- กระท้อนห่อ -
น้ำหวาน 'ไม่หวาน'
อย่างที่คิด
อากาศร้อนๆอย่างนี้ สินค้าที่ขายดิบขายดีก็คงหนีไม่พ้น"น้ำ"
โดยเฉพาะน้ำหวานหลากสีสดใส หวานหอมอร่อย เป็นที่ ชื่นชอบของเด็กๆไปโดยปริยาย
แต่น้ำหวานๆที่คุณพ่อคุณแม่มักจะซื้อให้คุณลูกดื่มนั้น แท้จริงแล้วมีโทษมากมายต่อสุขภาพ
ของเด็กได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย
น้ำหวานๆโดยเฉพาะน้ำอัดลม ที่ปัจจุบันจะมีเกือบครบ
๑๒ สีสวยสดใสที่เห็นกันตามทั่วไปนั่นแหละ แท้จริงแล้วเป็นสาเหตุ
สำคัญที่ทำให้เกิดโรคอ้วน และโรคฟันผุของน้องๆ ซึ่งไม่เพียงแต่แค่นี้
แต่มันจะไปทำลายสุขภาพของเด็กตลอด ไปด้วย
ไม่ได้มาขู่ให้ตื่นตระหนก เพราะที่อังกฤษเมืองผู้ดี
เขาได้ทำการสำรวจการบริโภคน้ำอัดลม ซึ่งพบว่า ในแต่ละปี ชาวอังกฤษจะ
บริโภคน้ำอัดลมถึง ๑๓ พันล้านลิตร ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเด็กที่อายุระหว่าง
๗-๑๐ ปี ถึง ๒๐% หรือเท่ากับประมาณ ๑๐ กระป๋องต่อสัปดาห์ ทำให้แพทย์ที่อังกฤษต้องออกมาขอร้องให้เข้มงวดกับการขายน้ำหวานหรือน้ำอัดลมในโรงเรียน
เท่านั้นยังไม่เห็นภาพความน่ากลัวของน้ำหลากสี
แต่สถาบันสุขภาพซันชิ่งซึ่งจัดตั้งโดยแมรี แมคเดมอทท์ และ แซลลี แอน
ได้ออกสุ่ม ตัวอย่างของน้ำอัดลมที่อยู่ในความนิยมของวัยรุ่น เพื่อหาค่าน้ำตาลที่อยู่ในน้ำหวานว่ามีกี่ช้อน
แล้วก็ต้องตะลึงเมื่อพบว่า ในน้ำหวานปกติ มีน้ำตาลเป็นส่วนผสมค่อนข้างมากทีเดียว
และยังมีสารบางตัวที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมากมาย เช่น ปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว
การนอน หลับ ฟันผุ กระดูกเปราะ และโรคเบาหวาน เป็นต้น
ทั้งที่มีผลต่อสุขภาพมากมายขนาดนี้
บริษัทจำหน่ายน้ำหวานยังคงแข่งขันกันทุ่มงบประมาณในการโฆษณา ที่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
โดยในปีนี้บริษัทน้ำหวานยักษ์ใหญ่รายหนึ่งทุ่มงบประมาณในการโฆษณาถึง
๙๖ ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นอีก ๑๓%
แมรี แมคเดมอทท์ กล่าวว่า เครื่องดื่มประเภทนี้มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบที่สูงมาก
ซึ่งส่งผลต่อการหลั่งอินซูลินที่มากผิดปกติอันเป็นเหตุ สำคัญของการเป็นโรคเบาหวานในอนาคต
ส่วน แซลลี แอน ก็ออกมาตำหนิบรรดาบริษัทจำหน่ายน้ำหวานว่า บริษัทมักจะวางกลุ่ม
เป้าหมาย เป็นเด็กวัยรุ่นซึ่งชักจูงได้ง่าย แต่เรื่องสุขภาพของเด็กๆนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
บริษัทควรที่จะตระหนักถึงปัญหา แทนที่จะหวัง กอบโกยผลกำไร และควรงดการโฆษณาน้ำหวานในโรงเรียน
ทีนี้เรามาดูกันดีกว่า น้ำหวาน หรือน้ำอัดลมจะก่อให้เกิดผลอย่างไรบ้าง
อันดับแรก ผู้ที่รักการดื่มน้ำหวาน
น้ำอัดลม มีสิทธิ์ที่จะเป็นโรคอ้วนอย่างผิดปกติ
เครื่องดื่มประเภทนี้จะมีสาร อาหารอื่นน้อยมาก แต่มีปริมาณแคลอรีจำนวนมาก
จากการสุ่มตรวจของแมรีและแซลลี พบว่า โคล่ามีปริมาณแคลอรีถึง ๑๔๒ แคลอรี
และน้ำหวานบางอย่างมีน้ำตาลอยู่ถึงเกือบ ๒๒ ช้อน อย่างนี้ไม่อ้วนได้อย่างไร
ถ้าเป็นโรคอ้วนแล้ว
โรคที่จะตามมาก็คือ โรคเบาหวาน น้ำหวานน้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลสูง ซึ่งเป็นสาเหตุให้ร่างกายเกิดการหลั่งสาร
อินซูลินมากเกินจำเป็น กลายเป็นโรคเบาหวานได้อย่างไม่รู้ตัว
ต่อมา ฟันผุ
มีการศึกษาหลายชิ้นที่พบว่า เด็กที่ดื่มน้ำหวานมากๆ มีแนวโน้มที่จะมีฟันผุเพิ่มมากขึ้น
เพราะน้ำหวาน น้ำอัดลมจะไป ทำลายสารเคลือบฟัน มีการสำรวจของอังกฤษพบว่า
เด็กเมืองผู้ดีอายุต่ำกว่า ๑๐ ปีกว่าครึ่งหนึ่งที่จะต้องอุดฟัน
เด็กๆที่ดื่มน้ำหวานเป็นประจำ อาจจะมีปัญหาเรื่องการนอน
นอนไม่ค่อยหลับ รวมถึงมีอาการสมาธิสั้นด้วย เพราะจากการ วิจัยศึกษาของมหาวิทยาลัย
America's Ohio ชี้ว่า ในน้ำหวานน้ำอัดลมมีสารกาเฟอีนไปกระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัว
ผลก็คือ พักผ่อนน้อย
โรคกระดูกเปราะ
ก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่วัยรุ่นที่ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่าจะต้องประสบต่อไปในอนาคต
เพราะน้ำหวาน น้ำอัดลมมีสาร ฟอสเฟตในรูปของกรดฟอสฟอริกค่อนข้างมาก
ซึ่งสารนี้จะไปทำลายแคลเซียมที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ส่งผลให้เป็นโรคกระดูกเปราะ
กระดูกผุกร่อนได้ง่าย
โรคสุดท้าย โรคสมาธิสั้น
เด็กๆที่ซนผิดปกติ อยู่เงียบๆนิ่งๆได้ไม่นาน อาจมีสาเหตุมาจากเจ้าน้ำหวาน
น้ำอัดลม สีสวยๆได้เหมือนกัน จากการศึกษาของคณะกรรมการอาหารเมื่อปีที่แล้วพบว่าสารกระตุ้นและสีผสมอาหารที่อยู่ในน้ำหวาน
จะมีผลต่อการเป็นโรคสมาธิสั้น ในเด็กทารก
รู้ถึงความร้ายแรงกันขนาดนี้แล้ว
น้ำ'สีๆ' ยังจะเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของเหล่าเด็กวัยรุ่นกันหรือเปล่า
(จาก
น.ส.พ.เอ็กซ์ไซท์ไทยโพส)
(สารอโศก
อันดับที่ ๒๖๓ สิงหาคม ๒๕๔๖)
|