หน้าแรก >สารอโศก

เดือน ธันวาคม ๒๕๔๕

ชีวิตใหม่ในสวน
ได้รับทราบข่าวสารความเป็นไปของหมู่กลุ่มชาวอโศก สาระประโยชน์ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ กับการดำเนินชีวิต รู้สึกยินดีกับหลายๆท่าน ที่กำลังขวนขวาย ในกุศลธรรมให้ยิ่งขึ้นๆ ส่วนตัวผมนั้นคิดว่า ค่อยๆไป อยู่ในศีลธรรมพื้นฐาน ทานมังสวิรัติเป็นประจำ

ชีวิตใหม่ในสวน รู้สึกว่าได้สัมผัสชีวิตที่สงบขึ้นกว่าเดิม แต่ต้องออกกำลังกายเพิ่มขึ้น วันเวลา ช่างผ่านไป อย่างรวดเร็ว มีงานหลายอย่างให้ทำ ต้องเรียนรู้กับธรรมชาติอีกมาก เพราะตอนนี้ ยังไม่สามารถ ปลูกพืชผัก ให้เติบโตขึ้นได้ มดแมงชุกชุม จึงคิดว่า เราไม่จำเป็นจะต้องปลูกพืชผัก ให้ได้ทุกอย่าง ตามที่เราต้องการ เราควรที่จะปลูกพืชผัก ที่เหมาะสม กับสภาพแวดล้อม ของสถานที่ที่เราอยู่

บนภูเขาลำบากเรื่องน้ำใช้และบริโภค ต้องอาศัยน้ำฝน และขอความช่วยเหลือ ทางราชการ ให้ช่วยไป ส่งน้ำให้ แต่ตอนนี้ สวนผมเพิ่งจะจ้างให้ชาวบ้านขุดบ่อน้ำตื้น ให้ใกล้ๆกับลำธาร ลำธารนี้ตอนหน้าแล้ง จะไม่มีน้ำ แต่เคยเห็นชาวบ้าน เขาแหวกทรายในลำธาร ทำเป็นบ่อชั่วคราวเอาน้ำใช้กัน ต้องสูบน้ำจากบ่อ ขึ้นไปพักไว้ก่อน แล้วต้องใช้ เครื่องสูบน้ำอีกตัว สูบน้ำขึ้นต่อไปอีก

หลายคนที่ไปเยี่ยมบอกว่า ดินในสวนดีใช้ได้ แต่พอฝนหยุดตก หลายสัปดาห์ ปรากฏว่า มันเริ่มแยก แตกเป็นร่องๆ พวกไส้เดือน จะออกมาตายเต็มไปหมด ผมเคยสงสัยว่า ทำไมผักพื้นบ้าน อย่างบัวบก จึงไม่พบเห็น ในสวนเลย

ความตั้งใจที่ว่า จะพึ่งพาตนเอง จากสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ จึงยังไม่เป็นความจริง

ขอขอบคุณสารอโศกและดอกหญ้า ที่เป็นแหล่งความรู้ เพื่อให้ได้รู้จัก ความเป็นไปของโลก และที่สำคัญ คือมา รู้จักตัวเราเอง (อารมณ์)
คุณัช คงจันทร์ จ.เพชรบูรณ์

ที่จริงคนเราเริ่มชีวิตใหม่ทุกคน เมื่อตื่นขึ้นมาพบวันใหม่ หลายอย่างอาจไม่เป็นไปดังใจ แต่ทุกอย่าง จะสำเร็จลุล่วงได้ หากไม่ละทิ้ง ความพยายาม โดยเฉพาะชีวิตที่จะพึ่งพาตนเอง ท่ามกลางธรรมชาติ
ิ - บ.ก.


ทำดีน้อยเกินไป
ตั้งแต่มารู้จักชาวอโศก ข้าพเจ้าก็ได้นำข้อปฏิบัติต่างๆของชาวอโศกมาปฏิบัติประจำและได้ผลมากๆ คือ เลิกดื่มสุรา เลิกสูบบุหรี่ เลิกการพนันทุกชนิด เลิกเที่ยวเตร่ เลิกกาแฟ เลิกดื่มน้ำอัดลม เดี๋ยวนี้ ทำให้ครอบครัว ดีขึ้นมาก ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรนัก จนขณะนี้ได้ลาออก จากการเป็นสมาชิกสหกรณ์ครู โดยไม่มีหนี้สิน อะไรแล้ว รู้สึกสบายใจมาก

ข้อปฏิบัติที่ผมพยายาม จะปฏิบัติอยู่คือ ถือศีล ๕ ข้อที่ปฏิบัติยากมากๆ คือข้อที่ ๑ คือแม้ว่าตัวเรา จะไม่ฆ่าเอง แต่เราก็ยังกินอยู่ ก็เหมือนกับว่าเรากำลังส่งเสริมการฆ่า ขณะนี้จึงพยายาม จะกินมังสวิรัติ เลิกกิน เนื้อสัตว์ใหญ่ๆ เช่น วัว ควาย หมู แต่ก็ยังกินเป็ด ไก่ ปลา เพราะครอบครัวยังกิน แต่ก็จะพยายาม จะทำต่อๆไป

คนทั่วๆไปก็บอกว่า เราปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ น่าเอาเป็นตัวอย่างได้ แต่ใจเรายังคิดว่า ยังทำไม่ได้ดีเท่าที่ควร เรายังทำดี น้อยเกินไป ทำดียังไม่พอ เมื่อเปรียบเทียบกับชาวอโศก และขอส่งกำลังใจ สู่ชาวอโศก เรื่อยๆไป
วุฒิไกร ก่อบุญ จ.ชัยภูมิ

ต้องระวัง! ในชีวิตแต่ละวันโอกาสที่เราจะทำผิดพลาดในศีลมีมาก ฉะนั้นหากทำดีน้อยเกินไป หรือ ช้าเกินไป ก็จะไม่มีดีมากพอ ไว้คุ้มครองใจ ที่อยู่ท่ามกลาง สภาพสังคม อันเลวร้ายมากมายได้
- บ.ก.


พบอโศกช้าไป
ได้อะไรจากการพบอโศกหลายๆอย่างอยู่ท่วมท้

ทุกวันนี้ก็สุขสบาย คำว่าสบายในที่นี้ก็คือมีทุกข์แต่น้อย แต่กว่าจะได้พบคำว่าสบายก็ช้านาน เพราะพบตั้งแต่ปี'๓๓

ก่อนหน้านั้นทุกข์มาก เรื่องผิดหวังในครอบครัว สมัยสาวแส้ ก็ฝันลมๆแล้งๆ แบบชาวโลกียะทั่วไป จะต้อง มีแฟน (สามี) เป็นผู้นำ พาสร้างฐานะ พาร่ำพารวย มีบ้าน มีรถยนต์ มีลูกที่น่ารัก มีทุกอย่าง ที่ต้องการ ก็เพราะ ความเพ้อฝัน อันนี้แหละค่ะ พาตัวเองเกือบจะฆ่าตัวตาย เมื่อความฝันพังทลาย

คำว่าสมหวังในเรื่องคู่ครองน่ะ มันเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร มันไม่เหมือนตอนเป็นคู่รักหรอกนะ ทุกข์อะไร ไม่ทุกข์เท่า เรื่องครอบครัว มันทุกข์จริงๆ โดยเฉพาะ เขาไปมีคนอื่น คนที่เรารักไม่เห็นใจเรา (ไม่รักเราแล้ว)

ใครคิดจะแต่งงานไหมคะ อย่าเลยค่ะ อย่าอยากลอง อยู่เป็นโสดดีที่สุด ถ้าย้อนได้ ดิฉันอยากย้อนไป ให้ตัวเอง เป็นโสด เสียดาย พบอโศกช้าไป

เชื่อเถอะค่ะ ไม่สุขเลยกับการมีครอบครัว รอบๆข้างตัวเรา เห็นเขาเป็นทุกข์ ในเรื่องครอบครัว (ส่วนมาก) ทุกข์เห็นลูกไม่รักดี ทุกข์สามีขี้เหล้า เจ้าชู้ หลายๆอย่าง เรื่องเงินทองจิปาถะ ไม่เว้นแต่ละวัน

ขอบคุณอโศกจริงๆค่ะ ที่ทำให้ดิฉันมายืนตรงนี้ได้ ได้พบธรรมของแท้จริง ได้ลดได้ละ ได้รู้จักตัวเอง รู้อภัย ใจเย็น ไตร่ตรองเหตุผล อบายมุขทุกชนิด ไม่แตะต้อง แม้แต่เครื่องดื่มมีเสพติด อย่างน้ำอัดลม

เอ๊ะ! เขียนไปเขียนมา ไม่ทราบไร้สาระหรือเปล่า ขอวกเข้าเรื่องตัวเองเสียหน่อย อยากอ่านหนังสือ ของชาวอโศก แต่เกรงใจ อยู่เหมือนกันนะคะ เพราะปี'๔๕ ไม่ได้ช่วยค่าส่งเลย ในใจลึกๆว่าตัวเอง เอาเปรียบค่ะ
จันทรเทพ โสภาพล จ.ร้อยเอ็ด

การอ่านหนังสือของชาวอโศก แล้วช่วยรายงานผลกลับมา นั่นคือความคุ้มค่าของหนังสือและคุ้มค่าส่งแล้ว ยิ่งถ้าหาก นำไปปฏิบัติ ดับทุกข์ได้ ถือว่ากำไร เกินคุ้มเลยล่ะ
- บ.ก.


โกรธไหม? ขึ้นอยู่กับใจเรา
ขอบคุณได้รับหนังสือ อ่านจบแล้วมีความรู้เพิ่มขึ้นอีกมากเลย ในทุกวันนี้ ยอมรับว่า เคยเหนื่อย ท้อ และ เบื่อมากเลย เมื่อต้องเจอปัญหา และเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ที่มันทำลาย ความรู้สึกอย่างมาก

เคยคิดนะคะว่า ตัวเองได้ฝึกความอดทน เข้มแข็งพอที่จะยอมรับได้ แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ ก็แทบแย่ เลยค่ะ มันฝืน ความรู้สึก และทรมานใจมากเลย ก็ใช้ความอดทนอย่างมาก ไม่แสดงออกมาให้รู้ แต่ภายในใจนี้ มันแย่มาก มันขัด ต่อสิ่งที่เราเคยทำ อยากจะโต้ตอบกลับไปบ้าง แต่คำสอนในหนังสือ ที่ได้อ่านมานั้น คอยเตือน อยู่ในใจ ในสมองตลอดเวลา เลยค่ะ ทำให้ความรู้สึกตรงนั้นดีขึ้น ก็พยายาม เข้าใจ ถึงสาเหตุ ของความเป็นไป ปล่อยวาง และไม่ติดยึดกับตรงนั้นอีก คำสอนในหนังสือ ก็เหมือน เพื่อนค่ะ คอยดึงตลอด ให้เดิน และทำในสิ่งที่ดี

ทุกวันนี้หนูใจเย็นขึ้น และสงบมากทีเดียวค่ะ ใช้ชีวิตเรียบง่ายขึ้นค่ะ หนูสามารถเลิกเที่ยวกลางคืน เลิกดื่ม กาแฟ น้ำอัดลมนั้น ฝึกได้ไม่ยากเลย แต่การฝึกเอาชนะใจตัวเอง เอาชนะความโกรธ ความโมโหง่าย ความใจร้อน ที่มีผู้อื่นมาเป็นผู้ก่อนั้น มันยากมากพอดู ที่จะรับรู้แล้ว ไม่รู้สึกอะไรเลย ก็ปฏิบัติได้ค่ะ กับเรื่อง เล็กน้อย กับเพื่อนกับน้อง มันก็ไม่มีอะไรมาก แต่เรื่องบางเรื่อง ก็ขอให้เวลา และคำสอนลบตรงนั้นไปค่ะ
อุบล บุญประเสริฐ จ.สมุทรสาคร

หากเราคิดอยู่แต่ว่า ผู้อื่นเป็นผู้ก่อความโกรธให้เกิดขึ้นแก่เรา เราจะไม่มีวันชนะความโกรธได้เลย เพราะเขาอยู่ นอกการควบคุมของเรา แต่ถ้าเราคิดเสียว่า ความโกรธเกิดจากความคิด ของตัวเราเอง เราจะเอาชนะได้ เพราะขึ้นอยู่กับ ใจเราคิดเอง ถ้าคิดให้อภัย หรือเมตตาเขา ใจเราก็ชนะความโกรธได้
- บ.ก.


ยืนยันสัจธรรม
คำสอนของพระพุทธองค์นั้นเป็นของอัศจรรย์มาก เป็นของดี เป็นศาสนาของคนมีปัญญา แต่ทำไม ชาวบ้าน รอบตัวผม รวมทั้งคนในครอบครัวของผม จึงไม่รู้จักคำสอนของพระพุทธองค์ ผมค้นพบว่า สิ่งที่มีค่าที่สุด ในชีวิตของผม ก็คือ พระธรรมคำสอน ของพระพุทธองค์ ยิ่งได้ฟังธรรม จากพ่อท่าน รวมไปถึง ท่านพระธรรมปิฎก ข้อความ ที่อยู่บนซองหนังสือ สารอโศก คำกล่าวของพ่อท่านที่ว่า เครื่องมือ ที่สำคัญที่สุด ที่มนุษยชาติ ในโลกขณะนี้ กำลังต้องการมาใช้เพื่อปราบยุคเข็ญนั้น ไม่ใช่อะไรเลย คือธรรม ที่เป็นสัจธรรม เท่านั้นฯ

บัดนี้พ่อท่านได้นำพาหมู่คณะปฏิบัติธรรมจนเห็นผล เป็นสังคมในอุดมคติของผม และผมคิดว่า เยาวชน ในสังคมไทย หากปฏิบัติตาม เยาวชนสัมมาสิกขา ได้แค่เพียง ๑ ใน ๑๐ เท่านั้น ผมว่าสังคมเรา ไปรอด แน่นอน ผมเป็นห่วง สังคมทุกวันนี้ ถ้าเด็กไม่ดีแล้ว สังคมในอนาคต จะเป็นอย่างไร

ใน จ.ปราจีนบุรีนี้ ผมรู้จักพระภิกษุอยู่รูปหนึ่ง ท่านฉันเจ ชื่อท่านมหาสุเทพ ท่านสอนหนังสือเด็ก ท่านมีวิธีสอน ที่สนุก เล่นเกมแล้ว ก็สอดแทรกธรรม มีเด็กๆชอบท่าน เป็นจำนวนมาก มีครูท่านหนึ่งชื่อ บุญล้อม ให้ยืม รถกระบะ ๑ คัน ตระเวนสอนธรรม ตามโรงเรียนต่างๆ พอหมดเงินก็หยุด พอมีเงิน ก็ไปสอนต่อ น่าเสียดาย ที่ไม่มีพระรูปอื่น ช่วยงาน ท่านก็สุขภาพไม่แข็งแรง เป็นโรคภูมิแพ้ ท่านชวนผม ไปอยู่กับท่าน ช่วยงานท่าน แต่ผมยังมีภาระ เลี้ยงดูพ่อแม่ ผมมีอาชีพค้าขาย

เคยไปที่ศรีบูรพาอโศกหลายครั้ง อยากไปช่วยงานที่นั่น ทราบว่าหมอทศพล ไปอบรมเกษตรกรที่นั่น ผมชื่นชม ในตัวคุณหมอ ทศพลมาก

ผมพยายามรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ กินเจยังไม่บริสุทธิ์ ยังเป็นเจเขี่ยอยู่ การฝึกฝนตนเอง ทำยากมาก โดยเฉพาะ การฝึกจิต ผมพยายามกินให้น้อยลง ใช้จ่ายให้น้อยลง เผยแพร่แนวทาง ของชาวอโศก เล่าให้พวกเพื่อนฟังว่า ชาวอโศกทำอะไรกันบ้าง พวกเขาฟังแล้วก็ว่าดี

พอผมชวนกินมังสวิรัติ เขาก็บอกยุ่งยาก ขี้เกียจทำ ซื้อกินเอาง่ายกว่า ก็ต้องปล่อยพวกเขาไป พวกเขา ก็ได้ทำบุญ ใส่บาตรก็ยังดี
กิติศักดิ์ จ.ปราจีนบุรี

ผู้มีใจใฝ่ธรรมะที่ถูกทาง ก็เผยตัวออกมาช่วยกันยืนยันสัจธรรมของพระพุทธองค์ร่วมกัน ส่วนผู้ที่ยังไม่มีใจ เข้าถึงธรรม ย่อมอืดอาด ชักช้าอยู่ - บ.ก.


ใจชัดในธรรม
กระผมออกจากโรงพยาบาล มารักษาตัวอยู่ที่บ้าน ได้มีเวลาอ่านหนังสือ และได้ดูรายการธรรมะ ของท่านจันทร์ ทางโทรทัศน์ ทุกวันอังคาร ถ้าเป็นตอนกระผมยังทำงานอยู่ ก็ไม่ได้ดู เพราะต้อง ออกจากบ้าน ไปขายของ ตามตลาดนัด บ้านนอก โดยออกจากบ้านตี ๔-๕ ทุกวัน กระผมต้องหยุดงาน มาเป็นเวลา ๑๘ เดือนเต็มแล้ว ไม่มีรายได้ มีแต่จ่ายเงิน ที่เก็บออมไว้เท่านั้น จากการอ่าน และปฏิบัติธรรม ทำให้จิตใจ ทนต่อความทุกข์ จากการเจ็บป่วย คลายความกังวล จากอนาคต ที่ทำให้ต้องหยุด การทำงาน ไม่มีรายได้

จากผลของธรรมะทำให้คิดมองมุมกลับว่า ทุกอย่างมีทั้งคุณและโทษ การป่วยของกระผม ทำให้มีเวลา อ่านหนังสือ ดูรายการ ธรรมะทางทีวี ฟังเท็ปได้มากขึ้น การที่กระผมมีโรคประจำตัวคือ เป็นโรคภูมิแพ้ อย่างแรง ทำให้กระผม ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า มาตั้งแต่เกิด ไม่เคยเข้าบาร์คลับมาเลย ตลอดชีวิต แม้แต่ การซื้ออาหาร รับประทานนอกบ้าน ถ้าไม่จำเป็น จะทานน้อยมาก โรคภูมิแพ้ ทำให้ต้องระวังตัว ตลอดมา ตั้งแต่เด็กๆ จำความได้มาเลย และเพราะโรค ที่เป็นมาแต่เกิดนี้เอง ช่วยให้กระผม สนใจธรรมะ ได้อ่าน ฟัง และมีชีวิตที่พ้นความทุกข์ ความกังวลได้พอสมควร

อย่างการป่วยหนักครั้งนี้ กระผมทำใจสงบเตรียมตัวตายอย่างเต็มที่ ได้มอบอวัยวะทุกอย่าง ที่ใช้ได้ ให้สภากาชาด หมายเลข สมาชิก มอบอวัยวะ ๒๕๖๙๐๒ และกระผม ได้มอบร่างกายให้ ร.พ. สงขลานครินทร์ เลขสมาชิกที่ ๔๕๑๖๐ กระผมสั่ง และขอร้อง ลูกเมีย ไม่ให้จัดงานศพ หากกระผมตายลง รีบแจ้ง ให้โรงพยาบาล มารับศพไปเลย ไม่มีการฆ่าสัตว์ จัดงานเลี้ยง ไม่จัดงานเลี้ยงเหล้า ไม่ร้องรำ ทำเพลง สนุกสนาน ไม่พิมพ์บัตรแจกใหญ่โต เพราะการทำอย่างนั้น เป็นประเพณี ที่กระผมคิดว่า ผิดหลักธรรมะ หลักพุทธศาสนา

กระผมเคยเห็นการจัดงานศพที่ใช้เวลาถึง ๑๐ วัน ฆ่าหมูฆ่าวัว นับสิบๆตัว เปิดบ่อนหลายชนิดในงาน เลี้ยงเหล้ายา ปลาปิ้ง พิมพ์บัตรเชิญมากมาย มีดนตรีเปิดคาราโอเกะเต้นรำฉลองสนุกสนาน คนมากินเลี้ยง วันละเป็นพันๆ แต่ตอนพระสวดศพ มีคนฟัง ๒๐ คน คนไปอยู่ในวงเหล้า วงพนัน นานาชนิด ไปกินเลี้ยง เล่นพนัน ดูมหรสพ เปิดเพลงเต้นรำ และ จัดงาน เป็นสิบๆ วัน กระผมไม่ต้องการ ให้งานศพ ของกระผม เป็นอย่างนั้น จึงมอบศพ ให้แผนกกายวิภาคศาสตร์ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ สั่งและ ขอร้อง วิงวอนลูกเมียไว้ว่า พอกระผมสิ้นลม โทรไปถึงร.พ.ม.อ.ให้เขามารับศพทันที และ จากการเตรียมตัว พร้อมที่จะตาย ทำให้ความทุกข์ และความวิตกกังวล ลดน้อยเบาบางลง อย่างน่าประหลาดใจ รู้สึกเป็นบุญ ที่พบศาสนาพุทธ ได้อ่านฟังธรรมะ จากสมาคมผู้ปฏิบัติธรรม อ่านหนังสือ ของสันติอโศก ได้พบรู้จักพระ ที่คิดว่า เป็นพระแท้ เป็นนาบุญ ของประชาชน อย่างแท้จริง

กระผมอยากปฏิบัติธรรมในชุมชนของอโศก แต่กลัวว่าโรคประจำตัวและอายุมาก จะทำให้เป็นภาระ และเป็นตัวถ่วง คนอื่น และจะทำให้ทรมานตัวเองและทรมานคนอื่นด้วย แต่ถึงจะอยู่ที่บ้าน ก็จะพยายาม ปฏิบัติ ให้ได้มากที่สุด ดีที่สุด เท่าที่จะมี ความสามารถ จะพยายามหายืม ซื้อเท็ปธรรมะ มาฟัง และปฏิบัติ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความกรุณา เอื้อเฟื้อ หนังสือ สารอโศก -ดอกหญ้า ตลอดไป สำหรับ หนังสือ เราคิดอะไร ผมก็พยายามเสียค่าสมาชิกตลอดไป จึงขอกราบขอบพระคุณ ล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

ขอยืนยันว่า หนังสือทุกเล่ม ผมอ่านหมด และบางเรื่องอ่านซ้ำๆหลายเที่ยว เท็ปธรรมะ กระผมฟัง อย่างน้อย ม้วนละ ๓ เที่ยว บางม้วนฟังถึง ๒๐ เที่ยวทีเดียว โดยเฉพาะเท็ปของพ่อท่าน จะฟังซ้ำ มากกว่า ของท่านอื่นๆ
นายเปลี่ยน ขุนจางวาง จ.สตูล

เมื่อใจชัดเข้าถึงธรรมแท้แล้ว พฤติกรรมในชีวิตย่อมแสดงธรรมแท้นั้นให้ปรากฏชัดขึ้นๆ ชัดจนแยกดี แยกชั่ว ให้เห็นชัดเจน
- บ.ก.


หลงใหลเทวนิยม
เรียนท่านกองบรรณาธิการนิตยสารดอกหญ้า และสารอโศกที่นับถือ ความคิดเห็นจากกระผม ที่ได้อ่านแล้ว กลับมา พิจารณา ตัวของตัวเอง คนใกล้ชิด ว่าคนนั้นคนนี้เป็นอย่างไร ผมเองก็ไม่ได้ตำหนิใคร ไปในทางเสียหาย แต่ผมมองดู เขาเหล่านั้น เก็บเอามาพิจารณาและศึกษาเปรียบเทียบ เหมือนกับ การอ่านหนังสือ ก็เหมือนกัน คนที่อ่านหนังสือ กับคนที่ ไม่ชอบอ่านหนังสือ เมื่อเราได้สนทนาด้วย กับบุคคล ทั้งสองประเภทนี้ ดูจะแตกต่างกันมาก คนที่ชอบอ่านนั้น จะมีวาจา ที่หนักแน่น ส่วนคนที่ ไม่ชอบอ่านนั้น ฟังไปไร้น้ำหนัก ในคำพูดคุย

สารอโศก-ดอกหญ้าและหนังสือทุกเล่มของกลุ่มสันติอโศก เต็มแน่นไปด้วยสาระความจริง ไม่ได้เขียน ไปตาม กระแสโลก ที่ยุ่งเหยิง จนเป็นที่รับไม่ได้อย่างเช่นทุกวันนี้ หนังสือทุกเล่ม จากมูลนิธิ ธรรมสันติ ทุกข้อความ ตั้งแต่หน้า ๑ ถึงหน้าสุดท้าย เมื่อใครได้อ่านแล้ว ต่างก็ยอมรับกันว่า นี่คือของดี ที่ต้อง นำไปปฏิบัติ

ไม่เหมือนหนังสือที่เรียกตัวเองว่าธรรมะตามแผงขายหนังสือทั่วไป พอเปิดดูข้างใน จะรู้สึกว่า มันรับไม่ได้ เพราะจะมีการโฆษณา แอบแฝง เอาสิ่งที่ชาวพุทธเทิดทูนบูชา ไปเป็นสิ่งที่หากิน หลอกลวง ผู้ที่ปัญญาอ่อน ทั้งหลาย ให้หลงใหล ยอมจ่าย เพื่อได้มาซึ่งของ ที่ชาวพุทธที่แท้จริง เห็นแล้ว แสนจะหดหู่ใจ เป็นที่สุด

ผมสังเกตเห็นว่าศาสนาอื่นเขาไม่เคยเอาของสูงสุดของเขามาหากินกัน แต่ทำไมศาสนาพุทธเรา ถึงได้ทำกัน เป็นล่ำ เป็นสัน โดยมีคนใหญ่คนโต เป็นผู้นำทาง ตามด้วยพระสงฆ์ คอยสนับสนุน โฆษณา ขายกัน อย่างไม่อายฟ้าดิน ว่าพระนั้น หลวงปู่ หลวงพ่อนั้น องค์ละเท่านั้นเท่านี้ ส่วนพระที่ ให้การ สนับสนุน ก็หน้าบาน ผมเห็นแล้ว อ่อนใจจริงๆ

เอาละยุติก่อนนะ ขอให้หนังสือทุกฉบับของมูลนิธิ จงเป็นแสงสว่างส่องทางที่ถูกต้อง ของผู้ที่เรียกตัวเองว่า ชาวพุทธ ตลอดไป
ประธาน พรหมชานนท์ จ.เชียงใหม่

ใครที่ศึกษาศาสนาพุทธได้ถึงแก่นแท้ จะรู้จัก "ตนเป็นที่พึ่งของตน" ได้ดี จะไม่ไปหลงใหล อย่างศาสนา เทวนิยมเลย - บ.ก.


หนี้ธรรมดีกว่าหนี้โลกย์
ผมไม่ได้บันทึกข้อคิดเห็นมายังบรรณาธิการเป็นเวลาค่อนข้างนาน ซึ่งที่จริงแล้ว ผมควรจะทำบ่อยๆ ทุกฉบับ เพราะโดย ธรรมชาติของผม เป็นคนชอบเขียนอยู่แล้ว แต่กลับไปเขียนอย่างอื่นแทน กลับไป ทำสิ่งอื่น ไม่ค่อยเป็นสาระ ให้เป็นสาระ แต่สิ่งที่เป็นสาระ เช่น เขียนข้อคิดเห็นและข้อปฏิบัติ กลับไม่ค่อย ได้ทำ ซึ่งคนโลกย์ๆมักเป็นเช่นนี้ แต่พอจะกลับมาทำ สิ่งอันเป็นสาระ บางคน ก็สายเสียแล้ว เพราะสังขาร ไม่อำนวย

ผมตอนนี้อายุ ๕๐ ปีขึ้นไปแล้ว ผ่านโลกย์มาพอสมควร เป็นนักมังสวิรัติและนักปฏิบัติธรรมมาน่าจะ ๒๐ ปีพอดี ความเจริญ ในธรรม ก้าวหน้าไปทีละน้อยๆ แม้จะไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีใจ ที่ไม่ตกต่ำ ระยะหลังๆ ไม่ค่อยได้เข้าวัด (ราชธานีอโศก) เพราะงานเป็นเหตุ งานทางโลก มันช่างเยอะจริงๆ ถ้าเราไม่กำหนดเอาว่า จะทำเท่าไหร่ จึงจะเหมาะสม ทำจนตาย ก็ไม่หมด สิ่งที่กลัวก็คือ กลัวเป็นหนี้ นั่นคือ ถ้าเราทำงาน ไม่คุ้มกับเงินเดือน ก็คือหนี้ ดังนั้น จึงทำให้เรา ต้องทำงาน ให้คุ้ม แต่เราก็ ไม่รู้เหมือนกัน จุดคุ้มทุน มันอยู่ตรงไหน คงต้องใช้วิจารณญาณ ของแต่ละคน

ด้วยความตั้งใจแล้ว เมื่ออายุเกิน ๕๐ ปีจะขอทำประโยชน์ท่านให้มาก แน่นอนประโยชน์ตนก็ย่อมได้ด้วย นั่นคือการ ลดกิเลส เมื่อ ๒ อาทิตย์ที่แล้วแม่ซึ่งอายุ ๙๖ ปีก็เสีย สิ่งที่ผมห่วงมากที่สุดก็ไม่มีแล้ว ผมดีใจ ที่ตลอดเวลา ที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ได้ทำหน้าที่ เป็นลูกที่ดีตลอดมา ตอบแทนบุญคุณท่าน เท่าที่ ความสามารถ ตัวเองจะทำได้ แม้ว่าจะไม่สามารถ ชักชวนแม่ห่างไกล จากกิเลสได้ก็ตาม (แม่เป็นคน ติดหมาก และอะไรอีกหลายๆอย่าง) ในงานศพแม่ ผมทำหน้าที่ เป็นพิธีกรเอง ซึ่งเป็นครั้งแรก และคงเป็น ครั้งสุดท้าย เพราะผมมีความเชื่อว่า ไม่มีใครรู้เรื่องแม่เรา เท่าลูก นี่คือของแท้ ไม่ใช่ของเทียม อย่างที่เขา ทำๆกันอยู่ (จัดงานแบบชาวบ้านทั่วไป ไม่ใช่แบบอโศก)

ในฐานะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ถือว่าในทางโลกเป็นอาชีพที่สูงสุดแล้ว แต่ผมก็ยังมองเห็นว่า มันยังไม่ใช่ อาชีพสูงสุด ก็คือ อาชีพเสียสละ แบบไม่ต้องการผลตอบแทน ดังชาวอโศกทำอยู่ขณะนี้ ก็ตั้งเป้าไว้ว่า สักวันหนึ่ง คงจะได้มีโอกาส ทำงานนั้น อย่างเต็มที่สักที

ข้อเขียนอาจจะวกวนอยู่บ้าง เพราะไม่ได้วางแผนว่าจะต้องเขียนอะไร พอนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็เขียนออกมา ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทางกองบรรณาธิการ จะพอจับใจความได้บ้าง แล้วโอกาสหน้า จะเขียนมาให้บ่อยขึ้น
เจริญ ชุมมวล จ.อุบลฯ

มัวอยู่ทางโลกย์ซะมาก ก็มักไม่วายจะเป็นหนี้โลกย์ แล้วก็ต้องวุ่นวายอยู่กับการใช้หนี้โลกย์ หากรีบมาอยู่ ทางธรรมได้ ก็จะมาเป็นหนี้ธรรม แล้วก็เป็นอยู่ชดใช้หนี้ธรรม ไปตลอดชีวิต อย่างนี้ชีวิตสุขสงบกว่า - บ.ก.


มาเสียสละร่วมกัน
ดิฉันประกอบธุรกิจส่วนตัว(ค้าขาย) ไม่ค่อยมีโอกาสร่วมกิจกรรมกับชาวอโศกเท่าที่ควร ก็พยายามร่วม เท่าที่ โอกาส จะอำนวย เคยร่วมต้อนรับสมณะก็หลายครั้ง ถ้าทราบข่าวสมณะไปภูเก็ต บางครั้ง ดิฉันก็ปิดร้าน ทำอาหารไปถวาย ร่วมกับ ญาติธรรมอื่นๆ เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ที่ได้ทำบุญ กับสมณะ ที่เราศรัทธา สมณะ ผู้มีศีลบริสุทธิ์ รู้สึกสุขใจ และเป็นบุญ จริงๆค่ะ

ปัจจุบันดิฉันกินอาหารมังสวิรัติ ส่วนใหญ่ก็ทำกินเอง บางครั้งก็หัดกินอาหารไม่ปรุงแต่งบ้างบางมื้อ บางวันก็ลองกิน แต่ผลไม้ (ไม่กินข้าว) ก็อยู่ได้ ไม่รู้สึกทรมานอะไร ใหม่ๆก็ต้องฝืนเอาชนะใจตัวเอง จากความเคยชินเก่าๆอยู่บ้าง นานๆเข้า ก็เข้าใจ จริงๆ ชีวิตไม่มีอะไรมากหรอก หัดกิน-อยู่ง่ายๆ หันเข้าหา ธรรมชาติ ให้เข้าใกล้เคียงธรรมชาติ ได้มากเท่าไร ก็ดีเท่านั้น สุขภาพก็ดี แต่เราไปบำรุงกิเลส ให้มันโตขึ้นๆ นานวันเข้า มันก็ล้างยาก อย่างน้อยๆ หนังสือทำให้เรา หันมา วิเคราะห ทบทวนตัวเอง อะไรดี ควรทำ ต้องรีบทำ ใหม่ๆก็มีล้มลุกคลุกคลานบ้าง ลุกขึ้นสู้ใหม่อีก แม้เราก็อายตัวเอง ทำได้เราก็มีปีติ และก็ พยายาม ตั้งตบะ ให้สูงขึ้นอีก มันจะทำให้จิตใจเร าแข็งแกร่งขึ้น

ส่วนศีล ๕ พยายามทำให้บริสุทธิ์ให้มากขึ้น อบายมุขนั้นปกติเป็นคนไม่ชอบอยู่แล้ว ไม่เคยซื้อล๊อตเตอรี่ ไม่เล่นหวย การพนันทุกชนิด ไม่ดูละคร เวลาจะหมดไปกับงานเสียมากกว่า เรื่องอบายมุขจึงทำได้ไม่ยาก สิ่งที่ยาก คือ การต่อสู้ เอาชนะใจ "ตัวเอง" เรื่องอัตตา หรือทิฐิ เป็นเรื่องซับซ้อน ล้างหรือ ถอนกันไม่ได้ง่ายๆ

ปกติดิฉันเปิดร้าน ไม่ค่อยมีโอกาสไปไหนมากนัก (ถ้าไปก็ต้องปิดร้าน) ช่วงนี้นักเรียนปิดเทอม จะมาซื้อของ ที่กรุงเทพ ไปขาย ปลายเดือนนี้ นักเรียนเปิดเทอม ต้องไปขายของให้ทัน (ขายเครื่องเขียนด้วย) เวลามา ซื้อของ ก็ต้องรีบซื้อ รีบกลับ บางครั้ง จะแวะสันติอโศก ก็ไม่ได้แวะ เพราะอยู่ไกล จากที่ซื้อของมาก

ตั้งใจว่าช่วงปิดเทอมนี้ จะมาอยู่ช่วยงานอโศกบ้าง (อาจจะอยู่ได้ ๓-๕ วัน ก็ยังดี) ได้ขัดเกลาตัวเองไปด้วย เพื่อทั้ง ประโยชน์ตน -ประโยชน์ท่าน ทั้งสองอย่างพร้อมกัน ถ้าเราไม่ทำตัวเองให้ว่าง ก็จะไม่มีวันว่างเลย แต่เวลา เราไม่สบาย เรากลับหยุด ได้อัตโนมัติ ช่วงนี้เป็นโอกาสเหมาะ ที่จะทำให้ตัวเองว่าง ถือเป็น การพักผ่อน ไปในตัว ปกติก็ไม่ได้มีภาระอะไร นอกจากงานร้าน เพราะไม่มีครอบครัว มีหลานสาว มาอยู่เรียนหนัง สือด้วย หนึ่งคน (ม.๕) ที่ต้องคอยดูแล ช่วงนี้เขา ก็มากวดวิชา อยู่กรุงเทพฯ อาจจะได้ พาเขามารู้จัก อโศกเลย เป็นโอกาสดีมากทีเดียว ที่จะให้เขาได้มา สัมผัสอโศก เรียนรู้สิ่งดีๆ ซึมซับไปบ้าง

ถ้าดิฉันมาไม่ทราบว่าทางอโศกจะมีงานส่วนไหนให้ดิฉันช่วยได้บ้าง ดิฉันยินดีขอเป็นผู้รับใช้ทุกงาน ที่ดิฉันช่วยได้ หรือทุกที่ ที่ขาดแรงงาน ในช่วงสั้นๆนี้ (ดิฉันพอมีเวลา เพราะมาซื้อของที่กท.อยู่แล้ว เพียงแต่ยืดเวลาออกไปอีกหน่อย) จะได้ขัดเกลา ฝึกฝนตัวเอง และรู้จักอโศก ให้มากขึ้น

ได้ข่าวว่าเปิดสวนไผ่สุขภาพได้ไม่นาน ตั้งใจจะแวะสวนไผ่ฯด้วย เป็นอีกก้าวหนึ่งของอโศก ที่เจริญขึ้น ดีมากเลย คนจะได้กินของไร้สารพิษ เป็นบุญจริงๆ
เมตตา จีวะรัตน์ จ.ภูเก็ต

ผู้ฝักใฝ่ความเจริญในธรรม จงมาเถิด เพราะการที่จะช่วยตนและช่วยสังคมให้เจริญในธรรมนั้น ต้องอาศัย พลังรวม ของนักปฏิบัติธรรม ที่จะมาเสียสละร่วมกัน
- บ.ก.


สอนตัวเอง
หลายครั้งเบื่อๆเซ็งๆกับความขี้ออดอ้อนออเซาะของเจ้าตัวปัญหาที่มาเกาะกุมจิตใจ ก็อยู่เฉยๆ ไม่ใส่ใจ กับมัน..... ก็สิ้นเรื่องสิ้นราว ไปเหมือนกัน ถึงคราวที่จะเอาชนะใจได้ มันก็ทำได้ดื้อๆ แต่คราวที่มันจะยาก มันก็ยากเหลือหลาย เสียนี่กระไร

หลายครั้งบอกกับตัวเอง....ให้เวลากับจิตใจตัวเองซะบ้าง....ก็ดี....แต่อย่าเผลอใจไปให้เวลากับกิเลส ที่มันแอบแฝง อยู่ในจิตใจเข้าล่ะ.... แต่ก็บ่อยครั้งที่ทั้งเผลอใจและเต็มใจให้เวลากับกิเลส ก็พยายาม หย่อนๆ แล้วค่อยยื้อกลับมา ถ้าตึง หรือกระตุก แรงไปหน่อย ก็หย่อนไว้ แล้วค่อยยื้อใหม่ ได้จังหวะ ก็จัดการ ไปตามความเหมาะสม ทีละขั้นๆ บางครั้ง อารมณ์ต่อต้าน ไม่พอใจมันเกิด ก็นึกถึง คำของพ่อท่าน "เคี่ยวเราเพื่อเอามิตร"

ใช่!?! เคี่ยวเราเพื่อเอามิตร เราเคี่ยวเรานี่แหละดีที่สุด เหมาะที่สุด ควรที่สุด ถ้าหากแม้ เรายังเคี่ยว ตัวเองมิได้ เข็นตัวเองมิได้ จะหวังอะไร กับการ ไปเคี่ยวคนอื่น ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ทน บางที มีคนว่า อะไรให้ ก็นึกถึงคำพ่อท่านอีกนั่นแหละ "เขาโยนขี้หมามา ก็หัดรู้จักเอามาทำปุ๋ย ไว้ใส่ผัก ให้มันงามมั่งสิ"

ใช่!?! บางทีที่เขาโยนมา มันอาจจะไม่ใช่ขี้หมา อาจจะเป็นทองคำก็ได้ รับไว้เหอะดีทั้งนั้น ถึงจะเป็นขี้หมา ก็รับเอามาทำปุ๋ย ให้เป็นประโยชน์ซะ อย่ารับมาแล้วเอาทาตัวเองไว้ ยังงั้นมันก็เหม็น ไม่มีประโยชน์สิ! คำว่ากล่าวของคน ถ้าหากรู้จัก เอามาใช้ พัฒนาจิตใจ ของตน มันก็เป็นปุ๋ยชั้นเลิศ แต่ถ้ารับมาเก็บงำไว้ ในใจขุ่นมัว เป็นทุกข์ ร้อนรนร้อนรุ่ม มันก็เหมือน ขี้หมา ที่ทาตัวอยู่ เราต้องมีกุสโลบาย อันชาญฉลาด ซะบ้าง ในการดำรงชีวิต

และแล้วเมื่อวันคืนผันผ่าน ล่วงเลยไป ก็ครบกำหนดเวลาที่ผมกำหนดไว้ว่า หลังงานมหาปวารณา ก็จะกลับบ้าน ทั้งๆที่ รู้สึกว่า ปฐมอโศก มันอึมครึม ไม่ค่อยเหมาะ สำหรับคนจริตอย่างเรา แต่พอรู้ว่า จะกลับ ในอีกไม่กี่วัน ใจมันก็พลัน อาลัยอาวรณ์... .เราคงไม่ได้กราบนมัสการ ท่านสมณะ อีกหลายรูป ที่ท่านประจำอยู่ที่นี่ คงอีกนาน ที่จะได้พบปะ พูดคุย กับพี่ๆ คุณป้าคุณอา ที่อยู่ปฐมอโศก พวกน้องๆ เด็กๆ ทั้งเล็ก และโต ทั้งร่าเริงเบิกบาน และบึ้งตึง เหมือนโดนแตนต่อย ก็คงอีกนาน กว่าจะได้พบหน้ากัน

ที่บ้านไม่มีญาติๆ กลุ่มเพื่อนบุญอโศก....มีแต่พ่อแม่ญาติพี่น้อง....คิดเพลินๆ พลันท่านเสียงศีล ก็โผล่ขึ้นมา ในสมอง พร้อมทั้ง สุ้มเสียง สำเนียง และดนตรี "ความพลัดพราก เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใคร ในโลกนี้ ที่เกิดมาแล้ว ไม่ประสบกับ ความพลัดพราก แม้ฝ่ายหนึ่ง ไม่จากไป อีกฝ่าย ก็จากไป ผู้ไม่ติดยึด ย่อมอยู่ อย่างไม่เป็นทุกข์ เมื่อความพลัดพรากมาถึง"

จริงสินะ ขอแค่จิตใจเราตั้งมั่นในคุณงามความดีบุญกุศลเสียแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะพลัดพราก จากสิ่งใด ใจเราก็คง ไม่ระทมทุกข์ เท่าใดนัก ทุกชีวิตที่เกิดมา.... ตราบใดที่ยังมีความหวัง ตราบนั้น ก็ยังคงต้อง ประสบกับ ความผิดหวังบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่.... ที่สุดชีวิต ก็ยังดำเนินไป ด้วยความหวังเสมอ จนกว่า จะถึงจุดที่.... ไม่ต้องหวัง....
ตุ๊หล่าง แก่นคำหล้า พิลาน้อย จ.ยโสธร

คนที่สอนตัวเองได้ ก็จะเหลือแต่ทำให้ได้อย่างที่สอนเท่านั้นแหละ ชีวิตก็จะเจริญพัฒนา ได้มรรคผล แน่นอน
- บ.ก.

(สารอโศก อันดับที่ ๒๕๕ เดือน ธันวาคม ๒๕๔๕)