ผู้ป่วยมะเร็งท้าพิสูจน์
"ดื่มฉี่"รักษาสารพัดโรคได้ผลชะงัด
ฉบับนี้มีผู้ส่งข้อมูลมาให้อีกเช่นเคยนะคะ
ก็ต้องขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วย
ผู้จัดการรายวัน -
ผู้ป่วยมะเร็งระบุการรักษาตัวจากโรคร้าย โดยใช้ปัสสาวะเป็นยา
เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีมาแต่โบราณ เผยประสบการณ์ส่วนตัว นำมาใช้รักษาไซนัสอักเสบเรื้อรังได้ผลชะงัด
แถมยังใช้หยุด เลือดกำเดา ได้ในทันที แนะผู้ป่วย หากหมดหวังกับ การแพทย์แผนปัจจุบัน
น่าจะหันมาทดลอง เพราะเป็นวิธี ที่ไม่อันตราย และไม่สกปรก อย่างที่เข้าใจกัน
ยืนยันด้วยข้อมูล จากประสบการณ์ ของคนทั่วโลกว่า สามารถ
ใช้รักษา โรคได้สารพัด ตั้งแต่ไข้หวัด ภูมิแพ้ โรคกระเพาะ
โรคปอด หอบหืด แม้แต่มะเร็ง หรือ เอดส์ ขณะที่แพทย์ยัน วงการแพทย์ปัจจุบัน
ยังไม่อาจพิสูจน์เรื่องนี้ได้}
สำหรับผู้ป่วยหนักด้วยโรคต่างๆที่หมดความหวังจากการรักษาด้วยวิธีการสมัยใหม่
การแสวงหา หนทาง รักษาตัว ด้วยวิธีการต่างๆ ดูจะเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามอย่างสูง
นายกิตติกูล เสาร์มณี เจ้าของร้านกิตติกูล
จำหน่ายอาหารชีวจิตย่านประชาชื่น เล่าว่าตนป่วย เป็นโรค มะเร็งตับ และเคยผ่าตัดรักษาไปแล้วตั้งแต่ปี
พ.ศ.๒๕๓๗ ทว่าก็ไม่หาย กลับลาม ลงมาที่ช่องท้อง จึงได้ทดลอง ดื่มน้ำปัสสาวะในการบำบัดโรค
แต่ต่อมาได้หยุดไป แล้วกลับมา ใช้ใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๐ จนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบันสภาพร่างกายอยู่ในระดับน่าพอใจ แม้จะไม่แข็งแรงสมบูรณ์ เพราะยังเป็นโรคมะเร็งอยู่
แต่ก็ไม่ทรุดลงไป จนทุกวันนี้ ก็ยังมีก้อนมะเร็งอยู่ในช่องท้อง โดยหมอบอกให้ผ่าออก
แต่เขาไม่ยอม เพราะเชื่อว่า สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ร่วมกับก้อนเนื้อร้ายนี้ได้
นายกิตติกูลเล่าอีกว่า นอกจากมะเร็งแล้ว เขาก็ยังมีโรคประจำตัวอื่นคือ
ไซนัสอักเสบ ซึ่งเมื่อก่อน ต้องใช้ยาพ่น
"เพนาซีน"อยู่เป็นประจำ ใช้นานจนกระทั่งเส้นเลือดฝอย บริเวณโพรงจมูก
เปราะแตกง่าย ทำให้เกิดอาการ เลือดกำเดาไหลเป็นประจำ
จึงได้ทดลองใช้น้ำปัสสาวะ ในการรักษา โดยการสูด เข้าไปขังไว้ ในโพรงจมูก
สักพักเดียว แล้วปล่อยออกมา ปรากฏว่า เลือดกำเดา หยุดไหล และ อาการไซนัส
อักเสบก็ดีขึ้น โดยไม่ต้องพ่นยาอีกต่อไป ซึ่งวิธีการเดียวกันนี้
ตนได้นำไปแนะนำ ให้เพื่อนที่เป็น ไซนัสอักเสบ
หลายคนทดลอง ก็ได้ผลน่าพอใจ
จากนั้นมา จึงได้เริ่มค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับการใช้น้ำปัสสาวะรักษาโรคอย่างจริงจัง
โดยเฉพาะ ในเว็บไซด์ ต่างๆ จึงได้พบว่า ในหลายประเทศ มีผู้ใช้ประโยชน์ จากปัสสาวะ
ในการรักษาโรค จำนวนมาก เช่น ประเทศญี่ปุ่น อินเดีย ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่มีวัฒนธรรมเก่าแก่
และเคร่งศาสนา โดยนายกิตติกูล อธิบายว่า คนเหล่านี้ เป็นคนโบราณ ไม่เอาชีวิตไปผูกไว้กับ
เทคโนโลยี สมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นยา หรือ ความก้าวหน้า ทางวิทยาศาสตร์ แต่สนใจธรรมชาติมากกว่า
ทั้งนี้การที่ปัสสาวะสามารถบำบัดโรคได้ ตามความเชื่อของตนนั้น นายกิตติกูลอธิบายว่า
จากการศึกษา ข้อมูลพบว่า ปัสสาวะไม่ใช่ของเสีย แต่เป็นน้ำส่วนเกิน
ที่ร่างกาย ขจัดออกมา จากเลือด ซึ่งผ่านการกรอง อย่างดีจากไต มีรสเค็ม
และมีกลิ่นของแอมโมเนีย โดย ๙๕ เปอร์เซ็นต์ เป็นน้ำ ๒.๕ เปอร์เซ็นต์ เป็นยูเรีย
และอีก ๒.๕ เปอร์เซ็นต์ เป็นส่วนผสม ของเกลือแร่ เกลือฮอร์โมน เอนไซม์ และ
ภูมิคุ้มกัน
มีการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลีย พบว่าเมื่อดื่มปัสสาวะ
จะทำให้เรามีสมาธิ จิตใจ สดชื่น อารมณ์ดีขึ้น เพราะในปัสสาวะ มีฮอร์โมนชื่อ
เมลาโนธิน ซึ่งพบในฉี่ตอนเช้า นอกจากนี้ ก็ยังมีเอนไซม์ชื่อ ยูโรไคเนส
ที่ช่วยไม่ให้เลือดแข็งตัว ในกรณีคนเป็นโรคหัวใจ ซึ่งในงานวิจัย พบว่า ปัสสาวะ
ของแต่ละคน มีผลต่อการทำงาน ในร่างกาย ของเจ้าของปัสสาวะ โดยจะทำหน้าที่
เป็นวัคซีนธรรมชาติ เป็นตัวต่อต้าน แบคทีเรีย และไวรัส ต่อต้านสารก่อมะเร็ง
ทำให้เกิด ความสมดุล กับฮอร์โมน และ ช่วยเรื่องภูมิแพ้
"เท่าที่ได้อ่านตำราและค้นคว้าในเอกสารต่าง ทั้งในและต่างประเทศ ปรากฏว่า
ปัสสาวะ ใช้รักษาโรคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เพราะปัสสาวะ จะไปปรับระดับ ภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย ให้ดีขึ้น ทำให้โรคต่างๆ
ที่เรื้อรัง และร้ายแรงหายได้ เช่น ไข้หวัด ภูมิแพ้ กระเพาะ อาหาร ปอด ไอ
และ หอบหืด รวมทั้งมะเร็ง และเอดส์ด้วย" นายกิตติกูล กล่าว
พร้อมกับเสริมว่า ตนเชื่อว่า ในสังคมไทยมีคนใช้ปัสสาวะรักษาโรคกันมาก
ในรูปแบบต่างๆ แต่ไม่กล้าบอก หรือเปิดเผย เพราะสังคมภายนอก ไม่ยอมรับ และคิดว่า
คนดื่มปัสสาวะ เป็นคนบ้า คนส่วนใหญ่ เมื่อป่วย คิดว่า ไปซื้อยากินดีกว่าง่ายดี
แต่อย่าลืมว่า ยาทุกเม็ด ที่เรากินเข้าไป เป็นสารเคมีทั้งนั้น มีผลข้างเคียง
ต่อร่างกาย ในอนาคตทั้งสิ้น ซึ่งจะแสดงผลออกมา เมื่อเรามีอายุมากขึ้น เมื่อนั้น
เราจะรู้สึกว่า สายเกินไป อย่างไรก็ดี ในทางการแพทย์สมัยใหม่ ยังไม่มีข้อมูล
ที่ยืนยันได้ ถึงประโยชน์ ทางยา ของน้ำปัสสาวะ แม้ว่าจะเป็น การดื่ม หรือ
ใช้น้ำปัสสาวะ ของตัวเอง ในการรักษา โรคก็ตาม
ทั้งนี้ ผศ.น.พ.กัมมาล กุมารปาวา คณบดีคณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ในวงการแพทย์ ยังไม่ยอมรับในเรื่องนี้
แต่ก็เคยมีการศึกษากันอยู่บ้าง โดยพบว่า ในน้ำปัสสาวะ มีสาร ชนิดหนึ่ง เรียกว่า
"อินเทอร์ฟารอน" ซึ่งเชื่อว่า มีสรรพคุณในการรักษา อาการเจ็บป่วย
ของเจ้าของ ปัสสาวะได้ ทว่าก็ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ และยืนยันเรื่องนี้ได้ชัด
ส่วนการนำไปใช้รักษาอาการไซนัสอักเสบเรื้อรัง แล้วได้ผลนั้น ผ.ศ.น.พ.กัมมาล
แสดงความเห็นว่า อาจเป็นไปได้ เนื่องจากปัสสาวะ มีแอมโมเนียปนอยู่ ทว่าการจะบอกว่า
มีสรรพคุณ เช่นนั้นจริง เป็นเรื่อง ที่พูดยาก จนกว่าจะมีการวิจัย ที่ได้ผล
ยืนยันชัดเจน แต่ความเชื่อ ในขณะนี้ก็คือ ปัสสาวะ
เป็นแค่น้ำ และ เกลือแร่ ที่เกินความจำเป็น จนร่างกายต้องขับทิ้งเท่านั้น
พบกันใหม่ ฉบับหน้าค่ะ
(สารอโศก
อันดับที่ ๒๕๕ เดือน ธันวาคม ๒๕๔๕)
|