หน้าแรก>สารอโศก

- ไผ่ร่วมกอ -

สวนกาแฟภาคปฏิบัติ

สวนกาแฟบ่อยทำให้ลำไส้บางตัวหรือไม่ ?
ลำไส้ของคนเรามีชีวิต จะผลัดเปลี่ยนเซลล์เยื่อบุอยู่ทุกเมื่อ ปกติการที่อุจจาระ ผ่านลำไส้ใหญ่ไป ก็จะครูด เยื่อบุลำไส้ ออกไปด้วยส่วนหนึ่ง แล้วเยื่อชั้นล่าง ก็สร้างขึ้นมาใหม่ คนเราต้องถ่าย อุจจาระทุกวัน ไม่เห็นมีใคร ตั้งคำถามว่า การขับถ่ายทุกวัน จะทำให้ลำไส้ บางตัวหรือเปล่า แต่กลับต้องมาตั้งคำถาม กับการผ่านน้ำอุ่นๆ เข้าไปในลำไส้ ว่าจะเป็นเหตุ ให้ลำไส้บางตัว คิดดูง่ายๆว่า ก่อนอุจจาระกับน้ำ อย่างไหน จะแข็งกว่ากัน และครูดลำไส้ ได้หนักหนากว่ากัน ยิ่งใครที่ท้องผูกประจำ ก้อนอุจจาระแข็ งราวกับหิน มิยิ่งทรมาน ลำไส้กว่ากันยิ่งนัก

การสวนลำไส้ถ้ากระทำด้วยข้อบ่งชี้ที่ถูกต้อง และถูกเทคนิค ไม่ว่าจะเป็น สวนลำไส้ใหญ่ ส่วนบน ด้วยน้ำอุ่น หรือ สวนลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง ด้วยกาแฟ ไม่มีอันตราย

สวนกาแฟทำให้เชื้อแบคทีเรียที่มีเป็นปกติในลำไส้หมดไปหรือไม่?
ใครที่เคยไปโรงพยาบาล จะสังเกตเห็นว่ามีพนักงานทำความสะอาดพื้นโรงพยาบาล โดยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค กลิ่นแรงฉุนเฉียวทีเดียว คุณเคยคิดไหมว่า เชื้อโรคที่พื้นเหล่านั้น มีอันอันตรธาน หายสูญไปหมดหรือเปล่า ตรงกันข้าม เชื้อโรคไม่เห็นหมดไปสักที ต้องเช็ดเอาๆ วันละ ๒-๓ รอบ เช็ดทุกวัน ก็ไม่มีวันหมด แล้วคิดดูซิว่า น้ำยาขัดพื้น โรงพยาบาล เทียบกับน้ำอุ่นๆ ที่ใช้สวน อย่างไหนจะมีฤทธิ์แรง ในการกัด ฆ่าเชื้อโรคกว่ากัน แค่น้ำอุ่นๆ ที่สวน จะไปทำลายเชื้อแบคทีเรีย ให้หมดไปได้อย่างไร

ปกติลำไส้ใหญ่ของคนเรามีเชื้อแบคทีเรีย ทั้งชนิดที่ดีและชนิดที่ไม่ดี การสวนลำไส้ใหญ่ส่วนบน ด้วยน้ำอุ่น ที่ใช้กับเครื่องสวนลำไส้ มีจุดประสงค์ เพื่อล้างพิษลำไส้ใหญ่ เป็นการขจัด คราบตะกรัน ของอุจจาระเก่าเก็บ ที่เป็นอาหาร อันโอชะ ของแบคทีเรียที่ไม่ดี จึงเอื้อ สภาพแวดล้อมใหม่ ให้เชื้อที่ดี มีโอกาสเติบโต เหนือแบคทีเรีย ที่ไม่ดีเหล่านั้น

ถ้าสวนด้วยกาแฟ มีวัตถุประสงค์เพื่อล้างพิษตับ ด้วยการดูดซึม สารกาแฟอีนไปกระตุ้นตับ บทบาท ในการขจัด คราบอุจจาระเก่าเก็บ มีไม่มาก ยิ่งไม่กระทบ กับสัดส่วน ของประชากร แบคทีเรียในลำไส้

ถ้าสวนเพื่อล้างพิษแบคทีเรีย เช่น ใช้น้ำคลอโรฟีล น้ำกระเทียม น้ำมะนาว ในภาคปฏิบัติ ต้องใช้สารละลาย เจือจาง มีฤทธิ์ชั่วขณะ ในการสร้างสิ่งแวดล้อมใหม่ ในพื้นที่นั้น เปิดโอกาส ให้แบคทีเรีย แข่งขันกันอีก รอบใหม่ ซึ่งจะเกิดผลดีถาวร ต้องอาศัยอาหาร ที่เจ้าตัว กินเข้าไป ในชีวิตประจำวัน มากกว่า ว่า จะเอื้อแก่ แบคทีเรีย ชนิดดี หรือร้าย กินเนื้อมาก ไขมันมาก ผู้ร้ายก็ชอบ กินผักผลไม้ และข้าวกล้อง ผู้ดีก็ชอบ เท่านั้นแหละ

สวนกาแฟท่าไหนถูกต้อง?
สวนกาแฟมีวัตถุประสงค์เอาคาเฟอีนเข้าลำไส้ใหญ่ ขอแต่ให้บรรลุวัตถุประสงค์ ดังกล่าว ถือว่า ถูกต้อง ทั้งนั้น สุดแต่ใครนิยมท่าไหน อย่างไรก็ดี แต่ละท่า มีความสะดวก และ อาการที่เกิดแก่ ร่างกาย ต่างกันบ้าง ก่อนอื่น เราต้องรู้ กายวิภาคของ ลำไส้ใหญ่เสียก่อน ประกอบด้วย ๕ ท่อน

ท่อนที่ ๑ ลำไส้ใหญ่ส่วนที่ทอดขึ้น อยู่ทางขวาของร่างกาย ทอดจากบริเวณรอยต่อลำไส้เล็ก ท้องน้อย ด้านขวา ขึ้นมาใต้ชายโครงขวา

ท่อนที่ ๒ ลำไส้ใหญ่ส่วนขวาง ทอดจากชายโครงขวา มายังชายโครงซ้าย

ท่อนที่ ๓ ลำไส้ใหญ่ส่วนที่ทอดลง อยู่ทางซ้ายของร่างกาย ทอดจากชายโครงซ้าย ลงไปท้องน้อย ด้านซ้าย

ท่อนที่ ๔ ลำไส้ใหญ่รูปตัว S โค้งจากท้องน้อยด้านซ้ายลงอุ้งเชิงกราน

ท่อนที่ ๕ ลำไส้ตรง ทอดจากอุ้งเชิงกรานตรงไปยังรูทวาร

การสวนในท่านอนตะแคงขวา จุดประสงค์ หลักคือ อยากให้น้ำกาแฟไหลผ่านท่อนที่ ๕, ๔ และ ๓ ไปยังท่อนที่ ๒ และ ๑ ซึ่งอยู่ทางขวา ของร่างกาย ให้เร็วที่สุด ข้อเสียคือ ทำได้ไม่ค่อยถนัด แถมต้องใช้ มือซ้าย จับหัวสวน อีกประการหนึ่ง คือน้ำกาแฟ ที่เข้าไป ต้องอออยู่ที่ลำไส้ตรง และ ในอุ้งเชิงกรานนาน กว่าที่จะไหลท้น ย้อนศรขึ้นไป ถึงท่อนที่ ๓ จึงทำให้ปวดถ่วง อยากถ่ายอย่างยิ่ง ตลอดเวลาที่สวน (ดูภาพที่ ๑)

การสวนในท่านอนหงาย ท่านี้เรียกว่า ท่าลิโท เป็นท่าที่ใช้เวลาคลอดลูก นับเป็นท่า ทะมัดทะแมงที่สุด การสวนกาแฟ เจ้าของต้องจัดการกับตัวเอง การเลือกสวนท่านี้ ให้ความถนัด ขณะเดียวกัน กาแฟก็ไม่อออยู่ ในอุ้งเชิงกรานนาน สามารถเอ่อท้น ไปยังลำไส้ ท่อนที่ ๓ ได้ง่าย จึงปวดถ่วงแต่น้อย เมื่อน้ำกาแฟ ไหลเข้า หมดแล้ว ปลดสายออก แล้วค่อยนอน ตะแคงขวา น้ำกาแฟก็ไหลไ ปยังท่อนที่ ๒ และ ๑ ได้สะดวก ท่านี้ จึงนับวัน เป็นที่นิยม มากขึ้นทุกที (ดูภาพที่ ๒)

การสวนในท่านอนตะแคงซ้าย ท่านี้เป็นท่าคลาสสิคที่พยาบาลในโรงพยาบาลใช้สวนอุจจาระผู้ป่วย เรียกท่านี้ว่า Left Sim's Position คือนอนตะแคงซ้าย คุดคู้ งอสะโพก งอเข่า เอาเข้ามาจรดอก ตัวงอเหมือนกุ้ง ท่านี้ อำนวยให้พยาบาล ซึ่งเข้าหาผู้ป่วย ที่นอนอยู่บนเตียง จากทางด้านขวาของเตียง แล้วใช้มือขวา จับหัวสวน สอดเข้าทวารผู้ป่วย ได้สะดวกที่สุด

เมื่อเอาท่านี้ มาประยุกต ใช้สวนกาแฟให้ตนเอง ท่านี้ทำได้ไม่ถนัดนัก แต่ข้อดีก็คือ น้ำกาแฟ จะไม่อออยู่ ตรงอุ้งเชิงกราน ให้เกิดความปวดถ่าย เพราะสามารถไหลไปยัง ลำไส้ท่อนที่ ๓ ทันที ท่านี้เหมาะสำหรับ คนที่กลั้นไม่เก่ง เมื่อน้ำเข้าไปหมดแล้ว จึงค่อยหันไป นอนตะแคงขวา เพื่อให้น้ำกาแฟ ไหลผ่านไปยัง ท่อนที่ ๒ และ ๑ ได้เลย (ดูภาพที่ ๓)

คนที่กลั้นไม่เก่ง มีเทคนิคเพิ่มเติมอะไรที่ควรปฏิบัติ?
กลั้นไม่เก่ง นอกจากให้สวนในท่า Left Sim's แล้ว ระดับของกระปํองสวน ก็สำคัญ คนปกติ ระดับกระปํองสวน ควรสูงกว่าตัวเรา ไม่เกิน ๙๐ ซ.ม. - ๑ เมตร อย่าให้สูงกว่านั้น เพราะระดับ สูงเกินไป แรงดันน้ำ จะมาก เกินไป อาจเกิดอันตรายได้ ทีนี้คนกลั้นไม่เก่ง อาจตั้งกระปํองสวน ให้ต่ำกว่านี้ คือสูงจาก ลำตัวในเพียง ๓๐-๖๐ ซ.ม. วิธีนี้น้ำกาแฟจะไหล เข้าไปเอื่อยๆ จึงไม่เกิดแรงดัน ให้ปวดถ่าย

ข้อห้ามของการสวนกาแฟมีอะไรบ้าง คนตัดไส้ติ่งไปแล้ว สวนได้ไหม?
สำหรับคนที่ตัดไส้ติ่งแล้วสวนได้ เพราะการผ่าตัดไส้ติ่ง แพทย์ไม่ได้ไปทำอะไรกับลิ้น ปิดเปิด ระหว่าง ลำไส้เล็ก กับลำไส้ใหญ่

ข้อห้าม คือ
๑. เด็กวัยเจริญเติบโต
๒. หญิงมีครรภ์
๓. คนแพ้กาแฟ ที่ปวดมวนท้องมากเวลาดื่ม
๔. คนที่มีลำไส้ใหญ่อุดตัน เช่น มีก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่รอการผ่าตัด
๕. คนที่ผ่าตัดลำไส้ใหญ่มาใหม่ๆ ควรรอให้แผลการตัดต่อลำไส้ใหญ่หายสนิท ให้แน่ใจ ก็ประมาณ ๑ เดือนครึ่ง
๖. คนที่ผ่าตัดลำไส้เปิดออกทางหน้าท้อง ซึ่งไม่รู้จะสวนให้ได้อย่างไร
๗. คนที่ฉายแสงบริเวณอุ้งเชิงกราน ขณะนั้นลำไส้ใหญ่ อาจถูกแสง มีอาการอักเสบ บวม ท้องเสีย

นอกจากกรณีเหล่านี้ แพทย์ฝ่ายธรรมชาติบำบัด ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป

(จากธรรมชาติบำบัด ของ น.พ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล)

(สารอโศก อันดับที่ ๒๕๓ ตุลาคม ๒๕๔๕)