คนไร้ ศีล บ้านเมืองจึงเป็นเช่นนี้
ดีเจนักคิดนักเขียนมีชื่อท่านหนึ่ง
จัดรายการช่วงเช้ามืดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๔๕ ท่านผู้นี้ออกเดินทางจากย่านสายใต้ใหม่ ขึ้นแท็กซี่เพื่อสู่จุดหมาย
คือสถานีวิทยุ ที่ตนเองต้องไปจัดรายการ ขับไปได้สักระยะแท็กซี่ขอเติมน้ำมัน
จากนั้นมีชายอีก ๒-๓ คน ขึ้นบนมารถ ดีเจผู้นี้
ถูกคนขับแท็กซี่ ใช้มีดยาวจี้
แล้วบึ่งรถไปทางสายเปลี่ยวย่านนนทบุรี
ของมีค่าและทรัพย์สินที่ติดตัวไป
ถูกคนร้ายนำไปจนหมด และถูกทิ้งไว้กลางป่าคอนกรีต ในปริมณฑล ของเมืองหลวง
ย่านนั้นค่อนข้างเปลี่ยวรกไปด้วยต้นไม้ต้นหญ้า
ได้จังหวะรีบโทรแจ้งไปยังสถานีว่าถูกจี้ คงมาเปิดรายการ ช้ากว่าปกติ
ยังความตื่นเต้นให้เพื่อนร่วมงาน ทางสถานีอย่างมาก โชคดีที่ยังรอดชีวิตมาได้
หาไม่แล้ว วงการนักเขียน และวงการสื่อ จะขาดบุคลากร ที่มีค่าชี้นำสังคม
ให้เป็นอยู่ผาสุก และนำสาระดีๆ มาเสนอให้เช่นนี้
ผ่านไปไม่กี่วันก็ได้ข่าวจาก จส.๑๐๐
ว่า แท็กซี่ถูกผู้โดยสารจี้ และถูกฆ่าตาย
บรรดาเพื่อนแท็กซี่ ที่ทราบ ข่าวนี้ ต่างก็เศร้าสลด ที่เพื่อนร่วมอาชีพต้องมีอันเป็นไป
คำเตือน จากประธานชมรม แท็กซี่สัมพันธ์ หมอชิต ๒ ให้ผู้ขับแท็กซี่ทุกคนระมัดระวังตัว
หากถูกเรียกไปส่งในสถานที่เปลี่ยวๆ ในยามวิกาล
หรือเห็นว่า ผู้โดยสาร ที่เรียกนั้น ไม่น่าไว้วางใจ ก็มีสิทธิ์บอกว่าไม่ไป
เพราะเมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นมาเช่นนี้
ใครเล่าจะรับผิดชอบ ลูกเมียจะทำอย่างไร เพราะอาชีพหาเช้ากินค่ำ อย่างคนขับแท็กซี่
ถ้าครอบครัวขาดผู้นำ ภรรยาและบุตรคงลำบากแย่ ขอแสดงความเสียใจ กับการที่คนขับ
ที่ถูกทำร้าย จนเสียชีวิต และทิ้งอยู่ กลางพงหญ้า
ในเดือนเดียวกันนี้เอง ผู้เขียนก็ได้ข่าวว่า ช่วงเย็นวันหนึ่ง สองสามีภรรยาเจ้าของหอพักในซอยพึ่งบุญ
ขับรถกระบะ มาจอดอยู่ที่ซอยเทียมพร ถนนนวมินทร์
มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งมา และโฉบเอากระเป๋าถือ ใส่เงิน หมื่นกว่าบาท
ขณะที่สองสามีภรรยา เพิ่งก้าวออกจากรถกระบะคันนั้น แล้วจะไปติดต่อธุระ
แต่ไม่ทัน จะได้ไปไหน ก็ถูกมิจฉาชีพ ขโมยไป อย่างไร้ร่องรอย
เรื่องเช่นนี้เคยมีมาแล้ว ที่ผู้ขี่มอเตอร์ไซค์มักสวมรอยร้านค้าแก๊ส
มาสอบถามชาวบ้านร้านถิ่นว่า แก๊สหมดหรือยัง หากหมดขอถังเปล่า
เดี๋ยวจะนำแก๊สมาส่ง คนที่ไม่ทันคิด นึกว่าร้านแก๊ส มาบริการถึงที่
จึงให้ถังเปล่าไป ตั้งหน้าตั้งตาคอยๆๆ หลายวันผ่านไป โทรสอบถามร้านแก๊ส
บอกไม่รู้เรื่อง ไม่มีพนักงาน ไปรับถังเปล่า มาล่วงหน้า นอกจากส่งแก๊สแล้ว
จึงเปลี่ยนคืนถังเก่า นี่ถูกหลอกอีกแล้ว
ล่าสุดพี่ชายนักแสดงลูกครึ่งถูกตำรวจจับ
มีเจ้าทุกข์ทยอยแจ้งความ กล่าวหาว่า เป็นผู้ชิงทรัพย์ โดยใช้ รถกระบะ
ตระเวนไปตามจุดต่างๆ ทำเป็นสอบถาม เส้นทาง แล้วใช้โอกาสนี้ฉกชิงทรัพย์สิน
ของเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ สร้อยคอและทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ
ผู้คนวันนี้หากจะถูกว่าแล้งน้ำใจ ก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร เพราะเรื่องราว
ที่ฝ่ายก่อเหตุ มีผลกระทบมากๆ ต่อสังคมองค์รวม ใครเล่าจะกล้าให้ความช่วยเหลือกับคนแปลกหน้า
หลายครั้งที่ต้องไปต่างจังหวัด ผู้ชายบางคน เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า
หากผมไปคนเดียว ผมคงลงไปช่วยผู้เกิดอุบัติเหตุ ตามท้องถนน ที่ยัง ไม่ได้รับ
ความช่วยเหลือจากใคร แต่นี่ผมไปกับครอบครัว ผมไม่แน่ใจว่า
เขาแกล้งเพื่อปล้นชิงทรัพย์ หรือไม่ หรือเป็นนกต่อ และที่สุด ผู้มีน้ำใจ
อาจเดือดร้อนภายหลัง ก็เป็นได้ ทางที่ดีที่สุดคือขับรถไป เมื่อพบ
เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ในเส้นทางนั้น ให้รีบแจ้งว่าหลักกิโลเมตรนั้นมีผู้ประสบภัย
ต้องการ ความช่วยเหลือด่วน แบบนี้ ก็เท่ากับ ช่วยเหมือนกัน แต่ไม่ต้องเผชิญหน้า
หากเป็นโจร มาเสแสร้ง จะได้ไม่เสียที
เราจะเรียกร้องคุณธรรม ศีลธรรมจากใครดี
การบ่มเพาะคุณงามความดี มิได้เกิดขึ้นในจิตใจ ของคน ในยุคนี้แล้วหรอกหรือ
แม้แต่ผู้มีอันจะกิน อย่างพี่ชายนักแสดงลูกครึ่ง และพรรคพวก ยังกระทำการร้าย
เป็นกลุ่มคน ที่สร้าง ความเดือดร้อน ให้สังคม ทำให้คนในสังคมเข็ดขยาด
ที่จะช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน จะทราบหรือไม่ว่า สิ่งที่ก่อขึ้นมา มีผลกระทบอย่างมาก
ต่อแนวคิดของคนไทยเสียแล้ว คนไทยที่เคยได้ชื่อว่า
มีน้ำใจ ต่อแต่นี้ ความมีน้ำใจ จะหาจากไหน เมื่อสังคมเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ
จากบทเรียน ที่ปรากฏ เป็นข่าวเช่นนี้
หากท่านผู้ใดมีประสบการณ์จริงจากชีวิต
สามารถส่งมายังคอลัมน์นี้ หรือส่งมาทาง e-mail ข้างต้นได้
(สารอโศก อันดับ
๒๖๑ มิถุนายน ๒๕๔๖)