หน้าแรก>สารอโศก

ธรรมประทับใจ ๙๐

คุณแม่ทั้งสองบนเส้นทางธรรม

เมื่อวันที่ ๑ ต.ค. ๒๕๔๕ คุณแม่บัวศีล(แม่จอม)ได้จากไป ก่อนที่คุณแม่จะจากโลกนี้ไป แม่มารู้ว่า ตัวเองป่วย เป็นโรคร้าย คือ โรคมะเร็งในลำไส้เอาเมื่ออาการหนักเข้าขั้นสุดท้าย แม่เจ็บปวดมากจนทนไม่ไหว คุณหมอ แนะนำให้ผ่าตัด ซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่กระนั้นหมอก็บอกว่าอันตราย เพราะชิ้นเนื้อร้ายยาวตั้ง ๑๔ ซม.

คุณแม่ทำตามคำแนะนำของคุณหมอ แม่เข้าห้องผ่าตัดประมาณ ๘ ชั่วโมง แม่เสียเลือดมาก เลือดในสต๊อก ของโรงพยาบาลเกรงจะไม่พอ เราจึงต้องประกาศ ให้พี่น้องชาวบ้านราชฯ มาช่วย บริจาคเลือด ช่วงนั้น บ้านราชฯ น้ำท่วม การเดินทางช่างยากลำบาก แต่พวกเราก็ไม่ดูดาย ไปช่วยบริจาคเลือดกันมากมาย ให้ความรู้สึก ที่อบอุ่นและซาบซึ้งยิ่งนัก

หลังผ่าตัด แม่มีอาการทุรนทุรายจากพิษบาดแผล แม่มีไข้ตลอด คุณหมอหลายคนพยายามช่วยกันดูแล อย่างสุด ความสามารถ แต่ก็ช่วยพยุงชีวิตแม่ไว้ได้เพียง ๒๐ วัน แม่จากไปด้วยอาการที่สงบ ต่อหน้าลูกๆ ทุกคน และ ญาติธรรมที่มาช่วยเอาภาระดูแล แม่จากไปด้วยอายุขัย ๗๘ ป

คุณแม่บัวศีลอยู่บ้านราชฯมาหลายปี ทุกวันคุณแม่จะขวนขวายทำบุญบริจาคทาน และนึ่งข้าวใส่บาตร เป็นประจำ แม่ไม่ใช่คนร่ำรวย แต่กระนั้น คุณแม่ก็ทำบุญบริจาคทาน ตลอดมา

ก่อนที่แม่จะมารู้จักกับชาวอโศก ในช่วงวันสำคัญทางพุทธศาสนา คุณแม่จะพาผม(หินไท ชาวหินฟ้า) ไปทำบุญ ที่วัดหนองป่าพงมิได้ขาด ผมเองยังเยาว์วัยไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไร บางทีก็ไปนอนหลับ ใกล้ๆ ธรรมมาสน์ ของหลวงพ่อชา ตามประสาเด็ก แต่ก็ได้รับอะไรดีๆมาหลายอย่าง

วันสุดท้ายที่ร่างของคุณแม่ขึ้นสู่เมรุ ผมได้กราบนิมนต์พ่อท่านมาช่วยเทศน์หน้าศพของคุณแม่ นับเป็นบุญ ของท่าน ที่ได้ทุ่มโถม ทำมาอย่างต่อเนื่อง ในหมู่กลุ่มแวดวงของชาวอโศกตลอดช่วงยี่สิบกว่าปี ด้วยความดี ที่คุณแม่นำพา บุตรธิดาจะขอทำตาม

ในช่วงปลายปี ๒๕๔๓ น้ำท่วมบ้านราชฯ มีโทรศัพท์จากจังหวัดอุตรดิตถ์ถึงคุณหลอด (พรพิมล) บอกว่าแม่ป่วยหนัก (แม่สมจิตร วิริยะพาณ) เป็นอัมพาต ต้องไปช่วยดูแล

แม่หกล้มเส้นเลือดในสมองแตก ทำให้แม่ต้องมีชีวิตอยู่ในสภาพมนุษย์พืช ช่วยอะไรตัวเองไม่ได้ กินอาหาร ก็ต้องผ่านทางสายยาง ระบบขับถ่ายก็เช่นกันแทบจะไม่รับรู้เรื่องราวอะไรเลย มีแต่สายตา ที่มองดูกันได้ เท่านั้นเอง

หลายปีที่หลอดไปดูแลแม่ซึ่งป่วยหนักเช่นนี้ ต้องอยู่ข้างกายแม่ตลอด กลางวัน ยังต้องจ้างคน มาช่วย ดูแลด้วย เพราะต้องช่วยพลิกตัวแม่ทุกสองชั่วโมง เนื่องจากมีแผลกดทับที่ก้น นอกจากนี้ หลอดยังต้อง ช่วยดูแลคุณพ่อ ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์ด้วย

กระทั่งวันนี้ เวลาล่วงเลยเข้าปีที่ ๔ แล้ว คุณแม่ก็ยังมีอาการเช่นเดิมอยู่ บางครั้งอาการป่วยกำเริบหนัก จำต้อง ไปพักรักษาตัว ในโรงพยาบาล ต่อเมื่อ อาการทุเลาแล้ว ถึงกลับมารักษาตัวที่บ้าน เป็นเช่นนี้เรื่อยมา

ก่อนที่แม่สมจิตรจะป่วยหนัก คุณแม่เคยมาช่วยทำงานขายอาหารอยู่ที่ชมรมมังสวิรัติฯ กรุงเทพฯ แม่เป็นคน ที่ขยัน เอาภาระ แม่ช่วยอยู่แผนกขายผักผลไม้ ในยุคโน้นก็ขายดิบขายดีเช่นทุกวันนี้

ชาตินี้ผมได้มีโอกาสร่วมก้าวย่างบนเส้นทางชีวิตกับคุณแม่ทั้งสองท่านนี้ ได้เห็นท่านเป็นคนที่ขยันเอาภาระ พยายาม สั่งสมบุญตลอดเวลาที่ท่านมีโอกาส แต่เรื่องของวิบากกรรม เราก็ไม่รู้ว่ามีมากันแต่เมื่อไหร่

ฉะนั้นวันนี้ใครที่ยังไม่มีวิบากอะไรมาเยือน ท่านก็โชคดีอยู่ หรืออาจกินบุญเก่ายังไม่หมดก็เป็นได้ ส่วนท่าน ที่รับวิบาก อยู่ในขณะนี้ ท่านก็คงโชคดีที่ได้ใช้หนี้กรรมต่างๆ อันเป็นผลจาก การที่เราเคยทำมาแล้ว ในอดีต แน่แท้เชียว.....

กราบเท้าคุณแม่ทั้งสองด้วยความเคารพยิ่ง

- หินไท ชาวหินฟ้า -

(สารอโศก อันดับทื่ ๒๖๒ กรกฎาคม ๒๕๔๖)