หน้าแรก>สารอโศก

กว่าจะถึงอรหันต์ โดย...ณวมพุทธ

ติดหลับติดนอนมานาน
เป็นมารกิเลสตัวใหญ่
สำนึกรู้ตัวสู้ตาย
น่าอายหากอยู่ยอมมัน

พระโสณโปฏิริยปุตตเถระ

ในอดีตชาติของพระโสณโปฏิริยปุตตเถระนั้น เคยสั่งสมบุญไว้แล้วในกาลก่อน แม้ในสมัยของ พระพุทธเจ้า พระนามว่า สิขี ตอนนั้นเขาเป็นนายพรานป่า ท่องเที่ยวหาอาหารไปในป่าใหญ่ อาศัยของป่าเลี้ยงชีพของตน

อยู่มาวันหนึ่ง ด้วยวาสนาบารมีมาถึง ได้มีโอกาสพบเห็นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ปราศจากกิเลสธุลี ทรงรู้จบธรรมทั้งปวง เขาบังเกิดจิตเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้าสิขียิ่งนัก จึงได้นำเอาผลมะหาด(ผลกลมมีผิวขรุขระคล้ายขนุน แต่เล็กกว่ามาก รสชาติเปรี้ยวๆหวานๆ) ถวายพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ด้วยมือทั้งสองของตน

จากการถวายผลไม้นั้นเอง ผลบุญนำพาให้ได้สุคติ(ไปในทางดี) เขาไปเกิดในภพเทวดา(ผู้มีจิตใจสูง) และภพมนุษย์(ผู้มีจิตใจประเสริฐ)ทั้งหลาย กระทั่งในชาติสุดท้าย. ..ได้เกิดเป็น บุตรของนายบ้านชื่อ โปฏิริยะ ในเมืองกบิลพัสดุ์ของแคว้นศากยะ เขาได้ชื่อว่า โสณะ เป็นผู้เฉลียวฉลาดมีความรู้ดี ได้เป็นเสนาบดีของพระเจ้าภัททิยะแห่งศากยวงศ์

ต่อมาพระเจ้าภัททิยะทรงผนวช ในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์สมณโคดมแล้ว เขาเกิดความคิดว่า

"แม้แต่พระราชาภัททิยะก็ยังทรงเห็นทางนี้ว่าประเสริฐสุด จึงทรงผนวช ก็แล้วจะมีประโยชน์ อะไร แก่เราเล่า ที่จะอยู่ครองเรือน"

คิดดังนั้นแล้ว จึงสละจากเพศฆราวาส ออกบวชตาม ได้เป็นภิกษุรูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา แต่เพราะนิสัย เคยติดความสุขสบายมาก่อน จึงไม่ขวนขวายในการภาวนา(ทำให้เกิดมรรคผล) เป็นผู้ยินดีในการหลับนอน แม้เฉลียวฉลาดแต่ปฏิบัติธรรมน้อย นอนมาก ทำให้ไม่อาจบรรลุธรรมได้ ติดอยู่ในกิเลสถีนมิทธะ(ความง่วงซึม)อยู่เสมอ

มีอยู่คราวหนึ่ง พระศาสดาทรงประทับอยู่ที่อนุปิยอัมพวันวิหาร คืนนั้นเองทรงทราบ อาการติดหลับ ของภิกษุโสณโปฏิริยปุตตะ ทรงปรารถนาจะช่วยเหลือ จึงทรงแสดงโอวาทเตือนสติว่า

"ราตรีอันประกอบด้วยฤกษ์มาลินี(คือคืนที่ฟ้าเปิดเห็นดวงดาวขึ้นเป็นกลุ่ม เหมือนพวงดอกไม้ เช่น ดาวลูกไก่) เช่นนี้ มิใช่เป็นราตรีที่จะมามัวหลับนอนเพลินอยู่ ราตรีฤกษ์ดีเช่นนี้ ย่อมเป็นราตรี ของผู้ปรารถนา ความรู้แจ้ง พึงกระทำความพากเพียรในธรรมโดยแท้"

ได้ฟังคำตรัสนั้นแล้ว ภิกษุโสณะก็ถึงกับสลดใจ บังเกิดหิริ(ความละอายต่อการกระทำผิด) และโอตตัปปะ (ความเกรงกลัวต่อการกระทำผิด)ขึ้นภายในจิตใจ ได้สำนึกรู้สึกตนขึ้น จึงอธิษฐาน (การตั้งจิต) ที่จะเผาผลาญกิเลสตน ด้วยอัพโภกาสิกังคธุดงค์ (คือการอยู่ในที่กลางแจ้งเป็นวัตร) เพื่อแก้นิสัย ความยินดีในการหลับนอน แล้วกระทำในวิปัสสนา(การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริง) ด้วยจิตที่ตั้งมั่นเอาไว้อย่างเด็ดเดี่ยวว่า

"เราขึ้นคอช้างเข้าต่อสู้ในสงคราม ถ้าเกิดพลัดตกลงมาจากคอช้าง แล้วถูกช้างเหยียบเอา เราตายเสียในสงครามยังประเสริฐกว่า มีชีวิตอยู่อย่างผู้แพ้จะประเสริฐอะไร"

เมื่อได้ตั้งจิตหนักแน่นจริงจังแล้ว ก็ขวนขวายบำเพ็ญความเพียรในธรรมเป็นเครื่องตื่นอยู่เสมอ ในไม่ช้าก็สามารถบรรลุธรรม ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งแล้ว

ณวมพุทธ
ศุกร์ ๑๒ ก.ย.๒๕๔๖
(พระไตรปิฎกเล่ม ๒๖ ข้อ ๒๙๔ อรรถกถาแปลเล่ม ๕๑ หน้า ๑๗๔)

(สารอโศกอันดับที่ ๒๖๓ สิงหาคม ๒๕๔๖)