หน้าแรก>สารอโศก

ธรรมประทับใจ ๘๒

สังคมชุมชนสมบูรณ์

เมื่อครั้งที่มือคู่นั้นพนมขึ้น และลดลงมาลูบกระหม่อมของข้าพเจ้าเบาๆ ในคราที่ข้าพเจ้า บอกลาจาก สร้างความรู้สึกแปลก หนาวสะท้านขึ้นทันใด มันมิใช่ความหนาวเหน็บ แต่เป็นความหนาวจากไออุ่น อันรับสัมผัสได้โดยผู้ใหญ่สู่ผู้น้อย

ท่ามกลางกระแสสังคมที่เร่าร้อน เร่งรัดไปเสียทุกอย่าง เราทุ่มเทเวลาให้กับกิจกรรมการงานอย่างลืมเหนื่อย ราวกับเมามันในงานนั้นๆ และลืมที่จะถามตนเองว่าทำไปเพื่ออะไร ลืมดูแลสุขภาพร่างกายของเราเอง ลืมคิดถึงสุขภาพจิตและมิตรภาพทางใจ ทั้งของตนเองหรือแม้ผู้คนข้างกายเรา เพียงแค่ให้เหตุผลว่า "ฉันไม่มีเวลา" เวลาเลยตกเป็นจำเลยแรกอย่างไม่ต้องคิดให้มากความ

สังคมซึ่งประกอบด้วยเด็ก-ผู้ใหญ่ วัยรุ่น-วัยโรย ผู้แข็งแรง-ผู้อ่อนแอ ผู้รู้-ผู้ไม่รู้ คอยถ่วงดุลซึ่งกันและกัน ไม่ให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งโต่งเกินไป ทุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องกระทำ แต่! เป็นไปไม่ได้ที่ต่างคนต่างอยู่ คนของสังคมชุมชน ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย พึ่งพิงอิงแอบกันทั้งสองฝ่าย เด็กต้องพัฒนา ส่วนผู้ใหญ่ ต้องปรับปรุง เพื่อจุดหมายคือ สังคมชุมชนสมบูรณ์

โดยเฉพาะเด็ก หากห่างเหินจากผู้ใหญ่ ไม่สนใจรับฟังความคิดเห็นของผู้ใหญ่ ไม่ใส่ใจ ต่อคำทักท้วง ของท่าน เราก็จะพลาดเพชรเม็ดงามอันล้ำค่านั้น คือ "ประสบการณ์" อันการเป็นผู้ใหญ่นั้น นับว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะผู้ใหญ่ ย่อมมีประสบการณ์ ซึ่งต้องผ่านเวลา มิใช่จะกวดขันเร่งรัดได้ แต่จำต้องเอาอายุ ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน และเวลาของชีวิต ที่หดหายสั้นลงทุกวินาที แลกกับมันมา

ผมมีโอกาสได้อ่านข้อความของคุณไปยาลใหญ่แห่ง pantip.com เล่าว่า เขาลืมคำเตือน ของพ่อแม่ และ ญาติผู้ใหญ่ของเขา ที่ต้องการให้เขาปรับชีวิต ให้ช้าลงสักนิด

ในวัยเด็ก....เราอาจไม่เข้าใจคำเตือนของผู้ใหญ่
ในวัยหนุ่มสาว....เราเชื่อเพื่อนและตัวเอง มากกว่าคำพูดของใครๆ
ในวัยทำงาน....เมื่อเราได้รับความสำเร็จอะไรสักเล็กน้อย เรามักหลงใหลได้ปลื้มกับความสำเร็จ คิดว่าเราแน่ เราเก่ง

จนในที่สุด คุณไปยาลใหญ่ก็จบชีวิตด้วยโรคมะเร็งร้าย เขากล่าวว่า ส่วนหนึ่งเพราะเขาห่างเหินจากผู้ใหญ่ ไม่สนใจ รับฟังประสบการณ์ ของญาติผู้ใหญ่ ไม่สนใจคำทักท้วงของท่าน และนั่นคือ การทำให้ ความคิดของสังคม และคนรุ่นใหม่ ขาดความหลากหลาย ขาดการเชื่อมโยง ประสบการณ์ จากคนรุ่นก่อน เพราะเราใช้ชีวิตแบบ ครอบครัวเดี่ยวกันมากขึ้น เหินห่างจากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย จนทำให้ความคิด ของแต่ละวัย ไม่ได้เข้ามาผสมผสาน ถ่วงดุลกัน การเสียสมดุล จึงเกิดขึ้นได้ง่าย การต่อยอด ประสบการณ์ จึงชะงักลง

เขาพยายามก้าวพรวดพราดไปข้างหน้า โดยละเลยความสุขของครอบครัว ทำให้เขา ต้องลาจาก โลกนี้ไป อย่าง........

ผมได้นำความรู้สึกนึกคิดของคุณไปยาลใหญ่ มาเสนอต่อท่านผู้อ่าน ซึ่งถูกตรงใจผมมาก แม้นไม่ลองพินิจ พิจารณาดู ก็ไม่เป็นไร หากแต่จุดจบของเราๆท่านๆ จะเป็นอย่างไรนั้น ตัวของเราเองนั้นแหละ ที่เป็นคน ตัดสิน

ผู้ใหญ่เองก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมองไกลใจกว้าง มองโลกในแง่ดีบ้าง ไม่ขี้ระแวงจนเกินเหตุ ปากควรช้า กว่าใจสักนิด มีสติตรึกตรอง หากพลั้งพลาดไป คนที่จะเตือนติติงชี้แนะหายากนัก ยิ่งกับเด็ก หรือผู้น้อย แล้วไซร้ คงหมดโอกาสรู้ตัวเลย เพราะสังคมตะวันออกเราได้ยกผู้ใหญ่ไว้ในฐานะ......

ดังนั้นในสังคมชุมชนสมบูรณ์นั้น ย่อมประกอบไปด้วยคนทุกเพศทุกวัย อันเป็นสิ่งดีอย่างยิ่ง หากเราสามารถ เข้ากับคนได้ทุกเพศทุกวัย หลายจริตหลายนิสัย ซึ่งนั่นก็มิได้หมายความว่า เราต้องเปลี่ยนจริตนิสัย หรือ แปลงเพศ และวัยไป แต่ ! เราต้องรับรู้ เข้าใจ กล่อมเกลา (ขัดเกลาอย่างพอเหมาะพอควร) โอนอ่อน ผ่อนตึง ให้กันได้อยู่เสมอ มิใช่เอาแต่อารมณ์ และความรู้สึกของตน เป็นที่ตั้ง

เจอกันก็หัดทักทาย โอภาปราศรัยก่อน เพราะทุกคนย่อมปรารถนา ที่จะเป็นที่สนใจ อยากถูกเรียกขาน กล่าวนาม อยากเป็นคนหนึ่ง ซึ่งผู้อื่นระลึกถึงในสิ่งดีๆ ฉะนั้น เราควรที่จะสนใจ ผู้คนรอบข้างบ้าง ถามสารทุกข์สุขดิบของเขาเป็นอย่างไร พูดคุยด้วยรอยยิ้ม แจ่มใสอย่างเป็นกันเอง ที่สำคัญอย่าลืม! หมั่นระลึกถึงความดีของผู้อื่น และตนเองบ้าง

อย่าได้ถือสาหาความกับเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ เพราะสิ่งนี้จะเป็นเครื่องบั่นทอน แปรสภาพ เป็นกำแพง ขวางกั้นมิตรภาพ และไมตรีจิต ที่ดีต่อกันและกัน ซึ่งมิตรภาพไมตรีที่ดีต่อกันนั้น ย่อมเป็นของขวัญ ล้ำค่าที่สุด ผู้มีนิสัยถือสาหาความกับเรื่องราวเล็กน้อยเกินไปนั้น มิใช่วิสัยของผู้ที่มองไกลใจกว้าง

จงรู้เถิดว่า หากเราไม่รู้จักห่วงใย ระลึกถึงผู้คนรอบข้างและชิดใจเราในวันนี้ แล้ววันหนึ่ง วันที่เขาจากไป อย่างไม่มีวันกลับ เราจะรู้สึกเสียใจ ที่พบว่า "เราได้สัมผัสสัมพันธ์กับจิตวิญญาณดวงหนึ่ง น้อยเกินไป......."

- เอก ลมเย็น -
[email protected]

(สารอโศก อันดับที่ ๒๕๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๕)