>สารอโศก

แถลง
ชาวอโศกควรตั้งใจอยู่ให้ได้ถึง ๑๐๐ ปี
ถ้าใครคิดผิด คิดใหม่ได้.....

ในงานฉลองหนาว ธรรมชาติอโศก ที่ภูผาฟ้าน้ำ นอกจากความสงบเย็น จนยะเยือกของหุบเขา ที่พวกเรา ได้ไปสัมผัสกันแล้ว ความบริสุทธิ์สะอาด ของธรรมชาติและอากาศที่นั่น ย่อมทำให้ทุกคน สดชื่นแจ่มใส ขึ้นมาได้ คุณหมอท่านหนึ่งได้เห็นบรรยากาศของการฟังธรรมในยามเช้า ที่ผู้แสดงธรรม ก็ได้แสดงไป ด้วยความปีติสุข ส่วนผู้ฟังธรรม ก็ฟังกันด้วยความปีติสุข ซึ่งย่อมทำให้ร่างกาย หลั่งสารสุข ออกมา อยู่ตลอดเวลา คุณหมอ ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ได้เห็น ชนเผ่าต่างๆ ที่มีอายุยืนยาว มาเกือบทั่วโลกแล้ว จึงมั่นใจว่า ชุมชนชาวอโศก ซึ่งเป็นชนเผ่า ชาวดอยศิวิไลซ์ น่าจะอยู่กันได้เป็นร้อยๆปี เพราะเรามีสารสุข เกิดได้หลายๆ ทาง เช่น

๑. สุขเกิดจากฌาน อันเกิดจากการเพ่งเผากิเลสหรือเพ่งมองตนเอง แก้ไขตนเอง เมื่อเราเกิดความโกรธ ความไม่ชอบใจขึ้นมา แล้วหาทางจัดการความโกรธนั้นๆให้หมดไปได้ ย่อมทำให้เราเกิดฌาน เกิดความสุข แต่ถ้าหากไปหาทางจัดการกับคนที่ทำให้เราโกรธ นอกจากไม่เกิดฌานแล้ว ก็คงมีแต่"ช้ำ"และความทุกข์
ดังนั้นพ่อท่านจึงให้โศลกเตือนพวกเราชาวอโศกไว้ว่า "จงมองคนอื่นเป็นเช่นกระจกเงา (เอามา
สะท้อน ย้อนเผากิเลสของตัวเองให้เกิดฌาน) อย่ามองคนอื่นเป็นเช่นกระสอบทราย (จะตายก่อน ถ้าคิดไปเล่นงานกิเลสคนอื่น)"

๒. สุขเกิดจากการมองโลกในแง่ดี หลายๆคนต้องตกรถด่วนขบวนสุดท้าย เพราะมองโลกในแง่ร้าย สุดท้าย ก็เอาขี้หมา ไปแลกทองคำ ยอมทิ้งอุดมการณ์ชีวิต ยอมทิ้งเป้าหมายชีวิต อันประเสริฐเลิศล้ำดั่งทองคำ เพราะความร้าย ความไม่ดีของคนอื่น ซึ่งเปรียบดั่งขี้หมา

ชาวอโศกที่มีศรัทธาย่อมมั่นใจว่า พ่อท่านต้องมากอบกู้ศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นไปได้อย่างแน่นอน เราจึงควร ทำจิตใจของเราให้ปีติ มีอนุโมทนากับขบวนการ และพัฒนาการต่างๆ ที่เจริญเติบโตขึ้นมา อย่างรวดเร็ว แม้ว่า บางครั้งอาจจะมีเรื่องร้ายๆ มาทดสอบกันบ้าง (มารบ่มีบารมีบ่แก่กล้า) ก็จะได้เป็น เครื่องพิสูจน์ว่าไผเป็นไผ เหมือนพระเทวทัตที่ได้มาหนุนเนื่อง เสริมสร้างบารมี ของพระพุทธเจ้า ให้ปรากฏชัด ทั้งบริสุทธิคุณ กรุณาธิคุณ และปัญญาธิคุณ

๓. สุขเกิดจากมีไฟทำงาน(อิทธิบาท ๔) ถ้าแต่ละคนมีความปีติยินดีในการทำหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบให้ดีที่สุด ใครเป็นใบ เป็นราก เป็นยอด เป็นเปลือก เป็นกิ่ง เป็นต้น ก็ทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ไม่ไปเที่ยวหวาดระแวง แก่งแย่งชิงดี ริษยา ซึ่งกันและกัน ใบก็ทำหน้าที่สังเคราะห์แสงไป รากก็ทำหน้าที่ดูดอาหารไป กิ่งลำต้น ก็ทำหน้าที่ส่งน้ำ ลำเลียงอาหาร ให้กับส่วนต่างๆ ของต้นไม้

เมื่อกิ่งก้านใบ ฯลฯ ไม่ทะเลาะกัน แต่ช่วยกันทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด อย่างประสานสัมพันธ์กัน ก็จะได้ร่มไม้ หรือร่มโพธิ์ร่มไทรที่สมบูรณ์แข็งแรง เป็นที่พึ่งแก่สรรพสัตว์ได้ต่อไป

"ทำงานให้สนุก เป็นสุขจากการทำงาน ก็จะทำให้ผู้นั้นบวชไม่สึก" โอวาทของหลวงปู่พุทธทาส ให้กับพระหนุ่มรูปหนึ่ง ที่ตั้งใจจะบวชตลอดชีวิต

คณะผู้จัดทำ

(สารอโศก อันดับที่ ๒๕๖ มกราคม ๒๕๔๖)