หน้าแรก>สารอโศก

กรรมตามสนอง

ตอน ผ่าท้องปลาไหล

ผ่าท้องปลาไหลเป็นเรื่องราวของผลกรรมของคุณแม่นงคราญ ประเพโส อายุ ๕๗ ปี อยู่ที่ ๑๒๔/๒๔ หมู่บ้านมิตรสัมพันธ์ ๒ ถนนศรีจันทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

คุณแม่นงคราญได้เล่าให้กับผู้เขียนฟังว่า ราวปีพ.ศ. ๒๕๒๗ ฉันได้ย้ายครอบครัวมาจากกรุงเทพฯ เพราะสามี ย้ายมาทำงานที่สำนักงานไปรษณีย์เขต ๔ ขอนแก่น ตอนแรกก็มาเช่าบ้านอยู่ใกล้ๆที่ทำงาน มีลูกชาย ๒ คนยังตัวเล็กๆ

ตอนที่มาอยู่ใหม่ๆนั้น กำลังมีการก่อสร้างสถานที่ราชการขึ้นมาอีกหลังหนึ่ง ใกล้ๆกับสำนักงานไปรษณีย์ ที่สามี ทำงานอยู่ มีคนงานก่อสร้างราว ๖๐ หรือ ๗๐ คน และพนักงานไปรษณีย์อีก ก็คงจะเป็นร้อย ฉันและสามี จึงมาปรึกษากันว่า เราควรจะเปิดร้านขายอาหารขึ้นมา เพื่อให้คนงานก่อสร้าง และ พนักงาน ไปรษณีย์ ได้มาซื้อหา อาหารกินกัน

เมื่อปรึกษากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เปิดเป็นร้านขายอาหารตามที่ตกลงกันไว้ ทำกันสองคน ผัวเมีย ฉันต้อง ตื่นตี ๓ แล้วไปจ่ายตลาดคนเดียว ตลาดกับบ้านพักไม่ไกลกันเท่าไหร่ ส่วนสามี ก็เตรียม หม้อก๋วยเตี๋ยว ต้มน้ำ แล้วก็เช็ดถูปัดกวาดร้านเตรียมเอาไว้ พอฉันกลับจากตลาด สามีก็มาช่วย ทำอาหารด้วย พอได้เวลา สามีก็จะกินข้าว แล้วก็จะขึ้นไปทำงาน เรียกว่าสองแรง แข็งขัน ช่วยกันทำงาน ช่วยกันหาเงิน เพื่อสร้างฐานะ ทางครอบครัว ให้เป็นปึกแผ่น

ที่ร้านฉันจะขายอาหารตามสั่ง มีก๋วยเตี๋ยวเป็นหลัก มีข้าวผัด และก็มีสารพัดอาหาร แล้วแต่ลูกค้า จะสั่งทำ นอกนั้น ยังมีสุรา เบียร์ บุหรี่ ฉันจะเริ่มขายตั้งแต่ตอนเช้า ขายจนถึงบ่ายก็จะเลิก เป็นอยู่อย่างนี้ ประจำ ทุกวัน

เวลาเที่ยงสามีจะมาจากที่ทำงาน มาช่วยขายของเพราะพวกคนงานก่อสร้าง และ พนักงานไปรษณีย์ จะพากัน มาซื้อหาอาหาร เหล้า เบียร์ บ้างก็ซื้อด้วยเงินสด บ้างก็ซื้อด้วยการลงบัญชีเอาไว้ก่อน รายได้ แต่ละวัน ตกวันละ ๗ หรือ ๘ พันบาท สำหรับเงินสดนั้น เก็บได้ตกวันละ ๕ หรือ ๖ พันบาท นอกนั้น ก็เป็นเงินเชื่อ นับว่ารายได้ดี พอสมควรทีเดียว

มีอยู่เช้าวันหนึ่ง ในขณะที่เดินซื้อหาข้าวของอยู่ในตลาด เผอิญเดินไปเจอแม่ค้าคนหนึ่ง นั่งขาย ปลาไหลอยู่ ทันใดนั้น จิตฉันก็แว๊บ!ขึ้นมาว่า วันนี้เราควรซื้อเอาปลาไหลไปทำผัดเผ็ดขายเห็นจะดีเป็นแน่ เลยตกลง ซื้อเอาปลาไหลนั้น รวมแล้วก็ ๕ กิโล ประมาณ ๒๐ หรือ ๓๐ ตัวนี้ล่ะ เพราะมันมีแต่ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น แม่ค้า ก็จัดการ เทใส่ถุงพลาสติกให้พร้อม แล้วบอกเอาไว้ว่า หากจะฆ่าปลาไหลแบบง่ายๆ ให้เทเกลือ ลงไป ในถุงปลาไหลนี้ ประมาณ ถ้วยตราไก่ขนาดเล็ก

มาถึงบ้าน ฉันก็ทำตามคำของแม่ค้า เทเกลือลงไปยังถุงปลาไหลนั้น พอปลาไหลโดนเกลือ มันก็จะพากัน ดิ้นพล่าน ดูมันดิ้นทุรนทุราย หาทางออกจากถุงใบนั้น แต่อนิจจาถุงใบนั้น ถูกมัดปากเสียแล้ว มันดิ้น ไปได้ สักพัก ก็จะพากันหมดแรงตายลง อย่างทรมาน

ปลาไหลตายแล้ว ฉันก็จะเอามีดปลายแหลมเล็กๆคมๆ มากรีดที่คอของปลาไหล แต่ไม่ให้คอขาด จากนั้น ก็จะเอามีด กรีดที่ท้องตามความยาวของตัวปลาไหล ดึงเอาลำไส้ของปลาไหลออกมาทิ้ง เสร็จแล้ว ก็จะนำเอาไป ผัดเผ็ดปลาไหลขาย ฉันทำอยู่อย่างนี้ประมาณ ๓ หรือ ๔ ครั้ง

ต่อมาเช้าวันหนึ่ง สามีได้มาเห็นการกระทำ"กรรม" อันโหดร้ายทารุณกับปลาไหล ที่น่าสงสาร เหล่านั้น สามี เลยทักขึ้นว่า ทำแบบนี้เจ้าไม่กลัวบาป กลัวกรรม จะตามมาสนองเจ้าในภายหลังหรือ ตอนที่สามีทัก ฉันก็รู้สึกเฉยๆ อยู่นะ เพราะไม่รู้บาปบุญ มันเป็นอย่างไร อีกอย่าง ตอนนั้นยังไม่ได้ศึกษาธรรมะ ก็คิดไปว่า ใครๆเขาก็ทำกันแบบนี้

วันต่อๆมา ก็ได้ไปซื้อปลาไหลมาทำผัดเผ็ดอีก ช่วงนี้เองฉันจึงได้สังเกตในการฆ่าปลาไหล ในใจก็คิดไปว่า เอ! หากเราโดน ผ่าท้อง เหมือนปลาไหลเหล่านี้ เราคงจะเจ็บและปวดเป็นอันมากทีเดียว พอคิดได้แค่นั้น ต่อมา เลยเลิกขาย ผัดเผ็ดปลาไหล ตั้งแต่วันนั้น เป็นต้นมา

ถึงปีพ.ศ.๒๕๒๙ การก่อสร้างสถานที่ราชการแห่งนั้น ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พอดีฉันกับสามี เก็บเงิน ได้ก้อนหนึ่ง เลยพากันไปซื้อบ้าน พร้อมที่ดิน ซึ่งเป็นที่อยู่ในปัจจุบันนี้ พอได้บ้านหลังใหม่ ฉันเลยเปลี่ยน มาขายของชำ อยู่ที่บ้าน

จนมาปีพ.ศ.๒๕๓๑ ก็ได้พบธรรมะชาวอโศกจากร้านขายอาหารมังสวิรัติชื่อ สุขใจ-โภชนา โดยมี คุณพ่ออำพัน และ คุณแม่สนอง เป็นเจ้าของร้าน ฉันกับสามีก็ได้ศึกษาธรรมะ จากสองตายาย คู่นี้เรื่อยมา

พ.ศ.๒๕๓๒ ฉันและสามีได้ไปร่วมงานปีใหม่ที่ปฐมอโศก โดยการชักชวนให้ไปร่วมงาน จากสองตายาย ผู้มีใจอารีนั้น ไปร่วมงานปีใหม่ฉันรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอันมาก ที่เห็นชาวอโศก พากันนำของมาขาย ในราคา ถูกกว่า ท้องตลาด ขายเอาบุญเอากุศล เห็นแล้วก็แปลกใจยิ่งนัก เพราะฉันไม่เคยเห็น ที่ไหน มาก่อนเลย ผู้คน พากันหลั่งไหล มาจากทั่วสารทิศ มาซื้อมาหาเอาของถูก ดูไม่ขาดสายเลยทีเดียว

และก็เป็นบุญอันยิ่งใหญ่ของฉันและสามี ที่ได้มาเห็นตัวจริงเสียงจริงของพ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ เทศนา สั่งสอน ญาติโยม เป็นจำนวนพันๆคน แต่น่าอัศจรรย์(เป็นตางึดหลาย) ไม่มีเสียงพูดเสียงคุยกันเลยสักคน ทุกคน ตั้งใจฟังธรรม กันด้วยดีทุกคน เกิดมาฉันก็ไม่เคยฟังธรรมะที่ใด ที่ฟังแล้วเข้าใจแจ่มแจ้ง เหมือนดั่ง ครั้งนี้ พ่อท่านเทศนา ตอนหนึ่งใจความว่า

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งกรรม กรรมเป็นสัจจะหรือกรรมนิยม ไม่ใช่ศาสนาเทวนิยม ที่มีเทวะ เป็นสัจจะใหญ่ เป็นความจริงอันยิ่งใหญ่ ความยิ่งใหญ่ของศาสนาพุทธคือ"กรรม"

กรรมคือสัจจะ กรรมคือทรัพย์ กรรมเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต ถ้าคุณสั่งสมกรรมเป็นบุญ เป็นกุศล กรรมที่เป็นบุญ เป็นกุศลนั้น ก็จะเป็นทรัพย์แท้ของคุณ คุณจะมีความร่ำรวย คุณจะมีความยากจน คุณจะมี ความโง่ คุณจะมีความฉลาด คุณจะมีความสวย คุณจะมีความขี้เหร่ คุณทำมาเอง เป็นกรรม ของคุณ ทั้งสิ้น กรรมนั้นล่ะพาเกิด กรรมนั้นล่ะพาเป็นไป

ตอนนั้นฉันนั่งฟังธรรมะจากพ่อท่านไป ฉันก็คิดไปถึงบาปกรรมของฉัน ที่เคยฆ่าปลา และเคย ผ่าท้องปลาไหล ฟังไปก็คิดไปต่างๆนานา และก็เริ่มกลัวบาปกลัวกรรม ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

หลังจากกลับมาจากงานปีใหม่นั้นแล้ว ฉันและสามีก็เริ่มหันมาถือศีลปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ด้วยการ มาถือศีล ๕ ละอบายมุขต่างๆ กินอาหารมังสวิรัติ เพราะพระท่านว่า

มังสวิรัติขจัดบาปปราบกิเลส
ตัวต้นเหตุโทษภัยใหญ่มหันต์
การกินอยู่นี้เรื่องใหญ่ให้ฆ่าฟัน
เบียดเบียนกันสัตว์โลกต้องโศกตรม
ผู้เลิกกินสัตว์ได้ใจประเสริฐ
เมตตาเกิดที่จิตใจได้สั่งสม
เอาศีลธรรมไว้เป็นทุนบุญนิยม
มีพระพรหมเกิดกับตนพ้นอบาย

ต่อมาฉันอยู่บ้านก็ขายของบ้าง ไปร่วมงานโน้นนี้ที่ชาวอโศกจัดขึ้นมาบ้าง จนปีพ.ศ.๒๕๓๖ ฉันก็ไม่ขาย ของอีกเลย ก่อนจะเลิกขายของ สามีบอกว่า เลิกขายซะ เราเอาเวลาไปช่วยงานบุญ ที่โรงสีสมาคม กลุ่มขอนแก่นอโศกดีกว่า ตอนนั้นเริ่มเข้าใจสัจธรรมมากแล้ว

มีอยู่คราวหนึ่งมีโอกาสได้ดูสไลด์ชุด "ฝันร้ายเมื่อเที่ยงคืน" "ชีวิตนั้นไม่ใช่ของฉันหรือ" ฉันก็คิดถึง บาปกรรม ที่เคยฆ่าปลา ผ่าท้องปลาไหล คิดอยู่เสมอว่า เมื่อไหร่หนอ!เขาจะมาทวงคืนเอาความเจ็บ ความปวด และ ความตาย จากฉัน คิดอยู่อย่างนี้เหมือนเราเป็นหนี้เขามา อย่างไรก็อย่างนั้นล่ะ

พ.ศ.๒๕๓๘ เริ่มถึงเวลาใช้หนี้ ตอนแรกรู้สึกปวดท้องตอนมีประจำเดือน ต่อมาก็เริ่มรู้สึกปวดมากขึ้น มากขึ้น ปวดมากจนถึงกับช็อคไปเลย ซึ่งอาการปวดแบบนี้ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต สามีเห็นเช่นนั้น ก็ได้พาไปส่ง โรงพยาบาลโมกุล ขอนแก่น

คุณหมอตรวจดูอาการแล้ว ก็ไม่เห็นบอกว่าฉันเป็นโรคอะไร เพียงแต่จัดยามาให้กิน กินยาแล้ว อาการ ปวดท้อง ก็ทุเลาลง จากนั้นคุณหมอก็ให้น้ำเกลือต่ออีก ให้นอนพักผ่อน เป็นเวลาถึง ๙ ชั่วโมง คุณหมอเห็นว่า ปลอดภัยดีแล้ว ก็อนุญาตให้กลับบ้านได้

แต่ทุกๆเดือนก่อนมีประจำเดือน ฉันก็จะมีอาการปวด อาการเจ็บที่ท้องแบบนี้ และฉันก็ต้องไปหา คุณหมอ อยู่อย่างนี้ เป็นประจำทุกเดือนเสมอมา

กระทั่งพ.ศ.๒๕๓๙ ในราวเดือนกรกฎาคม ฉันรู้สึกมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในท้อง เอามือคลำดูก็พบว่า มีสิ่งผิด ปกติจริง ฉันเลยไปพบกับคุณหมอที่คลินิก คุณหมอตรวจดูภายในให้ แล้วบอกว่า คุณเป็นเนื้องอกในมดลูก

แล้วคุณหมอก็สั่งฉันอีกว่า รีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลใหญ่ซะ เดี๋ยวมดลูกคุณจะเน่า จะกลายเป็นมะเร็ง แล้วเดี๋ยว จะลำบากนะ วันต่อมาฉันเลยไปหาหมอที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น คุณหมอตรวจแล้วก็บอกว่า มันเพิ่ง จะเริ่มเป็น แค่เซ็นต์สองเซ็นต์เท่านั้น

ฉันเลยถามคุณหมอไปว่า ถ้าผ่าตัดออก มันจะเป็นอย่างไรคะหมอ

คุณหมอเลยตอบฉันว่า ถ้าผ่าตัด คุณก็ต้องทำใจ

เอ้า!ถ้าทำใจ ก็หมายความว่าถ้าผ่าตัด ก็อาจต้องตายใช่ไหมคุณหมอ

ทำไมคิดเร็วทันหมออย่างนี้เล่า

ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย ที่ได้ยินคำว่าตาย คิดว่าโอ้วิบากกรรมที่ฉันทำ คราวนี้มันจะเอาฉันถึงตายเชียวหรือนี่ ลูกเรา ก็ยังเล็กอยู่ หากขาดแม่ซะคนแล้วนี่ ลูกเราจะเป็นอย่างไรหนอ ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว

ฉันเลยเปลี่ยนไปพบกับคุณหมอที่คลินิกอีกแห่ง พอไปพบกับคุณหมอ คุณหมอบอกว่า เป็นเนื้องอก ในมดลูก หากปล่อยไว้นาน มดลูกคุณก็จะเน่า และจะกลายเป็นมะเร็ง คุณจะต้องผ่าตัด เอามดลูก ทิ้งไปซะ

คุณหมอเลยถามฉันว่า คุณจะว่างวันไหน หากคุณจะผ่าตัดเร็วๆนี้ จะต้องหาซื้อเลือดมาใส่ ตัวคุณเองนะ

ฉันเลยตอบคุณหมอไปว่า ไม่หรอก ฉันกลัวเชื้อโรคร้าย มันจะมากับเลือดของคนอื่น หมอเลย ให้ยาฉัน มากินเพิ่มเลือด

ปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๓๙ คุณหมอก็นัดฉันผ่าตัด ที่โรงพยาบาลศูนย์เขต ๖ ขอนแก่น หมอนำฉัน เข้าห้องผ่าตัด พอได้เวลาหมอก็ฉีดยาชา แล้วเอามีดผ่าท้องของฉัน เหมือนที่ฉัน เคยเอามีด ไปผ่าท้อง ปลาไหล ทำการผ่าตัดเสร็จ คุณหมอก็ได้นำเอามดลูกพร้อมรังไข่มาชั่งดู ได้ตั้งกิโลกว่าแหนะ

เอามดลูกที่เป็นต้นเหตุแห่งความเจ็บปวดออกแล้ว ฉันรู้สึกเบาสบาย เหมือนยกภูเขาทั้งลูก ออกจากอก เลยทีเดียว คงเพราะได้ปลดหนี้ไปบ้างแล้ว ฉันยังต้องนอนพักรักษาตัวอยู่อีกถึง ๙ วัน ๙ คืน หมอจึง อนุญาต ให้กลับบ้านได้

บาปกรรมที่ฉันเคยฆ่าปลา เคยผ่าท้องปลาไหลในครั้งนั้น มันส่งผลให้ฉันต้องมานอน ให้คุณหมอ ผ่าท้องฉัน ในครั้งนี้ นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องของกฎแห่งกรรม หรือกรรมตามมาสนองฉันแล้ว ท่านว่า มันจะเป็น อะไรไปเล่า

ก่อนจากคุณแม่นงคราญ อยากจะขอบอกผ่านมายังชาวพุทธทั้งหลายว่า
อย่าประมาท เรื่องของบาปกรรมเวรภัยมีจริง ถ้าหากท่านใดไม่อยากเจอเหตุการณ์ อย่างที่ฉันเคย พบพาน มานี้ ก็ขอให้ท่านอย่าไปสร้างบาปกรรม ให้แก่ตัวเราเองเลย เพราะทำกรรมเอง เราย่อมได้รับ ผลของกรรม ที่เราทำ ขึ้นมาเอง

คุณแม่นงคราญกล่าวกับผู้เขียนในที่สุด

- ก่อแก่น -

(สารอโศก อันดับ ๒๖๐ พฤษภาคม ๒๕๔๖)