โง่กว่านี้มีอีกไหม
การปฏิบัติของผมเป็นไปสม่ำเสมอตลอดมา ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะปฏิบัติให้ดี
เหมือนญาติธรรม ทั้งหลาย ที่เขาปฏิบัติกัน แต่ก็ขาดตกบกพร่องไปเป็นอันมาก
เพราะชีวิตในป่าในชนบท จะเท่าเทียม กับผู้ที่อยู่ในเมือง คงไม่ได้ คือเรื่องการกินนี่เอง
ผมขอยอมรับว่าบางครั้งผมต้องยอมกินปลา กุ้ง แต่ผมไม่ซื้อที่เป็นๆ คือเอาแต่ปลาที่ตายแล้ว
ผมมีลูก หลายคน แต่ก็ไม่เคยใช้ไปหาปลา เมื่อเขาหามาผมก็กิน แต่โดยมาก ผมกินผัก
เป็นส่วนมาก คือผม ทำกินเอง คนรอบข้างเขากินเนื้อกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเมียและลูกๆ
เพื่อนบ้านทุกๆคน
บางครั้งถูกเชิญไปงานเลี้ยง
ผมมักจะกินข้าวราดซีอิ๊ว ทนให้เพื่อนเขาพูดกระทบค่อนขอดว่า โง่กว่านี้
มีอีกไหม? เพราะมีผมคนเดียวที่เพ้อกับเรื่องการกิน อ้ายโน่นไม่กิน
อ้ายนี่ไม่กิน อย่างนั้นกิน อย่างนี้ไม่กิน
การทำงานผมต้องยอมรับว่า บางทีทั้งที่รู้ว่าบาป แต่ก็ต้องทำ เป็นชาวสวนเงาะ
ลองกอง ทุเรียน เวลาไป เก็บขาย มดเยอะไปอาศัยในช่อเงาะ ช่อลองกองและทุเรียน
จะทำอย่างไร มดก็ไม่ยอมออก จะฉีดยา ฆ่าแมลง ก็กลัวสารพิษ ก็ต้องทำวิธีใดวิธีหนึ่ง
เพื่อให้มดตายจนได้ ไม่มีทางเลือก
ยุงก็เหมือนกัน พอเข้าไปในสวนยุงแห่กันมาเป็นเมฆ จะสู้ทนให้ยุงกัดได้อย่างไร
ก็มาลาเรียเอย ไข้เลือดออกเอย ระบาดกันจนขึ้นชื่อลือชาไปทั่วจังหวัด จะยอมให้ยุงกัดคงไม่คุ้ม
แต่สัตว์อื่นๆ ผมไม่เคยฆ่า และไม่เคยใช้ใคร ไปฆ่าเลย ผมยึดมั่นในศีลและธรรมมาก
เคยบวชมา ๓ พรรษา ค่ำๆสวดมนต์ เจริญคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แผ่เมตตาให้สัตว์
เจริญมรณานุสติ และกรวดน้ำ ให้เจ้ากรรม นายเวรไม่ขาด ก่อนหลับ เจริญอานา
ปาณสติ มีสมาธิเพียงพอ ที่จะทำจิตให้สงบได้ในบางครั้ง
รุ่งอรุณเดินออกกำลังกาย
บริกรรมพุทโธเป็นอารมณ์ ตลอดระยะทางกิโลกว่าทุกวัน ผมมีอิสระเต็มที่ ในการอยู่กิน
ไม่เกี่ยวกับลูกและเมีย ผมกินถั่ว งา ถั่วต่างๆ มาแช่น้ำ แล้วหุงกับข้าว
เป็นประจำ แม้แต่ โปรตีนเกษตร หรือ เนื้อเทียม ผมซื้อจากยะลา ซึ่งส่งไปจาก
สันติอโศกนั้นแหละ หุงเป็นกับข้าว กินอร่อย ผมถือว่าอร่อย ตามมีตามเกิด ประเสริฐกว่า
ผักพื้นบ้านผมปลูกในบริเวณบ้าน ผักหวาน ตำลึง พริก ข่า ตะไคร้ ขมิ้น มีเยอะ
ไม่เคยซื้อ ผมยึดถือ เกษตรพอเพียงตามพระราชดำริอย่างเต็มที่
หลายครั้งที่เพื่อนๆอิสลามเชิญไปในงานกินเลี้ยง(มาแกปโล๊ะ)
งานแต่งงาน งานเข้าสุนัต(เข้าบวช) คนอิสลาม ขั้นฮัจยีมาถามว่า ทำไมไม่กินเนื้อวัวเนื้อไก่
ผมตอบว่า ผมไม่กิน เพราะ ไม่อยาก ให้ใครฆ่าสัตว์ สงสารสัตว์ ที่ถูกฆ่าเอาเนื้อมากิน
เขาว่าถึงเราไม่กินเขาก็ฆ่า ผมตอบว่า เขาฆ่าก็ฆ่าน้อยลง เพราะเขาฆ่า ไม่ต้องเผื่อเรา
สัตว์ก็ตายน้อยลง เขาว่าถือได้เช่นนี้ ทำไมไม่บวชพระ ผมว่าผมเคยบวชนานแล้ว
เดี๋ยวนี้ผมก็ยังบวชอยู่คือ บวชใจนั้นเอง
ผมเคยนั่งคิดนอนคิดว่า ผมอยากจะช่วยเหลือผู้อื่นอะไรได้บ้าง
อยากจะทำดีให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน พอดีได้รับหนังสือดอกหญ้า ปกหลังมีเรื่องสมุนไพรสะเดากับยอ
ผมสั่งซื้อไป ๒ เล่ม บางคนมาเห็นผมอ่าน เขาอยากได้กันมาก ผมจึงสั่งซื้อไปแจกกับผู้ที่เขาสนใจอยากได้เป็นจำนวนมาก
เมื่อต้นเดือน พฤศจิกายน'๔๕ นี้ ผมส่งเงินมาสมัครเป็นสมาชิก หนังสือเราคิดอะไร
๑ ปี ผมกะว่าเมื่อเราอ่านจบ ก็เอาไปให้ ที่อ่านหนังสือพิมพ์ ประจำหมู่บ้านของเทศบาลคอกช้าง
เผื่อมีคนสนใจอ่าน นี่ก็เป็นแนวทางหนึ่ง ที่ผมคิดได้และทำได้
ก่อนๆนี้ ผมเคยพิมพ์เป็นแผ่นพับ แจกในงานศพคือ
การเจริญมรณานุสติ แจกไปหลายศพแล้ว และจะทำต่อไป อีกนาน
* จ่าย พรหมวาส / จ.ยะลา
ถ้าโง่แล้วเป็นบุญ จงทำเถิดดีกว่าฉลาดแล้วเป็นบาป
ไม่คุ้มเลย
- บ.ก. -
อย่าไปตำหนิเขา
ตามที่ได้อ่านสารอโศกและดอกหญ้ามานานพอสมควร ประมาณ ๒-๓ ฉบับแล้ว แต่เพิ่งเขียน
มาคุยเป็นครั้งแรก คงจะไม่ว่าอะไรนะคะ แต่ต่อไปรับรองว่าจะเขียนมาคุยตลอดเลย
เพราะชอบหนังสือ ที่สร้างสรรแบบนี้มานานแล้ว
ในฐานะที่เป็นครู และเเป็นผู้ที่ชอบพัฒนาเยาวชนของชาติด้วยธรรมะ ดิฉันเคยไป
พุทธสถาน ศีรษะอโศก มาแล้วครั้งหนึ่ง ได้ทราบถึงเรื่องการเรียนรู้ของนักเรียนสัมมาสิกขา
ทำอย่างไร ประเทศไทย ถึงจะมีการเรียน แบบสัมมาสิกขา คือ รักษาศีล
เน้นศีล และให้คนทำงานเป็น
แม้แต่ตัวดิฉันเองเป็นครู
แต่มีความรู้สึกว่าเด็กนักเรียนที่สอน ไม่ได้บรรลุจุดประสงค์ ของการเรียนที่ดี
แต่ได้คะแนน และได้เลื่อนชั้นไป โดยที่ดิฉันมีความรู้สึกว่า เขาไม่ได้เป็นคน
ที่โลกต้องการ
แต่คนทุกวันนี้โดยเฉพาะครูทั้งหลาย สอนนักเรียนโดยใช้นักเรียนเป็นเครื่องมือทำมาหากิน
การเรียน การสอน เป็นเพียงการบอก แต่ขาดการปฏิบัติจริง และที่สำคัญคือ สอนให้คนแข่งขัน
ชิงดีชิงเด่น ขาดการเป็นผู้ให้ แล้วตัดสินผู้สอนจากการดูงานเอกสาร คุณภาพที่แท้จริง
ของนักเรียน ไม่รู้อยู่ที่ไหน ผลการเรียน ทำตามนโยบาย เบื้องบนว่า ต้องให้ได้คะแนนเท่านั้นเท่านี้
ห้ามนักเรียนตก โรงเรียน ก็ต้องทำตาม ฯลฯ เหล่านี้ทำให้นักเรียน ที่จบการศึกษา
เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีศีล อย่าว่าแต่เป็นผู้ที่ทำงาน ไม่หวังผลตอบแทนเลย แค่เขาไม่สร้างความเดือดร้อน
ให้ตัวเองก็บุญแล้วค่ะ
ที่จริงแล้วดิฉันเห็นด้วยกับการปฏิบัติของชาวอโศกทุกประการ
แต่มีอีกอย่างหนึ่ง ที่อยากแสดง ความคิดเห็น คือ ไม่อยากให้สารอโศก หรือดอกหญ้าเขียน
ถึงคนอื่น (หรือคนกลุ่มอื่น) ที่เขา มีแนว ปฏิบัติแบบอื่น คือเขาจะทำอย่างไรก็ช่างเขา
อย่าไปตำหนิ หรือเชิงตำหนิเขาเลยนะคะ
ส่วนตัวดิฉันเองเห็นด้วยมากๆ
แต่ยังทำตามไม่ได้ทุกอย่าง คือ กินอาหารเจไม่ได้ ที่กินไม่ได้ เพราะไม่มีจะกิน
เพราะไม่ได้เป็นคนทำกับข้าว น้องและแม่ทำ แต่ก็เลิกอาหารเนื้อวัวได้ ๑๐ กว่าปีแล้ว
หมูกำลังจะเลิกกิน กำลังลด และจะลดไปเรื่อยๆค่ะ ส่วนศีล ก็รักษาศีล ๕ และรักษาศีล
๘ บางโอกาส โดยส่วนตัวแล้ว ดิฉันไม่เห็นด้วย กับอะไรหลายๆอย่าง ในสังคมนี้
เช่น กีฬาต้านยาเสพติด เพราะแถวบ้านดิฉัน กีฬาคือ ตัวสนับสนุน ให้มียาเสพติดแทบทั้งนั้น
ฉบับนี้ขอจบแค่นี้ก่อน ฉบับหน้าจะเขียนมาใหม่
แล้วถ้าจะเขียนมาแสดงความคิดเห็น ทำนอง วิพากษ์ วิจารณ์ หรือแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะในวงการศึกษาไทย และ อาจจะขอลง ในคอลัมน์ต่างๆบ้าง
คงจะไม่ว่าอะไรนะคะ
* มณีประภา สกุลลักษณ์ / จ.สุรินทร์
นึกถึงสำนวนที่เขาบอกกันว่า "ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์"
คือ แล้วแต่ใครจะดีชั่วก็ช่างเขาเถิด หรืออาจจะลอง เปลี่ยนเป็นคำว่า "ชั่วช่างนักเรียน
ดีช่างครู" แล้วสังคมการศึกษาของไทย จะไปรอดหรือ
- บ.ก. -
ได้เงินพนัน
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ผมได้ช่วยงานที่ ชมร. สันติอโศกจนบ่ายคล้อย จึงได้นั่งรถเมล์สาย
๗๓ ก. ครีมแดง เผอิญนั่งติดกับเด็กหนุ่ม ซึ่งไม่มีเงินปลีก คงมีแต่ธนบัตรใบละ
๑,๐๐๐ บาท พนักงานเก็บเงินไม่มีเงินทอน แต่ก็ไม่มีอารมณ์โกรธแสดงออกมา (ค่าโดยสาร
๓.๕๐ บาท) เด็กหนุ่มขอแลกเงินกับผม แต่ผมมีไม่พอ เพราะได้ซื้อของที่ร้านพลังบุญไปบางส่วนแล้ว
เราทั้งสองจึงได้คุยกัน ทราบว่าเป็นเด็กนักเรียนพาณิชยการแห่งหนึ่งแถวลาดพร้าว
ช่วงสิ้นเดือน ผู้ปกครอง จะส่งเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเรียนมาให้ เป็นเด็กมาจากจังหวัดน่าน
บิดาเป็นข้าราชการ มารดา เป็นแม่บ้าน
ผมเตือนเด็กหนุ่มด้วยความหวังดีว่า
อย่าเที่ยวกลางคืน เพราะกรุงเทพฯ สิ่งยั่วยวนมีอยู่ทั่วไป ก็ดีใจ ที่เด็กหนุ่มตอบว่า
เขาเป็นคนไม่ชอบเที่ยวอยู่แล้ว ตั้งแต่ศึกษาอยู่ต่างจังหวัด แต่ตกใจมาก เมื่อเด็กหนุ่ม
ตอบว่า ชอบเล่นการพนันมาก โดยเฉพาะไพ่ เพื่อนๆ
ที่หอพักตั้งกลุ่มเล่นกันหลายคน
ผมจึงต้องเตือนสติเด็กหนุ่มอีกว่า
ไม่สงสารพ่อแม่หรือที่ส่งเงินมาแล้วเรามาเล่นการพนัน สู้นำเงิน ที่จะเล่น
การพนันนั้น ออมทรัพย์ โดยการหยอดกระปุกเก็บเงินจะดีกว่า ยิ่งเห็นใจมากขึ้น
เมื่อเด็กหนุ่ม ตอบว่า ส่วนมาก ตัวเขาเป็นผู้ที่เล่นแล้วได้ ไม่ค่อยเสียเท่าไหร่
และเล่นการพนัน มาแล้ว ๑๐ ปี
ขณะนั้นผมคิดว่า จะทำอย่างไรเพื่อช่วยเด็กๆให้มีสติเลิกอบายมุข
จึงพูดเปรียบเปรยขึ้น
"เพื่อนๆ คุณมีบ้างไหม ที่พ่อแม่เป็นเกษตรกร
ซึ่งกว่าจะได้มาแต่ละบาท จะต้องเสียเหงื่อและน้ำตา ตลอดจน การอดอยาก เพื่อที่จะได้เงินมา
เพื่อส่งเสียลูกให้ได้เรียนหนังสือ คุณมีความสุขหรือ ที่ได้เงิน พนันมา บนความทุกข์
ของพ่อแม่เพื่อนคุณ"
ได้ผลครับ เด็กหนุ่มตอบรับกลับมา
ทำให้ผมมีความรู้สึกอิ่มใจจริงๆ เขาตอบว่า "คุณพี่พูดแบบนี้ ทำให้ผม
ไม่ต้องการเงินนั้น เห็นภาพเลย (ตามที่ผมพูด) ถ้าอย่างนี้ผมทำใจได้ที่จะไม่เล่นไพ่"
พอดีถึงป้าย ที่เขาลงไป ผมได้แต่หวังว่าสิ่งที่พูดไปขอให้เขาปฏิบัติได้
สิ่งที่ผมได้สนทนา ก็มาจากการฟังธรรม
ของพ่อท่าน ตลอดจนสมณะ และการปฏิบัติของชาวอโศก ทุกท่าน ซึ่งทำให้ผม ไม่ข้องแวะกับอบายมุขอีกครับ
ป.ล. พ่อท่านเทศน์เกี่ยวกับการดูฟุตบอล
ซึ่งมีการตีพิมพ์ในสารอโศก พี่ชายผมได้อ่านแล้วชอบใจ ก็จะมาชี้โทษ ให้ผมฟังเสมอ
เพราะผมเป็นผู้ที่ชอบดูฟุตบอลมาก (อดีตเคยเล่นการพนันบอลมาก่อน) จนมาเมื่อ
วันเสาร์ที่ ๙ พ.ย.'๔๕ นี่แหละ ที่พี่ชายก็มาย้ำอีกว่า จะฟ้องพ่อท่าน ว่าผมยังชอบดูฟุตบอล
ผมเลยประกาศว่า ตั้งแต่นี้ไป ผมจะไม่ดูอีก ไม่ว่าฟุตบอลของประเทศไหน
* สมชาย อนุรักษ์ฤานนท์ / กทม.
เงินพนันที่ได้มาล้วนมาจากความยากลำบาก ความเหน็ดเหนื่อย หยาดเหงื่อ หรือแม้หยดน้ำตาของผู้อื่น
เขาเรียกกันว่า เงินร้อน เงินที่จะทำให้ผู้ได้มาต้องเดือดร้อนภายหลัง
- บ.ก. -
บำรุงดินก่อน
ดิฉันเป็นคนกินน้อยใช้น้อยแน่ๆค่ะ เพราะดิฉันไม่ใช้แป้ง
ไม่ใช้สบู่ เสื้อผ้าก็มีน้อยชุด กิน ๒ มื้อบ้าง ๑ มื้อบ้าง ไม่กินอะไรเลย
กินน้ำอย่างเดียวใน ๑ วันบ้าง ดิฉันทำได้ มังสวิรัติตลอดค่ะ
ขณะนี้ดิฉันปลูกต้นไม้ลงทุนมาก
ซึ่งทุนก็มีไม่มากมายนัก ต้องซื้อดินมาถมที่ (ของพ่อแม่ทั้งดินเดิม และ ดินถมใหม่)
เพราะดินเดิมน้ำจะท่วมตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงสิ้นเดือนธันวาคม และท่วม สูงมาก
๑ เมตรครึ่ง ทุกปี พื้นที่ ๑ ไร่กว่าๆ ก็ปลูกพืชผักไม่ได้ผลเลย ดินเหนียวมาก
ปลูกมะละกอ ไม่โตเลย เมื่อเดือน มิถุนา - ปัจจุบัน ต้นยังเท่าเดิมอยู่เลยค่ะ
ใช้น้ำหมักรด แต่ไม่มีปุ๋ยคอก ไม่มี ปุ๋ยหมักใส่ สารเคมีไม่ใช้ ก็เลยต้องไป
ซื้อมะละกอตลาด มาตำส้มกินเอง
พฤติกรรมที่ดิฉันเล่ามานั้น ได้มาจากการอ่านสารอโศกบ้าง ดอกหญ้าบ้าง มีประโยชน์ทั้งนั้น
* เพลินพิศ ขาวสะอาด / จ.สุพรรณบุรี
การปลูกพืช
หากยังไม่ปลูกดินให้สมบูรณ์ก่อน โดยทำให้ดินดี พืชจะเอาอาหารที่ไหน บำรุงตัวเอง
ให้เจริญ เติบโตดี ควรหาปุ๋ยหมักธรรมชาติช่วยด้วยเพื่อบำรุงดิน และควรดูว่า
พืชแบบใดเหมาะ กับดิน แบบไหนด้วย ลองศึกษาจากหนังสือ "กู้ดินพลิกฟื้นธรรมชาติ"
ที่ส่งไปให้ดูเถิด
- บ.ก. -
ปฏิบัติธรรมยิ่งขึ้น
ฉันเคยได้ยินใครคนหนึ่งกล่าวว่า ไม่เห็นทุกข์จะรู้ทุกข์ได้อย่างไร?กว่าฉันจะยอมรับว่า
มันเป็นของมัน อย่างนั้นแหละ ฉันก็เป็นทุกข์กับเรื่องราวที่ฉันคิดว่า มันคือความทุกข์เสียนาน
และใช้เวลา กับภาวะนั้น มากมาย พาลเอากับสิ่ง-แวดล้อมรอบกายไปหมดทุกอย่าง โทษโน่น
โทษนี่ เป็นเพราะเขา....เพราะมัน.... เพราะแก อยากจะตายเพื่อพ้นทุกข์ ขณะที่ปากบอกว่า
ไม่รักตัวเอง แต่ความจริง รักตัวเองมากต่างหาก ถึงอยากตาย เพราะคิดว่าตายแล้วมันไม่ทุกข์
ฉันเคยปฏิบัติธรรม และ ถือศีลมาบ้าง ถึงทุกวันนี้ก็พยายามรักษาศีล
๕ ให้บริสุทธิ์ และถือศีล ๘ ทุกวันพระ แต่ก็มีเวลาที่ศีลพร่องเหมือนกัน เพราะบางทีกิเลสเช่น
โทสะบ้าง โมหะบ้าง ฯลฯ เข้ามา ก็ไม่สามารถ จะหยุดตัวเองให้สงบได้ หรือสงบได้ช้า
วันหนึ่งมีโอกาสได้อ่านหนังสือสารอโศก ถึงเข้าใจว่า ควรใช้ชีวิต อย่างไร
ให้มีความสุข เดี๋ยวนี้สารอโศกเล่มหนึ่ง อ่านหลายรอบ ก่อนนั้น อ่านจบก็จบกัน
บางครั้ง ก็อ่าน แต่เรื่องราวที่สนใจ ตอนนี้อ่านทุกบรรทัดเลยทีเดียว แถมเอาติดมือไปด้วยตลอด
ว่างเมื่อไหร่ ก็เอาขึ้นมา อ่านซ้ำๆ อ่านไปพิจารณาไป ทำให้เข้าใจเรื่องของชีวิตมากขึ้น
ยอมรับ ความคับแค้นใจ ความรู้สึก ไม่พอใจได้แบบ ไม่ทุรนทุรายเหมือนที่ผ่านมา
และเป็นความโชคดีอีกเรื่อง ที่มีโอกาส
ได้เริ่มกินอาหารมังสวิรัติ ตอนป่วย ด้วยโรค กระดูกสันหลังมีปัญหา ก้มเงยไม่ได้
ต้องนอนบนเตียง และจำกัดกิจกรรมหลายอย่างอยู่ ๓-๔ เดือน มีน้องสาวร่วมโลกสองคน
ที่รู้จักกันในสำนักปฏิบัติธรรมเป็นผู้ดูแลอย่างดี จนอาการดังกล่าว เกือบเป็นปกติ
ยังรู้สึกขอบคุณ ในความมีน้ำใจ ของเขาเสมอ น้องสองคน เป็นญาติธรรมกินมังสวิรัติมานานแล้ว
เขาเคยบอกว่า เคยฟังพระ ท่านถามว่า "หมูมันทำอะไรให้คุณ มันด่าพ่อแม่คุณรึ
ถึง(ฆ่า)มันกิน"
คงได้อานิสงส์จากเขาสองคน
เลยอยากเลิกกินเนื้อสัตว์
หลังจากนั้นใจมันบอกว่า ต่อไปนี้
ฉันจะบริโภค อาหารเนื้อ ให้น้อยที่สุด จนถึงไม่บริโภคมันอีกเลย ทุกวันนี้ก็ยังปฏิบัติอย่างนี้
ยกเว้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ (ด้วยหน้าที่ในสังคม) แต่ก็ไม่เคยฆ่าชีวิตเขาเหล่านั้น
โดยเจตนา แม้ยุงหรือมดสักตัว ก็จะไม่ทำร้าย เห็นใครทำ ก็จะขอชีวิตเขา ด้วยซ้ำไป
ช่วงระยะเวลาที่เจ็บป่วยนี่ สังขารมันเจ็บปวด
ทุกข์ทรมานมาก ขณะนี้ก็ยังเป็นอยู่ บางคืน แทบไม่ได้นอน แขนขาไม่รู้จะวางอย่างไร
ไม่ให้เจ็บปวด แต่พอวางความเจ็บปวดลง จิตใจ มันก็ไม่ทุกข์
ไม่กังวลเลย กับสังขาร ร่างกายอันเน่านี้หนอ มันรู้ว่า....ทุกอย่าง
เป็นไปตามธรรมชาติ ของมันเอง แม้แต่ความรู้สึก ไม่พอใจคนโน้น คนนี้ ทำไมเขาเป็นแบบนั้น
ทำไมไม่เป็นแบบนี้ ทำไมไม่คิดเหมือนเรา ทำไมไม่เข้าใจเรานะ ฉันทำดี ทำไมไม่เห็น
รวมถึงการคิดว่าฉันไม่ผิด
ปัจจุบัน....ความคิดเหล่านี้ลดน้อยลงไปมาก
และจะพยายาม ทำให้ไม่มีความอคติเหล่านี้ เกิดขึ้นในใจอีก
การอ่านหนังสือธรรมะ และการได้ปฏิบัติตาม
ได้ความสุขทางใจอย่างยิ่ง การทำดีเพื่อดี ไม่ใช่ทำดี เพื่อเอาดี และ การทำดีก็ต้องเป็นอิสระจากดีด้วย
ถึงจะถูกต้อง ธรรมะอยู่นอกเหตุ เหนือผล คำสอนของ พระพุทธองค์ ก็ยังคงเป็นสัจธรรม
ตลอดกาล
ถึงแม้ฉันจะไม่มีโอกาสได้ไปร่วมกลุ่มกับชาวอโศก
แต่หนังสือสารอโศก และหนังสือดอกหญ้า ที่ฉันได้อ่าน ทุกเล่มเป็นประโยชน์กับฉันอย่างยิ่ง
วันนี้ฉันกำลังพยายามละ เลิกอกุศลกรรม ทั้งหลาย และจะหมั่น สั่งสมความดีเอาไว้
จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ถ้ามีโอกาสเผื่อแผ่ให้ใครได้ ฉันก็พร้อมจะทำ
เคยได้ยินมาว่า....ความจนทำให้คนโตเร็ว
ความลำบากทำให้เข้มแข็ง
ความเสียใจทำให้รู้คุณค่าปีติ
ความทุกข์ทำให้รู้จักดูดดื่มความสุขเป็น
ความเจ็บไข้ทำให้ชีวิตไม่ประมาท
ความตายทำให้กล้า
และ....ความขัดแย้งทำให้เกิดสัมพันธภาพตามมา
* ชนมน / จ.เชียงใหม่
พุทธศาสนิกชนแท้จะไม่หยุดอยู่ในกุศลกรรม นั่นคือจะมีการพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของตน
ให้เจริญ ในการปฏิบัติธรรม ยิ่งๆขึ้นเสมอ
- บ.ก. -
ทำจริง-ได้จริง
บางส่วนของการปฏิบัติธรรม เมื่อช่วงเข้าพรรษาคือ
๑. อดอาหารทุกวันศุกร์ ดื่มแต่น้ำเปล่า
๒. งดเพศสัมพันธ์ให้นานที่สุด
๓. ไม่ย้อมผมเพื่อปิดผมขาว
๔. รับประทานอาหารแบบสมณะ คือ ผสมอาหารทุกอย่างลงในชามใบใหญ่ หรือกะละมัง
การปฏิบัติธรรมสรุปผลก็คือ ผ่าน ๘๕ % ยังคงต้องปรับปรุง
และปรับเปลี่ยนจิต ให้เจริญก้าวหน้า ในระดับสภาวะธรรมต่อไป
สำหรับการกระทำธรรมตั้งแต่นี้ต่อไป ก็คงจะเป็นเรื่องของ
"เงิน" เพราะผมรับราชการนั้นมีเงินเดือน ซึ่งว่ากัน ตามความจริงก็คือ
ยังเอาเปรียบสังคมอยู่ หากว่าทำงานไม่เต็มที่ หรืออยู่ว่างเปล่า เหตุนั้น
มีหลายอย่าง เช่น การเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย โดยเฉพาะเป็นข้าราชการทหารด้วยแล้ว
นอกจาก ระเบียบ ข้อบังคับแล้ว ยังต้องมีวินัยกำกับด้วย ทหารนั้นถือว่าวินัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
จึงทำให้ การจะกระทำ อะไรก็ตาม หากว่า ไม่เป็นที่สบอารมณ์ ของผู้บังคับบัญชาแล้ว
อุปสรรคปัญหาต่างๆ จะตามมา อันจะส่งผล ให้การทำงาน สะดุดได้
แม้จะเป็นนักปฏิบัติธรรมแล้วก็ตาม ก็ต้องใช้การประมาณปฏิบัติอย่างมาก
ต้องมีความฉลาด ในการต่อสู้ กับกิเลสอุปทาน เช่น ความกลัวต่างๆที่โลกๆเขากลัวกัน
โดยเฉพาะเรื่องของความเกรงใจ ต่อผู้บังคับบัญชา เพราะว่า คนทางโลก เห็นเงินสามารถซื้ออะไรได้หมด
ผู้บังคับบัญชาของผมนั้น ก็เข้าข่ายนี้ เพราะได้ยิน เต็มสองหูว่า เงินสามารถทำให้มีความสุขได้
และเขาก็ได้พิสูจน์หลักความเชื่อนั้น กับผมแล้วด้วย
หัวหน้าของผมได้ให้เงินแก่ผมรวม ๓ ครั้ง
ครั้งแรก ๒,๐๐๐ บาท ผมบอกว่าผมไม่เอาครับหัวหน้า หัวหน้า ก็บอกว่า เอาไปเถอะเงินเดือนผมเอง
ผมก็ถามว่าค่าอะไรครับ หัวหน้าก็บอกว่าเอาไปเถอะ ครั้งที่สอง ๑,๐๐๐ บาท ผมก็บอกผมไม่เอาครับ
เหมือนเดิมหัวหน้าก็บอกเช่นทำนองเดียวกัน ครั้งที่สาม ๑,๐๐๐ บาท ผมก็บอก
ไม่เป็นไรครับ หมายถึงไม่เอาเช่นเดิม ก็เช่นเดิม หัวหน้าก็บังคับให้รับไปเหมือนเดิม
รวม ๔,๐๐๐ บาท
สิ่งที่ผมจะต้องปฏิบัตินับแต่นี้ไปก็คือ
"ผมจะไม่รับเงินจากหัวหน้าอีกแล้ว" โดยบอกว่าผมพอแล้ว โปรดติดตาม
ตอนต่อไป ก็แล้วกันนะครับ ว่าจะสำเร็จแค่ไหน หรือมีผลกระทบอย่างใดบ้าง ผมพยายาม
จะเน้นศีลข้อ ๒ ให้ละเอียดยิ่งๆขึ้นครับ เพราะไม่งั้นศีลข้อ ๔ ก็ด่างพร้อยตามไปด้วย
ศีลสองข้อนี้แหละ สำคัญมาก
ยังมีศีลข้อสามอีกข้อ ผมยังเผลอมองขาผู้หญิง
มันคล้ายกับว่าเป็นธรรมชาติของผู้ชายตัวผู้ ที่เป็น สัญชาตญาณ ดั้งเดิม ผมก็ต้องพิจารณาทุกทีเลย
คือ พิจารณาว่า ความไม่งาม มันรออยู่ข้างหน้านะ เวลานั่งถ่ายทุกข์ ก็เหมือนกัน
จะนั่งยองๆหรือชักโครก ก็น่าทุเรศเหมือนกันนั่นแล
การรับประทานอาหารไม่ปรุงแต่ง จะช่วยได้เยอะในเรื่องของความเกิดขึ้นแห่งดำริกามเรื่องเพศ
จึงต้อง ปฏิบัติตัวนี้ ให้มากๆ จึงกินข้าวคลุกกันหมดในกะละมังใบเล็กที่ผมใช้กินทุกวัน
ก็พอจะช่วยได้บ้าง
* สหพล คงถาวร / กทม.
หากตั้งใจปฏิบัติธรรมจริงๆ ไม่ย่อท้อ ไม่ละความเพียร
ย่อมได้มรรคผลแน่ๆ อันจะเข้าถึงสภาวะธรรม ดีๆสูงๆขึ้น
- บ.ก. -
เบาภาระ
หลังจากที่ศึกษาธรรมะต่างๆจากหนังสือของอโศก ก็ได้ค่อยๆพยายามประพฤติปฏิบัติ
ตามสติกำลัง ปัญญาของ ตัวเอง ที่คิดว่าจะกระทำได้ ก็ได้พยายามเรื่อยมา โดยเฉพาะ
เรื่องอาหารการกิน
ปี ๒๕๔๓ หลังจากกลับจากงานอโศกรำลึก ก็ตั้งตบะกับตัวเองว่า
จะกิน ๒ มื้อ ทำให้ได้เห็นกิเลส ความอยาก อุปาทานต่างๆ ของตัวเองมากมาย และอานิสงส์ของการไม่กินอาหารมื้อเย็น
ประโยชน์ ที่ได้รับคือ
ภรรยาไม่ต้องกังวลว่า เย็นนี้จะทำอาหารอะไรให้ผมกิน
เพราะผมกินมังสวิรัติ ส่วนภรรยาและลูก ยังกินเนื้ออยู่ ผมก็ไม่ต้องกังวลว่าเย็นนี้จะกินอะไร
ช่วงมิ.ย.-ก.ค. เป็นช่วงฤดูทำนาปีพอดี กลับจากทำงาน ในเมืองตอนเย็น ก็จะไปเตรียมพื้นที่ที่จะทำนา
(ทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราว ร.พ.สวนดอก) ทำให้ได้มีเวลา ที่จะทำอะไรๆ ต่างๆ
ที่เป็นประโยชน์มากมาย
ปี ๒๕๔๔ ตั้งตบะกับตัวเองว่า จะกินมื้อเดียวในวันเกิดของตัวเอง
ยิ่งทำให้เห็นอะไรต่างๆมากมาย โดยเฉพาะ ที่จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจ มีสติควบคุมตัวเอง
ในวันที่กินมื้อเดียว นานวันเข้า เหมือนกับ วันพระ ที่เจ็ดวันก็จะครบรอบครั้งหนึ่ง
ทำให้รู้สึกเบาสบาย ไม่ทำตัวเองให้เป็นภาระ ของตัวเองและภรรยา ปลดเปลื้องตัวเอง
จากพันธนาการ ที่รับประทานอาหารหลายมื้อ ยิ่งทำให้ เห็นอานิสงส์ และ ประโยชน์
ต่างๆ พอถึงเข้าพรรษาก็เพิ่มวันพระอีกวัน สัปดาห์หนึ่ง ก็จะทานมื้อเดียว
สองวัน สัปดาห์ไหน วันพระ ตรงกับวันเกิด ก็จะทานมื้อเดียวหนึ่งวัน
๑๑ ก.พ. ๔๕ ประสบอุบัติเหตุ คงเป็นเพราะวิบากกรรมเก่า
แต่ก็ไม่เป็นอะไรมากนัก หัวแตกเย็บห้าเข็ม นอนพักรักษาตัว ที่โรงพยาบาลสามคืน
หมอให้ลาป่วยพักรักษาตัวที่บ้าน อีกแปดวัน ตบะต่างๆ ที่ตั้งไว้ เป็นอันต้องพักไว้ก่อน
หมอบอกว่ารับประทานยาให้หมด เลยต้องกลับมากิน ๓ มื้อ อีกสิบกว่าวัน
พอยาหมดก็พอดีวันเกิดเวียนมาครบพอดี เลยตั้งตบะกับตัวเองว่า
จะทานมื้อเดียวชดเชย ช่วงที่ป่วย สิบกว่าวัน นึกถึงคำที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
จงรีบเร่งกระทำความดีให้เร็วไว เพราะถ้ากระทำความดีช้าไป ใจจะยินดีในความชั่วพอหายป่วย
กระผมมีความตั้งใจมาก และอยากจะพิสูจน์ อานิสงส์ ของการกิน มื้อเดียวด้วย
แม้จะอยู่ในเพศฆราวาสก็ตาม ก็พยายามมีสติปรับกายกับใจ ให้ยินดี ในการประพฤติ
ปฏิบัติของตน ช่วงแรกๆ ก็ได้รับการต่อต้านมาก จากภายนอกและร่างกาย ต้องมีสติคอยกำกับดูแลตลอด
เท่าที่สังเกต วันไหนถ้าเครียด ทำงานหนัก เผลอสติไม่พอใจ พักผ่อนไม่พอ ก็จะเพลียมาก
ปัจจุบันยังกินมื้อเดียวอยู่ แม้จะตกร่วงบ้างบางครั้ง จะพยายามทำให้ดียิ่งๆขึ้น
* ประพันธ์ ขันแก้ว / จ.เชียงใหม่
เมื่อคนเราสามารถลดภาระของตนได้โดยธรรม ก็จะพลอยเบาภาระแก่คนรอบข้างด้วยโดยจริง
- บ.ก. -
ป่วยยกไว้
หนังสือสารอโศกกับดอกหญ้าได้รับแล้วครับ แล้วก็จดหมายตอบที่ท่านส่งมา ผมก็ได้รับแล้วครับ
หลังจาก อ่านจดหมาย ทำให้เข้าใจเป้าหมายชีวิต ตัวเองมากขึ้น เมื่อเห็นว่าดีแล้ว
ถ้าไม่ทำดี ไม่ไขว่คว้าเข้าใส่ตัว ก็ยังเป็นคน ที่ไม่รู้จักดีอยู่นั่นเอง
ช่วงนี้การถือศีลของผมเคร่งมากขึ้น
จากการเช็คศีลในช่วงค่ำก่อนนอน มีบางวันที่ศีลขาด เนื่องจาก ไม่เจตนา
แต่ก็น้อยวัน เนื่องจากผมจะระลึกถึงศีลเสมอ
ศีลข้อ ๔ ที่เมื่อก่อนจะผิดบ่อย ในข้อพูดเพ้อเจ้อ
ตอนนี้ไม่ค่อยผิดแล้วครับ เนื่องจาก ผมกำลัง ประมาณ ในการพูด
พรรษานี้ผมถือศีล ๗ ข้อครับ ศีลข้อ ๖ วิกาลโภชนา
มีผิดบ้างในช่วงไข้ไม่สบาย ก็ต้องยกให้กับตัวเอง ไม่ได้ตามใจกิเลสตามใจปาก
แต่เป็นไปเพื่อรักษาร่างกายให้แข็งแรงไวๆ ประกอบกับกินยา หลังอาหาร ช่วงเย็น
ผมกินสองมื้อครับ ก็จะกินตลอดไป แม้ออกพรรษา ก็จะถือศีล ๗ ตลอดไป เมื่อโอกาส
อำนวย พื้นฐาน แข็งแรงมากขึ้น ก็จะเพิ่มอธิศีลให้มากขึ้น
ที่จริงการต่อสู้กับกิเลสความทะยานอยากในตัวเอง
ไม่ได้ลำบากจนเกินความสามารถของตัวเอง แต่ก็แปลก ที่บางคนแม้แต่คิด ยังไม่กล้าคิดที่จะสู้กับตัวเอง
กับกิเลสตัวเอง แม้ในขั้นอบายมุข ๖ หยาบๆ ยังละกัน ไม่หลุด ยังคิดกันไม่เป็น
คงจะยากที่เข้าถึงธรรมะ
เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๕ ผมเข้าประชุมกลุ่มญาติธรรม
มีญาติธรรมท่านหนึ่ง เสนอแนะ ให้ผมตั้ง ตบะธรรม เรื่องอบายมุข ๖ ซึ่งผมก็น้อมรับ
ความปรารถนาดี ของญาติธรรมท่านไว้ แต่ผมก็ไม่ได้ ตั้งตบะธรรม เรื่องอบายมุข
๖ เนื่องจากเรื่องนี้ผมละขาดเลิกมานาน จนไม่ติดใจสงสัยอะไร ในอบายมุข ๖ แล้ว
ช่วงนี้ที่กำลังทำคือการรักษาศีล สังวรระวังศีล ถือศีลให้เป็นปกติสุข ถือให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดา
ธรรมชาติ ที่ต้องมีคู่กับชีวิตเรา
มีลุงของผมคนหนึ่งเป็นมรรคทายกวัด ท่านถามผมทำไมไม่ค่อยไปวัดทำบุญรักษาศีล
รับศีลรับพรบ้าง ผมบอกท่านไปว่า ไม่ต้องไปรับศีลจากพระหรอก แค่เรานึกถึงศีลทั้ง
๕ ข้อ แล้วก็ประพฤติปฏิบัติตามศีล ๕ ที่เรารู้อยู่ว่ามีอะไรบ้างที่บ้าน ก็ถือว่ามีศีลแล้ว
ดีกว่าไปรับศีล แล้วก็กลับมาฆ่าสัตว์ ฯลฯ แบบเก่า โดยไม่เอาศีล มาปฏิบัติ
ลุงผมมองหน้าผม แล้วบอกว่า ทำไม่ได้หรอก จะไม่ให้ฆ่ามดฆ่ายุงได้อย่างไร
จริงๆแล้วเรื่องถือศีลอย่างจริงจังของชาวอโศก
ถ้าคุยให้คนนอกๆฟัง เขาจะไม่เข้าใจ ดีไม่ดี จะทะเลาะกัน ไปเปล่าๆ ผมก็เลยต้องเงียบ
ที่ผมไม่ไปวัดเนื่องจากไม่ค่อยศรัทธาคนที่ห่มผ้าเหลือง พระที่น่าเคารพ มีมากครับ
แต่ที่วัดใกล้บ้านผมไม่มี ที่มีก็เห็นแต่บ้าหวย(เล่นหวยใต้ดิน) ทะเลาะเบาะแว้งกัน
มีเรื่องกัน จนโยมต้อง ขึ้นไปสอน สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมครับ
* นายสมนึก มาลัยทอง
การถือศีลไม่ว่าจะศีล ๕ หรือศีล ๘ ก็ตาม ช่วงป่วยซึ่งไม่เหมาะกับการบำเพ็ญเพียร
ศีลบางข้ออาจทำไม่ได้ ก็ไม่ถือว่าศีลขาด เพราะไม่มีเจตนาจะละเมิด แต่เป็นการอนุโลมยกไว้ก่อน
จนกว่าจะหายป่วย เข้าสู่ เหตุการณ์ปกติ จึงค่อยเคร่งครัดใหม่ - บ.ก. -
หมู่มิตรดี
ความคิดเห็นที่ได้จากการอ่าน ได้อย่างแรกคือ กำลังใจในการที่จะปฏิบัติธรรม
ลดละเลิก รับประทาน เนื้อสัตว์ ถึงแม้ตอนนี้ยังเลิกเด็ดขาดไม่ได้ แต่เมื่อได้อ่านข้อคิด
ข้อปฏิบัติจาก ญาติธรรมแล้ว ทำให้ มีกำลังใจว่า สักวัน เราก็คงจะปฏิบัติได้อย่างคนอื่นๆบ้าง
อ่านแล้วทำให้คิดถึง คนอื่นมากขึ้น (คนที่ลำบากกว่าเรา)
ตัวเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่ชอบเอาแต่ความคิดของตัวเองว่าถูก
อ่านสารอโศกแล้วคิดว่า ต่อไปจะพยายาม ฟังคนอื่น ให้มากขึ้น
อ่านแล้วอยากกินมังสวิรัติ และอยากลดมื้ออาหาร แต่แค่พูดออกไป คนข้างเคียง
เขาก็ว่า เราจะทำให้ ตัวเองลำบากบ้าง หาว่าบาปบ้าง ที่จะทรมานร่างกาย นั่นแหละความคิดของเขา
เขาคิดว่าสัตว์เกิดมา เป็นอาหาร ของคน ตอนนี้คิดว่าจะเริ่มที่วันพระกับวันเกิดก่อน
คือจะกินมังสวิรัติให้ได้
จากการอ่าน-ฟังมา คิดว่าการเข้าหาหมู่กลุ่มจะปฏิบัติได้ง่ายกว่าปฏิบัติเองที่บ้าน
อย่างเช่นดิฉัน ถ้าไม่ได้ หนังสือ ที่ส่งมาให้อ่าน คอยกระตุ้นละก็ กิเลสมันก็จะกลับมาเกาะอยู่เหมือนเดิม
รู้ตัวเลยค่ะ ว่าเวลา ได้อ่านเรื่อง คนนั้น คนนี้ ทำดีอย่างนั้น....อย่างนี้
ทำให้กำลังเรามีมาก
แต่ถ้าช่วงไหนไม่ได้อ่านหนังสือหรือฟังธรรมะ
จิตใจก็จะไหลไปตามกิเลสเก่าๆ แสดงว่า เรายัง ไม่มั่นคง ใช่ไหมคะ ต้องมีหนังสือหรือข่าวสารคอยกระตุ้น
จึงต้องขอบคุณทางคณะผู้จัดทำ และผู้จัดส่ง ทุกท่าน ด้วยค่ะ หนังสือทุกเล่มอ่านแล้วก็เก็บ
และก็พยายามให้คนข้างเคียงอ่านด้วย จะได้รับประโยชน์ และ จะบริจาคต่อไป
* สุมาลี แสงอำนาจ / จ.สุพรรณบุรี
พระพุทธองค์ตรัสว่า การปฏิบัติธรรมโดยมีหมู่มิตรดีอยู่ร่วมด้วย
จะเป็นทั้งหมดของ การประพฤติธรรม ให้สูงขึ้น
- บ.ก. -
(สารอโศก
อันดับที่ ๒๕๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๕) |