หน้าแรก>สารอโศก

เดินตามรอยพ่อ - ฝั่งฟ้าฝัน -

ชีวิต...คือน้ำเน่า...!

น้ำเน่าที่ไหลดีกว่าน้ำใสที่นิ่ง... ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นทั้งน้ำเน่าและน้ำใส มีทั้งไหลมีทั้งนิ่ง เป็นจริง ดังคำกล่าวข้างต้น ชีวิตดิฉันสมัยสาวๆทำอาชีพที่ไม่เหมือนใคร ทำอะไรง่ายๆแต่ได้เงินมาเยอะ

อาชีพดังกล่าวคือปลูกตึกแถวขาย ซึ่งสมัยนั้นเขายังไม่นิยมปลูกบ้านกัน นิยมตึกแถวมากกว่า และขาย ได้ง่ายกว่า ไม่ว่าจะปลูกอยู่ติดถนน หรืออยู่ในซอยก็สามารถขายได้ เรียกว่าน้องเศรษฐีเลยทีเดียว

ตอนนั้น ลูกชายดิฉันอายุ ๖-๗ ขวบ ได้ไปออกรายการ"คนกล้า" ที่ช่อง ๔ บางขุนพรหม ซึ่งผู้ดำเนินรายการ สมัยนั้นคือ ครูรัก รักพงษ์ ดิฉันก็รับรู้เพียงเท่านั้น แต่ลูกชายจะเป็นคนติดตามผลงาน ของครูรัก รักพงษ์ มาเรื่อยๆ

จนกระทั่งครูรักได้สละชื่อเสียงทางโลกมุ่งสู่ทางธรรม ลูกชายดิฉันก็ได้มาเจอชาวอโศก และ ได้ซื้ออาหาร มังสวิรัติ กลับไปให้ดิฉันรับประทาน ซึ่งลูกคะยั้นคะยอว่า อร่อยนะอาหารมังสวิรัติ ดิฉันก็ลองดู ตามคำแนะนำ ของลูกชาย ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่รู้เลยนะ ว่าเป็นอาหารมังสวิรัติ เพราะทำ อาหารใส่ โปรตีนเกษตร มองดูแล้วเหมือนเนื้อสัตว์ จริงๆ ลองรับประทานแล้วก็อร่อย ถ้าไม่บอก จะไม่รู้เลยว่า เป็นอาหารมังสวิรัติ!

สมัยสาวๆก็สนใจใฝ่ธรรมะ แค่สนใจใฝ่ธรรมะ แต่ไม่เคยนำธรรมะเข้ามาไว้ในใจ เพราะอาชีพของดิฉัน เงินจะผ่านมือ มาเยอะมาก จึงไปกินเที่ยวตามอำนาจของกิเลส ผสมกับอำนาจของเงิน ที่มีอยู่ในมือด้วย เที่ยวแทบ ทั่วประเทศไทย....

จากการที่กินเที่ยวเสพสุขสบายทุกอย่างตามอำนาจเงิน ตามอารมณ์ของตัวเอง ดิฉันไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตดิฉัน และครอบครัวจะตกอับ จนแทบจะไม่มีเงินกินข้าว จึงสำเริง สำราญ โดยประมาท...จนกระทั่งครั้งสุดท้ายในการทำตึกแถวขาย พื้นที่ใกล้ตลาดจำนวนเนื้อที่ ๔ ไร่ ทำสัญญาเช่า ๑๕ ปี ดิฉันก็เก็บค่าเช่า กินมา ๑๕ ปีจนครบ

แต่...ในสัญญาที่ทำกันนั้น มีระบุว่าจะให้ดิฉันเช่าจนกว่าดิฉันจะไม่เช่า.... นี่เป็นจุดที่ทำให้ชีวิตของดิฉัน และครอบครัว ได้ลิ้มรสคำว่า เศรษฐีตกยาก เพราะพอหมดสัญญาเช่า ดิฉันก็จะเช่าต่อ แต่คู่สัญญา ไม่ยอมให้ดิฉัน เช่าต่อ ดิฉันจึงฟ้องศาล ศาลอุทธรณ์ดิฉันเป็นฝ่ายชนะ พอถึงศาลฎีกา ดิฉันเป็นฝ่ายแพ้ เพราะทนาย ที่ดิฉันไปปรึกษา ทนายคนนั้น ก็รับเป็นทนาย ของคู่สัญญาดิฉันด้วย

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นสมบัติของเรา พอเราแพ้คดี ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นสมบัติของคนอื่น ทันที ดิฉันหมดตัว เพราะสู้คดีในศาล แม้แต่บ้านที่ซุกหัวนอนต้องรีบขาย เพราะเขาจะฟ้อง เรียกทุกอย่าง คืนให้หมด

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ดิฉันก็หยุดนิ่งอยู่กับลูก ลูกสาวเป็นคนเลี้ยงดูมาตลอด ถึงแม้ดิฉัน จะเป็นคน ใฝ่ธรรมะ แต่เจอทุกข์เข้า ดิฉันกลับลืมธรรมะที่จะมาช่วยบำบัดบรรเทาทุกข์ในใจ

เมื่อเจอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉัน ทำให้ได้หันมาสนใจธรรมะมากขึ้น จึงอยากจะมาอยู่ใกล้วัด และ จากที่ ทุกสิ่งทุกอย่างมลายกลายเป็นของคนอื่น ทำให้ดิฉันไม่สบาย ไม่สามารถกินอะไรได้ อาหาร ที่มีเนื้อสัตว์ กินไม่ได้เลย ถึงแม้ฝืนกินลงไปก็อาเจียนออกมาหมด ซึ่งดิฉัน ยังไม่เคยคิดว่า จะเลิกเนื้อสัตว์เลย .... แต่ร่างกายไม่รับเนื้อสัตว์แล้ว

เมื่อเจ็บป่วยจึงอยากมาสันติอโศก ดิฉันมาสันติอโศกในช่วงเช้า ฟังเทศน์ฟังธรรม สมัยนั้น สันติอโศก เป็นบ้านทรงไทย ข้างล่างก็เป็นส่วนของการทำหนังสือ และวันนั้น ที่วัดฉาย ภาพยนตร์จีนเรื่อง "ไซซี" มีสมณะ นั่งอยู่ด้วย เพื่อช่วยอธิบาย ให้คนที่มานั่งดู ได้รู้ว่าดูให้เป็นธรรมะ ดูอย่างไร?

ทำให้ดิฉันเข้าใจมากขึ้นว่า ในหนังมันก็มีธรรมะ และสามารถสื่อให้เห็นกิเลสของคน เมื่อดูหนัง ต้องแยกแยะ ให้เป็น คนทำกรรมอย่างนั้นก็ย่อมได้รับผลกรรมอย่างนั้น กว่า ๓๐ ปี ที่ดิฉัน สนใจใฝ่ธรรมะ ....ไม่ถึงบางอ้อเลย พอป่วยและเข้ามาสันติอโศก ดิฉันจึงได้รู้จักบางอ้อ! ดิฉันจึงตั้งใจ กินมังสวิรัติ จากวันนั้น จนถึงวันนี้ ยังไม่เคยเปลี่ยนแปลง และด่างพร้อยเลย

จากนั้น ดิฉันก็มาสันติอโศก ทุกวันอาทิตย์ เป็นเวลา ๑๐ ปี ไม่เคยพูดจากับใคร มาฟังเทศน์ ฟังธรรมเสร็จ ก็กลับบ้าน หยิ่งมาก ไม่ยอมพูดกับใคร ดิฉันก็ไม่รู้ตัวหรอก เพราะไม่กล้าพูดคุยกับใคร นั่นเอง

จนกระทั่งขึ้นปีที่ ๑๑ เขามีผู้อายุยาวมากขึ้น มีกลุ่มผู้สูงอายุ ดิฉันจึงเลียบๆเคียงๆเข้าไปคุยด้วย และ ได้พูดคุยกับ คุณชูศรี ซึ่งเขาเป็นคนอัธยาศัยดีมาก ทักทายปราศรัยจนดิฉันติดใจ จึงเพิ่มวันมาวัด เป็นวันเสาร์ -อาทิตย์

ดิฉันชอบทำอาหาร เวลามาวัดก็ทำอาหารมาเผื่อคนที่ดิฉันรู้จัก พอเขาได้กิน เขาก็บอกว่า เทศกาลกินเจ ป้ามาช่วย ทำอาหารที่ชมร.ด้วยนะ สัก ๑๐ วัน ดิฉันก็รับปาก เพราะอยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร จึงตั้งใจมาช่วย ๑๐ วัน พอเพลินกับการทำงาน ดิฉันก็ลืมนับวัน...เดือน...จนถึงปี

มีคนถามว่าพ่อบ้านเสียไปนานแล้วเหรอ จากคำถามนั้น จึงทำให้ดิฉันนึกขึ้นมาได้ว่า ดิฉันยังมีบ้าน มีครอบครัว อยู่นี่นา จึงกลับไปเยี่ยมบ้าน การมีญาติดี-มิตรดี-สหายดี-สิ่งแวดล้อมดี ทำให้ดิฉันมีความสุข เวลาจึงได้ผ่านไป อย่างรวดเร็ว

ดิฉันกลับไปเยี่ยมบ้าน แต่ไม่ค้างที่บ้าน แม้ว่าที่วัดในการพักค้างจะไม่สะดวกสบาย เรียกว่าลำบาก ในความรู้สึก ของดิฉัน เพราะน้ำไม่ค่อยจะมีให้อาบ ดิฉันจึงนั่งแท็กซี่กลับไปอาบน้ำที่บ้าน แล้วกลับมาวัด ทำเช่นนี้ สักระยะ ดิฉันเริ่มสังเกตว่า ทำไมคนอื่นเขาอยู่ได้กัน แล้วตัวเราเป็นใคร?

ดิฉันก็เริ่มเรียนรู้และปรับตัว ก็สามารถทำได้ ทำเช่นนี้เป็นเวลา ๒-๓ ปี แล้วก็เกิดคอนโดตะวันงาย ๒ ดิฉันเองก็แน่ใจและมั่นใจ ว่า ชนกลุ่มนี้แหละที่จะฝากผีฝากไข้ด้วยได้ จึงตัดสินใจซื้อห้องที่ตะวันงาย ๒ อยู่จนปัจจุบันนี้

ดิฉันเห็นพุทธสถานอื่นๆเขามีกลุ่มชราภิบาล ดิฉันจึงร่วมก่อตั้งกลุ่มชราภิบาล หรือปัจจุบันเรียก ชมรมผู้มีอายุยืนยาว เพื่อให้คนสูงอายุ(แต่หัวใจหนุ่มสาว)ได้สังสรรค์กัน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้ทุกวันนี้ ดิฉันคุ้มแล้ว กับชีวิต เพราะอายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว เขาเรียกว่าได้กำไรชีวิตที่สุดแล้ว และยิ่งได้มาเจอชาวอโศก เจอพ่อท่าน สมณะโพธิรักษ์ ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความเมตตาหาที่สุดไม่ได้ นับเป็นบุญของดิฉันจริงๆ

ดิฉันยกให้พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์ เป็นพ่อเหนือพ่อ ยิ่งกว่าพ่อ เพราะท่านมีความเข้าใจคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกวรรณะ ให้ความเป็นกันเองกับทุกคน ดิฉันสัมผัสอย่างนั้นจริงๆ ดิฉันเอง เคยขัดแย้ง ในการขายสินค้า แบบบุญนิยม พ่อท่านก็ยอมเสียเวลา พูดคุยกับดิฉัน จนดิฉันเข้าใจ ในการขายของแบบบุญนิยม

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดิฉันเชื่อมั่นทุกอย่างที่ท่านพาทำ พาเป็น พาไป ถูกทิศถูกทางทุกอย่าง ตัวดิฉันเอง เป็นคน จับผิดคนเก่ง ดิฉันมาที่นี่พร้อมมาจับผิด แต่....ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ อาจจะผิด ที่ไม่ถูกใจคนอื่น อาจจะผิดที่ไม่ถูกกาลเทศะ ดิฉันพิสูจน์มาจนดิฉันได้ดีกับตัวเอง ได้ลดได้ละ ได้เลิก ความยึดติด ได้ลดความโกรธ ความถือสาลงได

เป็นบุญของดิฉันแล้วหนอในชาตินี้ ที่ดิฉันได้มาอยู่ ได้มาเดินตามแนวทางของพ่อท่าน สมณะโพธิรักษ์ เพราะท่าน มีความเมตตา ต่อทุกๆคน ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรกับท่าน ท่านจะยิ้มและให้อภัยตลอดเวลา

ความอดทนอดกลั้นนั้น ดิฉันได้กับตัวเอง เพราะมันเป็นบทเรียนของชีวิตที่จะต้องทำให้ได้ ไม่มีใคร ในโลกนี้ ทำถูกใจ (กิเลส) ของตัวเราได้หมด ดิฉันจึงได้ซึมซับเอาความอดทน อดกลั้น รอคอย และให้อภัยกับผู้ไม่รู้ เพราะทุกคน เกิดมาเพื่อเรียนรู้ สิ่งไหนยอมได้ ก็ยอมเพื่อส่วนรวม

ฝากถึงผู้ที่เริ่มปฏิบัติตามแนวทางของชาวอโศก อย่าหยิ่งเหมือนดิฉันเลย เดี๋ยวแก่ตายก่อน ควรสอบถาม พูดคุย แล้วจะได้อะไรดีๆ เกิดขึ้นกับตัวเราเอง โดยเฉพาะจะพบว่าความสุขที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่วัตถุ สิ่งของ แต่มันอยู่ที่ หัวใจสันโดษนั่นเอง

- สมพร กัลปนารถ

สารอโศก อันดับ ๒๖๑ มิถุนายน ๒๕๔๖