หน้าแรก>สารอโศก

ใต้ร่มอโศก

โรงบุญ ๕ ธันวาฯมหาราช
มีบางเรื่องมีกติกา มีข้อตกลง
ก่อนเดินทาง คุยกันให้ชัด จะได้ไม่ผิดเป้า
ชีวิต....เกิดมาเพื่อใช้กรรม....เพื่อสั่งสมบารมี
เมื่อเจออุปสรรค เจอปัญหาชีวิต....จึงไม่ท้อแท้
ความทุกข์ที่คนอื่นยื่นมา....จึงคือการใช้กรรม
เมื่อเจอความขัดแย้ง ความไม่ได้ดังใจ....จึงต้องตั้งหลัก
เอาขี้มาทำปุ๋ย
เอาวิกฤตมาเป็นโอกาส
เอาความทุกข์มาเป็นนิพพาน
เอาความเจ็บปวดมาสร้างสุญญตา
ความทุกข์ที่เกิดขึ้น จึงคือ การฝึกฝน....สั่งสมบารมี
กติกาข้อต่อไป
ชีวิตนี้ คือการให้.....คือการเสียสละ
ให้วัตถุ ให้บริการ ให้อภัย ให้ตัวอย่างที่ดี
สิทธิต่างๆในโลกที่มีกัน จะขอสละสิทธิ์
สละอบายมุข.....สละกามคุณ ความเอร็ดอร่อยประดามี
สละโลกธรรม สละลาภยศ สละความสุข.....สละการกอบโกย
ทำตัวให้มีลมหายใจสีขาว
ที่สุด....เพื่อเป็นมนุษย์สีขาวเต็มร้อยให้ได้


วิสัยทัศน์ของพ่อท่านต่อระบบธุรกิจ
"เรื่องของธุรกิจ เป็นเรื่องที่ผู้ผลิตและผู้บริการต้องทำงานเชื่อมโยงกัน โดยทั่วไปธุรกิจทุนนิยมนั้น นักผลิต หรือ ศูทร จะถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ที่อยู่ในฐานะนักบริการหรือแพศย์อย่างหนัก กล่าวคือ ศูทร จะเป็นฝ่าย ที่ใช้แรงงานมากกว่า แต่จะได้รับค่าตอบแทนน้อยกว่า ส่วนแพศย์ จะเป็นฝ่ายใช้แรงงาน น้อยกว่า คือ ใช้สมอง มากกว่า หรือทำงานเบากว่า แต่จะได้รับค่าตอบแทนมากกว่า

ในทางตรงข้าม ในระบบบุญนิยมนั้น เราจะต้องเข้าใจสถานะความจริงให้ดีว่า ศูทรทำงานหนัก น่าเห็นใจ ควรจะได้รับ การส่งเสริม ให้มีทุนรอน เพื่อการขยายงาน ขยายผลผลิตออกไปให้ดี และคล่องตัว

ดังนั้น ฝ่ายบริการซึ่งทำงานเบากว่า แต่เป็นฝ่ายที่สามารถดึงเงินออกมาจากลูกค้าได้ ก็ไม่ควรจะไปกิน หัวคิวมากไป จนกลายเป็นตัวกลางที่กักกินผลประโยชน์อันนี้ แต่กลับจะเป็นตัวกลาง ที่ผันเงิน กลับไปสู่ผู้ผลิต โดยแบ่งเงินให้กับผู้ผลิตในอัตราส่วนที่มากกว่า

เมื่อเรามาทำหน้าที่นี้ ก็หวังว่า พวกเราคงจะเข้าใจสัจจะข้อนี้ และปฏิบัติให้จริงจนกระทั่ง เกิดรูปธรรมใหม่ ที่เป็นจารีต เป็นวัฒนธรรม เป็นบุญนิยม หรือนวัตกรรมใหม่ทางการพาณิชย์ ถ้าเราปฏิบัติได้ดังที่กล่าวแล้ว คิดว่า นักผลิตกับนักการพาณิชย์จะเป็นพี่น้องกัน และเกื้อกูลกันได้ดี สังคมก็จะร่มเย็น......"
(หมายเหตุ เก็บตกจากการประชุม ๘ พาณิชย์ วันจันทร์ที่ ๒๓ ก.ย.๒๕๔๕ ครั้งที่ ๙/๔๕)

วิทยุชุมชน....การสร้างวัดบนอากาศ !
วันอาทิตย์ที่ ๑๐ พ.ย.๔๕ ได้มีการประชุมตั้งคณะกรรมการประสานงานวิทยุชุมชนขึ้น เป็นครั้งแรก ของชาวอโศก หลังจากที่หลายๆชุมชนของเรา เริ่มทำรายการออกอากาศ

นี้คือ อีกบทบาทหนึ่ง แห่งการเข็นกงล้อธรรมจักร ในยุคโลกาภิวัตน์

อโศกวันนี้ มีวิทยุชุมชน ๘-๙ แห่ง และจะขยายต่อไปเรื่อยๆ เป็นการให้ความรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง

เราสร้างวัด"บนพื้นดิน" มาพอสมควร มาลองสร้างวัด"บนอากาศ"ดูซิว่า จะมีผลอย่างไร

ต่อไปการกระจายข่าวสารจะรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยการฟังข่าวจากวิทยุชุมชนนี่แหละ

อาณาจักรสีเขียวของฉัน
"งานในสวนมีมากทุกวันเลย โดยเฉพาะตั้งแต่กระท้อนออกดอก จนเก็บขายจนหมด ดิฉันและพ่อบ้าน ได้เอามาให้ร้านขอบคุณ จำหน่ายบ้าง แจกคนวัดบ้าง ตอนครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ ๒ ก.ค.นี้ ก็ทำมาถวายสมณะ และสิกขมาตุ เป็นพิเศษ คุณพ่อบ้านคัดอย่างดี หวังว่าสมณะและสิกขมาตุทุกรูปที่นี่ คงได้ฉันแล้ว ก่อนหน้านี้ ก่อนงานอบรมที่ศรีบูรพาอโศก ก็ได้เอามาถวายท่านฉันทโส และผู้มาช่วยงานบ้าง ดิฉันถวาย สมณะ และสิกขมาตุ อย่างมีความสุข เพราะการปลูกอย่างไร้สารพิษ ดิฉันใช้ปุ๋ยขี้ไก่ จุลินทรีย์ ฯลฯ ห่อเอง เป็นส่วนใหญ่ จ้างเขาบ้าง เหนื่อยกับการห่อ การเก็บ และการเตรียมจำหน่ายมาก เพราะต้องปีนป่าย (ดิฉันใช้บันไดที่ไม่สูงมาก เป็นบันไดเหล็กตั้งได้) มีผู้คนชมว่า รสชาติดี ก็ดีใจ ว่าของเราดี แจกเพื่อนบ้าน หลายบ้าน (แจกทุเรียนด้วย เพราะมีอยู่บ้าง) เอาไปขายที่หมู่บ้านสหกรณ์ ก็ขายดีมาก เพราะขายถูก มีการลด และแถมให้ทุกๆคน เป็นที่ประทับใจเป็นส่วนใหญ่ แต่ดิฉันไม่ร่ำรวย จากการขายผลไม้แน่ เพราะคงได้เงินมา เป็นแค่ซื้อปุ๋ย ค่าไฟฟ้าในการใช้น้ำจากเครื่องสูบน้ำบาดาล ค่าถุงที่ใช้ห่อ ค่าจ้างคน มาทำในสวน บางครั้ง งานส่วนใหญ่ทำเองค่ะ.........."

ญาติธรรม วณี โคตุกร (อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี) เล่ากิจวัตรประจำวันมา อ่านแล้วก็เคลิบเคลิ้ม และพอมองเห็น อนาคต พวกเราชาวอโศกเป็นชาวไร่ชาวนาก็เยอะ เป็นเกษตรกรก็แยะ มีที่ดินไม่มากก็น้อย แทบทุกคน หากช่วยกันปลูกพืชหลากหลาย อโศกเราก็จะมีของกินไร้สารพิษตลอดปี ตลอดชาติ ช่วยกันหน่อยนะโยม!.....จุ๊ย์ๆๆ

คนแก่เชิญอ่านสู่เส้นทางบุญ
"ดิฉันแก่แล้วคงไม่มีโอกาสมาช่วยงาน แต่ขอช่วยสนับสนุนทางอ้อม......"

ญาติธรรมวิไลวรรณ ทับสาร (อ.เมือง จ.ชัยภูมิ) คิดแบบนี้ทำให้จิ้งจกสงสัยว่า แก่ขนาดไหน! เพราะที่จริงแล้ว อโศกเรามีคนแก่ มาช่วยเยอะแยะ แบ่งเบางานพ่อท่านมากมาย

ศาสนาเป็นของหนุ่มสาวก็จริง แต่พลังขับเคลื่อนกลับอาศัยคนแก่ร่วมด้วยช่วยกัน

คนแก่รอบคอบผ่านโลกมามาก ไม่มีภาระ ไม่ต้องห่วงใคร ย่อมมีโอกาสมาช่วยงานวัด หรือร้านค้าบุญนิยม ของชาวอโศก ได้เป็นอย่างดี

ถ้าไม่ถึงกับอัมพฤกษ์ จิ้งจกขอเชิญมาช่วยงานพ่อท่านเถิด อายุเป็นแค่ตัวเลขจริงๆฮะ จุ๊ย์ๆๆ

เหตุที่คนเราตกนรก !
จากญาติธรรมสมาชิก ๒๕๒๖๖๙ (จ.เชียงราย) เล่าประสบการณ์และความรู้สึกจากการปฏิบัติธรรม "บางครั้งก็หงุดหงิดขี้รำคาญ สาเหตุคงเป็นเพราะไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือและฟังเท็ปเหมือนเมื่อก่อน และไม่มีเวลาไปเข้าร่วมกิจกรรมของหมู่กลุ่มมากนัก และความศรัทธาในหมู่กลุ่มลดลง เนื่องจาก การได้รู้ได้เห็น การกระทำ ของบางคน ในหมู่กลุ่ม ที่ดูๆแล้วไม่เป็นไป ตามแนวทาง ของนักปฏิบัติธรรม เท่าไหร่ และสงสัยการปฏิบัติของตัวผมเอง ยังไม่ถึงขั้น ย่อหย่อน จิตยังถือสาอยู่ด้วย ผลก็เลยออกมา ในสภาพนี้ครับ....."

ความจริง "มาร" ก็คือกิเลสเพ่งโทษ มัวแต่เห็นกิเลสคนอื่นเป็นเรื่องใหญ่ เราก็จะพลาดพระนิพพาน ไปอย่าง น่าเสียดาย อยู่กับหมู่จึงรู้ผี หากจะฆ่าผี ถ้าไม่อยู่กับกลุ่มก็ไม่มีทางสำเร็จ พระพุทธเจ้าท่านถึงบอกว่า อาหารที่จำเป็น สำหรับชีวิต นอกจาก "กวฬิงกาลาหาร" ยังมี "ผัสสาหาร" อีกตัว เบื่อคน จึงเป็นความคิด ของมาร ผู้ลามก! จุ๊ย์ๆๆๆ

การหลีกเลี่ยงกรรม
ญาติธรรมประกาศิต จันทรศร เล่าวิบากของร่างกายตัวเองว่าเป็นอย่างไร "อาการของโรคคือ ชาลำตัวซีกซ้าย ตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายเท้า เคลื่อนไหวและลุกนั่งลำบาก นอนแซ่วอยู่กับที่ ได้อาศัย นิตยสารดอกหญ้า และสารอโศก ช่วยชุบชีวิตจิตใจและยืดอายุ ต้องอ่านทุกตัวอักษร อ่านแล้วอ่านอีก ทำให้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอย่างชัดเจน ตอนนี้ยังพอลุกขึ้นมาเขียนหนังสือได้บ้าง ต่อไปไม่ทราบ จะสามารถเขียน ส่งมาได้ อีกหรือเปล่า ขอเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ขอขอบพระคุณ ชาวนิตยสารดอกหญ้า และสารอโศก ที่ให้ธรรมโอสถในยามนี้......."

ยังดีนะฮะที่มีสติ สิ่งที่เกิดทุกอย่างต้องพยายาม"ตีความ"หรือ"แปลความหมาย" ให้เกิดประโยชน์ ต่อชีวิต มากที่สุด

เมื่อเห็น "รูป" คือ "นิมิต" คือ"บุคคลาธิษฐาน" เราจะผลักดันให้เป็น "ปรมัตถธรรม" คือ "ธรรมาธิษฐาน" ให้ได้

อย่างไรก็ตาม"ป้องกัน"ย่อมดีกว่า"แก้ไข" วิบากรันทดมักจะเป็นผลของการผิดศีลข้อ ๑ เราจึงเริ่มต้นที่ "มังสวิรัติ" ต่อไป ก็เรื่องอารมณ์ ฝึกไม่ถือสา เป็นศีลข้อ ๒ ในระดับที่ลึกขึ้นแล้วก็ระวัง"ปาก" เป็นศีลข้อ ๔ พูดส่อเสียดหยาบคายทิ้งไปเลย และข้อสุดท้าย ต้องมีน้ำใจ รวมเป็นกี่ข้อแล้วฮะ? จุ๊ย์ๆๆ

เรื่องของลูกๆพ่อท่าน ตอน"นามสกุลใหม่"
"หินอ่อน" ญาติธรรมที่มาช่วยงานวัดในสายช่าง เจ้าตัวมีความสามารถสารพัด โดยเฉพาะเครื่องมือหนัก

บางคนไม่รู้จัก แต่ถ้าพูดว่า คนชอบนั่งหน้าๆ แล้วมักจะเสริมความคิดพ่อท่านเสมอๆ คราวนี้เสียงอ๋อ ดังสนั่นหวั่นไหว!

วันนั้น วันดี พ่อท่านตั้งชื่อใหม่ให้ "นายดีง่าย ไม่เรื่องมาก"

"หินอ่อน" ว่าแข็งๆ แต่ฟังชื่อใหม่ของตัวเองก็ยังขยาด "พ่อท่านว่าผม....."

หลังฟังธรรม ๑ กัณฑ์ เจ้าตัวมาหาพ่อท่าน "ตกลงผมเอาครับ"

ใครจะมาอยู่ตระกูล "ไม่เรื่องมาก" ก็ขอเชิญนะฮะ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ จุ๊ย์ๆๆ

อยู่กับหมู่อย่างมีความสุข
ปกติแล้วอยู่กับหมู่จึงรู้ผี อยู่กับมิตรดี ยิ่งมีโอกาสบรรลุธรรม ญาตธรรมจินตนา เลิศไพบูลย์ (อ.หาดใหญ่) ให้ข้อคิดแนวปฏิบัติชีวิตประจำวัน ในการอยู่กับผู้อื่นอย่างกลมกลืน ท่ามกลางธรรมชาติ ของแต่ละคน ที่แตกต่างดังนี้
"๑. เป็นมิตรกับทุกคน
๒. ไม่สนใจความไม่ดีงามของผู้อื่น
๓. รักความเป็นธรรม
๔. ประนีประนอม
๕. รับฟังความคิดเห็น
๖. เน้นสันติวิธีเพื่อขจัดความขัดแย้ง"
จิ้งจกเห็นว่าเป็นแนวปฏิบัติที่ดี ที่น่าจะฝึกฝนทีเดียว จุ๊ย์ๆๆ

ชมรมตบะหรรษา
ปีนี้ (๒๕๔๕) เป็นปีที่ ๒ ที่สมาชิกชมรมคับคั่งมีถึง ๓๖ คน ตั้งตบะวันเข้าพรรษา คนละ ๒-๓ ข้อ เป็นอย่างน้อย

ใครทำผิดปรับใส่กระปุกครั้งละ ๕ บาท (บางคนตัดใจขอเหมาจ่ายก็ยังมี) และทุกเดือน มีการนัดพบ ตรวจตบะกับสมณะ ปีที่แล้ว ได้เงินค่าปรับ ๕,๗๐๐ บาท ปีนี้ได้ ๗,๓๐๐ บาท

กิจกรรมแบบนี้ เรียกว่า กำไร หรือขาดทุนนะเนี่ย? จุ๊ย์ๆๆ

รายงานสถานการณ์การรบ
ญาติธรรมสรญา เจริญศรีเกษม (อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา) วันนี้ก็ยังไม่ทิ้งธรรม มีถอยบ้าง แต่ก็พากเพียรฝึกฝน ไม่หยุดนิ่ง เธอประเมินตนมาดังนี้
-มังสวิรัติ แค่ลดได้ แต่ยังไม่หมด
-การพูดจาที่ใช้อารมณ์ ลดลง ระมัดระวังน้ำเสียงดีขึ้น
-การแต่งตัว เสื้อผ้าอาจจะดูดี เพราะรับมือ ๒ มาจากน้องสาว
-การแต่งหน้าทาปาก แทบจะไม่มี
-หนี้สิน ไม่มีปัญหา
-การใช้จ่าย ยังเผลอ เล่นหวยครั้งละ ๑๐ บาท ๒๐ บาทเป็นพักๆ จะพยายามหยุดให้สะเด็ด

ญาติธรรมท่านอื่นๆ การรบเป็นอย่างไร ลองประเมินดูซิฮะ จุ๊ย์ๆๆ

ชีวิตวิถีไทย
ญาติธรรมเถาวัลย์ สุวรรณศิลป์ (อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย) สำรวจตนว่าขณะนี้กำลังปฏิบัติชีวิตแบบวิถีไทย ๖ ประการ ด้วยกันคือ
"๑. ทานอาหารไทย ใช้ของไทย
๒. ทานมังสวิรัติ
๓. เป็นอยู่อย่างพอเพียง
๔. สนับสนุนชาวอโศก
๕. ยกย่องคุณความดี ในวัฒนธรรมประเพณีไทยต่างๆ
๖. ฝึกเรียนรู้การปฏิบัติธรรม แนวทางของอโศก"

สาธุๆ ความจริง"วิถีอโศก" ก็คือ"วิถีความเป็นไทย"นั่นเอง และความจริงแล้ว วิถีแห่งความเป็นไทยก็คือ "วิถีของชาวพุทธ"นั่นเอง

สรุป อยากเป็นไทย ขอให้ปฏิบัติธรรม! จุ๊ย์ๆๆ

จุดเริ่มต้น"เอาจริง"อยู่ที่ไหน?
"หลังกลับมาจากงานปลุกเสกได้มาตั้งตบะว่าจะเริ่มกินมังสวิรัติ ๒ มื้อ ละอบายมุข รักษาศีล ๕ ให้มั่นคง จะตรวจศีล ๕ และอบายมุขให้ได้ทุกวัน จะพยายามอ่านหนังสือ และฟังธรรมให้ได้ทุกวัน เพื่อสร้าง หลักประกันชีวิต ให้กับตนเอง ครอบครัวและชุมชน เท่าที่อินทรีย์พละจะทำได้ในขณะนี้ ขอจบ การเล่าเรื่อง การปฏิบัติตัว อันยืดยาว แต่ก็ยังไม่ได้ส่งจดหมายซักที่ไว้แต่เพียงเท่านี้....."

ญาติธรรมศรายุทธ พูนพิน (อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก) มีจุดเอาจริงที่งานปลุกเสก คนอื่นๆ ก็มีจุดเอาจริง แตกต่างกันไป การที่อโศกเรา มีระดมธรรมสม่ำเสมอ นั่นก็คือเปิดโอกาสให้เริ่มตั้งหลัก-เอาจริง เป็นระยะๆ
การมาคลุกคลีร่วมกิจกรรมชาวอโศก สิ่งที่ได้ก็คือให้โอกาสตัวเองได้"เอาจริง"มากขึ้นกว่าเดิม พลังหมู่กลุ่ม มีความอัศจรรย์ มีความเป็นปาฏิหาริย์ เหลือเชื่อทีเดียวนะฮะ! จุ๊ย์ๆๆ

กรณีศึกษาทานบารมี ๓ รูปแบบ
"หลายปีมาแล้ว ดิฉันเห็นเศษข้าวเหลือรับประทาน (กินทิ้งกินขว้าง) ที่พบเห็นประจำ ในโรงอาหาร ของสถาบัน และร้านค้าทั่วไป ทำให้ดิฉันตั้งตบะธรรม ในเข้าพรรษาปีนั้นว่า จะไม่กินข้าวเหลือทิ้ง แม้เมล็ดเดียว ตลอดมาตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ดิฉันทำได้จริงๆ และได้ชี้นำนักศึกษา โดยให้เขาได้เห็น กระบวนการผลิตข้าว นับแต่ที่ชาวนา หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว เป็นกล้ามาปักดำหรือแล้วแต่ ผ่านแล้ง ผ่านน้ำท่วม หอยเชอรี่ ปูนา นกกา เป็นข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวสวย หรือข้าวเหนียวนึ่ง ให้เราได้กินนั้น ผ่านอุปสรรค ขวากหนาม นานัปการ ด้วยหยาดเหงื่อ แรงกาย แรงใจของชาวนา พ่อแม่ของเรา ญาติพี่น้อง และ อาจเป็นตัวเราด้วย

สมควรหรือที่จะทิ้งข้าวแม้เมล็ดเดียว ที่เราไม่ได้เหนื่อยยากอะไรด้วยเลย ดิฉันทำได้อย่างเคร่งครัด มาร่วม ๑๐ ปีแล้ว และคาดว่าคงมีนักศึกษาของดิฉันบางคน จะได้คิดและทำตาม....."

เพียงพบข้อบกพร่อง ญาติธรรมลัดดา จารุมณี ก็ลงมือจัดการกับตัวเองไม่รอช้า ถือเป็นกรณีศึกษา อย่างดี

วัตถุทาน-กินให้หมด(เราเสียสละให้โลก)
อภัยทาน-ทำในสิ่งที่ทำให้แข็งแรงให้ถึงจิต
ธรรมทาน-ทำ"กายสักขี"ให้เด่นชัดจนตามนุษย์สัมผัสได้มองเห็น เป็นของเราเองอย่างนั้นๆ โดยไม่ต้องโชว์ (หมายเหตุ การเผยแพร่ยังเป็นอีกระดับหนึ่ง)

พวกเราชาวอโศกลองโชว์"รูปธรรม"ว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมในการกินอยู่หลับนอน สัก ๑๐ ข้อ มีไหมเนี่ย? จุ๊ย์ๆๆ


๓ ญาณ กับการบรรลุธรรม
"ธารน้ำใจสู่...วัชราภรณ์ สุขสวัสดิ์ อ่านแล้วมีแรงใจ มีข้อคิดในการให้น้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน รู้สึกอบอุ่นใจ มองโลกในแง่ดีขึ้น

รำลึกถึงคุณภูฟ้า แพงค่าอโศก ได้ข้อคิดถึงความอดทน มุ่งมั่น น่าเป็นตัวอย่างในการทำงาน ทำประโยชน์ ให้แก่ชุมชนส่วนรวม เป็นอย่างยิ่ง....."
* รุ่งอรุณ นนทิจันทร์ (อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ)

"ปกติเมื่อดิฉันได้รับสารอโศก จะใช้เวลาในการอ่านค่อนข้างนาน เพราะดิฉันจะอ่านเฉพาะเรื่องที่ตัวเองชอบ ตัวเองสนใจก่อน หลังจากนั้นจึงจะอ่านเรื่องอื่นๆเมื่อมีเวลาว่าง แต่ในฉบับนี้ดิฉันใช้เวลาเพียง ๒ คืน ดิฉันได้รับ ประโยชน์หลายอย่างๆ คือ การเสียสละ ความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ การทำประโยชน์ให้กับสังคม รู้จักมอง ตัวเองว่า ตัวเรายังทำความดี เสียสละเพียงน้อยนิด หากคิดว่าทำดีพอแล้วถือว่าตัวเองโง่มาก แต่ก่อน ก็คิดอย่างนั้น คิดว่าตัวเองทำดีแค่นี้ก็ถือว่าดีกว่าหลายๆคนรอบข้าง แต่เมื่อคิดให้ดีแล้ว การทำความดี ไม่มีคำว่าพอแล้ว หรือทำมากแล้ว มีแต่ต้องทำต่อไป จนกว่าจะหมดลมหายใจ....."
* พิมพ์พิมล สู่หญ้านาง (อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ)

การได้อ่านประวัติชีวิตของผู้อื่น ก็สามารถนำมาปฏิบัติธรรมได้ แถมยังเป็นการย่นย่อระยะเวลาให้สั้นขึ้นอีก

จุตูปปาตญาณ-เรียนรู้การเกิดของสัตว์อื่น
บุพเพนิวาสานุสติญาณ-เรียนรู้อ่านการเกิดของตัวเอง
อาสวักขยญาณ-การหลุดพ้นที่เกิดจากการศึกษาญาณ ๒ ตัวแรก

ขยายให้ภาพชัดเจนขึ้น ชีวิตประจำวันก็มีเหตุการณ์รอบตัว(จุตูปปาตญาณ) ซึ่งมีผลกระทบถึงตัวเรา ถ้ารู้เท่าทัน (บุพเพนิวาสานุสติญาณ) การหลุดพ้นจางคลาย (อาสวักขยญาณ) ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นๆ เพราะฉะนั้น อ่านหนังสือ ไปด้วย ทำงานกับหมู่กลุ่มไปด้วย ทำไมเราจะไม่ก้าวหน้า? จุ๊ย์ๆๆ

ครอบครัวผ่อนส่ง !
ญาติธรรมเกษม สุริยา (อ.พร้าว จ.เชียงใหม่) เริ่มขอผ่อนส่งหนี้บุญ ด้วยการให้คนในครอบครัว มาช่วย งานวัดก่อน ส่วนตัวเอง จะมาทีหลัง "แต่ที่แน่ๆก็คือ ได้ส่งแม่บ้านกับลูกสุดที่รัก ไปอยู่วัดก่อน อย่างน้อย จะได้กินเจ และได้ช่วยงานส่วนรวม ได้ฟังธรรมะ ได้อยู่ใกล้สมณะ ๕๐ เปอรเซนต์ครับ สำหรับครอบครัวผม ที่แบ่งให้ส่วนรวม

ส่วนกระผมก็เฝ้าคอยสถานการณ์อยู่ที่บ้าน ดูว่าเขาจะไปรอดหรือเปล่า และทำงานหาเงินนิดๆหน่อยๆ ส่งให้เขา ดูแลสวนบ้าง ไปๆมาๆ ระหว่างบ้านกับวัด บางทีก็ไปช่วยชมร.เชียงใหม่ ก็พอมีความสุขตามอัตภาพ....."

สาธุๆ วิธีนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะฮะ แต่ต้องระวัง "การฝืนใจ"ที่เกินฐาน แทนที่จะดีมีความสุข ก็จะกลายเป็น "นรก" ไปในทันที จุ๊ย์ๆๆ

ไฟเผาขยะ ตบะเผากิเลส
-อ่านหนังสือธรรมะทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๒ หน้า สวดมนต์ทำวัตรอย่างน้อยอาทิตย์ละ ๓ วัน (นิตยา)

-ฟังเท็ปธรรมะก่อนไปทำงานวันละครึ่งชั่วโมง (กฤษณา)

-มื้อเดียว ทุกวันพุธ งดพูด-ทานข้าวเปล่า (พ่อทบบุญ)

-งดขนม น้ำตาล ทานมื้อเดียว ฝึกเจโตสมถะวันละ ๑ ช.ม. (คุณแมน)

-ฝึกเจโตวันละครึ่งชั่วโมง, สังวรศีลข้อ ๓, ๔ (ต้นเสียงธรรม)

-มื้อเดียว เช็คศีลทุกวัน (น้ำนวลดิน)

-ไม่บ่น ไม่ว่าใคร เฉยไม่โกรธ (สุนี)

คติประจำเดือนนี้
หากรู้จักให้กำลังใจตัวเอง
ก็ไม่ต้องรอกำลังใจจากใคร

(สารอโศก อันดับที่ ๒๕๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๕)