หน้าแรก>สารอโศก

- กระท้อนห่อ -

กินกล้วยวันละ ๒ ผล เกิดประโยชน์มหาศาล

ถ้าคุณต้องการให้ระดับพลังงานที่หย่อนยานลงในตัวคุณให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีอาหารว่างอะไร ที่จะดีไปกว่ากล้วย ซึ่งอุดมไปด้วย น้ำตาล ตามธรรมชาติถึง ๓ ชนิดด้วยกัน คือ ซูโครส, ฟรุคโทส, และกลูโคส รวมกับเส้นใย และ กากอาหาร กล้วยจะช่วย ส่งเสริม สนับสนุน การเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายอย่างทันทีทันใด จากงานวิจัยพบว่า กินกล้วยแค่ ๒ ลูก ก็สามารถ เพิ่มพลังงาน ให้อย่าง พอเพียง กับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ได้นานถึง ๙๐ นาที จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่กล้วยได้เป็นผลไม้ อันดับหนึ่ง ของนักกีฬา ชั้นนำ ระดับโลก กล้วยไม่ใช่เพียงแค่ช่วยเพิ่มพลังงานเท่านั้น กล้วยยังช่วยเอาชนะ และป้องกัน โรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น กับร่างกายได้ อีกหลายโรค ทำให้เราต้อง เพิ่มกล้วย เข้าไปในสิ่งที่เรา จะต้องรับประทานให้ได้ทุกวัน

โรคโลหิตจาง (Anemia)
ในกล้วยมีธาตุเหล็กสูงจะเป็นตัวช่วยกระตุ้น การผลิตฮีโมโกลบินในเลือด ซึ่งจะช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือ ภาวะโลหิตจาง

โรคความดันโลหิต (Blood pressure)
ผลไม้เมืองร้อนที่ไม่เหมือนใครนี้มีธาตุโปรแตสเซียมสูงสุด แต่ว่ามีปริมาณเกลือต่ำ ทำให้เป็นอาหาร ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ที่จะช่วยในเรื่อง ของความดันโลหิต อย่างมาก องค์การอาหารและยา ของสหรัฐอเมริกา ยินยอมให้ อุตสาหกรรม การปลูกกล้วย สามารถโฆษณาได้ว่า กล้วยเป็น ผลไม้พิเศษ ช่วยลดอันตราย อันเกิดจาก เรื่องของความดันโลหิต หรือโรคเส้นเลือดฝอยแตก

กำลังสมอง (Brain power)
นักเรียน ๒๐๐ คน ที่โรงเรียน Twickenham ได้รับผลดีจากการสอบตลอดปีนี้ ด้วยการรับประทานกล้วยในมื้ออาหารเช้า, ตอนพัก, และ มื้อกลางวัน ทุกวัน เพื่อที่จะช่วยส่งเสริมกำลังของ สมองในพวกเขา จากงานวิจัย ก็แสดงให้เห็นว่า ปริมาณโปแตสเซี่ยม ที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ในผลไม้ชนิดนี้ สามารถช่วยให้นักเรียน มีการตื่นตัว ในเรื่องการเรียนมากขึ้น

โรคท้องผูก (Constipation) :
ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วย ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ และยังช่วยแก้ปัญหาโรคท้องผูก โดยไม่ต้องกิน ยาถ่ายเลย

โรคความซึมเศร้า (Depression) :
จากการสำรวจเมื่อเร็วๆนี้ ในจำนวนผู้ที่มีความทุกข์เกิดจากความซึมเศร้าหลายคนจะมีความรู้สึกที่ดีขึ้นมาก หลังการกินกล้วย เพราะกล้วย มีโปรตีน ชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า try potophan เมื่อสารนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายของเราแล้ว จะถูกเปลี่ยนเป็น serotonin เป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นตัว ผ่อนคลาย ปรับปรุงอารมณ์ ให้ดีขึ้นได้ คือทำให้เรารู้สึก มีความสุข เพิ่มขึ้นนั่นเอง

อาการเมาค้าง (Hangovers) :
วิธีที่เร็วที่สุดที่จะแก้อาการเมาค้าง คือ การได้ดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง กล้วยจะเป็นตัวทำให้ภายในกระเพาะ ของเรา สงบลง ส่วนน้ำผึ้ง จะเป็นตัวช่วยหนุน เสริมปริมาณน้ำตาล ในเส้นเลือด ที่หมดไป ในขณะที่นม ก็ช่วยปรับระดับของเหลว ในร่างกายของเรา

อาการเสียดท้อง (Heart-burn) :
กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติที่มีผลต่อร่างกายของเรา ถ้าคุณมีปัญหาเกี่ยวกับอาการเสียดท้องลองกินกล้วยสักผล คุณจะรู้สึก ผ่อนคลาย จากอาการ เสียดท้องได้

ความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า (Morning Sickness):
การกินกล้วยเป็นอาหารว่าง ระหว่างมื้ออาหาร สามารถที่จะรักษาระดับน้ำตาล ในเส้นเลือดให้คงที่ เพื่อหลีกเลี่ยง ความรู้สึก ไม่สบาย ในตอนเช้า

ยุงกัด (Mosquito bites) :
ก่อนที่จะใช้ครีมเพื่อทาแก้ยุงกัด ลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วย ทาบริเวณที่ถูกยุงกัด มีหลายคน พบอย่างมหัศจรรย์ว่า เปลือกกล้วย สามารถแก้ เม็ดผื่นคัน ที่เกิดจากยุงกัดได้

ระบบประสาท (Nerves) :
ในกล้วยมีวิตามิน B สูงมาก ช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลงได้ โรคน้ำหนักเกินและโรคที่เกิดในที่ทำงาน จากการศึกษา ของสถาบัน จิตวิทยา ในออสเตรีย ค้นพบว่า ความกดดันในที่ทำงานเป็นเหตุนำไปสู่การกินอาหารอย่างจุบจิบ เช่น อาหารพวก ช็อคโกแล็ต และ อาหารประเภท ทอดกรอบต่างๆ ในจำนวนคนไข้ ๕,๐๐๐ คน ในโรงพยาบาลต่างๆ นักวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่เป็นโรคอ้วน มากเกินไป และ ส่วนใหญ่ ทำงานภายใต้ ความกดดันสูงมาก จากรายงานสรุปว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นตระหนก และนำไปสู่การกินอาหาร อย่างบ้าคลั่ง เราจึงต้องควบคุม ปริมาณน้ำตาล ในเส้นเลือด ด้วยการกินอาหารว่าง ที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น กินกล้วยทุก ๒ ชั่วโมง เพื่อรักษา ปริมาณน้ำตาล ให้คงที่ตลอดเวลา ไม่ต้องไปคำนึง ถึงเรื่องยา การกินกล้วย ที่มีวิตามิน B6 ซึ่งประกอบไปด้วย สารควบคุม ระดับกลูโคส ที่สามารถ มีผลต่ออารมณ์ได้

โรคลำไส้เป็นแผล (Ulcers) :
กล้วยเป็นอาหารที่แพทย์ใช้ควบคุม เพื่อต้านทานการเกิดโรคลำไส้เป็นแผล เพราะเนื้อของกล้วยมีความอ่อนนิ่ม พอดี เป็นผลไม้ ชนิดเดียว ที่ทานได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคลำไส้เรื้อรัง และกล้วยยังมีสภาพเป็นกลางไม่เป็นกรด ทำให้ลดการระคายเคือง และยังไปเคลือบ ที่ผนังของลำไส้ และกระเพาะ อาหารด้วย

การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย (Temperature control) :
ในวัฒนธรรมของหลายๆแห่งเห็นว่า กล้วยคือผลไม้ที่สามารถทำให้อุณหภูมิเย็นลงได้ ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ โดยเฉพาะ อุณหภูมิ ของอารมณ์ของคน ที่เป็นแม่ ที่ชอบคาดหวัง ตัวอย่างเช่น ในประเทศไทย จะให้ผู้หญิง ที่กำลังตั้งครรภ์ รับประทาน กล้วยทุกวัน เพื่อให้แน่ใจว่า ทารกที่เกิดมา จะมีอุณหภูมิเย็น

ความสับสนของอารมณ์เป็นครั้งคราว (Seasonal Affective Disorder (SAD)) :
กล้วยสามารถช่วยในเรื่องของอารมณ์ และความสับสนได้ เพราะในกล้วย มีสารตามธรรมชาติ try potophan ทำให้อารมณ์ดี

การสูบบุหรี่ (Smoking) :
กล้วยสามารถช่วยคนที่กำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากในกล้วยมีปริมาณของ วิตามิน C, A, B6, B12 ที่สูงมาก และยังมี โปรแตสเซียม กับ แมกนีเซียม ที่ช่วยทำให้ร่างกายฟื้นคืนตัวได้เร็ว อันเป็นผลจากการลดเลิก นิโคตินนั่นเอง

ความเครียด (Stress) :
โปรแตสเซียมเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยให้การเต้นของหัวใจเป็นปกติ, การส่งออกซิเจนไปยังสมอง, และปรับระดับน้ำ ในร่างกาย เวลาเกิดอารมณ์ เครียด อัตรา metabolic ในร่างกายของเรา จะขึ้น สูง และทำให้ระดับโปรแตสเซียม ในร่างกายของเรา ลดลง แต่โปรแตสเซียม ที่มีอยู่สูงมาก ในกล้วย จะช่วยให้เกิดความสมดุล

เส้นเลือดฝอยแตก (Strokes):
จากการวิจัยที่ลงในวารสาร "The New England Journal of Medicine" การกินกล้วยเป็นประจำ สามารถลดอันตราย ที่จะเกิดกับเส้นโลหิตแตก ได้ถึง ๔๐%

โรคหูด (Warts) :
การรักษาหูดด้วยวิธีทางเลือกแบบธรรมชาติ โดยการใช้เปลือกของกล้วย วางปิดลงไปบนหูด แล้วใช้แผ่นปิดแผล หรือเทปติดไว้ ให้ด้านสีเหลือง ของเปลือกกล้วย ออกด้านนอก ก็จะสามารถรักษา โรคหูด ให้หายได้

เห็นไหมว่า กล้วยรักษาโรคต่างๆอย่างธรรมชาติได้มากมายจริงๆ เมื่อเปรียบเทียบกับแอปเปิ้ลแล้ว กล้วยมีโปรตีนมากกว่า แอปเปิ้ล ๔ เท่า มีคาร์โบรไฮเดรต มากกว่า ๒ เท่า, มีฟอสฟอรัสมากกว่า ๓ เท่า, มีวิตามิน A และธาตุเหล็กมากกว่า ๕ เท่า, และมีวิตามินรวม ทั้งแร่ธาตุอื่นๆ มากกว่าอีก ๒ เท่า และกล้วยยังอุดมไปด้วย โปรแตสเซียม กล้วยจึงเป็นหนึ่ง ในอาหาร ที่ดีที่สุด

ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราควรจะเปลี่ยนประโยคที่เราเคยรู้จักกันดี จาก "กินแอปเปิ้ลวันละผลทุกวัน ไม่ต้องไปหาหมอ" ให้มาเป็น "กินกล้วยวันละผล ก็ไม่ต้องไปหาหมอ"

ผมเคยมีความทุกข์จากการเป็นตะคริวที่เท้า, ข้อเท้า, และน่อง และผู้ที่ช่วยรักษาผม ได้แนะนำ ให้ผมกินทุกวัน ตั้งแต่ผมเริ่มกินกล้วย ทุกวัน ทำให้ ผมแปลกใจ ไม่เป็นตะคริวอีกแล้ว และหายไป อย่างปลิดทิ้ง

Sent by Ariyasumitbra Wijeyaratne
(original source : internet)

(สารอโศก อันดับ ๒๖๑ มิถุนายน ๒๕๔๖)