยู่น้อยนิด ซ้ำกิเลสในจิตก็ยังมีอีกมากมายนัก แต่ความรู้สึก ที่แจ้งชัด เห็นทุกข์ ของการเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ อันมีความเจ็บปวดเป็นระลอกคลื่นนี้ ทำให้ฉัน ตระหนักอยู่เสมอว่า หากเราประมาท ไม่สังวรระวังให้ดี และ ไปทำให้ใครตกล่วง จากการประพฤติพรหมจรรย์ ก็จะทำให้เขาผู้นั้นเนิ่นช้าต่อนิพพาน และ ยืดระยะเวลาแห่งความเจ็บปวดทรมาน ของเขา ในการกลับมาเวียนว่ายในวัฏสงสารอีกนานับชาติ

เป็นการเบียดเบียนตน เบียดเบียนท่าน อย่างแท้จริง

หากเราเป็นต้นเหตุ ให้ผู้ ที่เรารักต้องร้องไห้ ต้องทุกข์ทรมานไปอีกนานแสนนานแล้ว เราจะทนได้ล่ะ หรือ ?

พี่ญาติธรรมผู้หญิงท่านหนึ่ง ได้กรุณาฉันอย่างมาก พี่เขาแต่งงานแล้ว (กับญาติธรรมด้วยกัน) พี่เขาบอกฉันว่า

"ผู้ชายนี่ส่วนใหญ่ เขาจะเกิดมาเสวยบุญเก่า เกิดมาเสพย์รส จะดีกับเราตอน ที่อยู่ด้วยกันใหม่ๆ พอนานไปก็เบื่อ ไปหาหญิงอื่น(หารสใหม่) ยิ่งผู้หญิง ที่มีลูกแล้ว จะถูกสามีเบื่อง่ายยิ่งขึ้น ผู้ชาย จึงมีเมียน้อยไงล่ะ"

สำหรับเรื่องนี้ฉันเองก็มีประสบการณ์ เพราะเมื่อหลายวันก่อน ฉันยังเห็นสามี ของพี่นีย์ พยาบาลรุ่นพี่ (ซึ่งแต่งงานมาได้ ๔ ปีแล้ว) ควงสาวน้อยหน้าหวาน อยู่ ที่ริมน้ำท่าจีน

พอได้เห็นภาพ ที่เขากำลังจู๋จี๋กัน ก็ทำให้ฉันสะท้อนใจว่า

ความรักนี้ มันเป็นอารมณ์ ที่คนปรุงขึ้นมาในจิต มันเกิดขึ้นมาแล้วก็เสื่อมไปได้ ช่างไม่จีรังยั่งยืนเสียเลย เมื่อ ๔-๕ ปีก่อน พี่นีย์ยังมีรัก ที่หวานชื่น แฟนมาเอาอกเอาใจสารพัด มารับมาส่งมานั่งเฝ้าดูพี่นีย์ ที่ร.พ.เกือบทุกวัน แต่มาบัดนี้ภาพเหล่านั้นฉันไม่เคยเห็นอีกเลย เดี๋ยวนี้พี่นีย์ต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง

ฉันนึกสงสารเพ็ญ ภา สุ และ เพื่อนๆ พยาบาล ที่แต่งงานไปแล้วขึ้นมาอย่างจับใจ

อนิจจา...เพื่อนรัก ของฉัน พวกเธอจะรู้ หรือ เปล่าว่า เมื่อเราแต่งงานไป เราก็ต้องไปเป็นทาสบำเรออารมณ์กิเลส ของผู้ชาย ชีวิต ของเราทั้งชีวิต เกิดมาเพียงเพื่อสนองอัตตา ของใครบางคนเท่านั้นเอง หรือ แต่อย่างไรก็ตาม ฉันก็พอจะรู้อยู่ว่า เรื่องอย่างนี้ก็เป็นไปตามวิบาก ตามฐาน ของแต่ละคน และ คน ที่แต่งงานแล้วก็สามารถประพฤติธรรมได้ เพียงแต่ฉันต้องเตือนตัวเองให้หนักๆ ไว้เท่านั้น

ในฐานะเสขบุคคล ที่ยังต้องขัดเกลากิเลส ของตนอีกมาก ฉันเองก็ได้เคยกราบเรียนถามพ่อท่านว่า

"พ่อท่านคะ การประพฤติพรหมจรรย์นี่ มีการสำรวมอินทรีย์เป็นหลักใช่ไหมคะ" ฉันนึกไปถึงเต่า ที่มันมีอายุยืน เพราะมันมีกระดอง ที่แข็งแรง เอาไว้เป็น ที่หลบหัวหาง และ ขาทั้ง ๔ การสำรวมอินทรีย์ ๖ ให้ดี ก็คงทำให้เรามีชีวิตพรหมจรรย์ได้ยาวนานกระมัง

"ก็อปัณกธรรม ๓ สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะนี่แหละ" พ่อท่านให้ยากลางบ้าน ที่ได้เคยพร่ำสอนลูกๆ มาตลอด

ฉันซาบซึ้งในพระคุณอันสูงสุดนี้เป็นอย่างมาก บอกกับตนเองว่า ชีวิตนี้เราช่างโชคดีเหลือเกิน ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา มีสัตบุรุษ และ หมู่สหธรรมิก คอยชี้บอกทางพ้นทุกข์ให้ (สหธรรมิกบางท่านก็คอยชี้บอกด้วยลีลา ที่นุ่มนวลอบอุ่น แต่บางท่านก็ชี้ด้วยไม้กระบอง) ผลบุญเก่าทำให้เราพอมีปัญญาแยกแยะกุศล-อกุศลได้ชัดเจน ฟังธรรมะรู้เรื่อง (เวไนยสัตว์) ไม่เดือดร้อนเรื่องปัจจัย ๔ แถมยังมีอาชีพ ที่อยู่กับเทวทูต ๔ คือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เตือนย้ำให้เห็นทุกข์ทรมานในการเวียนว่ายตายเกิด อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

อา...ขอบคุณบุญเก่า ที่กรุณาส่งเสริมแหวกทาง เอื้อให้เราได้มีโอกาสพ้นทุกข์ได้มากขึ้น

เราจะไม่ทิ้งโอกาสอันงดงามอย่างนี้ไปอย่างเด็ดขาด และ แม้กิเลสจะสะสมมามากก็จริง แต่ก็จะบากบั่นขัดเกลาตนเอง บนเส้นทางสายนี้ไปจนชั่วชีวิต

ฉันยังคงอุ้มลูก ของเพ็ญไว้ในอ้อมแขน เดินเรื่อยๆ มายังระเบียงหน้าหอผู้ป่วย คืนนี้ผืนฟ้าดำสนิท หมู่ดาวส่องแสงงามจรัสระยิบระยับดารดาษไปทั่ว ทางช้างเผือกอันประกอบด้วยหมู่ดาวมากมาย ที่พาดจากขอบฟ้าหนึ่งไปยังอีกฝั่งฟ้าหนึ่ง ทำให้ฉันนึกไปถึงมวลหมู่สหธรรมิกอย่างอบอุ่น

อา...พวกเราต่างก็มีอุดมการณ์ มีเป้าหมายแห่งการเดินทางอย่างเดียวกันคือ ความพ้นทุกข์ พวกเราทั้งหญิง และ ชาย ต่างก็คือเพื่อนร่วมทุกข์ เพื่อนร่วมเดินทางด้วยกัน พวกเราคงจะต้องคอยช่วยกันระมัดระวัง"เสือ"ให้แก่กัน และ กัน ทั้งเสือ ที่อยู่นอกตัว และ ในตัวพวกเราเอง

"เราจะปรารถนาดีต่อกัน จะรักกันให้ยิ่งกว่าพี่น้องทางโลก เราจะส่งเสริมกัน ให้ไปสู่ ที่สูงโดยแท้ แต่ในทางเดียว จนกว่าเราจะตายจากกัน"

ฉันทบทวนสัญญาใจ ที่อบอุ่นจริงใจ และ งดงามบทนี้ขึ้นมาอย่างตั้งใจ สัญญาใจบทนี้ก็คือ สิริมงคล สำหรับการประพฤติธรรม ของฉันไปจนชั่วชีวิต

"ลูกไกลพ่อ"
๑๗ ตุลาคม ๒๕๓๓ ;๔:๒๐ น.

 

การแต่งงาน ไม่ใช่การเอาห่วง มาคล้องคอ อย่างเดียวเท่านั้น

การแต่งงาน คือ
การสร้างมาร ขึ้นมา
คอยประหัตประหารตัวเอง
ให้ห่างจากการบรรลุ
พระนิพพาน
อย่างแท้จริงด้วย

มาร...คือ
พญาแห่งความทุกข์ทรมาน
หรือ ผู้คอยชักนำ
ให้คนไปสู่ทาง ที่ต่ำเสมอ

"โพธิรักษ์"

 

(สารอโศก อันดับ ๑๔๕ ต.ค.๒๕๓๓ ขวัญ)