มนุษย์สีขาว ปฏิบัติธรรม โดย "ลูกไกลพ่อ" ตอน...
ต้นไม้ที่โค่นล้ม

หนังสือพิมพ์สารอโศก อันดับที่ 154 เดือนเมษายน 2535
หน้า 1/1


ดึกสงัดในคืนหนึ่ง ขณะที่ฉันกำลังฉีดยาประจำเวลาตีสอง ให้กับคนไข้ที่ตึกพิเศษอายุรกรรมอยู่นั้น พลันก็มีเสียงเปรี้ยงสนั่น ดังแหวกความสงบเงียบในยามราตรีขึ้นมา เสียงนั้นดังมาก จนทำให้คนไข้ และ ญาติในแผนกตกใจตื่น พูดถามไถ่กันอยู่เอะอะอึงอลไปหมด

จนรุ่งเช้า จึงปรากฏว่า ต้นมะขามยักษ์ที่มีอายุยืนนานกว่า ๑๐๐ ปี ที่เคยแผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่จนเป็นร่มครึ้ม ตรงระเบียงทางเดิน ของตึกพิเศษอายุรกรรม ได้โค่นล้มลงมา ฟาดกระแทกกับตัวถัง ของรถปิ๊กอัพ ของญาติคนไข้รายหนึ่ง ซึ่งจอดไว้ใต้ต้นไม้จนพังยับไปทั้งคัน

สาเหตุที่โค่นล้ม เพราะต้นมะขามยักษ์ต้นนี้ มีลำต้นที่ใหญ่ประกอบกับกิ่งใบที่ดกหนาทึบกว้างใหญ่ แต่มีรากแก้วที่หยั่งลงไปไม่ลึก ซ้ำยังมีมดปลวก เข้าไปทำรังอยู่ภายในจนเป็นโพรงใหญ่ เมื่อถูกลมพัดแรงมัน จึงโค่นล้ม ถอนรากแก้วขึ้นมาเป็นยวง

ฉันสะดุดใจกับเหตุการณ์นี้มาก น่าประหลาดที่ว่าต้นมะขามยักษ์มันมีอายุยืนมากกว่า ๑๐๐ ปี แล้วมาโค่นล้มลงวันนี้ ราวกับจะใช้ร่างขันธ์ที่ยืนนานนั้น ล้มฟาดลงเพื่อจะบอกกับผู้คน ที่พบเห็นได้ตระหนักว่า

"ตราบใดที่รากแก้วแห่งความดี ยังไม่มั่นคง ยังไม่แทงรากหยั่งลึกพอแล้ว ย่อมโค่นล้มตกร่วงได้ง่ายเช่นนี้ แม้ภายนอกจะดูแผ่กิ่งก้านสาขาสดชื่นมั่นคง เป็นร่มเงาเป็นที่พึ่งแก่ผู้อื่น ก็อาจตกร่วงได้ ดุจต้นมะขามยักษ์นี้ทีเดียว"

"หมอครับ กรุณาช่วยดูลูกผมหน่อยเถอะครับ วันนี้ถ่ายเหลวมา ๓ ครั้งแล้ว"

สามี ของคนไข้ห้อง ๑๐๘ หลังผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้องได้ ๒ วัน มาตามให้ไปดูบุตรชายที่เพิ่งเกิดใหม่ ทั้งกิริยา คำพูดสุภาพอ่อนโยน และ นอบน้อม ทั้งที่เขาอยู่ในวัยราว ๕๐ ปี ฉันนึกชื่นชมอยู่ในใจ

"หากเราอ่อนน้อมถ่อมตนได้สักครึ่งหนึ่ง ของชายผู้นี้ คงจะดีไม่น้อยเลย"

ฉันเดินไปตรวจดูอาการ ของเด็กทารก พร้อมกับอธิบายวิธีสังเกตอุจจาระ ของทารกที่ผิดปกติ วิธีเตรียมนมสำหรับทารกที่สะอาดปลอดภัย และ ผล ของน้ำนมแรกคลอด ของมารดาต่อทารก นอกจากนี้ยังได้เชิญกุมารแพทย์(หมอรักษาเด็ก) ท่านหนึ่งมาช่วยดูอาการ และ สั่งยาให้ด้วย

ทุกครั้งที่ญาติ หรือ คนไข้ห้องนี้ มาตามให้ไปช่วยเหลือ ฉันจะให้บริการดูแลช่วยเหลืออย่างยินดี และ เต็มใจ ฉันนำเอาเอกสารความรู้การปฏิบัติตนหลังคลอด การเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ภูมิคุ้มกันโรค และ อื่นๆมาให้คนไข้ พร้อมกับตอบข้อสงสัย ของคนไข้ และ ญาติ จนเข้าใจดี

เมื่อมาทราบตอนหลังว่า สามี ของคนไข้รายนี้ ดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง ฉันก็ยิ่งชื่นชม และ อดแปลกใจไม่ได้ว่า ทำไมชายผู้สูงด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิ และ หน้าที่การงาน จึงมานอบน้อมกับผู้มีอายุคราวลูกหลานอย่างฉันได้

อา...ความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นสิริมงคล ของชีวิต และ เป็นที่ชื่นชมต่อสายตา ของผู้ที่ได้พบเห็นอย่างนี้จริงๆ

ครู่หนึ่งต่อมา ญาติ ของคนไข้ห้อง ๑๐๔ ก็มาตามให้ไปดูคนไข้บ้าง

"นี่...ช่วยไปดูน้ำเกลือให้หน่อยซี ไม่หยดอีกแล้ว"

ทั้งน้ำเสียง และ ท่าทาง มิได้แสดงตนให้เกียรติเลย ช่างต่างกันลิบลับกับญาติห้อง ๑๐๘ เสียจริง

แต่เราเป็นพยาบาลผู้ให้บริการ เราจะเลือกดีแต่เฉพาะคนไข้กับญาติที่ดีๆได้อย่างไร เพราะมนุษย์แต่ละคนก็ต่างการอบรม มีเบ้าหลอมจิตใจ และ อยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน จะให้มีพฤติกรรมที่เหมือนกันหมดได้อย่างไร

ฉันลุกไปดูน้ำเกลือให้คนไข้ ห้อง ๑๐๔ ด้วยจิตใจที่สงบ

"นี่วัดความดันให้หน่อยซิ รู้สึกไม่ค่อยสบายยังไงไม่รู้"

ฉันถามอาการคนไข้ และ กลับไปเอาเครื่องวัดความดันโลหิตมาวัดให้

"ความดันปกติดีค่ะ"

"ปกติน่ะ วัดได้เท่าไหร่ล่ะ"

"๑๒๐/๘๐ หัวใจก็เต้นปกติดีค่ะ"

"นั่นยังไงล่ะ! ชายคนไข้วัย ๖๔ ปีร้องขึ้นโวยวาย แล้วพูดต่อว่า

"ปกติ ของฉันน่ะ ๑๑๐ นี่สูงขึ้นถึง ๑๒๐ มิน่าล่ะ ฉัน จึงปวดหัวอย่างนี้ เพราะความดันสูงขึ้นนี่เอง"

ชายคนไข้แสดงภูมิรู้ มิไยที่ฉันจะอธิบายว่า ความดันโลหิตมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามองค์ประกอบต่างๆ ระดับนี้ก็ไม่ถือว่าสูงจนทำให้ปวดศีรษะได้ แต่เขาก็ไม่ฟัง ยังบ่นต่อไปเรื่อยๆ

เวลาประมาณสี่ทุ่ม ของวันต่อมา ญาติ ของคนไข้ห้อง ๑๐๔ วิ่งกระหืดกระหอบมาที่เคาน์เตอร์พยาบาล

"ช่วยไปดูพ่อให้หน่อย เป็นอะไรก็ไม่รู้"

ฉันสาวเท้าไปดูอย่างรวดเร็ว เห็นคนไข้นอนดิ้นกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ภรรยา ของคนไข้ร้องโวยวายลั่นห้อง

จากการตรวจดูชีพจร ความดันโลหิต และ อาการแสดงอื่นๆก็ปกติ แต่มียาอยู่ตัวหนี่งที่แพทย์เจ้า ของไข้ เพิ่งสั่งให้เมื่อตอนสองทุ่มนี้เอง อาจจะเป็นอาการแพ้ยาตัวนี้ก็ได้ ฉันพูดปลอบใจคนไข้ และ ญาติ และ รีบไปรายงานแพทย์เวร ซึ่งเป็นแพทย์เจ้า ของไข้พอดี (วิ่งไปรายงานที่ห้องอุบัติเหตุ)

แพทย์สั่งยาระงับประสาทให้ ๑ เข็ม และ หันไปดูคนไข้ฉุกเฉินที่นอนโชกเลือดอีกสองคนบนเปลนอน

ฉันกลับมาเตรียมยาฉีดอย่างรวดเร็ว และ รีบมายังห้อง ๑๐๔

"ลุงคะ หมอให้ฉีดยาเข็มหนึ่ง เดี๋ยวก็จะดีขึ้นมาก"

"ไหนล่ะหมอน่ะ" ภรรยาคนไข้ถามอย่างร้อนรน

"หมอกำลังดูคนไข้หนักอยู่ค่ะ เดี๋ยวจะฉีดยาตามที่หมอสั่งให้เข็มหนึ่งนะคะ" กว่าจะหว่านล้อมให้เปิดสะโพกเพื่อฉีดยา ก็กินเวลานานมาก พอเช็ดสำลีแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อที่ผิวหนัง คนไข้ก็กระตุกกางเกงปิดสะโพกอีก พูดอยู่อีกพักหนึ่ง จนคนไข้ยอมให้เช็ดสำลีที่สะโพกอีกครั้ง พอจะปักเข็มฉีดยา ก็ปัดเข็มจนกระเด็นไป ฉันต้องใช้ความอดกลั้น อดทน ใจเย็นอย่างมากกว่าจะฉีดยาได้สำเร็จ

หลังจากนั้น คนไข้ก็หลับสบายตลอดคืน ไม่มีอาการผิดปกติใดๆอีกเลย

ตอนเช้า ฉันถูกต่อว่าจากคนไข้ และ ญาติว่า

"เนี่ย! คงเป็น เพราะยาเม็ดนั้น ที่พยาบาลเอามาให้ตอนสองทุ่มแน่ๆเลย"

ตอนสายแพทย์เจ้า ของไข้มาสั่งงดยาตัวนั้น พยาบาลเวรเช้ารับคำสั่ง แต่ไม่ได้เอาบัตรแจกยาตัวนั้นทิ้งไป เมื่อฉันขึ้นเวรมารับเวรบ่าย จึงจัดยาตอนสองทุ่มตัวนั้นให้ไปเหมือนเดิมอีก คนไข้ร้องโวยวายว่าบอกให้แพทย์สั่งงดแล้ว ฉัน จึงเปิดดูคำสั่งแพทย์ ก็ปรากฏว่า แพทย์สั่งงดจริง

"อะไรกัน จะให้ฉันตาย หรือ ไง!" คนไข้พูดห้วนๆอย่างไม่พอใจ

"ขอโทษทีนะคะ ไม่ทันได้ดูในคำสั่งแพทย์ เวรเช้าเขารับคำสั่งแต่ไม่ได้เอาการ์ดยาทิ้ง"

ฉันรับยาคืนมา

รุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง ฉันถูกเรียกไปตำหนิเรื่องทำงานบกพร่อง แพทย์เจ้า ของไข้ ของคนไข้รายนี้โมโหมาก หลังจากที่คนไข้ฟ้องว่า

"แหม! หมอครับ พยาบาลเมื่อคืน เอายาตัวเก่าที่ผมแพ้มาให้อีกแล้ว ดีนะที่ผมไม่ได้กิน ยังงี้ผมก็แย่น่ะซี"

ฉันไม่ได้แก้ตัวกับแพทย์ว่า เพราะเวรเช้ารับคำสั่งแล้วไม่ได้เอาการ์ดยาทิ้ง ฉัน จึงจัดยาเหมือนเดิม หากฉันพูดความจริงออกไป ก็จะทำให้พยาบาลเวรเช้าถูกตำหนิอีกคนหนึ่ง

"ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว" ฉันบอกกับตัวเองเงียบๆ

นึกไปถึงสหธรรมิกท่านหนึ่ง เคยกล่าวไว้อย่างน่าประทับใจว่า

"ในการทำงาน หากเรามุ่งทำงานเพื่อหวัง ลาภ ยศ สรรเสริญ เราจะทำงานได้ระยะหนึ่ง (ตามแรงผลักดัน ของโลกธรรม)

ถ้าเราทำงาน อย่างมีอุดมการณ์เพื่อมวลชน เพื่อความสุข ของมวลมนุษยชาติ เราก็จะทำงานนั้นได้ยาวนานยิ่งขึ้นไปอีก

แต่หากเราทำงานเพื่อตัวเอง เพื่อนำผัสสะที่ได้จากการทำงาน มาขัดเกลาพัฒนาจิตวิญญาณให้แกร่ง และ อยู่เหนือทุกข์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ เราจะทำงานนั้นๆได้ตลอดไป"

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา การได้เผชิญต่อสู้กับปัญหา และ อุปสรรคต่างๆ จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ฉลาด และ มีบทเรียนที่จะแก้ปัญหาต่างๆได้มากขึ้น และ ผู้ที่หนีปัญหา หลบเลี่ยงผัสสะ ที่ไม่น่าปรารถนาต่างๆ ผู้ที่พยายามทำงานให้น้อย หรือ สัมผัสสัมพันธ์กับ"คน"ให้น้อยลงนั้น ผลก็คือ ผู้ที่หนีผัสสะ หรือ ผู้ที่มีโจทย์มีแบบฝึกหัดน้อยนั้น พ่อท่านเคยบอกลูกๆว่า คนเหล่านั้นจะบรรลุช้า ถึงนิพพานได้ช้ากว่าผู้ที่เป็นนักรบ ที่ปฏิบัติการรบจริงอยู่ในสมรภูมิแห่งการเอาชนะกิเลสในจิตใจ ของตนเอง

ขอบคุณผู้ที่สร้างโจทย์ต่างๆให้ ทั้งที่น่าปรารถนา และ ไม่น่าปรารถนา เพราะสิ่งต่างๆเหล่านี้แหละ จะเป็นตัวกระตุ้นชี้ให้ฉันได้เห็นธาตุแท้ ของตนเอง ว่ายังรักตัวเองยังพะเน้าพะนออัตตา ของตัวเองอยู่มากเพียงใด

หากฉันยังครองสติ ครองทิฐิความเห็นให้เป็นอย่างนี้ได้ตลอดไป ก็คงไม่ตกร่วงง่ายๆเหมือนต้นมะขามยักษ์ที่โค่นล้มลงต้นนั้นอย่างแน่นอน

"ลูกไกลพ่อ"
๘ กรกฎาคม ๒๕๓๔ ๑๖.๑๓ น.

 

(สารอโศก อันดับ ๑๕๔ เม.ย. – พ.ค. ๒๕๓๕)