หน้าแรก >สารอโศก

- แม่น้ำ ลักขิตะ
ทำ-พูด-คิด ให้ดี ชีวีมีแต่สุข

พุทธปรัชญาสอนให้คนเชื่อเรื่องกรรม ดังคำกล่าวที่มีมาช้านานว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว"

เรื่องผลกรรมวิบาก เป็นอจินไตยที่ยากอธิบายให้เข้าใจด้วยคำพูด แต่ผู้ศรัทธา พุทธศาสนา อย่างเข้าถึง แก่นแห่งธรรม จะเข้าใจได้ด้วยปัญญาตน หลังจากปฏิบัติ พิสูจน์จนเกิดมรรค เห็นผล พ้นสงสัยด้วยตนเอง

ทำดีไม่เห็นจะได้ดี....บางคนอาจคิดเช่นนี้ เพราะหลงผิดไปว่า ผลของกรรมดี คือ การได้ลาภ
-ยศ -สรรเสริญ และ สุขสมใจไปเสียทุกอย่าง

แต่โดยสัจจะหาเป็นเช่นนั้นเสมอไปไม่ วัตถุภายนอกนั้นกอปรไป ตามเหตุปัจจัย ของโลก ส่วนกรรม ทั้งดีและชั่ว อันเป็นปัจจุบันของเรา จะสั่งสมลงจิตวิญญาณ เป็นทรัพย์แท้ถาวร ติดตามเราไป ทุกภพทุกชาติ หรือผลกรรมวิบาก ที่เราเข้าใจได้ อย่างง่ายๆว่า... ทำดีมีผล ให้สบายใจ เป็นสุข ทำชั่วมีผลให้ทุกข์ใจ หม่นเศร้า ซึ่งเป็นสภาพที่เกิดขึ้น ภายในจิต

อย่างไรชื่อว่าทำดี?
การไม่ทำร้ายทำลายชีวิตผู้อื่น ชื่อว่าทำดี....ทุกชีวิตรักตัวกลัวตาย ปรารถนาความอ่อนโยน นุ่มนวล รังเกียจพฤติกรรม โหดร้ายรุนแรง ไม่ว่าคนหรือส่ำสัตว์ ต้องการความปลอดภัย ในชีวิต และ อิสรภาพของตน ทั้งนั้น

ก่อนลงมือกระทำรุนแรงกับใคร คิดถึงหัวอกเขาหัวอกเรา ต่างก็รักสงบสันติ ด้วยกันทั้งนั้น ไยจึงก่อทุกข์ ด้วยการเบียดเบียนชีวิต ของกันและกัน ละหิงสา ทั้งปวงเสียได้ เราจะพบ ความสุข อันท่วมท้นจิตใจ

สันติภาพคือโอบกอดของพระผู้เป็นเจ้า....ความเมตตากรุณา คือ นัยน์ตา ของศาสดา ทุกพระองค์

การไม่พูดโกหกกับผู้อื่น ชื่อว่าพูดดี...เพราะคนมากด้วยการโกหก โลกปัจจุบัน จึงสับสน วุ่นวาย เลวร้ายวายป่วง "คนพูดโกหกได้ ไม่มีความชั่วใด ที่เขาจะกระทำไม่ได้" พระพุทธเจ้า ตรัสไว้เช่นนี้

ความจริงไม่เคยตาย โกหกปกปิดดีขนาดไหน....สักวันความจริงต้องปรากฏจนได้ จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ทุกครั้งที่โกหก ดวงใจเราสัมผัสได้ถึงตราบาป เราจะไม่รู้สึกผิด หากพูดแต่คำจริงกับผู้อื่น เพราะความจริงใจ เป็นสายสัมพันธ์อันงดงามระหว่างเพื่อนมนุษย์ และมั่นคงยาวนาน

การคิดอย่างเป็นสัมมา ชื่อว่าคิดดี... ความสุขในชีวิต จะเกิดขึ้นได้หรือไม่? เริ่มต้นจากความคิด

หากคิดว่า บาป-บุญไม่มีจริง ไฟแห่งความชั่วร้าย คงเผาโลกไหม้เป็นจุล เฉกยุคอสัญญี...
เป็นยุคที่ความดีมิปรากฏ ผู้คนเข่นฆ่ากันเหมือนส่ำสัตว์ โหดร้ายรุนแรง เหลือจะกล่าว ความรัก
ความเมตตาสัมพันธ์ใดๆ ไม่มี เป็นนรกบนดินโดยแท้ ชีวิตต้องทุกข์ทรมาน สาหัสสากรรจ์ ปานใด?...

หากคิดว่าตนเกิดมาเพื่อล่าลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุข....ความสุขได้หันหลังให้กับเราแล้ว เมื่อเรายิ่งก้าวไปข้างหน้า ชีวิตก็ห่างไกลความสุข ออกไปทุกที และไม่มีวัน ได้ประสบสุข อันจริงแท้ได้เลย ตราบวันสิ้นใจ

คิดให้ดี คิดอย่างสัมมาเป็นบุญกุศลจิต เป็นประโยชน์ต่อตน และคนอื่น แล้วชีวิตเรา จะมีแต่ความสุข

(สารอโศก อันดับที่ ๒๕๑ สิงหาคม ๒๕๔๕)