หน้าแรก >สารอโศก

ธรรมะประทับใจ (๘๐)
ฉันได้อะไรจากอโศก

เมื่อ ก่อนที่ฉันจะรู้จักชาวอโศก ฉันก็เคยศึกษาธรรมะเหมือนกัน เพียงแต่ศึกษา อ่านหนังสือ และทำความเข้าใจ แต่ไม่ได้ปฏิบัติ ซึ่งก็เคยคิดที่จะทำ แต่จนแล้วจนรอด ฉันก็ไม่ได้กระทำสักที อาจเป็นเพราะ ไม่มีคนทำเป็นตัวอย่าง และ ไม่มีคนแนะนำที่ดีก็ได้ แต่มาคิดอีกคงไม่ใช่ คงเป็นเพรา เรายังไม่มีปัจจัยเพียงพอ ถึงต้องเพียงแต่คิด

คนเรานั้นถึงแม้จะมีความรู้ในด้านธรรมสักเพียงไหน แต่ไม่ประพฤติ ปฏิบัติธรรม ก็ขึ้นชื่อว่า ไม่มีศีล แม้แต่พระพุทธเจ้า ท่านก็ไม่สรรเสริญ ผู้ที่มีความรู้มาก แต่ไม่มีศีล ผู้มีความรู้น้อย แต่มีศีล พระพุทธเจ้าท่านทรงสรรเสริญ

แล้วฉันได้ทำอะไรหรือเปล่า เปล่าเลยแม้แต่ศีลข้อ ๑ ฉันก็ยังไม่ทำ แล้วอื่นๆอีก ที่เป็น ประโยชน์ตน และ ประโยชน์ท่าน ก็อย่าคิดว่าจะมี เพราะทำไป ก็เป็นการ เบียดเบียนตนเอง และ ผู้อื่น ความเห็นแก่ตัวของฉันนี้ มีมากจริงๆนะ

ในด้านผลประโยชน์ส่วนรวมและการบริจาคทาน ฉันก็ทำบ้าง แต่ก็เลือกทำ เป็นบางกรณี ถ้าสิ่งไหน ที่ฉันพอใจทำก็ทำ ถ้าไม่พอใจ ฉันก็ไม่ทำ เออฉันช่างเอาตนเอง เป็นใหญ่เสียจริง บางสิ่งบางอย่าง เห็นเขาทำ ก็ทำตามเขา โดยไม่คิดพิจารณาเสียก่อน บางครั้งทำไป เพราะความอยากโอ้อวด อยากเด่น อยากเหนือกว่าใครๆ ว่ากูนี้แหละ หนึ่งในตองอู ดูจิตใจฉันซิ ช่างมีแต่เจ้าตัณห าครอบงำมากจริงๆ มันช่างเป็นนาย ของฉันจริงๆ จะสั่งอะไรก็ทำ เป็นทาสไปแล้ว ไม่รู้จักหมด

แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่าง ที่ฉันไม่ค่อยจะมีคือ โทสะ เป็นคนที่ชอบอยู่ง่ายๆ กินง่าย ชอบความสงบเงียบ และ พวกอบายมุขต่างๆ ฉันไม่ชอบเลย

อีกสิ่งหนึ่งคือ การฆ่าหรือทำลายชีวิตของผู้อื่น ไม่ว่าสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ อย่างมากก็ปลา ทำแต่ละครั้ง คิดแล้วคิดอีก จิตใจหดหู่ ใจหาย แต่เจ้าตัวกิเลส มันก็บอกว่า เขาเกิดมา เพื่อเป็นอาหาร ของเรานะ ฆ่ามันเถอะ คงไม่บาปหรอก ชอบอุทานว่า อโหสิกรรม ให้ฉันด้วยนะ อย่าคิดพยาบาท กับฉันเลย พวกเจ้าเกิดมา เพื่อตายลูกเดียว ดูซิ เจ้าจิตมันคิดไป แต่ทางด้าน อกุศลกรรม ทั้งนั้นเลย บางที ถึงแม้จะคิด แต่ทางด้านกุศลกรรมบ้าง ก็เพียงแวบเดียว เพราะกิเลส ยังหนาอยู่

โอ! แต่เดี๋ยวนี้และขณะนี้ล่ะ ฉันช่างผิดกับฉันคนเดิมเสียจริง นับแต่ฉันได้รู้จัก กับอโศก และ ได้เข้ามาสัมผัส ด้วยตัวของฉันเอง ได้เห็นผู้คน ปฏิบัติธรรม ได้พูดคุย กับญาติธรรม ของชาวอโศก มันช่างตรงกันข้าม กับสิ่งที่ฉันได้เห็น และได้ยินมา ที่ชาวโลกทั้งหลาย เขากระทำกันจริงๆ มันช่างกลับกัน หมดเลย

โอหนอยังมีผู้ที่ปฏิบัติธรรม และสละกิเลสตามคำสอนของ สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ทำงานเพื่อ มนุษยชาติจริง โดยไม่เห็นแก่ ความยากลำบาก ทั้งๆที่ไม่มีค่าตอบแทนใดๆ เพียงเพื่อให้ผู้คน ที่ใฝ่ในธรรม ได้รู้จักหลักสัจจธรรม ของพระพุทธเจ้า ว่ามีจริง เห็นได้จริง พิสูจน์ได้จริง

โอหนอ ยังมีอยู่อีกหรือ ภายในใจฉันถามตัวฉันเองอยู่ตลอดเวลา ใจก็ตอบว่า มีซิ ก็ชาวอโศก นี่ไงล่ะ ที่เขากระทำอยู่ แล้วเจ้าล่ะ จะปล่อยโอกาสทอง อันนี้ไปเสียหรือ รีบเอา รีบทำ รีบปฏิบัติ กับเขาเสียซิ จะได้รู้ จะได้เห็นว่า สัจจธรรมที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้จริงไหม อย่ามัวไปหลง อยู่กับสิ่งที่งมงาย ไร้สาระ เอาแต่ตนเอง เข้าไปพัวพัน ให้เกิดทุกข์ ตัดมันออกไป เสียซิ รู้จักหยุด รู้จักพอเสียบ้าง อย่าให้เจ้าความอยาก มันเรียกร้องนัก อย่าให้เป็นนายเรา เหนือจิตใจ ควรจะให้จิตใจเป็นนาย และคอยบังคับ ไม่ให้ทำตาม ความอยากกิเลสเหล่านั้น

โอ! ชาวอโศกช่างมีไมตรีจิตจริงๆ ครั้งแรกที่ฉันเข้าไป ก็เกิดความกลัวสารพัด ไม่กล้า เข้าไปบ้างละ เขาจะมองเรา อย่างไรนะ ก่อนจะเข้าไป จิตใจก็วาดภาพ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ต่างๆนานา แต่เมื่อฉันเข้าไปจริงๆ มันช่างผิดกับที่ฉัน นึกภาพเอาไว้จริงๆ ทุกคนที่หันมามอง ต่างยิ้มรับ และ ส่งไมตรีจิต ช่างเหมือน พี่น้องกันจริง ถึงแม้จะไม่เคยรู้จักกันเลย ก็เกิด ความอบอุ่นใจ ยังทำให้ฉัน นึกกระดากใจ ที่วาดภาพไป ในทางที่ผิด

วันที่ฉันเข้าไป พ่อท่านโพธิรักษ์ กำลังแสดงธรรม แต่ตอนนั้นฉันยังไม่ค่อยจับใจอะไรนัก เพราะมัวแต่ถามญาติธรรมชาวอโศกเกี่ยวกับสิ่งต่างๆภายในอโศก ไม่เห็นเหมือนที่อื่น ที่ฉันเคยเห็น จนกระจ่าง ก็พอดีพ่อท่านแสดงธรรมจบ ฉันอาหาร ส่วนญาติธรรมทั้งหลาย ต่างก็ไปกินอาหาร และก็ได้ชวนฉัน ไปกินด้วย ตอนแรกก็ไม่กล้ากิน แต่เขาได้ชี้แจงให้ฟัง ฉันก็เลยร่วมกับเขา และก็คุยไปกินไป

ต่อมาภายหลัง จึงรู้จักคนที่คุยด้วยชื่อ คุณแดง เป็นสมาชิกชาวอโศกคนเก่า หลังจาก รับประทาน อาหารเสร็จเรียบร้อย คุณแดงก็ชวนไปคุยกับสิกขมาตุ สิกขมาตุก็ได้แยกแยะ และพูดถึง อานิสงส์ ของการกิน อาหารมังสวิรัติ การไม่กินเนื้อสัตว์ให้ฟัง และอื่นๆ อีก อย่างมากมาย พอบ่ายก็ลากลับ

ขากลับสิกขมาตุก็เลยพาไปเอาหนังสือกับสมณะ และได้เป็นสมาชิก ของชาวอโศก นับแต่วันนั้น ก่อนกลับ สมณะก็ได้พูดอะไรหลายอย่าง และ แนะนำวิธี ไม่กินเนื้อสัตว์ เพิ่มเติม จากสิกขมาตุ ที่เคยพูดให้ฟัง แล้วก็ลาท่านกลับ พร้อมกับหนังสือของอโศก ๓ เล่ม

พอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็เริ่มลงมืออ่านเลย เล่มแรกที่ฉันอ่าน ก็อาหารธรรมชาติ อ่านไป พิจารณาไป จนจบเล่ม ก็อ่านเล่มอื่นอีก จนจบทุกเล่ม ในเวลาไม่นานนัก ฉันมานั่งคิดว่า เราจะทำได้ไหมนี่ ใจจะสู้ไหม มันจะดีหรือเปล่า เขาจะว่าเรานี้ บ้าหรือเปล่าหนอ คิดไปสารพัด ที่จิตมันจะนำไป จนนานก็มาได้คิดว่า เออแน่ะ! เรานี้มัวแต่คิดว่าจะดี หรือไม่ดีอยู่ทำไม ถ้าไม่ดีจริง เขาคงไม่ทำกัน และ ปฏิบัติกันอย่างนี้หรอก ไม่ปฏิบัติ แล้วเมื่อไหร่ล่ะจะรู้ ว่ามันเป็นจริง ก็ลองพิสูจน์สัมผัสดูซิ จะสนใจทำไม กับอุปสรรคล้อมตัวเรา ไหนว่า จะไม่ให้เจ้ากิเลส เหนือจิตใจเรา อย่างไรล่ะ

อีก ๒ วัน ฉันก็มาที่อโศกอีก ได้พูดคุยกับญาติธรรม และเขาได้เสนอแนะ วิธีทำ ที่เขาทำมา และ ทำได้สำเร็จ ฉันก็ลองทำปฏิบัติดู ตามที่เขาบอกมาเรื่อยๆ จนบัดนี้ ฉันก็สามารถ พิชิตมันได้ และ ตัดมันได้ โดยเด็ดขาด

ท่านคงจะสงสัย ฉันพิชิตอะไร ก็พิชิตกิเลสเจ้าความอยากต่างๆ ถึงไม่หมดทุกอย่าง แต่ก็สามารถ เอาชนะมัน ได้หลายอย่าง เช่น เดี๋ยวนี้ฉันก็ไม่กินอาหาร จำพวกเนื้อสัตว์ ทุกชนิด ไม่ว่าสัตว์เล็ก สัตว์น้อย จะไม่ขอฆ่า จะไม่กลับไปหามันอีก ตลอดชีวิต ถึงตัวจะตาย ก็จะไม่ขอคร่า และกินชีวิต ของผู้อื่น พร้อมกับลดอาหาร จาก ๓ มื้อเป็น ๒ มื้อ และ ไม่จุบจิบ จะขอเลิก สิ่งเสพติด อบายมุขต่างๆ ออกให้หมด ดิฉันจะไม่ขอ กล้ำกรายเข้าไปใกล้ เป็นเด็ดขาด จะทำแต่ในสิ่ง ที่ถูกที่ควร และ จะพยายาม ไม่ไปหลงยึดติด จะหัดคิดก่อนทำ จะพยายามคิด อยู่เสมอว่า ความคิดกับความจริง ไม่เหมือนกัน จนเดี๋ยวนี้ ก็ท่องจนขึ้นสมอง เพื่อเตือนสติ อยู่เสมอ นี่แหละ หลักธรรม ยังให้ประโยชน์กับ ฉันมากมาย ถ้าฉันปฏิบัติ ไปเรื่อยๆ คุณประโยชน์ คงมีอีก ที่ฉันยังไปไม่ถึง คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เป็นสัจจธรรมจริง พึงพิสูจน์ได้ เห็นได้ด้วยตนเองจริงๆ

อโศกช่างให้ประโยชน์แก่ตัวฉันอย่างล้นเหลือ ทำไมฉันถึง ไม่รู้จักอโศกมาก่อน ให้นาน กว่านี้นะ ทำไมถึง มารู้เอาเดี๋ยวนี้ แต่ก็ยังไม่สายเกินไป ไม่ใช่หรือ ยังดีเสียกว่า ที่เราไม่รู้จักเลย เมื่อรู้จักแล้ว ก็ควรจะทำตน ให้เป็นประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน ให้มากที่สุด เท่าที่ จะมากได้ ก็แล้วกัน ฉันอยากให้ทุกคน ทั่วประเทศ ทั่วโลกได้ยิ่งดี ให้หันกลับมา มองดูตนเอง ให้รู้จักหยุด รู้จักพอ ประเทศชาติ คงจะไม่เป็นอย่างทุกวันนี้

- จ.พ.

(สารอโสก อันดับที่ ๒๕๑ สิงหาคม ๒๕๔๕)