มนุษย์สีขาว ปฏิบัติธรรม โดย "ลูกไกลพ่อ" ตอน...
จริงหรือที่ว่าหวาน

หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 153 เดือนกุมภาพันธ์ 2535
หน้า 1/1


"แม้นเพียงได้สบนัยน์ตา ฉันยังประหม่าลืมอาย สิ้นความละอายหักใจไม่วายเพ้อชม ดูท่าทีอาจอง เร้าใจให้หลงรักนิยม วงสังคม ต่างชื่นชมวิญญาณ หรือเทพบุตรจำแลง พระพรหมท่านแสร้งแปลงมา..."

เสียงเพลง"ฝากรัก" แว่วหวานมาเบาๆ จากเคาน์เตอร์พยาบาล โดยมีพนักงานผู้ช่วยคนหนึ่ง นั่งฝันหวานอยู่ใกล้ๆ เครื่องเล่นเท็ป

อีกสิบนาทีจะห้าทุ่มแล้ว ฉัน จึงเดินดูความเรียบร้อยภายในหอพักผู้ป่วย ของคนไข้อีกครั้ง ก่อนส่งเวรให้เวรดึก

คนไข้เตียงที่ ๑๐ หลังผ่าตัดคลอดบุตรได้ ๒ วัน ลูกร้องกวนไม่หยุดตั้งแต่หัวค่ำ เธอเพิ่งผล็อยหลับไปอย่างอ่อนเพลียเมื่อครู่นี้เอง ผ้าห่มที่คลุมตัวอยู่หลุดมาห้อยร่องแร่งอยู่ท้ายเตียง ฉันก้มลงหยิบผ้าห่มคลุมร่างนั้นอย่างแผ่วเบา เพราะเกรงว่าอาจจะรบกวนทำให้เธอตื่นขึ้นมาได้

หันไปทางเคาน์เตอร์ เพื่อนร่วมงานคนเดิม ยังคงนั่งหลงใหลเคล็บเคลิ้มดื่มด่ำไป กับเสียงเพลง เพราะกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก หลายวันมานี้เห็นแหม่มพูดถึงแต่คนรักไม่หยุดหย่อน เธอกล่าวสรรเสริญสรรพคุณ ของเขาตลอดเวลา

"เขาสุภาพ อ่อนโยน รูปร่างสง่างาม และ ก็ให้เกียรติเรามากเลยนะอ้อ"

"อ้าว! ...คนเราชอบกันใหม่ๆ เขาก็เอาแต่ส่วนดีมาอวดกันทั้งนั้นแหละ ถ้าแหม่มชอบเขาจริง ก็ต้องทำใจเผื่อไว้บ้าง ว่าบางทีเขาก็อาจมีข้อเสียเหมือนๆ กับคนอื่นๆ นั่นแหละ"

"แต่อาจารย์คนนี้ เขาดีพร้อมทุกอย่างเลยนะ"

"นั่นแหละ...เราก็ไม่ได้เถียงนี่ คนเราเมื่อยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ในความสุภาพอ่อนโยน และ รูปร่างสง่างามนั้น จะซ่อนความบกพร่องบางอย่างเอาไว้ บางทีเขาอาจจะขี้โมโห เห็นแก่ตัว ขี้เกียจล้างชาม กลิ่นตัวเหม็น แถมนอนกรนดังไปแปดบ้านอีกต่างหาก บางทีเสื้อผ้างี้ ถอดกองเป็นวง เอาไว้ให้เราซัก..."

"แหม...แกจะรู้ได้ยังไง ก็แกยังไม่เคยมีนี่"

"อ้าว เรารู้ก็แล้วกันล่ะ ก็เห็นคู่อื่นๆ เขาเป็นยังงี้กันทั้งนั้น"

"แต่อาจารย์ ของเราน่ะ เขาดีพร้อมทุกอย่าง เขาไม่เป็นอย่างที่อ้อว่าหรอก"

แหม่มยังคงพูดแก้ต่างให้คนรักไม่หยุดหย่อน ฉันนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อน

คนไข้เตียงที่ ๒ เธอตั้งครรภ์ได้ ๕ เดือน และ เป็นครรภ์แรก เมื่อแรกรับเข้ามาในหอผู้ป่วย ร่างกาย ของเธอเขียวช้ำไปทั้งตัว ปากบวมเจ่อ เบ้าตาข้างขวาเขียวคล้ำ (คล้ายๆ โมเช่ดายันน่ะ!) เธอเล่าให้ฟังว่า เธอมีปากเสียงกับสามี ซึ่งเพิ่งแต่งงานกันด้วยความรัก ได้เพียง ๑ ปีกว่าๆ เท่านั้น ต่อมาพอเธอตั้งครรภ์ สามีก็ไปมีเมียน้อย เธอ จึงตามไปต่อว่าด้วยความหึงหวง และ น้อยใจ แล้ว จึงได้ทะเลาะกันอย่างรุนแรง ถึงขนาดขุดเอาบรรพบุรุษ ของสามีที่ล่วงลับไปแล้ว ให้มามีส่วนร่วมรับผิดชอบ ต่อความผิด ของผู้เป็นสามีด้วย

สามี ของเธอ จึงตรงเข้าทำร้ายเตะต่อยเธออย่างรุนแรง ด้วยความโมโห ขณะที่เธอนอนแซ่วอยู่บนเตียงคนไข้ เธอก็ยังบ่นเพ้อถึงสามี ด้วยความอาลัยรัก อยากให้เขามาเยี่ยม มิไยที่มารดา และ น้า ของเธอ จะช่วยกันสาปแช่งสามี ของเธออยู่เป็นระยะๆ ก็ตาม

ต่อมาอาการ ของเธอก็ทรุดลงอย่างน่าวิตก เธอซีดลงอย่างมากชีพจรเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตต่ำเหลือเพียง ๙๐/๕๐ มม.ปรอท (ในคนปกติ ๑๒๐/๘๐ มม.ปรอท) ความเข้มข้น ของเลือดต่ำลงเหลือเพียง ๑๙% เท่านั้น (ในคนปกติ ๓๕-๔๐%) และ ไม่มีเลือดออกมาภายนอกร่างกาย ของเธอเลย

ในช่วงภาวะวิกฤตนั้น เราได้ช่วยกันเจาะเลือด เพื่อขอเลือดมาให้เธอ และ ให้น้ำเกลือเปิดเส้นไว้อย่างรวดเร็ว ผู้ช่วยพยาบาลอีกคน โกนขนบริเวณหน้าท้อง ฟอก และ ทำความสะอาดผิวหนังหน้าท้อง เพื่อเตรียมคนไข้เข้าห้องผ่าตัด ฉันเขียนรายงานอาการอย่างละเอียด แล้วรายงานให้แพทย์ทราบ เมื่อให้ญาติคนไข้เซ็นสัญญายินยอมผ่าตัดไว้เป็นหลักฐานแล้ว ฉัน จึงวัดความดันโลหิตอีกครั้ง ความดันลดลงเหลือ ๘๐/๔๐ มม.ปรอท ชีพจรเต้น ๑๒๔ ครั้งต่อนาที และ เบามาก แพทย์ จึงให้ส่งคนไข้ไปห้องผ่าตัดด่วน

ฉันปลอบโยนให้กำลังใจคนไข้ และ ญาติ เพื่อให้พวกเขาคลายความวิตกกังวลลงบ้าง

สองชั่วโมงกว่าหลังผ่าตัดเสร็จแล้ว แพทย์ก็เดินกลับมาอย่างอ่อนเพลีย และ มาขอน้ำดื่มที่แผนกสูตินรีเวช

"อ้อเชื่อไหม" ผ่าเข้าไปน่ะ ม้ามแตกเละไปหมดเลย!"

"อ้าว แล้วหมอทำยังไงล่ะคะ"

"จะทำยังไง ก็ตามหมอสมเดช (ศัลยแพทย์) มาช่วยอีกคนหนึ่งน่ะซี โอ๊ย...เหนื่อยจริงๆ เลย กว่าจะเสร็จได้ นี่สามีเขาเตะท่าไหนนะ ม้ามถึงได้แตกแหลกลาญยังงี้น่ะ! เดี๋ยวหมอให้เขาย้ายคนไข้ไป ไอ.ซี.ยู แล้วล่ะ" (ไอ.ซี.ยู. = แผนกคนไข้หนัก)

ฉันยังยืนตรึงนิ่งอยู่กับที่ ใจก็ภาวนาขออย่าให้คนไข้รายนี้ เป็นเหมือนคนไข้รายหนึ่ง ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อเดือนก่อนเลย

เธอผู้น่าสงสารคนนั้น เป็นคนไข้หญิง อายุ ๒๙ ปี ตั้งครรภ์ที่ ๒ ได้ ๔ เดือน หลังจากมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล ทางเราได้เจาะเลือด เพื่อเช็คสุขภาพตามปกติ ผลปรากฏว่า เธอติดเชื้อโรคเอดส์!

และ จากการซักประวัติ สามี ของเธอเที่ยวผู้หญิงด้วย จึงนำเชื้อโรคมาติดเธอ และ ลูกในครรภ์ เธอสะเทือนใจมาก กลับไปบ้านทะเลาะกับสามีอย่างรุนแรง สามีซึ่งกำลังเมาเหล้าอยู่ ได้ซ้อมเธอ และ ใช้เท้ากระทืบลงไปบริเวณหน้าท้อง และ ลำตัว จนมีเลือดออกมาทางช่องคลอดมากมาย และ เนื่องจากบ้านอยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาลมาก กว่าญาติ ของเธอจะไปพบ และ นำเธอส่งโรงพยาบาล เธอก็แท้งบุตรเสียแล้ว

ร่างกาย ของเธอบอบช้ำ และ เสียเลือดไปมาก เมื่อรับเธอไว้ที่ห้องฉุกเฉิน แพทย์ และ พยาบาลได้ให้น้ำเกลือ และ เลือดอย่างเร่งด่วน แล้วย้ายเธอเข้าห้อง ไอ.ซี.ยู.ทันที เพราะอาการ ของเธอในขณะนั้น อยู่ในขั้นเพียบหนักเสียแล้ว

และ ขณะที่ฉันกำลังจะลงเวรดึกในเช้าวันหนึ่ง ได้พบกับหมอสูติเจ้า ของไข้รายนี้

"อ้อ อ้อ.. คนไข้ที่เป็นเอดส์น่ะ Dead แล้วนะ" (Dead=ตาย)

"หา...Dead แล้วหรือคะ !?"

"ฮื่อ...เป็น Septicscmia ด้วย Dead เมื่อคืนนี้เอง"

ฉันสาวเท้าออกมาจากแผนกสูติ-นรีเวช ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยคำถามที่ว่า ทำไมนะลูกผู้หญิงเรา จึงต้องมามีวิบากกรรม ที่ทุกข์ทรมานปานนี้

นั่นยังไงล่ะ! ญาติๆ ของคนไข้ เอารถมารับศพ ยืนมุงกันแน่น อยู่ที่หน้าห้องเก็บศพ บางคนก็ร้องไห้โฮราวกับจะขาดใจ บางคนก็ยืนนิ่งดวงตาแดงก่ำ ก็น่าอยู่หรอก เพราะวัย ของเธอยังไม่น่าด่วนจากไปเร็วอย่างนี้

"หมอครับ ช่วยดูน้ำเกลือให้ภรรยาผมหน่อย เมื่อกี้พาไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาน้ำเกลือไม่หยดเลยครับ"

ฉันตื่นจากภวังค์ เดินตรงไปดูน้ำเกลือที่เตียง ๒๔ คนไข้รายนี้ตั้งครรภ์แรกได้ ๗ เดือน แล้วมีภาวะแทรกซ้อน คือกรวยไตอักเสบอย่างเฉียบพลัน เธอปวดหลังบริเวณบั้นเอวมาก ปัสสาวะบ่อย และ แสบขัด ชายผู้เป็นสามีประคับประคองเธออยู่ไม่ห่าง

ดูเอาเถอะ แม้ในรายที่ได้สามีดี เอาใจใส่ตลอดเวลาอย่างนี้ ชีวิตคู่ ของลูกผู้หญิงก็อดมีวิบาก ให้ต้องทุกข์ทรมานอีกอย่างหนึ่งไม่ได้

การที่ชีวิต ของฉัน ได้เห็นทุกข์ ของบรรดาเพื่อนมนุษย์ ที่เวียนกันมาให้ได้พบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน บ่อยครั้งที่เศร้าสะเทือนใจในชะตากรรม อันทุกข์ทรมานเจ็บปวด ที่พวกเขาเหล่านั้นได้รับอยู่ ฉัน จึงต้องปลอบตนเองเสมอว่า

"มนุษย์ทุกคนต่างก็เกิดมาเพื่อใช้หนี้กรรม ที่แต่ละคนได้เคยก่อไว้แล้วทั้งสิ้น เราช่วยเขาได้แค่นี้เอง อย่าเสียใจไปเลย เราเองก็ไม่มีอำนาจยิ่งใหญ่ ที่จะฝืนชะตากรรม ของใครได้

และ บางที สำหรับคนบางคนต้องพบกับความทุกข์ที่สาหัสขนาดนั้น จึงจะทำให้เขาเข็ดหลาบ ที่จะเวียนว่ายอยู่ในทะเลแห่งทุกข์คือสังสารวัฏฏ์ และ หันหัวเรือมุ่งสู่ฝั่งแห่งพระนิพพานได้

หากเรามัวแต่เศร้าเสียใจอยู่ จะทำให้หมดแรงที่จะช่วยตัวเอง และ คนอื่นๆ อีกต่อไป และ ความเศร้านี้ก็ยังเบียดเบียนจิตพุทธะ(รู้ ตื่น เบิกบาน) ของตัวเราเองด้วย"

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความเศร้าสลดใจ จึงค่อยคลายลงไปบ้าง

"..รักนี่...มีสุข ทุกข์ เคล้าไป ใครหยั่งถึงเจ้าได้ คงไม่ช้ำฤดี... รักเอย...รักที่ปรารถนา รักมาประดับชีวี..."

เสียงเพลง"รักเอย" ยังดังแว่วหวาน มาอีกจากเคาน์เตอร์พยาบาล"แหม่มนี่...เป็นเอามากเลยนะ"

ฉันพูดหยอกพนักงานผู้ช่วยๆ คนเดิม ซึ่งกำลังซาบซึ้งอยู่กับเพลงหวาน และ เปิดนิตยสารฉบับหนึ่งดูอยู่

"อ้อ! อ้อ! นี่...มาดูนี่เร้ว...อู้ฮู...ชุดเจ้าสาวชุดนี้ สวยถูกใจเราจริงๆ เลย !"

ฉันวางเข็มฉีดยา แล้วเดินโฉบไปชะโงกดูบ้าง

"อือม์...ก็สวยดีนี่"

"เออ...แล้วอ้อไม่อยากใส่บ้างรึไง?!"

ฉันชะงักนิดหนึ่ง แล้วก็อมยิ้ม เดินกลับมาเตรียมยาฉีดอีกครั้งหนึ่ง เสียงญาติธรรมหญิงท่านหนึ่งที่เพิ่งแต่งงานไปได้เพียง ๓ เดือน ยังก้องกังวานแจ่มชัดมากดังขึ้นมาว่า

"ชุดเจ้าสาวน่ะ มันสวยงามมากก็จริง แต่เขาเอาไว้ใส่แล้วลงนรกกันต่างหาก!"

เฮ้อ! แหม่มเอ๋ย...นี่ แหม่มจะรอดมั้ยเนี่ย!

"ลูกไกลพ่อ"
๒๙ พฤษภาคม ๒๕๓๔ ๑๙:๓๕ น.

"ผู้ใดชื่นชมอยู่ในกามคุณ ๕
ชื่นชมในโลกียสุข
ชื่อว่าชื่นชมในทุกข์
ย่อมไม่ล่วงพ้นจากทุกข์ไปได้"

พระพุทธพจน์

 

(สารอโศก อันดับ ๑๕๓ ก.พ.- มี.ค.๒๕๓๕)