ได้มากทันใจ-ทันบาป
สำนึกดีครับ ผมต้องขอขอบคุณสารอโศกมากครับ ที่กรุณาส่งหนังสือไปให้ตลอด
อ่านแล้วก็ทำให้สบายใจ ฝึกปฏิบัติธรรมตามแนวอโศก
ช่วงปลายเดือน ธ.ค. ๔๕ ผมไปรับจ้างเขาเกี่ยวข้าว
เอาค่าแรงเป็นข้าว เพราะไม่มีนา ไปรับจ้าง ปีนี้ มีแต่เจ้าของนาบ่น
น้ำมาก เกี่ยวยาก เพราะข้าวล้ม ทางเหนือเขาเรียกว่าข้าวต้าว ข้าวมันแช่น้ำ
ใช้ทุนสูง ค่าปุ๋ย ค่าแรง ค่ายาฆ่าแมลง แทบไม่ได้กำไรเลย
ข้าวก็ไม่ดี คือมันอ่อนแอ ต้นจะแกร็นไม่โต
ต้องใช้ปุ๋ยมากขึ้น ผมเคยแนะนำให้หันมาใช้ปุ๋ยจุลินทรีย์ เขาว่ามันได้ข้าวน้อย
ต้องใช้ปุ๋ยเคมี มันได้มากทันใจดี
มีอยู่รายหนึ่ง ปลูกข้าวแต่ไม่กล้ากินข้าวที่ตัวเองปลูก ไปซื้อ ข้าวที่อื่นปลูกมากิน
ขายข้าวก็ต้องไปส่ง ธ.ก.ส.หมด
- พิรุณ ยอดสกุลพานิช จ.เชียงราย -
ตราบใดที่กสิกรยังไม่หันมาปลูกพืชแบบกสิกรรมไร้สารพิษแล้ว
ก็คงจะต้องจนตลอดไป และจะต้อ งเป็นอันตราย จากสารเคมีต่างๆ
โดยเฉพาะจะเป็นบาปกรรมมาก ที่นำเอาข้าวปนเปื้อน สารมีพิษ ไปขายให้ผู้อื่นบริโภค
- บ.ก.
สังคมจะดีได้
ก่อนอื่นต้องกราบขอบพระคุณท่านสมณะ พร้อมทีมงาน และมูลนิธิเป็นอย่างสูง
ที่ส่งหนังสือธรรมะ มาให้ลูกสาว ได้อ่านได้ศึกษา และเป็นแนวทางให้การประพฤติปฏิบัติ
การดำรงชีวิตประจำวัน ได้อย่างถูกต้อง ตามธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้า
ได้ตรัสรู้ไว้ และได้ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม มีความซื่อสัตย์
มีคุณธรรมประจำใจ มีหิริโอตตัปปะ เสียสละทั้งแรงกาย และเวลาส่วนตัว
เพื่อช่วยเหลือ สังคม โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้าเลย
ส่วนลูกสาวของโยมคนที่สอนอยู่ที่เชียงดาว(เป็นครูดอย)
ก็มีแนวโน้มว่า จะทานมังสวิรัติ ตลอดชีวิต เหมือนกัน เพราะเชื่อเรื่องบาปบุญมีจริง
ตอนนี้ก็เริ่มจากวันพระ วันเกิด และตลอดพรรษาสามเดือนก่อน เพิ่งจะเริ่มปีนี้เจ้าค่ะ
เห็นลูกๆมีการพัฒนาด้านจิตวิญญาณ และการกระทำที่ดีขึ้น โยมก็พลอยยินดี
และ มีปีติ ที่เห็นลูกให้ความสำคัญกับศีล ๕ ข้อ และยังทรงศาสนาพุทธไว้ในหัวใจได้ดีเสมอมา
คงจะได้ร่วม เป็นพุทธบริษัท ๔ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ในชาตินี้
(มิใช่เป็นพุทธ แค่ทะเบียนบ้านเฉยๆ) หรือ ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์นั้น
มันหมดสมัยแล้ว จะทำให้ศาสนาเสื่อมลงไปทุกที
สตางค์กับสตรี ส.เสือ สองตัวนี้
ที่กัดพระจนขึ้นหน้าหนึ่ง ให้เห็นเป็นประจำ ถ้าคนเรามีแต่ศรัทธา ไม่มี
สติปัญญา นำหน้า มรรคผลจะเกิดได้ที่ไหน? สังคมดีไม่มีขาย ต้องร่วมกันสร้าง
ความดีไม่มีขาย อยากได้ ต้องทำเอง
ศาสนาพุทธก่อนพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน
ท่านได้ฝากไว้กับพุทธบริษัท ๔ มิได้ฝากไว้กับ พระสงฆ์ ฝ่ายเดียว
แต่ถ้าเป็นพระสงฆ์ที่ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ สันโดษจริงๆ อาศัยปัจจัย
๔ ที่ชาวบ้าน เขาให้ด้วยศรัทธา เจริญในนิสัย ๔ อย่างตามรอยของพระศาสดา
และเป็นเนื้อนาบุญ ของโลกจริงๆ ก็ว่าไปอย่าง บทสวดมนต์ จะแปลได้ชัดเจนกว่า
สุปฏิปันโน คือพระสงฆ์ที่ประพฤติดี อุชุปฏิปันโน คือ ประพฤติตรง ญายปฏิปันโน
คือปฏิบัติธรรม เป็นเครื่องออกจากทุกข์ (คือผู้รู้ธรรมเป็นสัตบุรุษ
สั่งสอนตัวเอง ได้แล้ว แล้วสอนผู้อื่นรู้ตาม) สามีจิปฏิปันโน เป็นผู้เข้าถึงสัมมาปฏิบัติ
รู้อรรถรู้ธรรม สอนตนเองได้ สอนคนอื่นได้ เป็นพระสงฆ์ที่เป็นสาวก ของพระพุทธเจ้าที่แท้จริง
(มิใช่สมมติสงฆ์) เป็นพระอาริยะ หรือพระอรหันต์ ที่ปฏิบัติจน คนตาบอดเห็นได้
คนหูหนวกได้ยิน ฉันหนเดียว หรือ มื้อเดียวได้จริงๆ รักษาจุลศีล มัชฌิมศีล
มหาศีล และรักษาวินัยอีก ๒๒๗ ข้อ ทั้งหมดนี้เป็นธรรม เป็นวินัย ของการดูพระ
ที่แท้จริง
กราบขอบพระคุณท่านสมณะ สามเณร สิกขมาตุ
พร้อมทั้งญาติธรรม สังคมพุทธแท้ๆ ในศาสนา ที่ทำให้ครอบครัว ของโยม
ได้พบกับความสุข สงบเย็น ได้ดิบได้ดีมา จนถึงทุกวันนี้ และ ตลอดไป
- สมศรี พิมพิสาร จ.เชียงใหม่ -
สังคมจะดีได้ เพราะคนในสังคมช่วยกันทำดี
โดยเริ่มที่ตัวเราทำดีก่อนเป็นอันดับแรก
- บ.ก.
ปรารถนาตอบแทน
หนังสือทุกเล่มที่ท่านส่งมาให้ ได้รับทุกฉบับตลอดมา แต่ไม่ค่อยได้ตอบไปให้
ต้องขอโทษ เป็นอย่างยิ่ง เพราะที่ผ่านๆ มา ต้องผจญกับปัญหามากมาย ครอบครัวไม่ค่อยอบอุ่นนัก
และปัญหา ทางเศรษฐกิจ ที่รายได้ไม่พอ กับรายจ่าย จึงมีแต่ใจที่อยากตอบแทนทางท่าน
ได้อ่านหนังสือมาตลอด แต่ก็อ่านในยามที่มีเวลาว่าง
บางครั้ง แบ่งให้ทางร้าน ขายอาหาร ตามสั่ง ไปให้ลูกค้า อ่านบ้าง ซึ่งเขาก็บอกอ่านดีมาก
แม้ไม่มีเงิน ที่จะตอบแทนท่าน แต่คิดว่า สักวัน คงจะต้องมีวัน ช่วยท่านได้บ้าง
ทุกวันนี้ก็อยู่กับลูก ตั้งแต่ย้ายจาก
กทม. มาอยู่บ้าน พ่อเขาก็เปลี่ยนไป เป็นปีจะกลับมาเยี่ยมลูก สักครั้ง
ทิ้งให้เรา ต้องลำบาก อยู่เพียงลำพัง พ่อที่บ้านก็ได้แต่เมาเหล้า ไม่มีความรัก
ให้ลูกหลานเลย ดิฉัน ก็เลยกลุ้มใจมาก ก็ได้แต่อ่านหนังสือ ที่ทางท่าน
ส่งมาให้ ก็ทำใจได้บ้าง
สุดท้ายนี้ขอให้ทางท่านที่จัดทำหนังสือ
จงประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดไป
- ศรีพรรณ์ สายโนกาส จ.เชียงใหม่ -
ทางคณะผู้จัดทำหนังสือนี้ ปรารถนาให้ผู้อ่านได้พบกับความสุขในชีวิต
โดยอาศัยธรรมะ ดับทุกข์ใจ ให้หมดสิ้น
ฉะนั้นหากปรารถนาจะตอบแทนเรา โปรดศึกษาธรรมะ ให้แจ่มแจ้ง แล้วนำไป
ปฏิบัติ ดับทุกข์ ให้ได้สำเร็จเถิด - บ.ก.
ฝึกฝืนใจจนสำเร็จ
ดิฉันได้รับหนังสือสารอโศก-ดอกหญ้ามาตลอด ในช่วงหลัง (๕-๖ ปีที่แล้ว)
ดิฉันปฏิบัติธรรม ไม่เจริญ จึงไม่ค่อย ได้ติดต่อ กับชาวอโศก เพราะไม่ค่อยกล้าสู้หน้าคนดีเท่าไหร่
มันไม่อาจหาญแกล้วกล้ายังไงก็ไม่รู้ แต่ถึงแม้ ดิฉันจะไม่ตอบรับหนังสือมา
แต่ชาวอโศก ไม่เคยทอดทิ้ง คนไม่เอาไหน อย่างดิฉันเลย ยังคงส่ง หนังสือ
มาไม่ได้ขาด ทุกครั้ง ที่กลับบ้าน พบหนังสือ ของชาวอโศก ดิฉันจะดีใจมาก
เหมือนเจอเพื่อนเก่า ที่ไม่เคยลืมกัน
ในช่วงที่ดิฉันจะเอาดีทางโลกมากๆ
ดิฉันก็จะอ่านสารอโศกเหมือนกัน แต่อ่านไปฟุ้งซ่านไป กว่าจะจบ แต่ละเรื่อ
งฝืนแทบแย่ เพราะใจมันไม่สงบ ความคิดทางโลกเข้าแทรกตลอด จุดหักเห มาสู่ทางธรรมอีกครั้ง
คือ ดิฉันตัดสินใจลางาน ๑ สัปดาห์ ไปร่วมงานพุทธาภิเษกฯ และปลุกเสกฯครั้งที่
๒๕ (เดือน เมษายน ๗ วัน ตรงกับร.ร.ปิดเทอม ไม่ต้องลาค่ะ) จุดนั้นคือ
จุดเปลี่ยน ที่ดีขึ้นตลอด
ดิฉันมาทบทวนดูว่า ทำไมจึงดีขึ้น
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็ไม่เคยไปร่วมงานนี้หลายครั้ง ในปีก่อนๆ ก็พอได้
คำตอบว่า ครั้งที่ ๒๕ ดิฉันตั้งใจมาก ไม่มัวแต่ห่วงว่าจะหิว จะง่วง
จะเพลีย แต่หันไปห่วงแต่ว่า เราทำผิดศีลที่พ่อท่านให้เรากล่าวปฏิญาณในวันเปิดงานหรือเปล่า
และประทับใจ คำพูดที่ว่า ถ้าเรา ทำผิดศีล เราก็จะไม่เจริญ ไม่ใช่สาปแช่ง
แต่คือสัจจะ อานิสงส์แห่งการเอาจริง ทำให้ดิฉันฟังธรรมทุกวัน ด้วยอาการ
ไม่ต้องฝืนมาก จนเครียดเหมือนสมัยก่อนๆ และเกิดแรงบันดาลใจ อยากได้โสดาบัน
ก่อนตายในชาตินี้ ซึ่งในงานพุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ ๒๕ พ่อท่า นและสมณะ
สิกขมาตุ ญาติธรรม ล้วนแต่พูด แนะแนวทาง การเข้าถึงโสดาบัน ได้ชัดเจนที่สุด
หลังจากงานนี้ ดิฉันก็ปฏิบัติลดละกิเลสหยาบๆ
ได้ดีขึ้น จนช่วงก่อนมีงานพุทธาภิเษกฯ และ งานปลุกเสกฯ ครั้งที่ ๒๖
ดิฉันมีวาสนาได้ต้อนรับสมณะชาวอโศก ที่ดิฉันนับถือสุดๆ รูปหนึ่ง คือ
ท่านมุทุกันโต ท่านผ่านมา ทางบ้านดิฉัน พร้อมสมณะอีก ๒ รูป
ตอนเช้า ดิฉันได้มีโอกาส ใส่บาตรท่าน และ ท่านได้อวยพร ให้ดิฉัน ซึ่งประทับใจสุดๆ
ว่า ขอให้โยมหลุดจากบ้านหลังนี้เร็วๆ โลกกำลัง เสื่อมศีลธรรม อย่างหนัก
อย่ามัวใจเย็นอยู่ ทำนองนี้ ดิฉันจึงตัดสินใจลางาน ๗ วัน ไปร่วมงานครั้งที่
๒๖ อีก มีความสุขสบายใจ จนแทบไม่อยาก ให้งานเลิก เพิ่งอยู่กับชาวอโศกแล้ว
มีความสุขทุกวัน ก็คราวนี้ จึงไปงานปลุกเสกฯ ต่ออีก ๗ วัน
ส่วนงานครั้งที่ ๒๗ ที่จะถึงนี้
ดิฉันไม่พลาดแน่นอน ซึ่งก่อนไปได้ทำการฟังเท็ปบรรยาย EQ โลกุตระ ของพ่อท่าน
ตั้งแต่ตอนที่ ๑ ถึงตอนที่ ๑๙ แล้ว เหลือตอนที่ ๒๐-๒๒ ต้องฟังให้จบ
ก่อนไปร่วมงาน ซึ่งการฟัง ของดิฉัน จะช้าหน่อย เพราะจะบันทึกคำพูดของพ่อท่าน
ลงในสมุดด้วย ค่อนข้าง จะละเอียด เกือบแทบทุกคำพูด เลยทีเดียว ตอนนี้มีความรู้สึก
รื่นเริงในธรรมดีมาก คำพูดของพ่อท่าน ไม่ผ่านหู ไปเปล่าดาย อีกแล้ว
ไม่ใจลอย ขณะฟังธรรมอีกแล้ว แต่ยังใจร้อน เขียนตัวหนังสือ ไม่ทันความคิด
พยายามช้าลง แต่ก็ทำได้ยังไม่ดี จะพยายามอีกค่ะ
ดิฉันมีเรื่องเล่าให้ฟังอีกเยอะ
แต่จะรบกวนเวลาอันมีค่าของท่านเกินไป จึงขอสรุปว่า เพราะพ่อท่าน และ
ชาวอโศก ดิฉันจึงพ้นจากนรก ขึ้นมาได้ จะไม่ลืมพระคุณของท่าน จะตอบแทน
พระคุณของท่าน ด้วยการทำดี ทำตนให้พ้นทุกข์ ตายจากโลกียสุข สู่โลกุตระให้ได้
จะเร่งฝึกตนเอง ทุกด้าน เพื่อออกจาก งานที่ทำ และไปช่วยงานชาวอโศก
ได้อย่างไม่เพ้อฝัน เพราะลำพังแต่อยาก แต่ไม่มีบทฝึกฝืนใจ คงไม่สำเร็จแน่
- นางจันทนา แซ่เอี้ยว จ.เพชรบุรี -
คนตั้งใจทำจริง
ย่อมได้จริง
คนตั้งใจทำเล่น ย่อมได้เล่น
ไม่มีโลกุตระใด ที่จะได้มาโดยไม่ต้องฝึกฝืนใจสู้กับกิเลสตน
- บ.ก.
อุทิศกายใจ
วันศุกร์ ๒๐ กันยายน ๒๕๔๕
กราบนมัสการพ่อท่าน ที่เคารพบูชายิ่ง
กระผมตื่นมาในวันคล้ายวันเกิด ๒๐
กันยายน ๒๕๔๕ ประมาณ ๐๓.๐๐ น. ด้วยการเตือนของระบบขับถ่าย ที่ซื่อสัตย์และเที่ยงตรง
จากการได้รับเมตตาสั่งสอนอบรมวิถีสันติอโศกของพ่อท่าน ตั้งแต่เริ่มเข้ามอบตัว
เป็นศิษย์ เป็นลูกในธรรมที่ปฐมอโศก ปี ๒๕๒๙ เสร็จการขับถ่าย กระผมเก็บที่นอนก่อน
ดูนาฬิกา โดยมั่นใจ เรื่องเวลา เก็บที่นอนเรียบร้อยก็มาเริ่มเขียนบันทึก
จึงดูเวลาได้ ๐๓.๑๒ น.
ใน diary lecture note สีแสด
ทบทวนจำนวนหมวด และข้อธรรม กำหนดไว้ยึดมั่น ปฏิบัติ ให้เจริญเนืองนิตย์
ในการเข้าสู่ "วัยวิฒน์'๘๒ ปี" เพื่อสั่งสมความดี ด้วยการกระทำ
ทุกวินาที ให้เป็นวินาทีแห่งบุญ ตลอดถึงวาระสุดท้ายของชีวิตให้ได้
ปี ๒๔๙๐ ในคราวรับคำสั่งโอนย้ายจากกระทรวงกลาโหม
ตำแหน่งประจำกองวิชาการ กรมแพทย์ทหารบก ไปกระทรวงสาธารณสุข ถูกส่งไปแก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์ในชนบทห่างไกล
ในตำแหน่ง นายแพทย์ตรี หัวหน้า สุขศาลาชั้น ๑ อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ
ขณะที่กระผมนำครอบครัว ซึ่งมีข้าวของส่วนตัว
พร้อมสมาชิกภรรยา ลูก น้อง และหลาน ใช้ใบเบิกทาง ของทางราชการ รถสมัยนั้น
๒๔๙๐ ที่นั่งยังไม่มีเบาะ และหน้าต่างรถไม่มีกระจก ๘๐ กิโลเมตร ไกลเหลือ
กำลัง ถึงอำเภอชุมแพ ก็ใกล้ค่ำ ต้องนอนโรงแรมตามมีตามได้ แค่ไม่ถึงกับหาพักค้าง
ตามบ้าน ชาวตลาด ก็นับว่าบุญ โดยมีโรงแรมไม้ เพิ่งสร้างเสร็จ ลูกค้าไปมายังไม่มีมาก
แต่การนั่งเกวียน กรำฝน ผ่านป่าดง ข้ามทุ่ง และลำน้ำเชิน ลำน้ำพรม
ฤดูฝนกรกฎาคมที่ฝนชุก นับเป็นการเดินทาง ที่ลำบาก ตรากตรำ สุดยอด ด้วยพาหนะเกวียน
๒ เล่ม เทียมวัวคู่ ย้ายมารับตำแหน่งแพทย์ชนบท คราวนี้ ลูกน้อยอายุ
๓ เดือน จึงบอบช้ำมาก
ครั้นถึงที่หมายในตัวอำเภอ ก็ดูอบอุ่นด้วยการต้อนรับ
อันเกิดจากการประสาน ของสมาชิก สภาผู้แทนราษฎร อาวุโส ผู้มีพื้นเพชาวภาคกลาง
แต่ดำรงตำแหน่งนายอำเภอ ทางอีสาน
(เวลา ๐๕.๕๕ น. งามนิจตื่นมาทำงาน
เธอแสดงความยินดี อวยพรกระผมว่า สุขสันต์วันเกิด)
กระผม ก็ได้เวลาสวดมนต์ ภาวนาพอดี
จำเป็นต้องย่นย่อว่า กระผมรีบเดินทาง ขี่ม้าข้ามเขา ๘๐ กม. ไปจังหวัด
เพื่อรายงานตัว และขนเวชภัณฑ์บรรทุกเกวียน หรือ บรรทุกรถ อ้อมไปขอนแก่น
ได้รับโทรเลขว่า ลูกป่วยไอมาก กระผมเดาไม่ผิด ลูกน้อยต้องปอดบวมแน่ๆ
ขาไปขี่ม้า ๒ วัน รู้ข่าวลูกป่วย รีบขี่ม้าไป เปลี่ยนม้า วันเดียวถึง
แต่ลูกน้อย จากไปเสียแล้ว
กระผมทราบจากท่านขุนประเสริฐสรรพกิจ
ส.ส.ชัยภูมิ ถึงความต้องการแพทย์ จึงสาบานหน้าหลุมศพลูก จะเป็นแพทย์ชนบท
ช่วยชาวบ้านจนวันตาย
ขอน้อมกราบแทบเท้าพ่อท่านด้วยจิต
แนบมากับจดหมายนี้ด้วยความเคารพ บูชายิ่ง จะขอมั่นคง ตามสัจ ปฏิญาณ
เพื่อชาตินี้จะขอเพียงเป็นแพทย์ที่ดี ตามวิถีธรรมสันติอโศก ซึ่งเป็นหนึ่งเดียว
กับพระประสงค์ ขององค์สมเด็จ พระบิดาการแพทย์ไทย สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร
อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ขออุทิศกาย-ใจ ตอบแทนคุณฟ้า-ดิน อีกชาติหนึ่ง
- คำเครื่อง ป้องขันธ์
จ.ชลบุรี -
นี้เป็นจดหมายฉบับสุดท้าย
ที่นายแพทย์คม ป้องขันธ์ ญาติธรรมชาวอโศกมาช้านาน ได้เขียน
กราบนมัสการ มายังพ่อท่าน สมณะโพธิรักษ์ ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป พร้อมกับดวงจิต
ที่ดีงาม อันแน่วแน่ ในอุดมการณ์ อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย
- บ.ก.
จดจ่อ-ต่อเนื่อง-เอาจริง
ผมสามเณรสยาม ขอโอกาสเขียนจดหมายมาบอกกล่าวท่านจันทร์ฯ
และผู้ร่วมจัดทำรายการ ผมได้บรรพชา เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๖
ณ โบสถ์พุทธสถานปฐมอโศก
ผมฟังรายการทุกข์ปัญหาชีวิต
ปี ๒๕๓๕ บัดนี้ก็ ๑๐ ปีแล้ว ฟังมานานก็จริง แต่เขียนจดหมาย ไปในรายการ
น้อยมาก จำได้ว่าเขียนจดหมายไม่ถึง ๕ ฉบับ แต่ผมติดตามรับฟังรายการอย่างจดจ่อ
ต่อเนื่อง ฟังอย่าง เอาจริงเอาจัง ทั้งจดทั้งจำ ทั้งท่องพุทธพจน์ พุทธภาษิต
บทกลอน บทกวี คำคม สุภาษิต ฯลฯ
ผมฟังแล้ว ก็จำเอามาจด ลงในสมุด เพื่อใช้สอนจิตสอนใจ
และเป็นการให้กำลังใจตัวเอง ในการที่ จะประคับ ประคอง ชีวิตจิตวิญญาณ
ให้อยู่ในครรลองคลองธรรม
ผมโชคดีที่ได้รับฟังท่านจันทร์ฯ
ได้ตอกย้ำซ้ำทวนในเรื่องคุณงามความดี และด้วยการที่เป็น ผู้ฟังรายการ
ที่เรียกว่า กัดไม่ปล่อย ทำให้ผมปฏิบัติธรรมได้อย่างไม่ยาก ไม่ลำบากเท่าไหร่นัก
ยิ่งได้มาอยู่กับมิตรดี สิ่งแวดล้อมดี สังคมดีด้วยแล้ว ก็ยิ่งดีไปใหญ่
เป็นทางโล่งทางโปร่ง
ชีวิตผมที่มีวันนี้ได้
ก็เพราะได้ฟังรายการทุกข์ปัญหาชีวิต ได้มาห่มคลุม อุ้มบาตร ประกาศธรรม
เห็นจิตมีกิเลสก็รู้ว่ามีกิเลส เห็นจิตไม่มีกิเลสก็รู้จิตไม่มีกิเลส
ท่านจันทร์ฯ เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาท ติดอาวุธ
ทางปัญญาให้ ความกตัญญูมันเกิดขึ้น สำนึกในบุญคุณท่านจันทร์ฯ ได้นำหลักธรรม
คำสอน ของพระพุทธเจ้า มาบอกกล่าว ความคิดที่มอบชีวิต ด้วยเลือดเนื้อจิตวิญญาณ
ในการที่จะสืบทอด พระศาสนา ให้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะอยู่ได้มันเกิดขึ้น
จิตที่จะมอบกาย-วาจา-ใจ ในการปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นการตอบแท นพระคุณของ
พระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์มันเกิดขึ้น
ท่านจันทร์ฯสอนทุกเมื่อเชื่อวัน
ไม่ให้หลงโลก ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น แต่ให้เป็นคนตั้งมั่นตั้งตรง อยู่ในคุณงาม
ความดี แต่ก่อนผมเป็นคนกระด้าง หลังจากได้รับฟังรายการแล้ว จิตใจสุขุมละเอียดเยือกเย็น
สติ สมาธิ ปัญญา ก็บังเกิดมี บังเกิดเป็น ผมได้พบที่พึ่งอันเกษมในระดับหนึ่ง
ถึงแม้ว่า จะยังไม่ถึงที่สุด แห่งทุกข์ก็ตาม
ใครก็ตามที่ฟังรายการทุกข์ปัญหาชีวิตอย่างเอาจริงเอาจัง
จดจ่อต่อเนื่อง ตั้งใจจดจำ แล้วนำไปปฏิบัติ มรรคผล ย่อมเกิดขึ้น อย่างแน่นอน
ฟังแล้วเกิดความศรัทธา นำเอาคำสอนไปปฏิบัติจนเปลี่ยนแปลง พฤติกรรม
จนสามารถออกบวชได้
ผมรู้สึกภูมิใจที่เป็นผู้ฟังรายการทุกข์ปัญหาชีวิตคนแรก
ที่ได้บวชเป็นสามเณรชาวอโศก การบวช อยู่ในหมู่กลุ่ม ชาวอโศก
ถ้าบวชได้ง่ายๆ ผมก็คงไม่รู้สึกภูมิใจหรอก แต่การบวช เป็นสมณะชาวอโศกนั้น
ยากมาก มีกระบวนการเลือกเฟ้น ผู้ที่จะมาบวชอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่บวชกันเล่นๆ
แต่เป็นการบวช มอบกาย ถวายชีวิต ให้กับพระศาสนาจริงๆ ผมต้องใช้เวลาถึง
๕ ปี จึงได้รับพิจารณา ให้บวชได้ ตลอดระยะเวลา ที่เข้าสู่กระบวนการเลือกเฟ้น
เพื่อเป็นนักบวช ต้องอดทน และลดตัวลดตน ขยัน เอาการเอางาน ฯลฯ จึงเห็นได้ชัดเจนว่า
นักบวชที่นี่ ไม่ใช่บวชเล่น บวชลอง บวชครองประเพณี แต่ประการใด เป็นการบวช
ที่ไม่เป็นหนี้เป็นบาป
เจตนาเขียนจดหมายฉบับนี้
ก็เพื่อมากราบขอบพระคุณท่านจันทร์ฯ และผู้ร่วมจัดรายการ ทุกข์ปัญหาชีวิต
ถ้าไม่มี ท่านจันทร์ฯ ก็ไม่มีรายการทุกข์ปัญหาชีวิต ผมก็คงไม่ได้ฟังธรรม
ไม่ได้มาบวช ป่านนี้ ก็คงไป แต่งงาน มีลูกมีเมีย ไม่ปฏิบัติธรรม แต่ไปปฏิบัติเธอ
ไม่ได้อุ้มบาตร แต่ไปอุ้มลูก ไม่ได้เป็นลูกพระพุทธเจ้า แต่ไปเป็น ลูกเขยชาวบ้าน
ผมขอให้กำลังใจกับผู้ช่วยงานในมูลนิธิเพื่อนช่วยเพื่อน
ขอให้บากบั่นพากเพียร วิริยะอุตสาหะ ช่วยเหลือ การงานท่านจันทร์ฯ เท่าที่ท่านจะมีพละกำลั
งแรงงาน สติปัญญา ความสามารถ ขอให้รับรู้ว่า งานที่ท่าน กำลังทำอยู่
เป็นงานสร้างคน เป็นการช่วยคนให้ช่วยคน รับรองว่าไม่เสียแรงเปล่าหรอก
มีผู้ฟัง อีกมากมาย ที่ได้รับประโยชน์ อย่างน้อย ก็มีผมคนหนึ่ง ที่ฟังรายการทุกข์ปัญหาชีวิต
จนสามารถบวช เป็นนักบวช ชาวอโศกได้
- สามเณรสยาม ปฐมอโศก -
ผู้ตั้งใจทำจริงอย่างจดจ่อ
ต่อเนื่อง ย่อมไม่เป็นหมันจากมรรคผลแน่นอน
- บ.ก.
(สารอโศก
อันดับที่ ๒๕๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖) |