เส้นทางแห่งฝัน
|
การศึกษา การค้นคว้า คือส่วนหนึ่งของชีวิต
ชีวิตคือ การเรียนรู้ในสิ่งที่จะนำพาให้พ้นทุกข์ นี่แหละ คือการเรียนรู้ที่แท้จริง.....
ข้าพเจ้าสมัยนั้นเป็นนักศึกษาอยู่ปวส.ปีสุดท้าย
ที่วิทยาลัยเกษตร ไม่มีสิ่งใดในโลกที่บังเอิญ แล้วข้าพเจ้า
ก็ได้พบ และอ่านหนังสือของชาวอโศก คือ หนังสือแสงสูญ สารอโศก แล้วเพื่อนข้าพเจ้า
ก็ได้พามารู้จัก สันติอโศก
|
ระยะทางไม่ใช่ปัญหา และไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ข้าพเจ้ามาฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันหยุด ซึ่งต้องเดินทาง จากอยุธยา มาถึงสันติอโศก
แล้วก็เริ่มลงมือปฏิบัติตามแนวทางแบบนี้ ทานอาหารมังสวิรัติ
งดเว้นเนื้อสัตว์ ทุกชนิด ทานอาหารมื้อเดียว ตัดผมสั้น ไม่ใส่รองเท้า จนใครๆเขาก็ตั้งฉายาให้ว่าเป็น"มหา"
"ท่านเจ้าคุณ"
เมื่อเริ่มเข้าใจมากขึ้นกับการใช้ชีวิต
"ชีวิตนี้ไม่มีอะไร" จึงตัดสินใจลาออกจากที่เรียน เพื่อจะมาบวช
กับชาวอโศก แม้ไม่มีเพื่อนๆเห็นด้วย กับการตัดสินใจครั้งนี้ แต่ข้าพเจ้าก็ตัดสินใจแน่วแน่
และเด็ดเดี่ยวแล้ว เหตุที่ตัดสินใจเพราะ ประทับใจพ่อท่าน จากการอ่าน หนังสือสัจจะชีวิตของพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์
รู้สึกว่า ท่านเป็นคนดี อยากมาอยู่ด้วย และคิดว่าท่านสอนเราได้ มั่นใจมาก
ยิ่งได้อ่านหนังสือ"ความรัก ๑๐ มิติ" ที่เขาทิ้งในกองขยะหนังสือ
ทำให้เข้าใจชัดเจน ในเรื่องของความรัก....จึงขอเลิกกับแฟน และตัดสินใจ ออกบวช
ข้าพเจ้าเป็นคนไม่ดื่มเหล้า ไม่ดูดบุหรี่
ไม่เป็นภาระที่จะต้องกังวล จึงเลิกเรื่องการแต่งตัว และมาเส้นทางนี้ ได้ง่าย
มากขึ้น ง่ายในการทิ้งสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดว่า มันไม่มีสาระสำคัญ ในการที่จะดำรงชีวิต
หรือใช้ชีวิต กับสิ่งเหล่านั้น เพราะชีวิตเป็นของเรา เรากำหนด และเลือกชีวิตของเราเอง
ข้าพเจ้าบอกทางบ้านว่า จะมาบวชกับชาวอโศก
พ่อ-แม่ก็ไม่ได้ขัดขวางหรือต่อต้านใดๆ ข้าพเจ้าไปช่วยงานที่ ชมร. ซึ่งสมัยนั้นตั้งอยู่ที่
อ.ต.ก.ทำได้ไม่นานจึงสมัครบวช ดำเนินไปตามขั้นตอน คือ เป็นปะ
เป็นนาค เป็นสามเณร และเป็นสมณะ รู้สึกดีใจที่ทางครอบครัวเข้าใจได้
มีศรัทธาและประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับการสอนของพ่อท่าน
ข้าพเจ้าใฝ่ศึกษาอยู่แล้ว จึงท่องคำสอน ของพ่อท่าน ตลอดเวลา หนังสือทุกเล่มของพ่อท่านเขียนออกมา
จะเก็บไว้ทุกเล่ม เพื่อท่องจำคำสอน และ ปฏิบัติตามยิ่งอยู่
ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าไม่อยากจะไปไหน หมู่กลุ่มนี้ดีที่สุด
เป็นกลุ่มมนุษย์ที่มีความรู้ ความฉลาด เป็นกลุ่มมนุษย์ ที่เจริญแล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่อยากไปไหน
อยากอยู่กับกลุ่มนี้ตลอดไป ไม่อยาก ไปศึกษา หาอาจารย์ที่ไหนอีก เพราะได้พบอาจารย์ที่ดีที่สุดแล้ว
มีทฤษฎีคำสอนที่ถูกต้องที่สุดแล้ว เป็นที่พึ่ง ของข้าพเจ้า พึ่งคำสอน พึ่งหมู่กลุ่มที่พ่อท่านสร้างมา
แล้วก็อยู่กับพ่อท่านตลอดไป นี่ก็คือ สิ่งที่ยึดเหนี่ยวใจ ของข้าพเจ้าตลอดมา
ถึงแม้ว่า การเดินทางบนเส้นทางสายนี้
จะทวนกระแสอารมณ์ กิเลสความอยากของเรา แต่ข้าพเจ้า ก็ไม่ยอมแพ้ สิ่งที่ต่อสู้มาโดยตลอดคือ
เรื่องการกิน เพราะเป็นคนติดเรื่องอาหารการกินอย่างมาก จึงต้องลด-ละ-เลิก
และก็ได้เห็น ความจางคลายของจิตที่ไปเกาะไปยึดไปติดในความอร่อย ที่จริงรสอร่อย
มันก็เท่านั้นเอง
มันไม่ใช่ง่าย แต่มันก็ไม่ยาก
สำหรับที่จะพยายามเอาชนะกับสิ่งที่เรายึดเราติด ยิ่งลดได้มาก จิตใจเรา
ก็จะเบา สบายได้มาก ไม่หงุดหงิด ไม่พะวง นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าปฏิบัติตามแนวคำสอนของพ่อท่าน
และ ได้ผลกับตัวเอง ปัจจุบันข้าพเจ้าก็ยังต้องลดละเลิกต่อไปเรื่อยๆ เพราะอาหารการกิน
คือเรื่องที่ยิ่งใหญ่ และ ทำให้เกิดนิวรณ์ต่างๆ ได้มากตามมาด้วย
เมื่อทำได้ก็มีกำลังจิตเข้มแข็งยิ่งขึ้น
ที่จะพรากห่างออก ไม่นำมาเสพ ถ้าเปรียบเทียบก็ได้ประมาณ ๖๐-๗๐ เปอร์เซ็นต์
แม้มันจะล้มๆไปบ้างแต่ข้าพเจ้าก็พอใจ เพราะคิดแล้วว่า ถ้าจะอยู่กับชาวอโศก
จะต้องสู้ เกี่ยวกับเรื่อง อาหารการกิน เพราะติดขนมมาตั้งแต่เด็กๆ
เมื่อมีสิ่งเร้าหรือที่เราเรียกกันว่า
ผัสสะที่มากระทบกับจิตใจของข้าพเจ้า ก็จะอาศัยคำสอน ของพ่อท่าน ที่ศึกษา
ค้นคว้ารวบรวมไว้ ท่องไว้เอามาอบรมจิตใจตัวเอง ก็จะสามารถรู้เท่าทันกับกิเลส
ที่เกิดขึ้นได้
ปัจจุบันชาวอโศกมีงานเพิ่มมากขึ้น ทำงานในวงกว้างมากขึ้น
ข้าพเจ้าคิดว่า พวกเราได้พัฒนาตนเอง มากขึ้น ขยันให้มากขึ้น ฝึกสร้างสมรรถภาพ
ให้มากยิ่งขึ้น ถึงเวลาที่จะนำความรู้เหล่านั้น มาใช้มาปรับ มาปฏิบัติ เพื่อเพิ่มสมรรถภาพ
และประสิทธิภาพ ให้กับแต่ละบุคคล แล้วความรู้ความสามารถ ก็จะเพิ่มขึ้นเอง
อนาคตที่ใครๆ คาดหวังและไม่คาดหวัง แต่สำหรับข้าพเจ้า
แม้ในอนาคตข้างหน้า จะไม่มีร่างกายขันธ์ ของพ่อท่านแล้ว แต่คำสอนต่างๆ ก็ยังคงอยู่
และหมู่กลุ่มที่พ่อท่านสร้างมาก็ยังคงอยู่ ข้าพเจ้ามั่นใจ ในกระบวนการกลุ่ม
ที่จะสามารถทำงานสานต่อ นโยบายของพ่อท่าน ให้ก้าวเดินต่อไปให้ ดั่งโศลกธรรม
ที่ว่า "ชาวอโศกเพื่อมวลมนุษยชาติ"
พุทธบริษัทคือมวลที่เข้มแข็ง และองค์ประกอบภายนอกร่วมด้วย
นั่นคือสังคมภายนอกยอมรับมากขึ้น อุปสรรคในการทำงาน ของชาวอโศกก็ลดลง ข้าพเจ้าคิดว่า
การเผยแพร่การทำงานศาสนา จะทำได้สะดวก มากยิ่งขึ้น รวดเร็วขึ้น
มาเถิดพี่น้องชาวอโศกทั้งหลาย
มาร่วมกันสานงานต่อเพื่อพ่อท่าน เพื่อมวลแห่งมิตร เพื่อมวลมนุษยชาติเถิด
-
ส.หินแก่น นมวังโส -
ด้วยเมตตา
จิตสูงสุดย่อมอาทรเอื้อมเอื้อ
แผ่จุนเจือแด่ผู้ยังอ่อนล้า
คอยซักถามห่วงใยด้วยเมตตา
มิเก๊กท่าแบกตนเป็นคนดี
ยิ่งเอื้อมเอื้อเกื้อหนุนการุณแผ่
ยิ่งแน่วแน่มั่นคงทรงศักดิ์ศรี
ยิ่งกว้างเกื้อผองมิตรจิตไมตรี
ยิ่งเปรมปรีดิ์ ยิ่งตรงมั่น ชั้นนิพพาน
* ฟากฝั่งฝัน
(สารอโศก
อันดับที่ ๒๕๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๕)
|