เมื่อวันที่ ๗-๑๑
กรกฎาคม ที่ผ่านมานี้ ทางกลุ่มรามบูชาธรรม
ร่วมกับ กลุ่มอาสายุวกาชาด มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ได้จัดให้มีงาน "เปิดโลกธรรมะ"
ขึ้นที่ตึก SBB โดยในงานนี้ได้นิมนต์สมณะ และ
สิกขมาตุ ไปตอบปัญหาธรรมะด้วย แบ่งเป็น ๕ จุด ตั้งแต่เวลา ๑๑.๐๐-๑๕.๐๐
น. เป็นเวลา ๕ วัน ซึ่งได้รับ ความกรุณา จากพุทธสถาน สันติอโศก
และ ปฐมอโศก นอกจากนี้ยังได้จัดนิทรรศการ
เกี่ยวกับ ความเป็นมา ของ วันอาสาฬหบูชา ความรัก
๑๐ มิติ และ จุดประกายชีวิต
ในช่วงระหว่างงาน ได้มีการสาธิตการทำผลิตภัณฑ์ของชุมชนต่างๆ
วันละ ๑ รอบ คือตั้งแต่เวลา ๙.๓๐-๑๑.๐๐ น. และจัดให้มีการแสดงผลิตภัณฑ์
ชุมชนตลอดงาน ในงานนี้ยังมีหนังสือธรรมะ ที่หลากหลาย จากชาวอโศก มาบริการให้นักศึกษารามฯ
โดยแบ่งเป็นหนังสือแจก เช่น สารอโศก ดอกหญ้า เราคิดอะไร และ หนังสืออื่นที่ให้นั่งอ่านภายในงาน
ซึ่งได้รับความสนใจ จากนักศึกษาเป็น จำนวนมาก จนบางคน มานั่งอ่าน ณ
ที่จัดตั้งแต่วันแรก จนถึงวันสุดท้าย
ในงานนี้ ได้จัดให้มีการรับสมัครเพื่อนใหม่กลุ่ม
ร.บ.ธ. เพื่อที่จะไปออกค่ายรับเพื่อนใหม่ที่ชุมชนวังสวนฟ้า จ.สระแก้ว
ในวันที่ ๑๘-๒๐ กรกฎาคม เป็นเวลา ๒ คืน ๓ วัน โดยมีจุดประสงค์
เพื่อร่วมกันสร้างบ้าน ของกลุ่ม ร.บ.ธ. ขึ้นที่นั่น ก็ได้รับความสนใจจากนักศึกษารามฯ
มากรอกใบสมัครเป็นจำนวน ๖๒ คน
ในสัปดาห์ถัดไปก่อนงานออกค่ายฯ ได้โทรติดต่อกับผู้สมัครอีกครั้งหนึ่ง
ก็ได้รับการยืนยันเพียงแค่ ๖ คน เท่านั้นเอง ซึ่งทำให้ใจของคนทำงานรู้สึกห่อเหี่ยวไปถนัดตา
แต่พวกเรารู้ว่ายังไงก็ต้องทำต่อไป ขอให้ทำ ให้ดีที่สุด ก็แล้วกัน
แม้เราจะได้เพื่อนใหม่น้อย เราก็ได้ทำงานร่วมกัน สร้างความสัมพันธ์
ฉันท์พี่น้อง กันอีก ครั้งหนึ่ง และไปให้กำลังใจชาววังสวนฟ้าด้วย
และแล้ววันที่จะเดินทางก็มาถึง พวกเราได้ยกขบวนกันไปรับเพื่อนใหม่ที่
ม.รามฯ หน้าแผง ๒๒ ตั้งแต่ ๗ โมงเช้า
ด้วยใจระทึก เพื่อนใหม่ของเราค่อยๆทยอยมาทีละคนสองคน บางทีก็มาเป็นกลุ่ม
เรารู้สึกยินดี ตามจำนวน ของเพื่อนใหม่ ที่ค่อยๆมาสมทบ ในใจนึก"เรามีเพื่อนใหม่
ไม่น้อยเลยทีเดียว"
สรุปเราได้เพื่อนใหม่ไปออกค่าย
๒๑ คน แบ่งเป็นฝ่ายชาย ๘ คน
ฝ่ายหญิง ๑๓ คน พาเพื่อนใหม่ เดินทาง มารับประทานอาหาร และเดินชมสถานที่ที่สันติอโศกก่อน
เพื่อให้เพื่อนใหม่ได้คุ้นเคยกับที่นี่ จากนั้น ก็พาเพื่อนใหม่ เดินทางไปที่ชุมชนวังสวนฟ้า
ตอนบ่ายโมง ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นาน ก็ได้มาถึง ชุมชนฯ ประมาณ ๔
โมงเย็น แต่กว่าจะเข้ามาในชุมชนได้ ทุกคนก็ได้รับการโกรกผมจากฝุ่นดิน
กลายเป็นคนแก่ ไปตามๆกัน แต่ไม่มีใครบ่นอะไร ก็ได้แต่ขำกัน เมื่อเช้ายังเช้งอยู่
ตกเย็นเป็นผู้เฒ่าเสียแล้ว พอไปถึง ชาวชุมชน ก็ให้การต้อนรับ เป็นอย่างดี
เป็นครั้งแรกที่ได้ชิมลิ้มรสเห็ดตับเป็ดที่ขึ้นอยู่โคนต้นยูคาฯ
หลังจากกิจกรรมสลายพฤติกรรม และรับประทานอาหารกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในเวลาเย็นเราก็ได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับความเป็นมาของวังสวนฟ้า
จากชาวชุมชนฯ จนคล้อยดึก ประมาณ สามทุ่ม ก็พากันเข้านอน แม้หลายคน
จะนอนดึกกันเป็นนิสัย แต่วันนี้เราเดินทางกันมาทั้งวัน บวกกับ บรรยากาศที่เงียบสงบ
ของชุมชนที่ปราศจากไฟฟ้า ทุกคนจึงหลับไหลไปด้วยความอ่อนเพลีย
เช้าวันใหม่ วันแรกที่วังสวนฟ้า
ตื่นมาทำวัตรกันตั้งแต่ตี ๓ แล้วเป็นเหตุบังเอิญที่เครื่องปั่นไฟไม่ทำงาน
จึงทำให้ เราได้ทำวัตรกันท่ามกลางความมืด ที่มีเพียงความสว่างของแสงดาวให้มองเห็นกันรางๆ
เป็นบรรยากาศ ที่ทำให้เพื่อนใหม่หลายๆคน รู้สึกซาบซึ้งกับการฟังธรรมครั้งนั้น
เพื่อนบางคน มาพูด ตอนหลัง ให้เราฟังว่า เมื่อตอนก้มลงกราบนั้นรู้สึกตื้นตัน
จนน้ำตาคลอ รู้สึกเหมือนอยู่ ในสมัยพุทธกาล ปลื้มใจ กับการตื่น มาทำวัตรตอนเช้ายิ่งนัก
พอสายหน่อยก็ยกขบวนกันไปเก็บเห็ดเก็บผัก
หลายคนสนุกสนานกับการได้เดินเข้าไปในพงป่า ใช้ไม้คุ้ยเขี่ย หาเห็ดตามโคนต้นกล้วย
และเรียนรู้จากของจริงว่า ผักอะไรกินได้ และผักอะไรกินไม่ได้ จากนั้นก็พากัน
ไปขนไม้ เพื่อที่จะใช้ในการสร้างบ้าน บ้านของเรา บ้านร.บ.ธ. ที่วังสวนฟ้า
หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการงานช่วงเช้าแล้ว
ก็ถึงเวลาเข้าศาลาฟังธรรมแล้วรับประทานอาหาร เพื่อที่จะได้ มีกำลังกาย
และ กำลังใจ ในการลุยงานภาคบ่ายต่อไป
ภาคบ่ายที่แสนร้อน สถานที่เราสร้างบ้านปราศจากไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา
จึงต้องสร้างเพิงพักกันแดด ชั่วคราวขึ้น กว่าจะผ่านช่วงบ่ายมาได้ ก็ผิวเกรียมกันไปหลายคน
เย็นนี้จะมีรายการเวทีภาคค่ำ แต่ละกลุ่ม ก็ขมีขมัน กันซ้อม ในช่วงเวลาเย็น
ตกค่ำก็เล่นกันได้ดีทุกคน ช่วงสุดท้ายของคืนนี้
รับขวัญเพื่อนใหม่ โดยใช้ แสงเทียน เป็นสื่อ และสัญลักษณ์ เปรียบเสมือนไฟแห่งการสร้างสรร
ที่ส่งต่อจากคนคนหนึ่ง สู่คนอีกคนหนึ่ง
เช้าวันสุดท้ายที่วังสวนฟ้า ในงานค่ายครั้งนี้
พวกเราก็ลงไปลุยสร้างบ้านกันต่อตั้งแต่เช้า ก่อนรับประทาน อาหาร แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าคงจะไม่เสร็จเป็นแน่
เสร็จหรือไม่เสร็จไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะบ้านที่เราสร้างนั้น ไม่ใช่เพียง
แค่วัตถุสิ่งของ แต่เป็นจิตใจเพื่อนใหม่ของเรานั่นเอง เป็นบ้าน ร.บ.ธ.
ที่มีชีวิต บ้านที่มี ความสัมพันธ์ เป็นพี่เป็นน้อง ห่วงหาอาทร และระลึกถึงกัน
แม้ซุ้มที่รามฯเราอาจจะไม่มีแล้ว
แม้เพื่อนเราบางคนอาจจะไม่อยู่แล้ว มีเหตุต้องไปที่ไหนก็ตาม ตราบใด
ที่ความเป็นพี่ เป็นน้องของเรายังคงอยู่ เรายังคงระลึกถึงกัน บ้านร.บ.ธ.ก็ยังคงอยู่
อยู่ในใจ ของเพื่อนเรา ทุกๆคน
-
รายงานจากสายลม -