จ.ม.ศิษย์เก่าที่เคราะห์ร้าย
กราบนมัสการพ่อท่านที่เคารพอย่างสูง
ผม นายลือฟ้า มงคล
เป็นศิษย์เก่าสัมมาสิกขาสันติอโศก พักอาศัยอยู่ที่สวนสามวา กทม. ได้รับคำแนะนำ
จากสมณะเพาะพุทธ จันทเสฏโฐ ให้เขียนรายงาน เกี่ยวกับเคราะห์ร้าย ที่เกิดขึ้น
กับตัวของกระผม เรียนให้พ่อท่านทราบ
เรื่องมีอยู่ว่า
คืนวันจันทร์ ๑๗ ก.พ. ๔๖ เวลาประมาณ ๔ ทุ่มครึ่ง ผมอ่านหนังสือแล้ว
รู้สึกหิว จึงปั่นจักรยาน ออกจากสวน ไปหาอะไรกิน ในตลาด เมื่อซื้อของเสร็จ
ก็ปั่นจักรยานกลับสวน ขณะกลับมา ก่อนถึงสวน มีผู้ชายอายุประมาณ สัก
๒๕-๒๖ ได้ ขับมอเตอร์ไซค์ มาเทียบ แล้วทำท่า เป็นตำรวจ ขอตรวจค้น
เขาบอกได้รับวิทยุว่า
มีวัยรุ่นเข้าไปเอายาบ้าที่ซอยปากทางเข้าสวน เห็นผมน่าสงสัย จึงขอค้น
ผมก็ให้ค้น เพราะนึกว่า เป็นตำรวจจริงๆ เขาใส่หมวกกันน็อค อยู่ด้วยนะครับ
พอเขาค้นเสร็จ เขาก็คืน กระเป๋าตังค์ให้ คือเขาขอค้นกระเป๋าเงินด้วยครับ
เขาถามว่า บ้านผมอยู่ไหน ผมก็ตอบว่า อยู่ที่สวนไร้สารพิษ ข้างหน้านี้
แล้วเขาก็ขับรถจากไป ผมก็นึกว่า คงไม่มีอะไรแล้ว เลยปั่นจักรยานไปต่อ
ก่อนถึงสวนประมาณ
๕๐๐ เมตร เขาก็มาดักรออยู่ข้างทาง แล้วขอตรวจค้นอีกที เขายังคง สวมหมวกกันน็อคอยู่
ไม่ยอมถอด ให้เห็นหน้าชัดๆ ผมเองก็ชักไม่แน่ใจว่า เขาเป็นตำรวจ จริงหรือเปล่า
เพราะรถเขา ไม่มีทะเบียน และตัวเขาใส่หมวกกันน็อค อยู่ตลอดเวลา ผมก็เลย
ขอดูบัตรเขาบ้าง
เขาก็บอกว่า ให้เขาดูก่อน
แล้วเขาถึงจะเอาบัตรของเขาให้ดู ผมก็เอาบัตร ให้เขาดูห่างๆ เพราะไม่ไว้ใจ
แต่ฉับพลัน เขาก็เข้ามาประชิดตัว แล้วอ้อมไปข้างหลัง ใช้มือข้างหนึ่ง
เอามีดจี้หลังผม อีกข้างล็อคคอผมไว้ เขาบอกว่า "มึงอยู่เฉยๆ เอากระเป๋าเงินมาให้กู"
เขาพูดเสร็จ ก็เอามือข้างที่ล็อคคอผมไว้มาล้วงเอากระเป๋าเงินไป
แล้วก็เอาโทรศัพท์มือถือ ที่ผมพกไว้ไปด้วย ในช่วงเวลานั้น ผมก็คิดอะไร
ไม่ออกเหมือนกัน เคยเจอแต่ในหนัง ในข่าว ก็ไม่คิดว่า จะต้องมาเจอ กับตัวเอง
พูดง่ายๆ คือผมไม่ได้ตั้งสติไว้ว่า ต้องทำอย่างไร ถึงจะรอดพ้น จากสถานการณ์นี้
อย่างปลอดภัย รู้อย่างเดียวคือ ตัวเองโดนมีดจี้ อยู่ก็แค่นั้น
สิ่งที่คิดได้อย่างเดียวในตอนนั้นคือ
จะต้องหนีจากเขาคนนี้ให้ได้ ในจังหวะ ที่เขาคลายมือ ที่ล็อคคอ แล้วมาล้วงเอากระเป๋าเงิน
กับโทรศัพท์ ผมจึงดิ้นแล้ว เอาศอกกระทุ้งเข้าไป บริเวณอกเขา ในจังหวะนั้น
เขาก็เอามีด รัวแทงผมที่ท้อง ผมจึงเอาแขนบ้าง ขาบ้างรับไว้ และก็สวนหมัด
สวนแข้งใส่เขา จนหมวกกันน็อค ที่เขาสวมอยู่ หลุดออกมา ผมจึงฉวย หมวกกันน็อคนั้น
ฟาดเขาที่หัวบ้าง ลำตัวบ้าง ส่วนมาก จะเล็งที่หัว จนหมวก กันน็อคแตก
เขาก็ทั้งแทง ทั้งชกผม ที่หน้า และลำตัว ต่อสู้กัน แต่ผมจำหน้า เขาไม่ได้ครับ
เพราะมันมืด และตาผม ก็มองเห็นได้ข้างเดียว ตาอีกข้าง มีเลือดจากแผล
ที่ใบหน้าไหลอาบอยู่ จึงมองไม่ชัด
มีคนพากันมาดูเหตุการณ์
คงเป็นเพราะมีคนมามุงดูอยู่เยอะ เขาจึงรีบหนี เอากระเป๋าเงินไป ซึ่งมีเงินอยู่
ประมาณ ๕๐๐ บาท แต่บัตรสำคัญต่างๆของผม ก็ตกอยู่แถวนั้น ผมคิดว่า คนที่มุงดูอยู่
น่าจะจำหน้าเขาได้ แต่คนที่มุงดู ก็ไม่ได้เข้ามาช่วยอะไรเลย คงเป็นเพราะกลัว
พอเขาหนีไป ผมก็รีบปั่นจักรยาน เข้าไปที่พักในสวน ทั้งที่เลือดไหล
เลอะเต็มตัว ขอให้พี่ไบ๋ (จตุรงค์ ธรรมชัย เป็นรุ่นพี่ ศิษย์เก่า สัมมาสิกขา
สันติอโศก) ช่วยพาไปส่งโรงพยาบาล มันจะเจ็บแผล ตอนที่อยู่ในรถครับ
เคราะห์ดี ที่ตอนปั่นจักรยาน กลับสวน ไม่ได้รู้สึกเจ็บ อะไรมาก จึงปั่นกลับสวน
ไหวอยู่
พอไปถึงโรงพยาบาล
หมอกับพยาบาลก็ช่วยกันห้ามเลือด ผมหายใจ ไม่ค่อยได้ แน่นหน้าอกมาก
หมอเอาออกซิเจนให้ ก็เลยรอดมาได้ครับ หมอเย็บแผล ให้ทั้งหมด ๑๓ แห่ง
รวมแล้ว ๘๓ เข็ม แผลที่บริเวณใบหน้า ใกล้ๆกับหูเป็นหนักที่สุด หมอบอกว่า
โดนเส้นเลือดแถวๆนั้น เลือดเลยออกเยอะ
วันนี้ผมก็ไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ
หมอบอกกลับบ้านได้แล้ว ผมก็เลย ได้นอนโรงพยาบาล แค่หนึ่งคืน
สภาพจิตตอนนี้ดีแล้วครับ
ก็คิดว่าเขามาทวงหนี้ แต่มาทวงรุนแรงไปหน่อย แค่นั้น มานอนคิด ได้ทีหลังว่า
เราน่าจะคุยกับเขาดีๆ เช่น "พี่อยากได้เงิน เดี๋ยวผมเอาให้ แต่ขอกระเป๋า
เอาไว้เถอะ" หรือ "ผมมีเงินแค่นี้ ขอผมเก็บไว้สักยี่สิบ
ก็แล้วกัน" น่าจะคิด อย่างนี้ออก นะครับ
แต่ตอนนั้น เวลานั้น
คิดอะไรไม่ออกเลย มีแต่อยากจะดิ้นให้หลุดแค่นั้นเอง นี่ถ้าปฏิบัติธรรม
ฝึกสติ ให้ดีกว่านี้ ก็คงคิดออก ในเวลานั้นทันครับ แต่ก็ยังดี ที่ตั้งสติ
ปั่นจักรยาน กลับสวนได้ นี่ถ้าไม่ได้ทำบุญ มาบ้าง ไม่ได้อยู่ในแวดวงอโศก
ผมคิดว่า วิบากคงหนักกว่านี้ครับ
ผมคงมีเรื่องรายงาน
ให้พ่อท่านทราบแค่นี้ ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วครับ
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
ลือฟ้า มงคล
ป.ล. รอดตายมาได้
คงต้องถือศีลให้ดีขึ้น เลื่อนฐานตัวเอง ให้สูงขึ้นครับ เผื่อเคราะห์ร้าย
จะมาอีก ในวัน ข้างหน้า
(สารอโศก
อันดับที่ ๒๕๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖) |