แถลง
ทำไมคนรวย
คนสวย คือ คนซวย ในทัศนะของพ่อท่าน
ในงานคืนสู่เหย้าศิษย์เก่าสัมมาสิกขาที่ผ่านมา
เหล่าลูกๆทั้งหลายต่างพากันซาบซึ้งประทับใจ ในความเป็นพ่อท่าน ที่ยิ่งกว่าพ่อไหนๆ
ท่านพยายามโถมกายใจด้วยวิญญาณรัก แห่งโพธิสัตว์ในการให้ ทุกสิ่งทุกอย่าง
กับลูกๆ ทั้งให้การศึกษา ให้อาหาร สิ่งแวดล้อมที่ดีงาม และอนาคตอันสดใส
ซึ่งรับประกันได้ว่า จะไม่มีอันตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นการให้โดยไม่คิดหวังสิ่งตอบแทนใดๆจากลูก
นอกจากความห่วงใยที่หวังให้ลูกทุกๆคนได้เจริญก้าวหน้าและมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
ดังโอวาทที่พ่อท่านให้สติกับรรดาศิษย์เก่าทั้งหลายในวาระกล่าวปิดงานว่า
"ชีวิตเป็นของเรา
จงตั้งอกตั้งใจให้ดี อย่าปล่อยชีวิตให้ล่องลอยไปเหมือนสวะลอยน้ำ ที่ไหลไปเรื่อยๆ
ตามโลกีย์ ที่ไม่มีวันจบสิ้น วนเวียนชนนั่นชนนี่อยู่อย่างนั้นแหละ
ดังนั้น เราจะต้องใช้สติปัญญาวินิจฉัยทุกขณะเวลาที่ยังไม่ตาย
ทำทุกเวลาให้มันมีการพัฒนาขึ้น เมื่อเราได้มาพบ ศาสนาแล้ว เราก็ควรทำชีวิตให้มีทิศทางพัฒนาก้าวหน้า
แม้ชาติแล้วชาติเล่า จนได้มีหลักประกั นอันไม่ต้องไปวนเวียน อย่างมิรู้จบสิ้น
เพราะการลงนรกหรือการลงสู่ต่ำ ทีหนึ่ง ทีหนึ่ง ไม่ใช่น้อย เป็นห้าร้อยชาติขึ้นไป
จึงไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาประมาทหรือทำเล่นๆกับชีวิต
พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสไว้อย่างสำคัญว่า
ชีวิตนี้น้อยนัก สั้นนัก แค่ร้อยปีตายนี่สั้นนัก แล้วเราก็ปล่อยตัว
ไปตามกรรมที่เป็นโลกียะ แล้วก็ก่อหนี้ก่อบาปก่อเวร แล้วคิดดูซิ มันจะไปทิศทางไหน
มันอาจจะมีกุศล ที่เป็นกุศลโลกียะเล็กๆน้อยๆอยู่บ้าง แต่กุศลโลกียะ
มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเรา
คนรวยที่ไม่มีโลกุตระคือคนซวยคนสวยที่ไม่มีโลกุตระคือคนซวย
เหตุเพราะรวย เหตุเพราะสวยทำให้คนต้องมีภาระ
ต้องมีเวรมีภัย ต้องมีคนหมายปอง และปองร้ายด้วย
คนสวยนี่ อย่านึกว่าคนปองดีนะ เขาจะปองเพื่อกินเราหรือจะรับเสพย์ความสวยของเรา
คนรวยเขาก็จะปองรับเสพย์ความรวยของเรา
โดยเฉพาะคนรวยคนสวยที่ไม่มีโลกุตรธรรม ก็จะได้ลาภ ยศ สรรเสริญ จะได้อะไรต่อมิอะไรที่คนอื่นเขามาประเคนให้
ส่วนคนสวยก็จะมีเสี่ยเลี้ยงเป็นต้น คนรวย ก็จะมีช่องทาง ที่สามารถเอาข้าทาสบริวารมาบำเรอตนเอง
เสร็จแล้วตัวเองก็ตกต่ำลงไป ยิ่งทำให้กิเลส หนาขึ้น บำรุงบำเรอเข้าไปเดี๋ยวก็อ้วน
ไม่ได้เป็นผลดีอะไรเลย แต่คนก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ
ก็ขอให้ไปตั้งใจแล้วเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา
ให้เป็นโลกุตระ มันก็จะมีหลักประกันที่มั่นคงแค่กัลยาณชนเพียงแต่เป็นคนดีเฉยๆมันยังไม่พอ
ควรให้ถึงขั้นเป็นโลกุตระให้ได้...."
งานคืนสู่เหย้าฯในครั้งนี้
จึงเท่ากับเป็นงานกลับคืนสู่โลกุตระนั่นเอง ดังนั้นจึงขอส่งข่าวนี้
ให้ลูกๆทั้งหลาย ที่แม้จะไม่ได้ไปงานนี้ แม้จะอยู่แห่งหนตำบลใดก็ตาม
โปรดได้รับกระแส ความห่วงใย ของพ่อท่าน เพื่อจะได้พร้อมหน้าพร้อมตากันที่โลกุตระ....
คณะผู้จัดทำ
|