แถลง
โรงบุญมังสวิรัติ
หัวหอกของบุญญาวุธหมายเลข ๑
เมื่อมีผู้ถามปัญหาพ่อท่านว่า ถ้าเกิดสงครามโลกหรือกลียุค
พวกเราจะอยู่รอดได้อย่างไร?
พ่อท่านอธิบาย ถึงคน ๒ กลุ่ม ที่จะรอดพ้นจากการเข่นฆ่าระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน
นั่นก็คือ
๑. กลุ่มพวกพยาบาล ๒. กลุ่มพลาภิบาล หรือกลุ่มที่สร้างอาหารบำรุงเลี้ยงโลก
พ่อท่านย้ำกับชาวอโศกอยู่เสมอว่า เราจะต้องมาเป็นคนติดดิน
มาเป็นชาวไร่ชาวนา สร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร เลี้ยงมนุษย์ในโลกนี้ ด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดโรงบุญมังสวิรัติตามสถานการณ์
หรือเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้น ในสังคม เช่น โรงบุญฯเนื่องในวันที่ ๕ ธันวาฯ
เป็นต้น
ทุกวันนี้นอกจากชุมชนต่างๆของชาวอโศกและญาติธรรมที่อยู่กระจายตัวทั่วประเทศ
จะจัดโรงบุญ มังสวิรัติ เป็นงานประจำปีแล้ว ก็ยังมีหมู่บ้านต่างๆที่ได้ผ่านการอบรมสัจธรรมชีวิต
ได้ช่วยกันจัดโรงบุญมังสวิรัติ ขึ้นเช่นเดียวกัน โดยมีเจ้าหน้าที่
ธ.ก.ส.ตามสาขาต่างๆ คอยช่วยประสานงาน ให้โรงบุญฯ สำเร็จลุล่วง ไปได้ด้วยดี
ภายใต้เงื่อนไขที่สำคัญคือ จะต้องไม่มีการเรี่ยไรเงินทองแต่อย่างใด
ใครมีข้าว มีผัก มีผลไม้ เช่น กล้วย มะละกอ ก็เอามาร่วมแรงร่วมใจกันจัดโรงบุญฯเลี้ยงอาหารกันให้อิ่มหนำสำราญไปด้วยบุญ
ซึ่งทำให้ที่ราชธานีอโศกสามารถจัดโรงบุญฯใหญ่ๆกระจายไปตามเครือข่ายต่างๆในจังหวัดอุบลฯได้ถึง
๑๐ แห่งด้วยกัน ในปีหน้าคาดว่าจะขยายผลออกไปตามหมู่บ้านต่างๆได้มากกว่านี้
และถ้ายิ่งสามารถ รณรงค์ให้ชาวบ้านเตรียมตัวปลูกพืชผักไร้สารพิษไว้แต่เนิ่นๆ
โดยให้ทุกอย่าง เขียวบานสะพรั่ง พร้อมกัน ในวันที่ ๕ ธันวาฯ ปีหน้าได้
ก็คงจะเป็นการพิสูจน์ฝีมือของศูนย์อบรมแต่ละแห่งว่า สามารถอบรม ให้ชาวบ้านเอาสูตรปุ๋ย
สูตรการทำกสิกรรมไร้สารพิษ ไปใช้ได้ผลมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะ สามารถทำให้จิตใจ
ของชาวบ้าน รวมตัวเสียสละกันได้มากน้อยแค่ไหนอีกด้วย
ดร.สันทัด โรจนสุนทร
ได้นำพระราชดำรัสของในหลวงที่ห้วยทราย ซึ่งได้ชี้ให้เห็นถึงความลึกซึ้งในการแก้
ปัญหาแบบยั่งยืนและบูรณาการ โดยยกตัวอย่างกรณีของการปลูกป่า ๓ อย่าง เพื่อประโยชน์
๔ อย่าง ดังนี้
๑. ปลูกไม้ฟืน เพื่อเป็นเชื้อเพลิง
๒. ปลูกป่าไม้ผล เพื่อเก็บกินและขายได้ทุกปี
๓. ปลูกป่าไม้ใช้สอยทั่วๆไป
หากชาวบ้านปลูกป่าไม้ ๓ ประเภทนี้เพื่อใช้เองแล้ว
ป่าธรรมชาติก็จะอนุรักษ์โดยปริยาย ไม่มีการบุกรุก เพื่อทำลาย และเพื่อให้เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน
ทรงกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมการสร้างจิตสำนึก และการปลูกฝังจิตใจ
ให้เกิดความรักต้นไม้ด้วย ดังพระราชดำรัสที่ว่า
"เจ้าหน้าที่ป่าไม้ควรจะต้องปลูกต้นไม้ลงในใจคนเสียก่อน
แล้วคนเหล่านั้น ก็จะพากันปลูกต้นไม้ ลงบนแผ่นดิน และรักษาต้นไม้นั้นด้วยตนเอง"
คณะผู้จัดทำ
สารอโศก
อันดับที่ ๒๕๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๕
|