>สารอโศก

งานฉลองหนาว ธรรมชาติอโศก ครั้งที่ ๑

าวดอยแพงค่าจัดงานฉลองหนาว-ธรรมชาติอโศก ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ มกราคม ๒๕๔๖ ณ ชุมชนภูผาฟ้าน้ำ ๓๑/๑ หมู่ ๕ บ้านแม่เลา ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๕๐

เป็นครั้งแรกของชาวอโศกที่ได้จัดงานฉลองหนาว และผนวกวันธรรมชาติอโศก เข้าไปด้วยกันได้ อย่างกลมกลืน เหมาะสมยิ่งนัก หลังจากที่วันธรรมชาติอโศก อยู่โดดเดี่ยว มานานหลายปี เริ่มจากปี ๒๕๓๒ ของวันที่ ๑๐ ธ.ค. ชาวอโศกจะไปฉลองวันธรรมชาติ กันที่สวนธรรมชาติอโศก ต.ปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร และปี ๒๕๓๗-๒๕๔๐ ให้ไปฉลอง วันธรรมชาติฯกันตามอัธยาศัย ต่อมาปี ๒๕๔๑-๒๕๔๕ ได้จัดวันธรรมชาติฯ ต่อจากงานปีใหม่ ตลาดอาริยะ ที่ราชธานีอโศก จ.อุบลฯ ซึ่งมีการล่องแพบ้าง ล่องเรือบ้าง เอื้อไออุ่นบ้าง แต่ดูเหมือนว่า จะไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไรนัก ปี ๒๕๔๕ ในงานฤดูหนาว ชาวภูผาฟ้าน้ำ (ปอยน้อย) ครั้งที่ ๑ พ่อท่านดำริให้งานนี้เป็นงานฉลองหนาวของชาวอโศก และย้าย วันธรรมชาติอโศก จากบ้านราชฯ มาอยู่รวมกับงานฉลองหนาว

งานฉลองหนาว-ธรรมชาติอโศก จัดขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ชาวอโศก ได้มาพักผ่อน ประจำปี หลังจากที่ตรากตรำทำงานหนักมาตลอดทั้งปี และมีโอกาสพบปะ คบคุ้นกัน มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ฟังธรรมจากพ่อท่าน ชมกีฬาอาริยะ และเที่ยวชมธรรมชาติ อย่างเบิกบานผ่อนคลาย

วันที่ ๒๓ ม.ค. ประมาณ ๘ โมงเช้า พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์พร้อมปัจฉาฯเดินทาง จากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ แวะพักฉันภัตตาหารที่ชมรมมังสวิรัติแห่งประเทศไทย สาขา เชียงใหม่ (ชมร.ช.ม. ขณะนี้ ชมร.ช.ม. มีเจ้าภาพร่วมบุญหมุนเวียนเหมาร้าน เพื่อแจกอาหารฟรี แก่ประชาชน ติดต่อกันมาทุกวัน ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พ.ย.๔๕ เป็นต้นมา และมีเจ้าภาพร่วมบุญ แจกต่อไป จนถึงวันที่ ๔ ก.พ.๔๖ นอกเหนือจาก ที่ชมร.ช.ม. แจกอาหารฟรี เดือนละครั้ง เป็นประจำทุกเดือน ตั้งแต่ มี.ค.๔๕ เป็นต้นมา) มีสมณะ และ ญาติธรรม มารอรับ อยู่พร้อมหน้า พร้อมตา หลังจากฉันเสร็จได้เดินทางสู่ดอยแพงค่า

ช่วงเย็นปฐมอโศกเปิดโรงบุญฯเป็นเจ้าแรก แจกก๋วยเตี๋ยวร้อนๆแก่พวกเราได้อิ่มหนำกันถ้วนทั่ว ภาคค่ำที่เวทีธรรมชาติ เป็นการทดลอง เครื่องปั่นไฟ มีการแสดงตามธรรมชาติ ของญาติธรรม ที่ผู้ชม ต้องลุ้นอยู่ ตลอดเวลา เพราะบางคน ขึ้นโชว์เพลง ที่เพิ่งแต่งเสร็จหมาดๆ บนเวทีแห่งนี้

บรรยากาศของงานตลอดทั้ง ๔ วัน มีดังนี้

เช้าตรู่พบกับอากาศที่หนาวเย็นจับใจ ที่อุณหภูมิบนยอดหญ้าวัดได้ ๖ องศาเซลเซียส ท่ามกลาง สายหมอกที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณดอย แหม! ถ้าไม่หนาว ก็คงไม่สมกับชื่อ งานฉลองหนาว งานนี้ไม่มี การทำวัตรเช้า เปิดโอกาสให้ผู้มาร่วมงานได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ

๖ โมงเช้า เสียงจากประชาสัมพันธ์ประกาศเชิญชวนให้ออกจากผ้าห่ม ไปรับประทาน อาหารร้อนๆ ไล่ความหนาวจากโรงบุญฯ ที่มีมากมาย อาทิเช่น น้ำอาร์ซี ขนมครกควันฉุยๆ ข้าวเหนียวกล้องนึ่งร้อนๆ ข้าวเกรียบปิ้ง ข้าวแต๋นทอด หมั่นโถวนึ่งร้อนๆ กระเพาะเจร้อนๆ ขนมจีนน้ำเงี้ยว แคบหมูเจทอด ส้มตำรสแซ่บ ขนมปังโฮลวีททาแยมผลไม้รวม ถั่วเน่าปิ้งรสเลิศ น้ำลำไยรสชุ่มคอ แฮมเบอร์เกอร์ ข้าวหลามเผา นอกจากนี้ยังมีไอศกรีม บริการแก่ผู้ไม่พรั่นพรึง ต่ออากาศหนาวอีกด้วย และอาหาร อีกมากมาย

ภาพของโรงบุญฯชัดเจนและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเมื่อมีผู้ไปใช้บริการ ซึ่งแจกกัน ตลอดทั้งวัน จนถึงเข้านอน ในเพิงเล็กๆที่จัดขึ้น หรือแคร่ไม้ไผ่ ที่มีร่มกระดาษ สีขาวคันใหญ่ กางบังแดด เงินที่มีอยู่ ไม่สามารถ ใช้จ่ายได้ บนดอยแห่งนี้ได้ นอกจากบริจาค เพื่อสร้างพระวิหารดอยฟ้า เพราะไม่มีการซื้อขายใดๆ ไม่มีร้านค้า มีแต่ภาพของการให้ เพียงภาพเดียวเท่านั้น ที่ผู้ให้และผู้รับที่ยิ้ม-ไหว้ให้กันและกัน เหมือนอยู่ บนโลกใบใหม่ เหมือนจะบอกว่า บนดอยแห่งนี้ มีแต่การให้เท่านั้น

๘ โมงเช้า พ่อท่านนำหมู่สมณะ-สิกขมาตุบิณฑบาตในชุมชน ทางโรงครัวได้จัดเตรียม อาหารใส่บาตร ห่อใบตอง รอให้บริการแก่ผู้ที่ต้องการจะทำบุญใส่บาตรอยู่หน้าโรงครัว งานนี้ขอชื่นชม ชาวดอยแพงค่า ที่นอกจากจะให้การต้อนรับ ด้วยมิตรไมตรีอย่างอบอุ่นแล้ว ยังช่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย

๙-๑๑ โมงเช้า ฟังธรรมะล้ำค่า โดยพ่อท่านนั่งแสดงธรรมอยู่บริเวณหน้าศาลาซาวปี๋ มีลูกๆนั่งฟังธรรม อย่างธรรมชาติ กระจายอยู่บริเวณลานหญ้าหน้าศาลา ด้วยความอบอุ่น จากความเมตตา ของพ่อท่าน และจากดวงไฟธรรมชาติที่สาดแสงลงมาไล่ความหนาว ตลอด ๓ วัน ของการแสดงธรรม พ่อท่านอธิบายขยายความระบบสาธารณโภคี ที่ไม่มีหลักฐาน มายืนยันว่า เคยมีมาก่อน และนวัตกรรม ของมนุษยชาติ ที่มีองค์ประกอบทั้งจิตวิญญาณ และกิจกรรม

วัฒนธรรมล้ำค่าของพระพุทธเจ้า ที่เกิดจากจิตวิญญาณที่เสียสละ อยู่ร่วมกันอย่างลดโลภ-โกรธ-หลง พอเพียงไม่ใช่มีเงินมาก แต่หมายถึงกินน้อยใช้น้อย ที่สอดคล้องกับการดำเนินชีวิต ในส่วนของ งานพาณิชย์ บุญนิยม จะไม่เพียงขายขาดทุน เฉพาะตลาดอาริยะ เท่านั้น แต่จะกระจาย การขายขาดทุนไปยังงานอื่นๆ ที่เขาเชิญมาด้วย ขอร้องผู้ไปขาย อย่าไปแอบแฝง อยากได้กำไร จากการค้าขาย การคิดกำไรอาริยะ ขายต่ำกว่าทุน ๕๐% ถือว่าสอบได้ ขายเกินทุนถือว่าขาดทุน, ขายขาดทุน จึงคือกำไร ยิ่งขาดทุนมาก ยิ่งเสียสละมาก ยิ่งเป็น บุญมาก

สิ่งที่เราทำเป็นสังคมพึ่งตนเองที่เขากำลังมองหา ที่ทำงานแบบเสียสละอยู่ในสังคม คนที่จะรู้คุณค่า ต้องมีปัญญา เป็นผู้ไม่รวย กล้าจน ทวนกระแสกับโลกีย์ ผู้ยิ่งใหญ่ต้องยิ่งเล็ก แต่ไม่ลดคุณธรรม ความสามารถ ขอให้พวกเราพัฒนาขึ้นไป ตอนนี้การทำงานของชาวอโศก ได้รับการยอมรับ จากสังคม ภายนอก จึงต้องการคนรับผิดชอบที่ไม่มีเงินเดือน ยอมรับใช้ เรากำลังต้องการคุรุ มาถ่ายทอด สู่ทายาท รุ่นต่อไป พร้อมกับเตือนลูกหลานทั้งหลายว่า อ...ย่...า...ยินดีในความเนิ่นช้า ให้เอาไปตรวจสอบ ตนเอง และ เร่งรัดพัฒนา ตนเองให้เจริญ แฟนเท็ป ๕ ดาวไม่ควรพลาด

หลังจากนั้นรับประทานอาหารตามอัธยาศัยจากโรงบุญฯ มีดนตรีวงฆราวาส, วงบ้านราชฯ และ ศิลปินตัวจริง และสมัครใหม่ จากที่ต่างๆ ร้องเพลงสร้างบรรยากาศ ระหว่าง รับประทานอาหาร ในวันที่ ๒๕ ม.ค. หลังการแสดงธรรม มีขบวนแห่โรงบุญมังสวิรัติ ประกอบด้วย พืชพันธุ์ธัญญาหาร อันอุดมสมบูรณ์ ของชาวดอยแพงค่า

บ่าย ๒ โมง สนุกกับกีฬาอาริยะ ทั้งประเภททีมและประเภทเดี่ยวแบบไม่จำกัดอายุ ที่ได้ออกกำลังกาย อย่างมีสาระ คุณค่าต่อชีวิต ถึงพร้อมทั้งประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน มีผู้มาสมัคร แข่งขันมากมาย ท่ามกลางกองเชียร์ที่มาลุ้นอยู่ตลอดเวลา

ประเภททีม การแข่งขันตักทรายจากลำธาร เน้นปริมาณ-ความสวยงามของกองทราย และลีลา -ความสามัคคี ของกลุ่ม กีฬาเข้าป่าหักฟืน นอกจากจะได้ฟืนเข้าโรงครัว โดยไม่ทำลายป่าแล้ว ยังเป็น การช่วยทำความสะอาดป่าด้วย เพราะเก็บไม้ที่ตกหล่น ตามธรรมชาติเท่านั้น ที่น่าเอ็นดูยิ่งนัก เห็นจะเป็น ทีมจั๊กจั่น นักเรียนชั้นประถมฯ ของภูผาฯ ที่ร่วมแข่งขันด้วย กีฬาสีข้าวด้วยมือ ที่ไม่พึ่งพาเทคโนโลยี นอกจากนี้ ข้าวที่สีได้ ก็นำมาหุงถวายสมณะ และแจกจ่ายกันในโรงบุญฯ และกีฬาเก็บผักป่า ที่ผู้เข้าแข่งขัน ต้องรู้ทั้งสรรพคุณ และจำนวนของผัก แต่ละชนิดที่เก็บมาได้มากด้วย นอกจาก ให้ความรู้ ยังได้ออกกำลังกาย ซึ่งจัดในภาคเช้า เพื่อที่จะได้นำผักที่เก็บได้ ขึ้นถวายสมณะ และแจกจ่าย แก่ผู้มาร่วมงาน ได้ลิ้มลองผักป่ากัน

ประเภทเดี่ยว กีฬาผ่าฟืน ที่ตัดสินจากปริมาณและศิลปะของการเรียงฟืน เมื่อแข่งขัน เสร็จแล้ว ทั้งผู้ชม ผู้เข้าแข่งขัน รวมทั้งกรรมการ ช่วยกันขนฟืนเข้าโรงครัว หลังจากนั้น ร่วมกัน ทำแนวกันไฟ บริเวณท่อนซุง ที่เตรียมสร้าง พระวิหารดอยฟ้า งานนี้พี่น้องปะกากะญอ จากบ้านหัวเลา มาร่วม แข่งขันด้วย

สำหรับผู้ชนะเลิศที่ ๑-๓ รับโล่รางวัลทวนกระแสพร้อมของชำร่วย จากพ่อท่าน รางวัลที่ ๑ เหรียญทอง ๒๕ สตางค์ รางวัลที่ ๒ เหรียญเงิน ๑ บาท และรางวัลที่ ๓ เหรียญเงิน ๕ บาท

ใครที่มาภูผาฯแล้วไม่ได้อาบน้ำ ถือว่ายังไม่ถึงภูผาฯ เพราะเป็นน้ำจากลำธาร ที่เย็นเจี๊ยบ เหมือนน้ำแข็ง ปานประหนึ่งว่า มีเข็มนับร้อยๆเล่ม แทงอยู่ตามเนื้อตัว แต่เมื่ออาบแล้ว ร่างกาย จะอบอุ่น หากผู้อายุยาว ที่สู้น้ำเย็นไม่ไหว ก็มีน้ำอุ่นจากพลังแสงอาทิตย์ พร้อมห้องน้ำ ชั่วคราว ไว้บริการอย่างสะดวกสบาย

๖ โมงเย็นถึง ๒ ทุ่ม พบกับการแสดงต่างๆ อย่างเรียบง่ายจากผู้ไปร่วมงาน บนเวทีธรรมชาติ ที่ผู้มีมรรคผล เท่านั้น จะทนดูอยู่ได้ ท่ามกลางแสงไฟจากถ้วยตะเกียงเล็กๆ และแสงดาว จากท้องฟ้า มีน้ำสมุนไพรร้อนๆ บริการเพื่อผ่อนคลาย ความหนาวเหน็บของอากาศ ในบรรยากาศ ที่จิบน้ำ สมุนไพร ไปบ้าง ชมการแสดง ไปพลาง นอกจากนี้ มีการร้องเพลงรำลึก ถึงคุณภูฟ้า แพงค่าอโศก ขุนพลแห่งดอยแพงค่า ผู้จากไป

การประชุมต่างๆ
๒๕ ม.ค. ประมาณบ่าย ๒ โมง ประชุมสุขภาพบุญนิยม ครั้งที่ ๑ แต่งตั้งผู้ก่อการ ๗ คน พ่อท่าน เป็นประธาน ให้โอวาทเปิด-ปิดประชุมว่า สุขภาพบุญนิยมเป็นบุญญาวุธหมายเลข ๔ เพราะสุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญต้องดูแลให้ดี ให้คำนึงถึงผู้มาสืบทอด คือ นิสิตพลาภิบาล และ สถานที่ กำลังจัดสร้าง ที่ปฐมอโศก ถือเป็นของชาวอโศกทุกคนมีสิทธิ์ไปใช้บริการ

๒๖ ม.ค. เวลา ๐๕.๐๐ น. ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ ๑/๒๕๔๖ พ่อท่าน เปิดประชุมว่า ทิศทางการทำงานของการเมืองบุญนิยม เพื่อเอื้อประโยชน์ ไปรับใช้ เป็นเรื่องของ การเสียสละ เป็นการเมืองบุญนิยมที่ไม่เคยมีในโลก ขอบคุณทุกคน ที่เอาใจใส่ พากเพียร สืบสาน ให้แก่มวลมนุษยชาติ

นอกจากนี้มีการตกลงเรื่องการค้าบุญนิยมระดับที่ ๓ ขายต่ำกว่าทุนหรือขายขาดทุนว่า ชาวอโศก จะไม่เพียงขายขาดทุน เฉพาะงานปีใหม่ ตลาดอาริยะเท่านั้น แต่จะขายขาดทุน ในงานที่มีผู้มา เชิญชาวอโศก ไปออกร้านจำหน่าย สินค้าชุมชนด้วย โดยขึ้นป้ายบุญนิยม เราขายต่ำกว่าทุน มากเท่าไร ก็เป็นบุญนิยม มากเท่านั้น หากพุทธสถานใด ได้รับเชิญ ไปขายของ ให้ส่งข่าว ไปยังพุทธสถาน หรือ เครือข่ายอื่นๆ ให้ทราบด้วย เพื่อจะได้ไป ขายขาดทุน ร่วมกัน เป็นข่าวปันบุญ ทั่วถึงกัน หากว่า ไม่สามารถ ขายต่ำกว่าทุนได้ ให้ขึ้นป้ายชื่อ เครือข่ายเท่านั้น

รายการภาคค่ำ ๒๖ ม.ค. เป็นการจัดรายการพิเศษ "เอื้อไออุ่น"คุยกันตามประสาพ่อลูก แม้อากาศ หนาวเย็น แต่บรรยากาศอบอุ่นมาก

เช้า ๒๗ ม.ค. เป็นวันธรรมชาติอโศก พ่อท่านพบปะให้โอวาทสมณะนวกะ แล้วร่วมกัน ถวายข้าวเอกภัต ญาติธรรมร่วมฝึกฝนรับประทานข้าวเอกภัต แล้วทยอยเดินทางกลับ

งานฉลองหนาว ธรรมชาติอโศก ครั้งที่ ๑ จบลงด้วยความประทับใจของผู้ได้มาเยือน กับวัฒนธรรม ล้ำค่า ที่มีแต่การเสียสละ เป็นผู้รับใช้ ความเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ได้มลายไปสิ้น พร้อมจะกลับไปเร่งรัด พัฒนาตนเองให้แข็งแรง เข้มข้น ทนทาน ยืนนาน แน่นลึก นึกนบ เพื่อกอบกู้ มนุษยชาติ ประกาศโลกบุญนิยม

งามแสงเดือน นาวาบุญนิยม

(สารอโศก อันดับที่ ๒๕๖ มกราคม ๒๕๔๖)